 |
ความคิดเห็นที่ 18 |
(พอดียังไม่ได้เข้าตอนที่มันด๋อย เลยยังพอมีกระทู้เก่าอยู่) (ปล. ชอบกระทู้เรื่องนี้ของท่าน SNE จริงๆ)
ความคิดเห็นที่ 9
#2 ในความเห็นผมห่วยกว่า GONZO ยังมีครับ(ในแง่อนิเมชั่น) เพียงแต่มันยังไม่เจ๊ง
อนึ่ง การจะอธิบายถึง GONZO อาจจำเป็นต้องแตกประเด็นตั้งกระทู้ใหม่ครับ แล้วคุณจะสงสาร GONZO
จะไล่ให้เท่าที่จำได้แล้วกัน (จริงๆ เคยกะตั้งกระทู้เป็นซีรีส์ด้วย)
A-1 Pictures บริษัทลูกของ Aniplex โปรดัคชั่นอนิเมในเครือ Sony เป็นสตูดิโอขนาดเล็กหน้าใหม่ไฟแรง เริ่มมีชื่อจาก Persona - Trinity อนิเมโปรโมตเกมที่เป็น side story ซึ่งเนื้อหาอืดถืด แต่เส้นคมนิ้ง
เนื่องจากเป็นบริษัทลูกของ Sony จึงมีงานเกี่ยวกับอนิเมจากเกม exclusive PS ออกมาบ้าง แต่เรื่องที่เป็นที่รู้จักกว้างขวางที่สุดน่าจะเป็น Kannagi ที่โคงานกับ Ordet ของเทพปากดียามะคัน
แต่งานที่ผมชอบที่สุดกลับเป็น Birdy: Decode ที่มาจากการ์ตูนไซไฟ ซึ่งดัดแปลงเนื้อเรื่องได้ยอดเยี่ยมกินใจมาก ฉากบู๊ก็สวย เพลงก็เพราะ ขออวยเลย
ผลงานเรื่องล่าสุดคือ So Ra No Wo To
AIC ตรงข้ามกับข้างบน AIC เป็นสตูดิโอที่ก่อร่างสร้างตัวมาตั้งแต่ยุค 80 อยู่เงียบๆ มาเรื่อยๆ ในยุค 90 แล้วอยู่รอดมาได้จนปัจจุบัน เป็นสตูดิโอประเภทรับทำอนิเมตามสั่งแบบไม่เสี่ยงจึงมีฐานะในวงการมั่นคง ถ้าซีซั่นไหนเห็น AIC 3 - 4 เรื่องนับว่าไม่แปลก
แต่ถึงจะทำเยอะ แต่น้อยเรื่องมากที่ได้ยินชื่อแล้วจะร้องอ๋อ เรื่องที่ใหม่ๆ ที่เด่นๆ ก็ Garei Zero, Nyankoi คิดดูว่าคนละแนวขนาดไหน
ส่วนเรืองที่ผมชอบที่สุดของ AIC ก็คือ El-Hazard OVA ที่ทุกวันนี้ยังเปิดดูซ้ำอยู่เลย
อนึ่ง เนื่องจากรับทำงานเยอะมาก AIC จึงแยกออกเป็นสองบริษัท และมีโปรแกรมสำหรับลงสีอนิเมอัตโนมัติเสียด้วย ทำให้การใช้สีของ AIC จะเป็นเอกลักษณ์และดูออกง่าย คือ จืด
เกร็ด: AIC เคยไปช่วยอุ้ม GONZO อยู่พัก แต่ก็ไม่ไหว (ช่วงปี 2006 - 2008)
Artland บริษัทอนิเมขนาดเล็กที่อยู่ยั้งยืนยงมากกว่าสี่สิบปี รับทำงานนอกเรื่อยมา หากได้โปรดัคชั่นเองก็มักจะเป็นงานเล็กๆ เกรดบีซะมาก
แต่ก็มีเรื่องดังจนได้รางวัลอย่างกีฎจารย์กับแมลงพิศดารฉบับอนิเม งานล่าสุดคือ Tytania ซึ่งเจ๊งสนิท
และอีกเรื่องที่ผมจำจนวันตายของสตูนี้คือ "Gunslinger Girl Season 2" ที่ฝังลืมไปเลยกับซีรีส์นี้
เรื่องที่ผมชอบที่สุดของ Artland คือ Gag Manga Biyori อยากรู้ว่ามันสุดยอดขนาดไหนลองหาในยูทูบครับ....
เดี๋ยวมาต่อครับ ทำงานอยู่
แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 53 17:13:36
จากคุณ : SNE เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 17:11:34
#11 โตเอะทุกวันนี้เขาสานต่อความสำเร็จจากยุคเซเลอร์มูนครับ ทำแต่พรีเคียว (ฮา) ดูเหมือนจะไปเอาดีทางการ์ตูนผู้หญิงมาหลายปีแล้ว
โทเอะปีหลังๆ เนื้องานเลวร้ายกว่า Gonzo อีกครับ เพราะทำแต่อนิเมขายของเล่นไม่เน้นคุณถาพ แถมด้วยกฎของบริษัทที่ว่าแต่ละตอนจำนวนคัทห้ามเกินกำหนด เดี๋ยวอาจเขียนละเอียดอีกที
ต่อด้วยหมวด B
Bee Train เจ้าพ่ออนิเมมือปืนยูริแห่งวงการ สามารถทำอนิเมยิงปืนไร้เลือดมาขายได้เรื่องแล้วเรื่องเล่า ถ้าไม่มีสาวๆ มาปิ๊งๆ กันน่าจะเอาไปเทียบกับหนังอาหลองได้ เป็นบริษัทค่อนข้างใหม่ เป็นหนึ่งในสายเลือดของ Tatsunoko Pro เพราะประธานบริษัทเป็นพนักงานเก่าของบริษัททัทซึโนะโกะ เดิมตั้งชึ้นมาเป็นบริษัทลูกของ I.G ช่วงแรกๆ มีงานทำอนิเมจากเกมบ้างเหมือนลูกพี่ แต่พอ I.G เข้ายุคถดถอยก็แยกตัวออกมาเป็นอิสระ
ถ้าพูดชื่อบีเทรนขึ้นมา ผมนึกออกทันทีสามเรื่องคือ Noir, Madlax, และ El Cazador ถึงจะบ่นมาตลอดว่าฉากบู๊มันดูราคาถูกและไม่มีเลือด แต่ผมก็ชอบทั้งสามเรื่องเลยนะ
ล่าสุดปีหลังๆ BeeTrain มีเลือดแล้ว ฟังดูน่ายินดี แต่ยังคงกำกับได้เยินเย้อบทพูดมากเช่นเดิม ทำเอา Blade of Immortal (ฤทธิ์ดาบไร้ปราณี) ที่ควรจะสนุกกร่อยไปเลย
เรื่องล่าสุดก็น่าจะนับเป็นเรื่องต่อจากสามเรื่องข้างบนได้ คือ Phantom ~Requiem for the Phantom~ แต่ติดที่ว่าดันไม่ยูริ
BONES เทพของหลายๆ คนรวมทั้งผมด้วย เติบโตอย่างรวดเร็วทั้งที่มีอายุน้อยมากคือสิบสองปี ขึ้นชื่อในเรื่องอนิเมสไตล์ผู้ใหญ่(ไม่ใช่ H นะ) ที่มีเนื้อหาหนักและการกำกับที่เป็นภาพยนตร์ ซึ่งแน่นอน เพราะสตูดิโอนี้เปิดตัวด้วย Cowboy Bebop the movie
อาจสงสัยว่าทำไม BONES ถึงได้ทำหนังจากอนิเมทีวีซันไรส์ เหตุเนื่องมาจากผู้ก่อตั้งเป็นอดีตพนักงานของ Sunrise ครับ นอกจากนี้ Bones กับซันไรส์ยังมีอะไรเหมือนกันหลายอย่าง คือชอบทำออริ และเน้นงานที่เหมาะสำหรับเด็กโตขึ้นไป
แต่ก็มีการ์ตูนผู้หญิงและการ์ตูนเด็กหลงมาอยู่เหมือนกัน คือโอรังกับแองเจลิคเลเยอร์
สิ่งที่เป็นจุดเด่นที่สุดของ BONES น่าจะเป็น "ตอนจบ" ซึ่งถ้าดูทุกๆ เรื่องแล้ว อาจเรียกได้ว่าระดับความเลวร้ายยิ่งกว่า GAINAX เสียอีก (ของไกแนกซ์มันแรงจนดัง) ซึ่งถ้าใครหลงซื้อไปแล้วได้ดูตอนจบอาจเขวี้ยงทิ้งเอาง่ายๆ ไล่มาตั้งแต่ Eureka 7, RahXephon, Fullmetal Alchemist ชุดแรก ล่าสุดก็ DTB2 ที่ร้องระงมเพราะรีบกดปุ่มยกเลิกจองจนนิ้วซ้นกันเป็นแถบ (กึ่งมุกกึ่งจริง)
ว่ามาขนาดนี้ ผมชอบงานของ BONES แทบทุกเรื่องครับ (ยกเว้น Ayakashi Ayashi) เรื่องที่ผมชอบที่สุดของโบนส์คือ Darker than Black ภาคแรก เฉพาะ "ภาคแรก" นะครับ
ปัจจุบัน BONES อยู่ในสภาพร่อแร่ครับเพราะเจ๊งติดต่อกันมาตั้งแต่ FMA:B ที่ฉายห้าโมงเย็นวันอาทิตย์แต่ดันขายได้แค่เจ็ดพัน, Tokyo Magnitude 8.0 ที่คนดูไม่อิน แถมเป็นออริออกตังเองอีกต่างหาก เรตติ้งเลวร้ายจนทางสถานียกเลิกสล็อตเวลา Noitanima, DTB2 ที่โดนลดลงจนการกำกับสู้ภาคแรกไม่ได้ และกระแสตอบรับไม่ดีจนปิดประตูโอกาสทำภาคสามไปแล้ว
นอกจากนี้ยังมีดราม่าในวงการอนิเม เรื่องงานรั่วเข้าไปในระบบ share ของ P2P ญี่ปุ่น ด้วยปัญหาภายนอกภายในรุมเร้าอยากหนัก ราวกับโลกไม่ต้องการสตูดิโอทำอนิเมซีเรียสๆ แล้ว BONES จึงทำตามอย่างสมัยที่แยกมาจากซันไรส์ คือสร้าง Movie จากเรื่องดังสุดของตัวเอง โดยให้บริษัทที่ตั้งขึ้นมาใหม่ทำ
บริษัทนั้นคือ Kinema Citrus ที่ทำ Eureka Seven the Movie อนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตาม
ต่อไป Gainax กับ Gonzo แค่คิดก็ขี้เกียจแล้วครับ......จะละ Gainax ก็เสียดายเกร็ดที่บางคนอาจไม่รู้อย่างที่มาของ Gainax x SHAFT เหมือนกัน
ส่วน GONZO เหมือนจะเล่าไปหลายรอบแล้ว....
แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 53 17:52:50
แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 53 17:48:42
จากคุณ : SNE เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 17:47:24
ความคิดเห็นที่ 27
#22 DTB2 โดนตัดงบครับ ทำดีๆ แบบภาคแรกไม่ได้ เลยยัดฉากที่งั้นๆ เข้ามาแทน จริงๆ แล้วขณะทำ DTB2 เนี่ยสถานการณ์ BONES ร่อแร่แล้วนะ
#26 ufotable ที่เพิ่งมาดังพักหลัง แต่ก่อนเป็นสตูดิโออุดมการณ์ออริเจ๊งซ้ำซากกับเขาด้วยนะ (ฮา)
หมวด G
Gainax สตูดิโออนิเมที่ตั้งมาโดยโอตาคุไซไฟ อุดมการณ์จึงเป็นอนิเมไซไฟ แต่พอไซไฟเรื่องแรกที่ทำมาเจ๊งสนิทก็ถึงกับธาตุไฟแตก กลายเป็นโมเอะไซไฟไปใน Gunbuster
แล้วดันขายดีด้วยสิ เลยทำแนวนี้มาตลอด เนื่องจากเป็นการรวมตัวของพวกโอตาคุไซไฟ ใครที่ชอบอ่านนิยายไซไฟจะเห็นอะไรคุ้นๆ ในอนิเมออริไกแนกซ์เต็มไปหมด แต่ช่างมันเถอะ โมเอะพอแล้ว
Gainax ด้วยความที่เป็นค่ายโอตาคุไซไฟ จึงมีสตูอื่นช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ในช่วงแรก กระทั่งมันฟลุ๊กกับ Eva (ผมขอฟันธงว่า เอวามันฟลุ๊ก ไม่ได้กะดังเลย ฉายรอบแรกเรตติ้งห่วยด้วยซ้ำ) ก็เลยขายอีวามันอย่างเดียวอยู่หลายปี ขายจนประธานบริษัทลืมจ่ายภาษี บริษัทโดนสอบ ประธานโดนหิ้วเข้าซังเต
ช่วงปี 2000 ขณะที่ทุกคนคิดว่าไกแนกซ์มันคงกำลังเป็นเศรษฐี และหลายคนยกให้ Gainax เป็นพระเจ้าอยู่บนหิ้งไปแล้ แต่จริงๆ ขณะนั้น Gainax กำลังแย่ (ส่วนหนึ่งที่สินค้าเอวามันเทออกตลาดช่วงนี้เพราะหาเงินมาจ่ายภาษี) อนิเมของ Gainax ช่วงนี้หลุดอุดมการณ์ไซไฟไปแล้ว เพราะต้องทำงานเอาตัวรอด ไปโคกับค่ายโน้นนี้มั่ง อย่างคาเรคาโนะที่ใครสงสัยว่ามันหลงมาจากไหน เรื่องนี้ทำร่วมกับเจ้าพ่อออกทะเล J.C. Staff นะ
จนในที่สุด Gainax ก็ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้เพราะปัญหาด้านกฎหมาย ก็ได้มีการช่วยเหลือจากท่านประธานของ SHAFT สตูดิโออนิเมรับงานนอกเล็กๆ ในสมัยนั้น (จริงๆ มันก็รับแต่งานนอกมายี่สิบปีแล้วล่ะนั) ให้มาใช้ชื่อดำเนินกิจการร่วมกันจนกว่าเรื่องจะซา
ช่วงนี้เองที่ต่างฝ่ายต่างซึมซับความแนวของกันและกัน ประกอบกับ "ต้นตอแห่งความชั่วร้ายทั้งมวล อาคิยูกิ ชินโบ" ที่ระหกระเหินไปทำการ์ตูนโป๊อยู่หลายปีหลังจากทำ Soul Taker เจ๊ง ได้มาลงเอยกับ SHAFT ในช่วงนี้พอดี ทั้งสองสตูดิโอจึงได้รับความแนวเพิ่มไปไม่น้อยก่อนจะแยกจากกัน
ในช่วงยุคประสบปัญหาของ Gainax นี้ ใช่ว่าจะไม่มีไซไฟดีๆ ออกมาเลย ที่เด็ดสุดๆ น่าจะเป็นมาโฮโระ แต่ผมชอบเมดชุดสั้นของ He is My Master มากกว่า
กระทั่งปี 2007 Gainax จึงบินเดี่ยวอีกครั้งกับ Tengen Toppa Gurren Lagann ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง กลับมาผงาดในวงการอนิเม
ส่วน Evangelion นั้นทางพนักงานส่วนใหญ่ Gainax เบื่อแล้ว ทำมาหลายปี อันโนะจึงแยกไปตั้ง Studio Khara ขึ้นมาทำ Rebuild ซะเลย
GONZO
ขี้เกียจเล่าจัง รู้กันหมดแล้วมั้ง
เอาเป็นว่า Gonzo เป็นสตูดิโออุดมการณ์เหมือน BONES ที่ตั้งใจจะทำอนิเมออริและหาเงินทำอนิเมเอง โดยพยายามรับงานจากสื่ออื่นให้น้อยที่สุด
งานของ Gonzo ผมชอบที่สุดคือเรื่องแรก Blue Submarine No.6 ที่เริ่มนำ 3D เข้ามาใช้ ผมยังจำได้ติดตากับฉากรบใต้ทะเลของเรื่องนี้ไม่ลืมเลย และนี่เองคือจุดเด่นของ Gonzo - งานภาพเนี๊ยบ เนื้อเรื่องพอใช้ ฉากบู๊ฉับไว เมคานิคดีไซน์ยอดเยี่ยม
ช่วงแรกๆ นั้น Gonzo ทำได้ดี แถมยังใหญ่โตจนเข้าตลาดหุ้นได้อีกต่างหาก ช่วงนี้เองที่ Gonzo ได้สำแดงเดช สร้างอนิเมคุณภาพระดับ OVA ฉายทีวีถึง 26 ตอนติด ใครที่ติดภาพว่า Gonzo เผามาโดยตลอด ดูเรื่องนี้แล้วจะต้องเปลี่ยนความคิดครับ
ชื่อนั้นคือ Last Exile
แต่พอเข้าตลาดหุ้นก็ต้องทำอนิเมเยอะ จนเริ่มเผาต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่ Gravion เป็นต้นมา
กระทั่งมาเริ่มทำอนิเมจากสื่ออื่นก็ประสบปัญหา เพราะ Gonzo เพิ่งรู้ว่าตัวเองดัดแปลงเรื่องต้นฉบับได้ห่วยแตกเกินคาดมาก จนแฟนๆ เสื่อมศรัทธากันเป็นแถบ ทั้งจาก Chrono Crusade และ Hellsing แถมเหมือนเป็นโรคติดต่อ เพราะมันยังลามไปถึงออริได้อีกต่างหาก (ฮา)
ถ้ายังซวยไม่พอ ช่วงหลังปีของยุคสองพัน ตลาดอนิเมหุ่นยนต์และอนิเมออริเริ่มวายแล้ว อนิเมกลายเป็นยุคของโอตาคุโมเอะอนิเม แต่ Gonzo ก็ไม่ย่อท้อ ยังผลิตอนิเมหุ่นและอนิเมสำหรับวัยรุ่นปลายออกมาเจ๊งได้เรื่อยๆ อีกหลายปี ก่อนจะยอมทำโมเอะอนิเมกับเขาบ้าง แต่นั้นก็ช่วงเกือบเจ๊งแล้วนะ
และเพราะอนิเมไปได้ไม่สวย Gonzo จึงไปจับตลาดเกมออนไลน์ แต่ก็เจ๊งหนักกว่าเดิมอีก ไม่ทราบเพราะ Gonzo Rosso มันห่วยหรือเกมออนไลน์ไม่เข้ากับคนญี่ปุ่นกันแน่
ถึงตอนนี้โลกวิ่งตามระดับคุณภาพของ Gonzo ทันแล้ว สตูดิโอคุณภาพสูงผุดขึ้นมาเต็มไปหมด Gonzo จึงหมดจุดเด่น มีคนจำได้แต่ข้อเสีย ดังคำของเจ๊โทโกะ
"เมื่อเจ้าสาวสะดุดล้มใส่เค้ก ทุกคนก็จำได้แต่เรื่องนั้น ไม่ว่างานแต่งงานจะยอดเยี่ยมขนาดไหน"
สุดท้าย Gonzo ก็ทนคลื่นทุนนิยมไม่ไหว อับปางลงในที่สุด หลังจากโดนถอดออกจากตลาดหุ้นและดิ้นรนอยู่อีกพักใหญ่ เราก็สูญเสียสัญลักษณ์แห่งคุณภาพในยุคต้น 2000 ไปในที่สุด
ขอไว้อาลัยแด่สตูดิโออนิเมที่ผมทั้งรักทั้งเกลียด GONZO
ต่อไป J.C.Staff นี่ก็ขี้เกียจเขียน นอนก่อนล่ะ
แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 53 00:36:24
จากคุณ : SNE เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 00:35:55
จากคุณ |
:
Greed & Envy
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ก.พ. 53 07:15:03
|
|
|
|
 |