ความคิดเห็นที่ 1 ยินดีต้อนรับสู่ สมาคมคนรัก GG ค่ะ 1. ทราบว่า B ต้องมาอยู่หอพักที่ NYU กับ G ผมสงสัยว่าบ้านของ B ที่ Upper East Side ระยะทางไกลขนาดไหนครับ จึงจำเป็นต้องไปอยู่หอพัก หรือว่าเป็นกฎของมหาวิทยาลัยที่ต้องให้เด็กปี 1 ไปอยู่ที่หอพัก เพราะว่าจากที่ดูแล้ว B เป็นคนที่ไม่น่าจะไปอยู่หอมหาวิทยาลัยได้ >>ตามความคิดเรา เราว่าคนที่เรียนระดับมหาลัยแล้ว ก็คงต้องมีการเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รับผิดชอบตัวเองมากขึ้น เลยต้องมาอยู่หอเพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตนะค่ะ ประมาณนี้ 2. B เคยพูดก่อนเลือก NYU ว่าเป็นมหาวิทยาลัยห้องแถว แต่ผมว่า NYU ก็เป็นมหาวิทยาลัย TOPของ US นะครับ ทำไม B ถึงคิดแบบนั้นครับ >> ก็นะ ชีนะไฮโซจะตาย NYU เป็นมหาวิทยาลัย TOP ของ US ก็จริง แต่ก็ มีผู้คนทุกระดับชั้น ไม่ใช่เฉพาะที่ลูกคุณหนูชิวิตเริ่ดๆ เหมือนที่ B เคยอยู่ เธอออกจะยึดติดกับชนชั้น ของตัวเองมากเกินไปเลยมองระดับ NYU ว่าเป็นมหาวิทยาลัยห้องแถว ดูจาก SS1 ที่เธอแยกเกรด D เอาไว้เป็นอืกประเภทเลย ปูลู เราชอบ Bค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 53 09:29:31 จากคุณ : brandsnew_vvs1 เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 09:24:43

ความคิดเห็นที่ 2 1. NYU แคมปัสหลักอยู่ที่ Greenwich Village ค่ะ ดูแผนที่ประกอบ ถ้านั่งรถไปก็ต้องฝ่ารถติดกันพอควรค่ะ 2. B เธอมองแต่ Ivy League เท่านั้น และขนาด Ivy League เธอยังแบ่งเกรดไว้เลย ต้อง Yale, Harvard เท่านั้น! จากคุณ : Pat :o) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 10:02:36

ความคิดเห็นที่ 3 อีกเหตุผลที่ B อยู่หอ ชีเคยเปรยๆกับชัคไว้ทีนึง ตอนที่ชัคถามว่าทำไมไม่ย้ายไปอยู่ที่โรงแรมด้วยกัน ชีให้เหตุผลประมาณว่า ชีจะเป็น queen of NYU ชีต้องอยู่ร่วมกับคนหมู่มากเพื่อชนะใจ และคว้าตำแหน่งมาให้ได้ก่อน NYU แผนกที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง คือ tisch college ซึ่งเน้นศิลปะ การแสดง แต่งเพลง งานเขียน แต่งกลอน (lady gaga ก็เป็นเด็ก tisch) ซึ่งส่วนมากเด็กที่เรียนทาง art ไม่ทำตัวคุณหนูเริ่ดๆ เชิ่ดๆแบบ B ชีเลยเข้ากับใครไม่ได้ ขนาด ivy league ชียังเคยจิกๆ เหน็บๆ ตอนที่ S ได้ brown เลยว่าเป็นพวก hippy เพราะ brown จะค่อนข้างมีชื่อเสียงด้าน ชอบประท้อง เรียกร้องสิทธิ์ (จำ the OC ตอน summer ไปเรียน brown ได้ไม๊คะ) จากคุณ : dekhype เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 11:27:31

ความคิดเห็นที่ 4 1 ในซี 2 มีอยู่ตอนนึงที่BพูดกับNค่ะ เรื่องที่ถ้าไปอยู่ที่NYUแล้วรถติด และเธอไม่นั่งรถไฟใต้ดินแน่ๆ Nเลยเสนอให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน แต่ก็เลิกกันซะก่อน นั่นก็เลยเป็นสาเหตุว่าทำไมBถึงไปอยู่หอของมหาลัย แต่ในซี 3 ชีพูดกับC ว่าชีย้ายเพื่อไปเป็นQueen 2 เพราะB เธอไม่ได้สนใจที่อื่นเลยค่ะ เธออยากเรียนที่Yaleเท่านั้น เพราะพ่อของเธอจบจากYale ทำให้เธอแบ่งเกรดมหาลัย ถึงแม้ว่ามหาลัยนั้นๆจะอยู่ในIvy Leagueก็ตาม สำหรับเธอYaleดีสุดค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 53 11:31:01 จากคุณ : toujours ensemble เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 11:30:18

ความคิดเห็นที่ 5 ขอถามเพิ่มหน่อยนะคะ Ivy League นี่มีมหาลัยอะไรบ้างเหรอคะ แล้วทำไมถึงเรียกว่า Ivy League จากคุณ : Kbiome เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:28:18

ความคิดเห็นที่ 6 ^ Ivy League คือ กลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชนที่เก่าแก่ ออกแนวดีที่สุด รวยที่สุด และเป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในลำดับต้นๆ ของการจัดอันดับทั้งในอเมริกา และระดับโลก ที่มาของชื่อ Ivy League มาจากเถาไม้เลื่อยที่ขึ้นพันกำแพงตึกค่ะ ส่วนมหาวิทยาลัยที่อยู่ในIvy Leagueก็มี 8 แห่ง มี Brown, Columbia, Cornell, Dartmouth, Harvard, Princeton, University of Pennsylvania และ Yale จากคุณ : toujours ensemble เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:43:45

ความคิดเห็นที่ 7 เดิมทีนั้น เป็นคำที่หมายถึงการแข่งกีฬาของมหาวิทยาลัยชั้นนำ 8 แห่ง ซึ่งถึงเวลานี้จะว่าดีสุดก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก (เพราะปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยดังๆที่อื่นๆอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้อยู่ใน8ที่นี้ และอยู่บริเวณอื่นๆของ USA) เพียงแต่ว่ามันเก่าแก่มาก(จริงๆเก่าโคตรๆแค่ 7 เพราะ Cornell เกิดทีหลังชาวบ้านนานมากๆ) และทุกวันนี้ยังเด่นดังอยู่กันทั้งนั้น ทั้งหมดอยู่แถบตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกาทั้งหมด ทั้ง 8 U (รายชื่อก็อย่างความเห็นข้างบนบอกไว้) จะมีการจัดแข่งขันกีฬาประเพณีระหว่างกันในลักษณะleague เลยเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว ส่วนคำว่า Ivy league ไม่ใช่ชื่อการแข่งกีฬาหรือชื่อ league นั้นหรอกทีแรก แต่เป็นคำที่นักข่าวคิดขึ้นมาใช้บรรยาย ทีนี้ด้วยว่าเป็นมหาวิทยาลัยดังชั้นนำของอเมริกาและของโลกกันทั้งนั้น ต่อมาคำว่า Ivy league ก็เลยถูกนำไปใช้พูดเปรียบเวลาต้องการพูดถึงมหาวิทยาลัยที่โน้นว่าดีไม่ดีแค่ไหน เพราะทั้ง 8 U ดังกล่าวยังถือเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของโลกอยู่ ค่าเรียนก็แพงมากไม่ใช่เล่น คุณภาพการศึกษาสูง ทุนวิจัยต่างๆก็มากมายมหาศาล เพราะงั้นใครๆที่อยากได้ทั้งความรู้ ชื่อเสียง เกียรติยศ และความรู้สึกว่าตัวเองเป็นชนชั้นสูงของสังคม ถึงอยากที่จะเข้ามหาวิทยาลัยทั้ง 8 หรือที่บางคนก็เรียกว่า the Ivies กัน จากคุณ : dragonite เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 14:58:51

ความคิดเห็นที่ 8 ได้ความรู้นะเนี่ยกระทู้เนี่ย จากคุณ : makoto_kko เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 21:43:31

ความคิดเห็นที่ 9 มหาลัยรัฐบาลในเมกาที่ดังๆมีอะไรมั่งอ่ะครับ จากคุณ : ปลาตะเพียนโออิชิ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 19:51:58

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ UCLA UC Berkeley UCSD UMich W&M UVA UNC Rutgers University และอื่นๆ หมายเหตุ... Richard Moll เคยตั้งชื่อล้อ Ivy league ให้เป็น Public Ivy ลงในหนังสือของเขาชื่อ Public Ivies: A Guide to America's best public undergraduate colleges and universities จากคุณ : dragonite เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 21:30:32

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ขอบคุณมากครับ คืออยากจะถามอีกข้ออ่ะครับแบบว่าที่เมกามีค่านิยมอยากเข้ามรัฐดังๆแบบเมืองไทยมั้ยครับ เห็น Queen B ก็เรียนเก่งนะครับ แต่เห็นจะเข้า Yale ซึ่งเป็น ม เอกชน ผมเลยสงสัยว่าอย่าง B ก็น่าจะเข้าม รัฐบาลได้นี่หน่าแต่ไม่เห็นเข้าครับ รบกวนหน่อยนะครับผม จากคุณ : ปลาตะเพียนโออิชิ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 19:16:00

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ คือ..ขอออกตัวก่อนนะคับว่าไม่เคยอยู่เมกา หรือจะพูดให้ถูกคือ ผมอยู่แต่ในไทย อิอิ :P แต่ส่วนตัวแล้ว...คิดว่าถ้าจะตอบเรื่องนี้ คงต้องดูปัจจัยว่าทำไมคนไทยจึงอยากเข้ามหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง แล้วเปรียบเทียบกับประวัติศาสตร์และลักษณะสังคมอเมริกาหนะคับ ถ้าเอาสั้นๆนะก็เช่น 1. สังคมไทยเป็นสังคมครอบครัวขยาย และญาติผู้ใหญ่มีอิทธิพลอย่างมากต่อเด็กๆในบ้าน แม้ปัจจุบันครอบครัวเดี่ยวจะเพิ่มขึ้น แต่ความเห็นของผู้ใหญ่ในบ้าน(รวมถึงพ่อแม่)ก็ยังมีอิทธิพลอย่างมากกับการเลือกที่เรียน ซึ่งต่างกับอเมริกา ซึ่งเด็กค่อนข้างจะมีอิสระมากกว่ามากในการเลือกใช้ชีวิต 2. มหาวิทยาลัยในไทย ยังมีพัฒนาการไม่นานเลยคับถ้าเทียบกับอเมริกา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้าเทียบกับยุโรป มหาวิทยาลัยรัฐบาลในไทยมีมาก่อนเอกชนนานนัก พัฒนาการยาวนานกว่า ชื่อเสียงที่สั่งสมก็มากกว่า ไหนจะบรรดาศิษย์เก่าทั้งหลายในแวดวงต่างๆ อันจะยังผลประโยชน์ในการทำงานในสถานที่ทำงานนั้นๆอีก 3. วัฒนธรรมแนวคิดเรื่องเกียรติ และความมั่นคง ในการทำงานให้กับส่วนราชการ มีผลไม่น้อยกับการที่คนเก่งและคนมีโอกาสเรียนสูงๆในสมัยก่อนเลือกที่จะทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยรัฐบาล อย่าลืมนะคับว่า...ในสมัยที่มหาวิยาลัยบ้านเราเพิ่งตั้งไข่ ส่วนใหญ่แล้ว เป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริยและเจ้านายชั้นสูงทั้งนั้นในการสนับสนุนส่งเสริม รวมถึงผู้ที่มีวิสัยทัศน์และเงินพอจะไปศึกษาเล่าเรียนเพื่อกลับมาเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย ล้วนเป็นเจ้านายสมัยก่อน และกลับมาก็สอนในมหาวิทยาลัยรัฐกันแทบทั้งนั้น ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยไม่ได้สร้างกันข้ามคืนคับ 4. มหาวิทยาลัยในไทย เน้นลักษณะการเรียนการสอน มากกว่าเน้นวิจัย ไม่ว่าทั้งรัฐหรือเอกชน เพิ่งมาเริ่มจะคิดกันว่ามหาวิทยาลัยต้องทำงานวิจัย ต้องขายงานวิจัย เมื่อไม่นานมานี้เอง และถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่น่าจะมีที่ไหนเด่นพอจะยกงานวิจัยขึ้นเหนือการเรียนการสอนได้ ประกอบกับนิสัยของคนไทย ก็มักมองกันแต่การเรียน ไม่ได้มองงานวิจัยเช่นกัน นอกจากนี้ งานวิจัยในไทย มันต้องใช้เวลาอีกนานคับ ถึงจะเลี้ยงมหาวิทยาลัยได้ และเงินบริจาครวมถึงทุนจากแหล่งเงินทุนต่างๆเข้ามหาวิทยาลัยได้แบบในอเมริกา ทำให้มหาวิทยาลัยรัฐทกวันนี้อย่างไรเสียก็ได้เปรียบเอกชนในเรื่องเงินทุน เพราะมีรัฐสนับสนุน แม้มหาวิทยาลัยเอกชนหลายที่จะหาเงินได้เหมือนจะมากมาย แต่ผมว่ามันยังไม่มากพอขนาดจะปรับเปลี่ยนในระยะเวลาสั้นๆ เช่น การจ้างอาจารย์เก่งๆดังๆระดับโลกมาเพื่อให้ตนมีอะไรเหนือกว่ามหาวิทยาลัยรัฐบาลดังๆได้อย่างชัดเจน ซึ่งต่างกับอเมริกาที่มหาวิทยาลัยเอกชนดังๆเป็นแหล่งรวมแห่งอาจารย์เก่งๆมากมาย ทุนวิจัยมหาศาล ทรัพยากรบุคคลและเครื่องไม้เครื่องมืดระดับสุดยอด 5. หลักสูตรการเรียนการสอนที่หลากหลาย ในไทยไม่ว่าคุณจะเลือกเรียนรัฐบาลหรือเอกชน จะเห็นได้ว่ามีอยู่ไม่กี่คณะหรอกคับ ต่างกับในอเมริกา ซึ่งมีหลักสูตรที่หลากหลายมากมายให้เลือกเรียน คนเรียนจำนวนมาก ก็เลือกมหาวิยาลัยที่หลักสูตรต่างๆ โดยไม่ต้องสนว่าเรียนมหาวิทยาลัยรัฐหรือเอกชน มหาวิทยาลัยอันดับไหน 6. เรื่องมาตรฐานการเรียนการสอน อันนี้ผมคงตอบไม่ได้ เพราะผมไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเอกชนมาก่อน และการตอบประเด็นนี้ ถ้าพูดอะไรไปตรงๆ คงโดนถล่มเละแน่ๆ เพราะประเด็นนี้พูดกันทีไร ก็เห็นคนเขาทะเลาะกันทุกที 55 ผมเคารถต่อทุกมหาวิทยาลัยนะ แต่ให้ตายผมก็ไม่เชื่อว่ามาตรฐานทุกมหาวิทยาลัยเท่ากัน ยกตัวอย่างที่พอจะใกล้ตัวหน่อย แม้ตัวอย่างจะเล็กและแคบ ซึ่งคงเป็นตัวอย่างของเรื่องทังหมดไม่ได้ แต่จะขอยกแบบที่เห็นง่ายๆที่ผมเคยเจอละกัน - ตอนนี้ผมเรียน นิติศาสตร์ อยู่ที่มหาวิทยาลัยรัฐบาลเก่าแก่ที่หนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยชื่อนะ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน) เมื่อเทอมที่แล้ว ผมมีโอกาสได้เห็นข้อสอบวิชาหนึ่งของมหาวิทยาลัยเอกชนมีชื่อเสียงหลายแห่ง บอกตรงๆนะว่า ข้อสอบง่ายมากๆคับ และนอกจากข้อสอบง่ายแล้ว โจทย์ส่วนใหญ่ที่เห็น ยังมีช่องโหว่จำนวนมาก และโจทย์ไม่สมบูรณ์อีกด้วย ซึ่งถ้าให้ผมทำโจทย์เหล่านั้น ผมคงทำไม่ได้ในเวลาปกติที่กำหนด ไม่ใช่เพราะมันยาก...อย่างที่บอกว่ามันง่าย แต่ที่จะทำไม่ได้ในเวลากำหนด เพราะโจทย์ช่องโหว่เยอะมาก ปัจจัยเรื่องปัญหาข้อเท็จจริงในโจทย์ไม่นิ่งพอจะทำให้ตอบปัญหาข้อกฎหมายในลักษณะการสอบของวิชานิติศาสตร์ได้ การตอบจะต้องตอบว่า "ถ้า" เยอะมากๆ แต่ละประเด็นจะต้องแตกแขนงออกไปมากมายมหาศาลว่า ถ้าอย่างโน้น ถ้าอย่างนี้ ซึ่งจริงๆข้อสอบที่จะวัดประเด็นข้อกฎหมายไม่ควรเป็นเช่นนั้น (เว้นแต่ประเด็นข้อกฎหมายที่ยังไม่นิ่ง ซึ่งเป็นอีกเรื่องไม่ใช่ในกรณีนี้) หมายเหตุ... เรื่องโจทย์ไม่สมบูรณ์นี้ไม่ได้คิดไปเองนะคับ พอดีมีหลายข้อที่ท่านอาจารย์เอามาให้ลองทำในห้อง ผมก็บอกไปตรงๆว่า โจทย์ไม่สมบูรณ์อย่างไร ซึ่งในห้องทุกคนก็เห็นตรงกันตามนั้น ปล... อย่างที่บอกนะ ตัวอย่างข้างบนเป็นเพียงจุดเล็กๆที่ผมเจอ ข้อสอบของที่อื่นๆอาจไม่แย่แบบที่ผมเห็ฯก็ได้ และในส่วนของคณะอื่นๆ หรือ ภาพใหญ่อาจไม่ได้เป็ฯเช่นนั้นก็ได้คับ ผมแค่ยกตัวอย่างที่ผมเคยเจอ มิได้มีเป้าหมายจะบอกว่ามหาวิทยาลัยรัฐบาลดีกว่าเอกชนแต่อย่างใด ผมเชื่อว่ามหาวิยาลัยไม่ว่าจะรัฐบาลหรือเอกชน ก็มีทั้งดีและไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น จากคุณ : dragonite เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 22:52:29

ความคิดเห็นที่ 13 เราเห็นถึงความพยายามของBเรื่องจะเข้าYale แล้วคิดว่าทุ่มทุนจริง ชอบๆๆ... เพิ่งรู้ว่าYaleเป็นม.เอกชน ไม่น่าทำไม B อยากเข้า จากคุณ : Akatoune เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 01:10:42