Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สนามหลวง ความสวยงามที่หายไป เน่าสนิท  

จากข่าวเดลินิวส์เมื่อวันจันทร์

สนามหลวง” โบราณสถานสำคัญของชาติ วันนี้ภาพลักษณ์ย่ำแย่ ความงดงามในอดีตหายเกลี้ยง เหลือแต่ซากความเสื่อมโทรมทิ้งไว้ในใจกลางเมืองหลวง เผยกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สารพัดปัญหาอาชญากรรม-สังคม รุมเร้าตลอด 24 ชั่วโมง แฉพวกค้าประเวณียึดทำเลประวัติศาสตร์ค้ากามโจ่งแจ้งตลอดทั้งคืน ส่วน”มาเฟีย” เก็บค่าที่ขายของในสนามหลวงอ้างส่ง “นาย” ด้านประชาชนคนกรุง-คนทั่วประเทศ เรียกร้องให้รัฐบาลบูรณาการหน่วยงานร่วมกันแก้ไขอย่างเป็นระบบ ทั้ง 16 กลุ่มปัญหาคนใช้ประโยชน์สนามหลวง  

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. กองบรรณาธิการ “เดลินิวส์” ได้รับแจ้งจากประชาชนทั้งใน  กรุงเทพฯ และภูมิภาคต่าง ๆ ว่ามีความรู้สึก  เป็นห่วงสนามหลวง ณ วันนี้เป็นอย่างมากเนื่องจากเห็นว่าพื้นที่สนามหลวงในอดีตมี ความสวยงาม เป็นสถานที่สำหรับจัดงานรัฐ พิธี ราชพิธี ประเพณีสำคัญ ๆ งานของ  รัฐบาล รวมถึงกิจกรรมของกรุงเทพมหานคร(กทม.) แต่ในปัจจุบันกลายเป็นแหล่งสะสม  ปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ อาทิ ค้าประเวณีจี้-ชิงทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย ขู่กรรโชก เป็น ต้น รวมถึงปัญหาสังคม อาทิ คนเร่ร่อนขอทาน ปัญหามลพิษ อาทิ ทิ้งขยะ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะตามโคนต้นไม้ เป็นต้นซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้ทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของ สนามหลวงเป็นอย่างยิ่ง จึงต้องการให้รัฐบาล เข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ด้วยการ  บูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมทำ  งานแก้ไขปัญหากันอย่างจริงจัง
   
หลังจากได้รับการร้องเรียนทีมข่าว เฉพาะกิจ “เดลินิวส์” ได้ลงพื้นที่สนามหลวงเพื่อดูสภาพที่แท้จริงว่า ณ วันนี้ของสนามหลวงเป็นอย่างไร โดยพบว่าสภาพสนามหลวงในช่วงเช้า กลางวันและเย็นนั้นจะมีประชาชนทุกเพศทุกวัยมาใช้พื้นที่โดยรอบสนามหลวงกันอย่างต่อเนื่อง มีทั้งมายืนรอรถโดยสารประจำทาง นำรถยนต์ส่วนตัวมาจอด ค้าขาย ซื้อสินค้า และเที่ยวพักผ่อน เป็นต้น ขณะที่สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปนั้นค่อนข้างสกปรกดูรกรุงรังเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งนำผ้าใบมากางเป็นเต็นท์ชั่วคราวอยู่ตามร่มเงาของต้นไม้ บางคนนำรถซาเล้ง รถเข็นมาจอดจับจองพื้นที่ไว้ขายสินค้าและนอนพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีเศษขยะชนิดต่าง ๆ ถูกทิ้งเรี่ยราดตามพื้นโดยไม่มีเจ้าหน้าที่หรือคนที่อยู่บริเวณสนามหลวงมาช่วยกันเก็บกวาดแต่อย่างใด
   
ทั้งนี้ในช่วงเวลาหัวค่ำจนถึงกลางดึกจะมีกลุ่มคนที่อ้างตัวว่าเป็น “ผู้ดูแลพื้นที่” จัดสรรที่รอบ ๆ สนามหลวงให้พ่อค้า แม่ค้า นำสินค้ามือสองและสินค้าต่าง ๆ หลาก  หลายชนิดมาวางขายตามพื้น โดยแต่ละ ร้านนั้นจะต้องเสียค่าจองร้านละ 3,500 บาทส่วนรายเดือนจ่ายเดือนละ 350 บาท ส่วน รายวันจ่ายวันละ 5 บาท ซึ่งจะมีคนมา เก็บเงินในส่วนนี้ชื่อนายแดง โดยอ้างว่านำเงินส่งให้ “นาย” นอกจากนี้ตามป้ายรถโดย สารประจำทางและใต้ต้นไม้จะมีกลุ่มคน  เร่ร่อนแต่งตัวสกปรกมีกลิ่นเหม็นคลุ้ง เดิน มาขอเงินจากประชาชนที่มายืนรอรถโดยสาร  หรือผ่านในบริเวณนั้น ซึ่งบางครั้งที่คนทั่วไป  ไม่ยอมให้เงินก็จะถูกกลุ่มคนพวกนี้ตะโกน  ต่อว่าหรือไม่ก็ทำร้ายร่างกายด้วย สร้างความ  หวาดกลัวแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มี ใครเข้าแจ้งความเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
   
สำหรับในช่วงเย็นต่อเนื่องถึงกลาง  ดึกนั้น จะมีผู้หญิงซึ่งเป็นกลุ่มหมอนวด แผนโบราณนำเก้าอี้หรือเสื่อมากางปูตามพื้น  รับจ้างนวดแก่คนในบริเวณนั้น ซึ่งบางครั้ง หมอนวดบางคนก็ใช้เป็นจุดที่ขายบริการ พิเศษอย่างอื่นด้วย ขณะเดียวกันหลังเวลา ประมาณ 22.00 น. ไปแล้วนั้นพบว่าบริเวณ  รอบสนามหลวงจะมีหญิงและสาวประเภท  สองมายืนขายบริการกันอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งมี  อายุตั้งแต่ 17-40 ปี โดยจะยืนกันเป็น  กลุ่ม ๆ มีการนั่งอยู่บนรถจยย. หรือเดินไปมาเพื่อหาลูกค้าและหลบเลี่ยงเวลาตำรวจ  มาตรวจพื้นที่
   
โดยเทคนิคในการหาลูกค้าของหญิงและสาวประเภทสองขายบริการนั้นมีทั้งการโบกมือให้กับรถที่ผ่านไปมา การรุมพูดคุย กับผู้ที่จะมาใช้บริการ บางครั้งมีการถลกเสื้อให้ดูหน้าอกด้วยเพื่อเรียกร้องความสนใจของลูกค้า ซึ่งเป็นภาพที่อนาถใจและหดหู่เป็นอย่างยิ่งที่กลุ่มคนพวกนี้ใช้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และมีประวัติคู่บ้านคู่เมืองมายาวนานเป็นจุดหากินเช่นนี้ จนมีการพูดเปรียบเปรยกันแล้วว่าสนามหลวงเวลานี้เหมือนซ่องกลางกรุง ซึ่งปัญหาเหล่านี้หน่วยงานที่รับผิดชอบควรเข้ามาดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นระบบให้มากยิ่งขึ้นเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของสนามหลวงและประเทศไทยในอนาคต
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2552 คณะกรรมการปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อม และปัญหาทางสังคมในพื้นที่สนามหลวงและปริมณฑล ของ กทม. ได้สรุปผลการประชุมและจำแนกกลุ่มคนเร่ร่อนในสนามหลวง หรือที่จำกัดความเรียกกันใหม่ว่าเป็นผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะไว้ 16 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มผู้ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน 2.กลุ่มผู้ตกงาน 3.กลุ่มโรคสมองเสื่อม 4.กลุ่มติดสุราเรื้อรังและติดยาเสพติด 5.กลุ่มปัญหาสุขภาพอื่น ๆ 6.กลุ่มขอทาน 7.กลุ่มคนแก่ถูกทอดทิ้ง 8.กลุ่มคนมีปัญหาครอบครัว 9.กลุ่มไม่มีบ้าน 10.กลุ่มขายบริการทางเพศ 11.กลุ่มขายยาเสพติด 12.กลุ่มผู้พ้นโทษ 13.กลุ่มคนอยากเร่ร่อน 14.กลุ่มผู้มีอิทธิพล 15.กลุ่มครอบครัวเร่ร่อน และ 16. กลุ่มเด็กเร่ร่อน
   
นอกจากนี้ยังมีปัญหานกพิราบ ปัญหาหาบเร่แผงลอย ปัญหากายภาพ และปัญหากิจกรรมที่จัดในพื้นที่ ซึ่งในแต่ละปัญหา นั้นได้มีการวางแนวทางแก้ไขไว้แต่ทาง กทม. ได้เน้นให้ใช้หลักการสมัครใจและอะลุ้มอล่วย ไม่ใช้ความรุนแรงเด็ดขาดทำให้การทำงานค่อนข้างล่าช้า แต่ก็ได้มีการตั้งคณะทำงาน 9 ชุด ขึ้นมารับผิดชอบ ดังนี้ 1.ด้านการจัดให้มีบัตรประจำตัวประชาชน 2.ด้านดูแลผู้ค้าหาบเร่แผงลอย 3.ด้านดูแลผู้เร่ร่อนที่มีปัญหาสุขภาพ 4.ด้านการแก้ปัญหานกพิราบ 5.ด้านการส่งเสริมอาชีพและเพิ่มรายได้ 6.ด้านเฝ้าระวังผู้กระทำผิดคดีอาญา 7.ด้านดูแลครอบครัว-เด็กเร่ร่อน คนไร้บ้าน 8.ด้านกายภาพ และ 9.ด้านประชาสัมพันธ์ โดยมี ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. เป็นประธานการทำงาน
   
สำหรับสนามหลวงเดิมเรียกว่า ทุ่งพระเมรุ เนื่องจากใช้เป็นที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดิน และพระบรมวงศานุวงศ์ ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2398 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเรียกจาก “ทุ่งพระเมรุ” เป็น “ท้องสนามหลวง” และทรงโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราช  พิธีพืชมงคล พิธีพิรุณศาสตร์ด้วย ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ใช้สนามหลวง  เป็นที่ประกอบพิธีต่าง ๆ เช่น การฉลองพระนครครบ 100 ปี งานฉลองเมื่อเสด็จ  พระราชดำเนินกลับจากยุโรปใน พ.ศ. 2440และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ  เกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้ประกอบพระราชพิธี  ต่าง ๆ ใช้เป็นสนามแข่งม้า สนามกอล์ฟ
   
ต่อมามีการใช้สนามหลวงในการเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มคนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ในรัชกาลปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีการใช้สนามหลวงเป็นที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญ ๆ เช่น พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระราชพิธีฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี พระราชพิธีกาญจนาภิเษก รวมทั้งงาน พระเมรุมาศเจ้านายระดับสูง โดยสนามหลวง ซึ่งมีเนื้อที่ 74 ไร่ 63 ตารางวา เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ โดยกรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 94 ตอนที่ 126 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2520
   
ทั้งนี้ทีมข่าวเฉพาะกิจ “เดลินิวส์” จะนำเสนอข่าวสนามหลวง ณ วันนี้ อย่างต่อเนื่องในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์มากที่สุดของทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประชาชนที่ใช้ประโยชน์จากสนามหลวงในทุกวันนี้ หรือประชาชนที่ต้องการเห็นภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นของสนามหลวงรวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสนามหลวง."

.........................................................

เห็นด้วยอย่างรุนแรง ด้วยว่าตัวเองบ้านอยู่แถวนั้นมาตั้งแต่เกิด เมื่อก่อนเดินไปท่าพระจันทร์ วัดพระแก้วสบาย ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ล่าสุดเดินกลับจากท่าพระจันทร์ ผ่านสนามหลวงแทบกลั้นหายใจ เหม็นสุดจะทน พื้นสกปรกดำมาก คนเร่ร่อนมากมาย รวมถึงเต้นท์ที่กางอย่างไม่มีความหมาย มีร้านขายว่าวแค่สองร้านเหลือแล้วเท่านั้น นอกนั้นขายของมั่วซั่วรวมทั้งขายตัว

สนามหลวงเคยเป็นที่อันตรายในยามค่ำคืน ตอนนี้กลายเป็นที่อันตรายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว กทม ชุดนี้เลวร้ายมาก แหล่งเสื่อมโทรมลามไปถึงตลอดริมคลองหลอด แม้แต่หลังศาลปกครอง หลังกระทรวงกลาโหม เละเทะขนาดนั้นยังไม่มีใครสนใจจะแก้ไข

คนจรจัดเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มีโสเภณีมายืนขายตัวแถวบ้านแล้ว (อยู่ริมคลองหลอด) เทศกิจได้แต่นั่งโต๊ะคอยเก็บตัง ไม่เห็นทำอะไรสักอย่าง ลองสังเกตุราชดำเนินแถวหน้าออมสิน ตอนนี้เริ่มมีออกมาแล้ว ขบวนเสด็จผ่านทีก็ไล่ทีนึง ผักชีโรยหน้ากันมากมาย

ถ้าจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง พรุ่งนี้เลยได้มั้ย ท่านผู้ว่ากรุงเทพมหานคร

จากคุณ : hazakamutuku
เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 23:18:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com