ความคิดเห็นที่ 1 อีกฟีลนึงที่สร้างสรรค์ได้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากคุณ : Narak-Man เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 23:52:23

ความคิดเห็นที่ 2 คิดมากไปแล้วค่ะ จากคุณ : บ้าเป็นพักพัก เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:05:35

ความคิดเห็นที่ 3   ดูเหมือนคิดมากเกินไปหน่อยจริงๆเหมือนกันเนาะ....แต่คิดบ้าง....ก็ยังดีกว่าไม่คิดเลยจ้ะ.... จากคุณ : .....**{~_^}**..... (สางฝอย) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:05:47

ความคิดเห็นที่ 4 คิดมากครับ จากคุณ : nanomax เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:09:20

ความคิดเห็นที่ 5 หนังมันคนละแนวครับ ซีรี่ส์ญี่ปุ่นผมไม่เคยดู แต่บอดี้ผมได้ดู บอดี้เป็นแนวเขย่าขวัญ ผมว่าคงไม่เกี่ยวนะ เพราะจุดจบของตัวละครแต่ละตัวมันก็มี อยู่แล้ว แล้วในหนังยังมีผีอีก คนเรียนหมอ ไม่น่าจะเชื่อเรื่องผีนะ เค้าก็คงดูเพื่อความ บันเทิงมากกว่า แล้วสาระในบอดี้เค้าก็ ไม่ได้เน้นที่อาชีพเท่าไหร่ แต่ซีรี่ส์ญี่ปุ่น ผมคาดเดาว่าคงจะเน้นที่อาชีพมากกว่า ... อย่าคิดมากเลยครับ ผมดูบอดี้จบ ก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรกับวิชาชีพนี้เลย แม้แต่นิดเดียว จากคุณ : LifetimeWarranty เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:09:38

ความคิดเห็นที่ 6 มันมีส่วนประกอบมากกว่านั้นมั้งค่ะ ที่เด็กสมัยนี้ไม่เลือกเรียนหมอ จากคุณ : pamoo เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:11:05

ความคิดเห็นที่ 7 สมัยนี้..คนน่ากลัวกว่าผีค่า T_T จากคุณ : aommiedent เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:14:13

ความคิดเห็นที่ 8   ผมดูหนังฝรั่ง ประเภทหมอไม่ดี มาก็เยอะมาก สารพัดรูปแบบ โดยเฉพาะหนังจากฝรั่งยุโรป จะมีหนังลักษณะทำนองนี้เยอะมาก หนังญี่ปุ่นเอง ประเด็นหมอไม่ดีก็เยอะแยะไป เพียงแต่เขาไม่เลือกหยิบมาฉายก็เท่านั้น -------------- จริง ๆ แล้วหมอบ้านเราไม่ได้ขาดแคลนมากมายอะไร อย่างภาพที่เห็น แต่หมอ เมื่อออกมาทำงานและใช้ทุนเสร็จแล้ว บางส่วนก็เลือกที่จะคืนเงิน แทนที่จะทำงานใช้ทุน เมื่อใช้ทุนหมด ก็เลือกที่จะไปอยู่ ร.พ. เอกชน ซึ่งค่าตอบแทนดีกว่า ร.พ. รัฐ หรือไม่ก็ออกไปเปิดคลินิกแทน แต่ประชากรประำเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่มีรายได้น้อย ไม่ได้มีเงินมากที่จะไป รักษาที่ ร.พ. เอกชน ทำให้จำนวนผู้ป่วยล้น ร.พ. รัฐ จนทำให้แพทย์ที่มีอยู่ ไม่สัมพันธ์กับคนป่วย ทั้ง ๆ ที่ ปี ๆ หนึ่ง มีนักเรียนแพทย์ จบมาทดแทน พอ ๆ กับแพทย์ที่ เกษียณราชการ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 00:18:16 จากคุณ : JustLikeLove เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:16:13

ความคิดเห็นที่ 9 อาจจะเป็นได้ จากคุณ : oilchung เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:17:05

ความคิดเห็นที่ 10 เอ่อ คิดมากฮ่ะ ปล. ชอบ medical team dragon เหมือนกันค่ะ   ดูมาสามรอบไม่เบื่อเลย  แต่ดูแล้วแอบสะท้อนใจนิดๆว่า ทำไมละครเค้าสร้างสรรค์จังฟระ  พอมาดูละครไทย ..... -''-   ไม่พูดดีกว่า  ((แต่เค้าชอบสูตรเสน่หามากๆนะฮ้า)) จากคุณ : <<Seymour>> เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:17:24

ความคิดเห็นที่ 11   คำตอบในแง่ลบ เพราะตอนนี้เป็นหมอ แล้วมีสิทธิ์ถูกฟ้องร้อง เพราะตอนนี้ ถ้าเป็นหมอต้องอยู่เอกชน อยู่ของรัฐเงินน้อย เพราะตอนนี้ หมอไม่ใช่ค่านิยมแรก ๆที่คนคิดแล้ว เพราะไม่เหมือนสมัยก่อน เด็กเรียนเก่งต้องเป็นหมอ เขาถึงอนุมานว่า เด็เก่งทุกคนต้องเรียนหมอ คำตอบในแง่ดี อาจจะมีหมอเพราะจิตวิญญาณ เหมือนน้องของคุณ จขกท. ผมจะดีใจมาก เพราะจะมีหมอที่รักษาคนอื่น ที่ไม่ได้รักษาแต่ตัวเอง และที่สำคัญยังมีเรื่องที่ปกปิดมากมายเยวกับวงการของนักศึกษาแพทยศาสตร์และแพทย์ที่ไม่สามารถเข้าใจได้ อันนี้มันก็มีจริง จากคุณ : ขอตามมา เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:17:55 A:118.174.59.67 X: TicketID:243026

ความคิดเห็นที่ 12 มองว่าเป็นทางเลือกของความบันเทิงดีกว่ามั้งคะ สมมุติว่า ถ้ามีแต่หนังแนว  "Blue Code"  เต็มไปหมด ถ้าวันนึง เกิดอยากดูหนังผีขึ้นมา ก็จะไม่ได้ดูเพราะไม่มีให้ดู (ส่วนตัวแล้วชอบดูหนังซอมบี้มากค่ะ) แต่เรื่องหนังดีที่มาเป็นแรงบันดาลใจให้ทำอะไรสักอย่างก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ ก็ให้มีคละๆกันไปเป็นทางเลือก เหมือนที่มีสีหลายสี หลายเฉดสร้างสีสันบนโลก ถ้าโลกนี้มีแต่สีขาว ก็ไม่สนุก จริงมั้ยคะ โดยส่วนตัว หนังสร้างแรงบันดาลใจ ให้ตัวเองก็กลิ่นสีและกาวแป้งค่ะ(ออกฉาย พศ.2531) ดูแล้ว อยากเรียนศิลปากรมาก(ปัจจุบันเรียนจบมาหลายปีแล้วค่ะ) แล้วก็หนังไทยเก่าๆ ประเภทครูบ้านนอก อะไรทำนองนี้ ดูแล้ว อยากกลับไปทำอะไรดีๆ ให้จังหวัดบ้านเกิดมากๆ ถึงแม้ว่าปัจจุบันยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้กับบ้านเกิด แต่ก็สร้างสำนึก ให้เราทำอะไรดีๆเพื่อสังคมนะ แม้ว่าบางที หนังมันก็ดูจะเป็นอุดมคติมากๆ หลายวันก่อน เห็นกระทู้ในพันทิพ มีน้องๆกลุ่มนึง ตั้งแกงค์กับเพื่อนๆละแวกบ้าน เพื่อรวมตัวกันทำความดีทุกๆเย็น อันนั้นก็มีแรงบันดาลใจมาจากหนัง อนุบาลเด็กโข่ง บางทีการดูหนัง แล้วเอาไปสร้างแรงบันดาลใจอะไรสักอย่าง บางที มันก็ไม่ได้ขึ้นกับตัวหนังอย่างเดียวนะคะ บางที มันก็อยู่ที่ตัวคนดูหนังเองด้วย :) ** edit แก้คำตกหล่นค่ะ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 00:29:36 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 00:26:27 จากคุณ : if-coz เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:19:27

ความคิดเห็นที่ 13 หนังหรือละครสร้างแรงบันดาลใจให้คนได้แน่นอนค่ะ ตั้งแต่อิืทธิพลด้านการแต่งตัวไปจนเจตคติในการดำรงชีวิต ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะมีอิทธิพลต่อทุกคนนะคะ บางคนอาจจะไม่ และบางคนอาจจะใช่ สังเกตุว่าละครญี่ปุ่นจะเน้นในเรื่องการทำงาน การมุ่งสู่เป้าหมายในชีวิตมากกว่าปัญหารัก ๆ ใคร่ๆ หน่ะค่ะ เคยมีงานวิจัยในญี่ปุ่นที่เคยอ่านนานแล้ว ช่วงนั้นละครญี่ปุ่นที่นางเอกเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลสาวดังมาก เค้าบอกว่าหลังจากนั้นห้า-สิบปีจำนวนเด็กผู้หญิงที่เข้าคัดเลือกเพื่อเป็นนักกีฬาเพิ่มขึ้น และเก่งขึ้นด้วยค่ะ จากคุณ : mayny the kop เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:19:31

ความคิดเห็นที่ 14 คิดมากไปจริงๆค่ะ เพราะในซีรีย์ญี่ปุ่น อาซะดะเจอหมอนิสัยไม่ดีอยู่เยอะมาก แถมเจอความเลื่อมล้ำในการให้บริการทางการแพทย์ ที่แทบจะถูกธุรกิจกลืนกินจนลืมจรรยาบรรณ ถ้ามองมุมนั้น บางคนอาจจะคิดว่าขนาดเป็นหมอ ยังต้องเจอปัญหาร้อยแปดไม่ใช่แค่ช่วยผู้ป่วยจนไม่อยากเป็นหมอเลยก็ได้ แต่ถ้ามีการสร้าหนังไทยหรือละคร เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์อาชีพโดยเฉพาะหมอให้มากกว่านี้ และดูสนุกเหมือนซีรีย์ญี่ปุ่นก็เป็นสิ่งที่ดีนะคะ จากคุณ : mymph เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:23:33

ความคิดเห็นที่ 15 ข่าวที่เกี่ยวกับหมอในปัจจุบัน อาจทำให้คนขยาดจะเป็นหมอมากกว่าในหนังอีก เช่น การรักษาไม่ถูกวิธีจนทำให้คนไข้พิการหรือเสียชีวิต และการฟ้องร้องของคนไข้ ส่วนบทสยองๆในหนัง หมอเขาไม่ซีเรียสหรอก เขาซีเรียสกับบทหมอดื่มเหล้าใน แสงศตวรรษ ต่างหากล่ะ จากคุณ : MaX FiRE เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:24:40

ความคิดเห็นที่ 16   มาเพิ่มเติมครับ แต่ก็ยอมรับ ว่าหนังสร้างแรงบันดาลใจได้จริง ๆ ครับ ผมได้ดูหนัง The Net แล้วทึ่งกับระบบคอมพิวเตอร์ กับความอัจฉริยะของมัน จนเกิดแรงบันดาลให้อยากเรียนสายคอมพิวเตอร์ และ อยากเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และกลายเป็นอาชีพของผมจนทุกวันนี้ จากคุณ : JustLikeLove เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:26:23

ความคิดเห็นที่ 17   แยกอะไรให้ออกบ้าง คุณก็จะคิดได้เองครับ   เอามาจับแพะชนแกะแบบนี้ก็แย่ น่ะนะ จากคุณ : อั้ม ติ่งเหลือม เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:28:57

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่หรอกก่อนหน้านี้ละครญี่ปุ่นก็มีทำเรื่องการฟ้องร้องของแพทย์เหมือนกันค่ะ  ฉายทางไอทีวีเมื่อนานมาแล้วววว  คนที่ดูก็น่าจะจิตตกนะ  แต่มันเป็นการนำเสนอในมุมมองของผู้ที่สูญเสียคนในครอบครัว  ทักกี้เป็นพระเอก โค๊ตบลูเองก็ใส่เรื่องการฟ้องร้องไว้เหมือนกันนะ  หลายๆอย่างเราดูยังคิดเลยว่าโหดแบบนี้มันจะเพิ่มหมอบนฮอได้จริงๆเหรอ?  แต่เอาเข้าจริงๆก็เพิ่มได้นะ  แปลว่าหมอญี่ปุ่นก็ติดละครเหมือนกัน55+ ส่วนเรื่องที่ว่าแพทย์ขาดแคลน.... เคยได้ยินมาว่าของไทยหมอ 1 คนต่อประชากร สองพันกว่าเกือบๆสามพัน  ส่วนของญี่ปุ่นหมอหนึ่งคนต่อประชากรประมาณห้าร้อย จากคุณ : aonton เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:36:37

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าใช้ตรรกะนี้ ถ้ามีหนังเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์เป็นฆาตกรโรคจิต เด็กมิกลัวจะเป็นโปรแกรมเมอร์กันหมดรึ? จากคุณ : Bowling Bash เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:39:07

ความคิดเห็นที่ 20 โดยส่วนตัว ผมว่าคุณคิดมากไปครับ ทุกอาชีพ มีดี มีเลว คุณจะบอกว่าหมอไม่มีคนเลว หมอต้องนำเสนอในทางที่สร้างสรรค์ อย่างเดียวหรือครับ หนังแค่นำเสนอ โดยให้ตัวละครมีอาชีพหมอแค่นั้นเอง หรือหมอแตะไม่ได้? จากคุณ : BufferWolfa เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:41:26

ความคิดเห็นที่ 21 มหาวิทยาลัยศิริราชไม่มีค่ะ มีแต่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ค่ะ ^_^ อีกอันคือ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล -คนรักหมอขอเมาท์- ^_^ ปล.ว่าแต่ Blue Code จบแล้วหรือคะ ว่าตอนกลับบ้านจะไปดูซะหน่อย TOT ปปล.คิดว่าหนังไม่มีผลหรอกค่ะ ถึงมีก็น้อยมาก ปปล.หนังหรือละครคุณหมอแบบญี่ปุ่นคงหาดูยากค่ะที่เมืองไทย เพราะคงต้องใช้งบเยอะ ปปล.ขอแนะนำ คุณหมอขอลุ้นรักนิยายของคุณเจ แล้วก็ สุดปลายขุนเขาของระวิวรินทร์ ลมซ่อนรักของนราเกตต์ อ่านแล้วจะรักหมอค่ะ และหมอดีๆและน่ารักในโลกแห่งความจริงมีอีกเยอะ ^_^ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 01:01:27 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 00:57:02 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 00:51:02 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 00:50:09 จากคุณ : สำลีสีชมพู เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:49:34

ความคิดเห็นที่ 22   ถ้าของไทย ต่างฝ้าตะวันเดียว แม้ฮูโต๋จะเกรียนเล็กน้อย แต่เขามีน้ำใจไปช่วยรักษาคนที่อยู่ไกลกว่านะ จากคุณ : ขอตามมา เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:53:01 A:118.174.59.67 X: TicketID:243026

ความคิดเห็นที่ 23 คนไทยเวลาดูหนังญี่ปุ่นบ่อยๆก็จะอยากเป็นหมอ   เป็นคนไข้   เป็นนักกีฬา   เป็นตำรวจ   เป็นนู้นเป็นนี้เต็มไปหมดละครับอย่าคิดมาก    เเต่ไม่ได้อยากทำงานเเบบนั้นๆหรอกครับ       เเค่อยากเจอเหตุการ์ณเเบบที่เห็นในหนังเเค่นั้นเอง จากคุณ : พระเอกจอมหักกระดูก เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 01:00:24

ความคิดเห็นที่ 24 คิดในแง่ร้ายและแง่ดี ถ้าเป็นอย่างที่ จขกท.คิดก็จะดี เพราะว่าคนที่ไม่มีแรงบันดาลจากใจและตั้งใจเป็นหมอจะได้ไม่ต้องไปแย่งที่คนที่ตั้งใจจะเป็นหมอแบบ น้อง จขกท.ไงครับ คนที่ดูบอดี้ 19 แล้วไม่อยากเป็นหมอ คงจะเป็นคนอีกประเภทที่ไม่น่าเป็นหมอก็ได้ เพราะแค่หนังเรื่องเดียวสั่นคลอนเจตจำนงตัวเองได้ขนาดนี้ พอไปเป็นหมอจริงๆเจอมากกว่านี้อีกจะไปไหวได้อย่างไร หมอไทยต้องแกร่งพอนะครับ คุณอย่านึกว่าสบาย จากคุณ : ภูเขาแมกไม้สายธาร เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 01:06:13

ความคิดเห็นที่ 25 หุหุ ผมคิดมากไปจริงๆด้วย  ถึงคุณสำลีสีชมพู ลองเปิดyoutubeอาจจะมีreplayให้ดูก็ได้นะครับ จากคุณ : Narak-Man เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 01:20:05

ความคิดเห็นที่ 26   ผมชอบทั้ง 2 เรื่องเลยอะ ตรงกันข้ามตอนที่ผมดูบอดี้ฯ ผมโครตชอบอ.ผู้หญิงที่สะกดจิตอะ แบบว่า โครตเท่ ! แต่เรื่อง Code Blue ก็สนุกมาก ค่อยๆเห็นพัฒนาการของแต่คน รวมๆ ผมว่าไม่มีผลอะ แต่จขกท. อาจจะขี้กลัวไปหน่อย ><" จากคุณ : กัปตันโฮคิ้นส์ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 02:34:39

ความคิดเห็นที่ 27   มีผลในแง่...แรงบันดาลใจ แต่....ไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดในการตัดสินใจ จากคุณ : ได้คับพี่ดีคับผมเหมาะสมคับท่าน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 02:59:07 A:202.12.73.4 X: TicketID:013940

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่าหนังผีมันก็มีกับทุกวงการนะคับ เพราะเค้าก็หาไอเดียใหม่ๆ มาเสนอเรื่อยๆ คิดมากไปมากกว่าคับ ไม่งั้นคนดู paranormal activity ก็ไม่อยากซื้อบ้านอยู่กันหมดสิคับ - -' จากคุณ : บรึ๋ยศักดิ์ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 03:09:52

ความคิดเห็นที่ 29   หนังมีผลในเรื่องแรงบันดาลใจได้แน่นอน แต่คงไม่มีใครดู body ศพ19 แล้วไม่อยากเป็นหมอหรอกมั่ง จากคุณ : helloJOJO เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 04:12:29

ความคิดเห็นที่ 30   ไร้สาระครับ... จากคุณ : NON@AT1 เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 06:18:32

ความคิดเห็นที่ 31 เป็นอะไรที่คิดมากสุดๆ เรื่องthe body เนื้อเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับหมอเลย แค่ตัวแสดงรับบทเป็นหมอเอง  บางอย่างคุณต้องหัดแยกแยะนะ หนังไทยที่เสนอแง่มุมของหมอดีๆก็มี เช่น หมอเจ็บไง เราว่าคุณเลิกดูหนังแล้วไปนังสมาธิดีกว่านะ จากคุณ : วิดวะหน้าตาดี เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 06:44:05

ความคิดเห็นที่ 32 ละครญี่ปุ่นเรื่องนี้ชื่อว่า "Code Blue" ไม่ใช่ "Blue Code" นะคะ จากคุณ : onsri เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 07:04:03

ความคิดเห็นที่ 33   ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ คนจะเป็นหมอได้ต้องฝ่าฟ้นกว่าจะจบ 6ปี ทำงานใช้ทุน เรียนต่อเฉพาะทางอีก ร่วม 10 ปี บางคนเป็นอาจารย์ต้องไปต่อเมืองนอกอีก เพราะฉะน้นต้องมีความอดทนและมีความมั่นคงในจิตใจมากพอควร หนังไม่กี่เรื่องสั่นคลอนไม่ได้หรอก ที่สำคัญ ช่วยคอยดูแลน้องของคุณให้มีแรงบันดาลใจที่จะเป็นหมอที่ดีตลอดไปจะดีกว่า อย่าเผลอใจไปตามกระแสวัตถุนิยม หรือ ถอดใจเมื่อไปสัมผัสคนที่เป็นหมอในชีวิตจริงว่าหมอก็คนเหมือนกัน มีดีมีเลวปะปนกันไป ขอให้มั่นคงและสู้ๆ ค่ะ ท้อเท่าไรท้อไป แต่ห้ามถอยค่ะ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเรียนและอาชีพที่เลือกแล้ว จากคุณ : วังน้ำเขียว เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 07:41:06 A:173.89.84.132 X: TicketID:243944

ความคิดเห็นที่ 34 อืม  บางท่านอาจจะยังไม่ได้ดูซีรีย์แนวหมอๆของญี่ปุ่น ถึงได้คิดว่าเค้าจับแต่เรื่องดีๆมาทำ เลยทำให้เรื่องมันออกมาดี เปล่าเลย ทั้ง code blue และ team dragon  แสดงให้เห็นถึงนิสัยของหมอทุกคน แสดงให้เห็นถึงปัญหาในการทำงาน  หมอบางคนเห็นแก่เห็นเงินไม่นึกถึงคนไข้ หมอบางคน  รู้แค่ทำงานไปวันๆแลกเงินมาใช้จ่าย ไม่ได้มีจิตวิญญาณอะไรเลย ยิ่งพวกระดับสูงนี่ก็หวังแต่รักษาหน้าตัวเอง เราว่าเค้าเอาเรื่องแรงๆมาใส่ในซีรี่ย์เยอะอยู่นะ ไม่ใช้หยิบมาเสนอแต่เรื่องดีๆ ซีรีย์ญี่ปุ่นหลายเรื่องๆเค้าสร้างมาเพื่อจุดประกายความคิดของคนในปรเทศค่ะ อย่าง code blue นี่ เราได้ข่าวว่าสร้างมาเพราะหมอขาดแคลน   Change สร้างมาเพื่อกระตุ้นพวกนักการเมือง  เพราะช่วงนั้นที่บ้านเค้ามีปัญหาคอรัปชั่น นักการเมืองไม่มีจิตสำนัก จากคุณ : เทมปุระ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 08:10:14

ความคิดเห็นที่ 35 code blue ดูแล้วไม่ทำให้อยากเป็นหมอ แถมมีความไม่สมจริงหลายฉากมากมาย เอาแบบนั้น ติดเชื้อตาย รักษาไม่ได้ไปเยอะแล้ว ไม่รอดมา feel good เหมือนละครหรอกค่ะ จากคุณ : offey เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 08:18:40

ความคิดเห็นที่ 36   ท่าทางจะว่า่วมาก จากคุณ : รักอาม่า เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 08:52:10

ความคิดเห็นที่ 37 ก็ยอมรับว่าหนังหลายเรื่อง สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนหลายคน แต่คนดูก็ต้องแยกแยะให้ได้ว่า วัตถุประสงค์ของสื่อต่างๆ เขาทำออกมาเพื่ออะไร อย่างบอดี้ศพ19 เนี่ย เราคิดว่าเป็นเรื่องของความบันเทิงแฝงเรื่องผลกรรมล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับอาชีพหมอ หรือ อุดมการณ์ของหมอเท่าไรหรอกค่ะ รัก โลภ โกรธ หลง มีในมนุษย์ทุกอาชีพอยู่แล้ว ส่วนซีรีย์ญี่ปุ่น ต้องยอมรับว่า สไตล์ของเค้า มักสร้างไฟและแรงบันดาลใจให้เยาวชนอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ตั้งแต่ จุง โคชิกะ ดูแล้วอยากเล่นวอลเล่ย์บอล หรือแด่คุณครูที่รัก ก็อยากเป็นครู เรื่องล่าสุดที่ได้ดู คือ Change ดูแล้วไม่ได้อยากเป็นนายก แต่อยากให้ทุกคน คิดเหมือนที่พระเอกคิด (ขอโทษค่ะ ที่ไม่ได้ดูเรื่องที่เจ้าของกระทู้พูดถึง) แบบนี้ต้องแนะนำให้ไปดูอุดมการณ์หนักๆ ของหนังไทย "เขาชื่อกานต์" ชัดเจน ตรงๆ กับการต่อสู้ทางอุดมการณ์ของแพทย์ชนบทเลยล่ะ ถึงบทสุดท้ายมันจะเอ้อเหอก็ตาม (หมายถึงหดหู่ใจน่ะนะ) จากคุณ : พี่เหมาโหล เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 08:52:20

ความคิดเห็นที่ 38 ไร้สาระ จากคุณ : keiji เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 08:55:52

ความคิดเห็นที่ 39 เยอะไปนะคะ คิดน้อยๆ หน่อยก็ได้ ^^// จากคุณ : KinkyVans เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 09:00:48

ความคิดเห็นที่ 40 ทำไม เมื่อวาน จขกท.ไม่เปิดช่อง 7 ดูสวยลากไส้นะ รับรอง อยากเป็นหมอขึ้นมาแน่ ๆ (พยาบาลแต่ละคนสวยสุด ๆ O_O) จากคุณ : ซินเดอเรล่า เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 09:12:51

ความคิดเห็นที่ 41 ทำไมไปว่า จขกท ที่เป็นเยาวชนว่าคิดมาก พวกคุณมีประสบการณ์มากกว่าน้องเค้าก็คิดได้ แต่เยาวชนอีกมากมายกำลังอยู่ในช่วงหาทางเดินให้ชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ว่าทำไมน้องๆ เยาวชนเค้าถึงคิดและมีมุมมองกับหนังแบบนี้   แล้วผู้ใหญ่ผู้มีอำนาจในเรื่องสื่อสารมวลชนจะช่วยกันแก้ปัญหาอย่างไรมากกว่า เป็นกำลังใจให้ จขกท อย่าไปสนใจพวกผู้ใหญ่ไร้สาระในนี้ จากคุณ : ก็เธอไปอยู่ไหนมาที่รัก เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 09:34:59

ความคิดเห็นที่ 42 เปลี่ยนไปดู Patch Adams ดีกว่ามั๊ง... จากคุณ : i love summer rain เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 09:52:01

ความคิดเห็นที่ 43 แล้วหมอเจ็บละครับ..เป็นไงสำหรับความคิด จขกท. จากคุณ : nui-domino เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 09:58:35

ความคิดเห็นที่ 44   ผมรำคาญคนแบบคุณจังเลยครับ พูดจากใจจริงเลยนะ จากคุณ : yatiko เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 10:11:18

ความคิดเห็นที่ 45 ครอบครัวแฟนเป็นหมอทั้งบ้านค่ะ พวกเด็กๆ หลานๆ ก็อยู่ม.5 - ม.6 กันแล้ว หนังทุกเรื่องที่เกี่ยวกับวงการนี้ เราดูหมดค่ะ และเด็กๆ ที่มีความฝัน หรืออยากเดินสายหมอ ยิ่งแยกแยะได้ค่ะว่าอะไรเป็นอะไร ยิ่งทำให้เค้า สนใจในทุกมุมที่อาจจะเกิดขึ้น มากขึ้นกว่าเดิม เราเป็นผู้ใหญ่ก็มีหน้าที่แทรกความคิด ความรู้ส่วนตัวลงไปให้เค้าเป็นระยะๆ ได้ค่ะ เค้าก็จะเข้าใจ และแยกแยะสาระของหนังได้ ปล.ดูบอดี้แล้ว ตอนนี้เราสมัครเรียนป.โท สุขภาพจิตแล้วเรียบร้อย 555 จากคุณ : ไปไหนมาสามวาสองศอก เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 11:20:49

ความคิดเห็นที่ 46 เราว่ามันอยู่ที่ปัญญามากกว่ามั้ง อย่างเราอยากเป็นแทบตายแต่ก็ไม่มีปัญญาเรียน เพราะไม่ชอบสายวิทย์ ก็เลยไม่ได้เป็นหมอ จากคุณ : ขวดโหลใส่ลูกอม เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 11:47:04

ความคิดเห็นที่ 47 ไม่น่าจะเกี่ยวกันนะคะจขกท. เพราะตัวเองก็อ่านการ์ตูนทุกแนว ได้แรงบันดาลใจมาเยอะ แต่สุดท้ายเลือกเรียนสัตวแพทย์ทั้งๆที่ไม่เคยอ่านแนวสัตวแพทย์เลยแฮะ ปล. การที่เราจะตัดสินใจเลือกทางเดินอนาคตของตัวเอง คงไม่ได้เอาแค่หนัง ภาพยนตร์ หรือว่า การ์ตูนมาตัดสินหรอกค่ะ ปล.2 พี่ชายก็เป็นหมอตอนแรกบอกว่า จบไปแล้วจะไปอยู่ตามชนบท บนเขาบนดอย ตอนนี้หลงแสงสี ซะแล้ว ของแบบนี้ไม่เกี่ยวกะหนังหรอกค่ะ จากคุณ : Napabluesky เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 12:20:13

ความคิดเห็นที่ 48 ตาม #21 ครับ  ไม่ใช่มหาวิทยาลัยศิริราชครับ  ที่ถูกต้องคือ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  มหาวิทยาลัยมหิดลครับ จากคุณ : ผู้พิทักษ์กาลเวลา เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 13:14:23

ความคิดเห็นที่ 49 แค่เข้ามาบอกว่าดีใจด้วยค่ะที่น้องจขกท.สอบเข้าได้ เรามีรุ่นน้องอีกแล้วสิ ยิ่งถ้าน้องคุณอยากเป็นแบบ "อาซาดะ ริวทาโร่" เราก็ยิ่งยินดี เพราะว่าศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอกยังถือว่ามีน้อยมากๆในประเทศไทย ถ้าน้องคุณเรียนจนจบ 6 ปีแล้วยังอยากเป็นศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอกอยู่ก็ดีมากเลยค่ะ จากคุณ : ชื่อนี้ไม่มีในสารบบ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 17:46:14

ความคิดเห็นที่ 50 ฮือ  อ่อนต่อโลกจัง   หาการเรียนรู้ที่จริงจังกว่าละครไม่ได้กันแล้วเหร้อออออ   การแนะแนวศึกษาของประเทศนี้ ไฉนน่าหมดศร้ทธาแบบนี้เนี่ยะ จากคุณ : ativan เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 21:42:20

ความคิดเห็นที่ 51 จริงๆแล้วซีรีย์ หรือ ภาพยนตร์ มันก็มีหลายแนวนะ อย่างเรื่อง code blue ที่กล่าวถึง รู้สึกว่าัรัฐบาลญี่ปุ่นหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเขาขอร้องให้ทำ เพราะอยากให้คนหันมาเรียนหมอมากขึ้น อีกอย่างก็อยากให้ด็อกเตอร์ เฮลิ มีเพื่ิมขึ้นตัวหนังก็เลยออกมาแบบนี้ ส่วน บอดี จุดประสงค์มันไม่ได้อยากทำให้คนหันมาเรียนแพทย์หนิ ก็เลยออกมาในรูปแบบนึง แต่จริงๆแล้ว ก็อยากเห็นหนังแบบนี้ของไทยบ้างนะ อารมณ์เกี่ยวกับอาชีพเฉพาะๆไปเลย เห็นต่างประเทศมีเยอะ เราเป็นคนนึงที่เลือกสาขาวิชาที่เรียนเพราะดูมาจากหนังอะ แม้จะนึงเสียดายว่าทำไม กุ ไม่ดูโบนส์หรือcode blue ให้เร็วกว่านี้ซัก 5-6 ปี เผื่อตอนนี้จะได้เป็น นศ.แพทย์กับเค้ามั่ง จากคุณ : anomahouy เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 01:27:37

ความคิดเห็นที่ 52 ว่าแล้วก็เอา Grey's Anatomy มาดูอีกรอบดีกว่า......... มาร์คสโลนเท่ห์สุดๆไปเลย จากคุณ : คุณนายแสนดี เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 15:59:49