ความคิดเห็นที่ 24 |
|
http://www.designer.in.th/directory/%E0%B8%AA/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87
ได้ฟังเรื่องราวของบรมครูทางด้านแฟชั่นมาพอสมควรก็ทำให้ทราบว่า การที่เราจะทำงานอะไรให้ประสบความสำเร็จแล้วในขั้นตอนแรกเราก็ต้องมีพรสวรรค์ทางด้านนี้อยู่ในตัวเองด้วย จึงจะเห็นความสำเร็จลอยมาแต่ไกล
ผมว่าความชอบกับพรสวรรค์ ทำให้ทุกคนมีใจที่จะสู้และ ทำให้เราผ่านพ้นอุปสรรคมาได้ เพราะฉะนั้น การที่จะเรียนแฟชั่นหรือเรียนอะไรก็ตามถ้าไม่มีพรสวรรค์หรือไม่มีความชอบในสิ่งที่เราเรียนก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ผมขอท้าเลยว่าคนที่จบปริญญาตรีหรือปริญญาเอกทางด้านแฟชั่นมา กับคนที่มีความรัก ความชอบและเริ่มคลุกคลี ทำงานเกี่ยวกับแฟชั่นมาตั่งแต่อายุยังน้อย ฝ่าฟันกับอุปสรรค เรียนรู้ ต่อสู้กันไปก็จะได้รับความลึกซึ้งกับอาชีพตรงนี้มากกว่าคนที่เรียนมาอีก คนที่เรียนมาทางด้านนี้ก็เพื่อมีข้อมูลมาประกอบอาชีพ แต่พอเขาเริ่มมาประกอบอาชีพก็เท่ากับว่าต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตเลย เขาอาจจะมีภาษีมากกว่าที่เขาได้เรียนพื้นฐานทางด้านนี้มาโดยตรง แต่ทั้งหมดแล้วก็ยังสู้พรสวรรค์ที่ติดตัวมาไม่ได้อยู่ดี
เท่าที่อยู่วงการนี้มา จะเห็นว่าคนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่มีพรสวรรค์ แต่คนที่ไม่มีพรสวรรค์หรือคนที่เรียนมาทางด้านแฟชั่นมาเขาก็อาจประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นคนที่เรียนทางด้านนี้มาแล้วทำสินค้าสำเร็จรูป ทำอาชีพนี้โดยตรง คนที่มีพรสวรรค์จะมีภาษีกว่า ทำงานมา จนอายุจะ 60 ปีแล้วมีดีไซเนอร์เป็นร้อยเป็นพัน แต่ถ้าพูดถึง Top designer ในเมืองไทยที่เข้าขั้นจริงๆยังนับไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำ ถือว่ายังน้อยเหมือนกันคือเราอาจมองว่าคนที่สนใจและเข้ามาทำอาชีพนี้มีให้เห็นเยอะมาก แต่ถ้าวัดความสำเร็จก็ถือว่าน้อยเต็มที เราเห็นงาน ELLE FASHION WEEK ซึ่ง ELLE เป็นหนังสือหัวนอกที่ให้ความสำคัญกับอาชีพแฟชั่นเมืองไทยมาก การที่เขาจัดงานนี้ขึ้นมาก็เหมือนเป็นการได้คัดสรรผลงานของ ดีไซเนอร์เมืองไทย เพื่อให้งานออกมาสู่สายตาประชาชน ให้คนได้ตัดสินว่า เขาเป็นดีไซเนอร์จริงๆ หรือว่าเป็นแค่ช่างตัดเสื้อ หรือเป็นแค่ความฉาบฉวยกันแน่
เพราะฉะนั้นอยากบอกเด็ก ที่อยากเข้ามาทำงานในวงการแฟชั่นว่า อาชีพนี้มีคนอยากทำเยอะมาก แต่การเข้าวงการมาแบบฉาบฉวย พ่อแม่รวย ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะเมื่อเกิดปัญหาแต่ละครั้งส่วนใหญ่ก็จะทนไม่ไหว ถอนตัวกันไปเยอะเหมือนกัน เนื่องจากเราต้องเจอกับลูกค้าหลายแบบ คนที่จะทุ่มเทให้กับความพิเศษอย่างที่ลูกค้าต้องการได้ คนๆนั้นก็จะต้องเป็นคนที่อดทนมากๆ
อาชีพนี้เราต้องแข่งกับตัวเอง พยายามทำตัวให้อยู่ในกรอบที่ถูกต้อง ก็จะประสบความสำเร็จได้ การทำงานแต่ละครั้งเราต้องศึกษาหลายอย่าง ทั้งการเป็นตัวของตัวเอง การดูเทรนด์แฟชั่นของโลก คำว่าแฟชั่นมันก็จะวนไปวนมา เพราะฉะนั้นแฟชั่นก็จะมีเหมือนเดิมบ้าง ก็เป็นเรื่องปรกติ
สำหรับร้าน Kai เราทำเสื้อผ้าคลาสสิก เราคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการสวมใส่เสื้อผ้าของลูกค้าเป็นหลักว่า ถ้าลูกค้าเสียเงินกับเรา เขาจะต้องได้รับความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ซึ่งจุดนี้เราก็สามารถวัดความสำเร็จและความมีชื่อเสียงจากลูกค้าที่มีมาเรื่อยๆได้เราเปิดร้านมานาน มีผลงานมากมายใครจะชอบงานเรามากน้อยแค่ไหนก็วัดได้ที่การอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้
สำหรับโครงการในอนาคตผมก็จะทำงานตรงนี้ให้ดีที่สุด ถ้ามีเงินสักก้อนก็จะเปิดพิพิธภัณฑ์แฟชั่นส่วนตัวให้กับตัวเอง เพื่อให้เด็กรุ่นหลังได้ดูกัน ได้ให้คนอื่นดูผลงานประวัติการทำงานของเรา หากวันหนึ่งเราตายไป 20-30 ปี แต่ผลงานที่เราทำก็ยังอยู่ เขาจะได้รู้ว่าสมัยที่เรายังอยู่เขาทำงานกันแบบนี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีถ้าทำได้ ก็ภาวนาอยากให้ทำได้เหมือนกันเพราะเราไม่สามารถอุทิศความที่เราชอบให้กับใครได้ เราก็คือเรา เขาก็คือเขา ของแบบนี้มันไม่มีตัวตายตัวแทนกันได้ ดังนั้นความเป็นตัวของเราก็จะมีอยู่ที่เดียว แห่งเดียวในโลกใบนี้
Kai.
จากคุณ |
:
อายไหม
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ก.พ. 53 12:25:15
A:192.168.1.33 X:58.9.196.135 TicketID:250287
|
|
|
|