ความคิดเห็นที่ 1 นับย้อนไปเมื่อราว 30 ปีที่ผ่านมา ป้าสำรวยในขณะนั้นคือหญิงสาวที่คอยหยิบยื่นเศษอาหารเพื่อต่อชีวิตสุนัขและ แมวจรจัด ชีวิตประจำวันในแต่ละวัน นอกจากจะรับจ้างเย็บผ้าแล้ว เธอต้องแบ่งเวลามาเพื่อดูแลสุนัขและแมวจรจัด ทั้งที่อยู่ในบริเวณบ้าน และที่อยู่ในย่านดินแดง ห้วยขวาง ละแวกที่เธอพักอาศัย เธอจะคอยตระเวนดูแลให้อาหาร ป้อนยา ทำความสะอาด ฉีดวัคซีน ตัวใดที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ก็จะส่งทำหมัน ตัวใดเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บที่พอจะรักษาเองได้ก็นำมาดูแลที่บ้าน แต่สำหรับบางตัวที่ถูกรถชน หรือบาดเจ็บเนื่องจากถูกคนทำร้าย เช่น ถูกฟัน ถูกน้ำกรดสาด ฯลฯ ซึ่งเกินกำลังที่จะรักษาเองได้ เธอก็จะรีบจ้างรถเพื่อนำตัวไปให้หมอรักษาโดยไม่รอช้า จากคุณ : nong2b เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 12:53:44

ความคิดเห็นที่ 2 สุนัขและแมวจรจัดของป้าทุกตัวจะได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาดในฝูงสัตว์ ต้องได้รับการทำหมันเพื่อควบคุมไม่ให้จำนวนเพิ่มขึ้น และเมื่อมีตัวใดที่เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บมาก ป้าจะพาไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์หรือคลีนิกสัตว์ใน กทม. ดังนั้น นอกจากค่าอาหารซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักแล้ว ค่ารักษาพยาบาล ค่ารถ ค่าจ้างคนมาช่วยเลี้ยงดู จึงเป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งเมื่อรวมแล้วเป็นเงินสูงถึงกว่า 100,000 บาทต่อเดือน จากคุณ : nong2b เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 12:54:28

ความคิดเห็นที่ 3 ในวันนี้…ป้าสำรวยมีสุนัขจรจัดกว่า 2,000 ตัว และแมวจรจัดกว่า 500 ตัวที่ต้องดูแล ขณะเดียวกันสุขภาพของป้าก็ย่ำแย่ลง ข้อเข่าของป้าเสื่อมในขั้นรุนแรงจนขาโก่งและต้องเดินกะเผลก เดินไปไหนไกลๆ ไม่ได้ ซึ่งป้าต้องทนทุกข์นี้มานานปี และนอกจากนี้ป้ายังเคยเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งอีกด้วย มรสุมชีวิตทั้งจากโรคภัยไข้เจ็บที่เบียดเบียน ทั้งเงินบริจาคซึ่งมีจำนวนไม่มากและไม่แน่นอน ทำให้ป้าต้องกลับมากู้หนี้ยืมสินอีกครั้งเพื่อบรรเทาปัญหาค่าใช้จ่าย หลายคนอาจคิดว่าป้าคงได้รับความช่วยเหลือมากแล้ว เพราะว่าเคยออกรายการตามสื่อต่างๆหลายครั้ง แต่แท้ที่จริงแล้วผู้ใจบุญที่บริจาคให้ป้าเป็นประจำมีเพียงไม่กี่ราย และเงินจากการบริจาคเฉลี่ยต่อเดือนแล้วไม่เคยเพียงพอเลย จากคุณ : nong2b เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 12:56:04

ความคิดเห็นที่ 4 กรณีป้า สำรวย คนอาจจะมองว่า "แค่สัตว์" ทำไมต้องไปเดืิอดร้อนขนาดนั้น แต่สำหรับคนที่รักและ เอ็นดูสัตว์จริง ๆ ความรู้สึุกเมตตาต่อสัตว์แบบนี้ ส่วนใหญ่จะเป็น แต่น้อยรายที่จะขนาดป้าสำรวย  บางคนว่า "ป้าบ้าเหรอ" แต่ถามว่า "สัตว์ตาดำ ๆ เหล่านั้น ส่วนนึงไม่ใช่เพราะมนุษย์ที่ไร้การรับผิดชอบหรอกเหรอที่ วันนึงรัก วันนึงทิ้ง! " “ผู้มีเมตตาจิตที่ประสงค์จะให้ความช่วยเหลือโดยตรง โปรดติดต่อ .. ป้าสำรวย โตพฤกษา ..โทร. 086-1591099 และ 02-644 0560 จากคุณ : nong2b เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 12:59:14

ความคิดเห็นที่ 5 " แม่ติ๋ว......บ้านโฮมฮัก "  ชื่อของบุคคลท่านนี้ เริ่มมีคนรับรู้ สนใจ ตั้งแต่ที่ TRUE ทำ Reality ให้ AF ไปช่วยทำกิจกรรมที่บ้านโฮมฮัก เลยเป็นที่รู้เห็นแก่ผู้คนมากขึ้น ต่อมา บ.ไทยประกันชีวิต ได้นำชีวิตมาืทำโฆษณา "แม่ต้อย" จนเป็นที่รู้จักกัน เดิมที่ "แม่ติ๋ว" ที่ป่วยเป็นมะเร็งอยู่แล้ว ไม่ค่อยจะให้ใครได้รับรู้ในการช่วยเหลือของตน เพราะไม่อยากให้ใครมองไปในทางที่ว่า มาดูแลเพื่อหวังอะไร  แต่เคยเห็นสภาพ และเด็ก ๆ ในบ้านกลายราย ที่มีทั้งป่วย และปรกติเรียนหนังสือ  "เด็กบางคนป่วย ก็ต้องหายา่ตลอด"  บางทีไม่มีเงินพอจะใช้ ก็จะชวนเด็ก ๆ ทำสินค้าไปขายตามตลาดนัด เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย ตอนที่เคยดู True ทำเป็น Reality คราวนั้นยังน้ำตาไหล เห็นใจ สงสารเด็ก ๆ เหล่านั้นเลย จากคุณ : nong2b เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:04:54

ความคิดเห็นที่ 6 "ครูติ๋ว" หรือ "แม่ติ๋ว" ของเด็กๆ เคยเป็นอาสาสมัครตามมูลนิธิต่างๆ ก่อนจะมาก่อตั้ง "มูลนิธิ สุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน" ขึ้น และสร้างบ้านโฮมฮักขึ้นที่จังหวัดยโสธร ตลอดเวลา 20 ปีของบ้านโฮมฮัก ครูติ๋วได้ทุ่มเทความรักให้กับเด็กๆ ด้อยโอกาสและเด็กที่ประสบปัญหาวิกฤติต่างๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเด็กติดเชื้อเอดส์ เด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือเด็กถูกทำร้ายทุบตี รวมๆ กว่า 100 ชีวิต จากคุณ : nong2b เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:06:01

ความคิดเห็นที่ 7 แม้ตัวครูติ๋วเองจะมีฐานะไม่สู้ดีนัก ซ้ำยังทรมานจากอาการป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มานานหลายปี ซึ่งอาการก็ทรงๆ ทรุดๆ และกำเริบขึ้นมาวันใดก็ได้ แต่ครูติ๋วก็ไม่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับการรักษาตัวเองเสียทั้งหมด เวลาส่วนใหญ่ของเธออยู่ที่การได้ดูแลเด็กๆ ในบ้านโฮมฮัก นั่นเพราะครูติ๋วมีหลักในการดำรงชีวิตว่า "ชีวิตที่มีค่า คือการทำให้ชีวิตผู้อื่นมีค่า" ดังนั้นครูติ๋วจึงสุขใจที่จะได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเด็กๆ ผู้เปรียบเสมือนต้นกล้าเล็กๆ ที่กำลังรอการรดน้ำพรวนดินและใส่ปุ๋ยที่ดีก่อนจะเติบโตเป็นต้นไม้ที่สวยงามต่อไป สมกับชื่อบ้าน "โฮมฮัก"ที่เป็นภาษาอีสานหมายถึง "ศูนย์รวมแห่งความรักนั่นเอง" จากคุณ : nong2b เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:06:35

ความคิดเห็นที่ 8 นับวันที่บ้านโฮมฮักจะมีเด็กๆ เข้ามารับไออุ่นจากบ้านมากขึ้น นั่นสะท้อนให้เห็นว่าสังคมเรายิ่งเลวร้ายลงเพียงใด บ้านโฮมฮักที่กลายเป็นจุดพักพิงของเด็กๆ ด้อยโอกาส จึงกำลังประสบปัญหาอย่างหนักเรื่องเงินทุนที่ต้องใช้กว่าเดือนละเจ็ดแสนบาท ทั้งค่าอาหาร ค่ายา และอุปกรณ์ต่างๆ จนครูติ๋วก็ไม่รู้ว่าชะตากรรมของเด็กๆ จะดำเนินต่อไปได้อย่างไร หากขาดเงินทุนมาหล่อเลี้ยงชีวิต แต่หลังจากครูติ๋วได้ออกรายการโทรทัศน์หลายๆ รายการ นั่นก็ทำให้เกิดธารน้ำใจจากกลุ่มต่างๆ หลั่งไหลเข้ามาช่วยเหลือจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อมอบเงินทุนให้กับบ้านโฮมฮัก เป็นการตอบแทนน้ำใจของครูติ๋วที่ได้แบ่งปันและให้สิ่งดีๆ กับสังคม          และนี่คือชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านภาพยนตร์โฆษณา เป็นการกระตุ้นให้คนตระหนักถึงสังคมมากขึ้น เฉกเช่นเดียวกับความคิดของ "ครูติ๋ว" ที่แม้ร่างกายของเธอจะอ่อนแอจากโรคร้ายที่รุมเร้า แต่หัวใจของเธอยังคงเข้มแข็งเต็มเปี่ยมพร้อมที่จะ "ให้" และเติมเต็มในสิ่งที่ขาด ในทุกๆ โอกาสที่เธอจะทำได้ ใครอยากร่วมให้กำลังและแบ่งปันสามารถส่งผ่านทางที่อยู่ มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและ เยาวชน เลขที่ 3 หมู่ 12 บ้านประชาสรรค์ ต.ตาดทอง อ.เมือง ยโสธร 35000 หรือทางบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ยโสธร ชื่อบัญชี มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน เลขที่บัญชี 561-2-21187-7 หรือบัญชีธนาคารทหารไทย สาขา ยโสธร ชื่อบัญชี มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน เลขที่บัญชี 437-2-13090-8 จากคุณ : nong2b เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:08:44

ความคิดเห็นที่ 9 ปัญหาที่น่าเป็นห่วงสำหรับ "การสั่นคลอนของความเชื่อถือ" อาจจะทำให้เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่กับ "ผู้มีจิตใจดีและเมตตา" คนอื่น ๆ แน่นอนว่าใคร ๆ ก็ไม่อยากถูกหลอก แต่คนดีของสังคมก็ยังมีอยู่อีกมากมาย การที่มีข่าวแบบนี้ออกมา ทำให้คนดีอีกหลายคนอาจจะโดนเคลือบแคลงสงสัยไปด้วย ยังไงก็ให้กำลังใจคนดี ๆ ของสังคมที่มีอยู่อีกมากมาย อย่าได้ท้อถอยหรือยอมแพ้ครับ :) จากคุณ : wolf เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:09:15

ความคิดเห็นที่ 10 โดนผลกระทบไปด้วยแน่ๆ จากคุณ : ชูโฮ_มารู เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:13:16

ความคิดเห็นที่ 11 สงสารทั้งป้าสำรวย และแม่ติ๋ว จากคุณ : ningnoi เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:20:41

ความคิดเห็นที่ 12   เมื่อคืนดูข่าวช่อง 7 บ้านโฮมฮัก ของครูติ๋ว หรือ มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน  เขาบอกว่า เขาไม่ได้หวังพึ่งเงินบริจาคอย่างเดียว ถ้าหวังแต่จะพึ่งเงินบริจาค มันอยู่ไม่ได้ เพราะเราไม่สามารถคาดเดาถึงอนาคตได้ แต่ใช้หลักสร้างพื้นฐานชีวิต ปลูกฝังเด็กช่วยเหลือตัวเอง ลดภาระรายจ่าย เพิ่มรายได้ จากคุณ : JustLikeLove เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:35:55

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่รู้เป็นไปได้หรือเปล่า แต่อยากให้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ เช่น มีหน่วยงานรัฐเข้าไปสอนวิธีการทำบัญชีกับคุณป้า คุณแม่ผู้ใจบุญเหล่านี้ หรือว่าเขามีหน่วยงานตรวจสอบการทำงานอยู่แล้ว (อันนี้เราไม่รู้) คิดว่าถ้าดักไว้ตั้งแต่ต้นทางน่าจะทำให้หลายฝ่าย ทั้งผู้ให้ก็สบายใจ ผู้รับไปก็เอาไปสานงานตามความตั้งใจได้อย่างถูกวิธี ตัวเด็ก หรือสุนัขที่รอคอยความเมตตาอยู่จะได้ใช้ชีวิตที่พัฒนาขึ้นไปด้วย เช่น เด็กได้เรียนตามหลักสูตรที่ควร สุนัขทำหมั้น ดูแลสุขภาพที่ดีพอ ไม่งั้นเด็กเองไม่ได้เรียน พอครูเหล่าแก่ตัวลงเด็กก็แย่ดูแลตัวเองไม่ได้ ต่อยอดไม่ได้ สุนัขเหล่านี้ควรหยุดแพร่พันธุ์ได้แล้ว ไม่งั้นคนให้ ให้กันตายก็ไม่พอ ไม่ได้หมายถึงเฉพาะสองที่นี้นะ ทุกๆ มูลนิธิเลย จากคุณ : สุริยาแก้มป่อง เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:38:41

ความคิดเห็นที่ 14 เราคงต้องแยกแยะ และพิจารณากันอย่างมี "สติ" อย่าเหมารวมไปทั้งหมด เพราะหากเป็นอย่างนั้น"คนบริสุทธิ์"ก็คงจะเดือดร้อนทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด โดยเฉพาะ"เด็กๆ" จากคุณ : crookshanks เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:40:26

ความคิดเห็นที่ 15 ครูติ๋วกับป้าสำรวยต่างจากครูน้อยนะ ครูน้อยมีเด็กอยู่ด้วยแค่สิบกว่าคน ที่เหลือเป็นเด็กมีพ่อมีแม่ ทางสังคมสงเคราะห์เคยจะรับดูแลเด็กแทนครูน้อย แต่ครูน้อยปฏิเสธ (อันนี้ฟังจากข่าวทีวี) จากคุณ : weirdbird เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:45:56

ความคิดเห็นที่ 16 ผมยังยืนยันคำเดิมว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" จากคุณ : BLINKBLINKBEAR เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 14:00:27

ความคิดเห็นที่ 17 ถึงวันนี้ยังไม่เข้าใจว่า มูลนิธิที่มีคนรู้จักมากขนาดของครูน้อย ทำไมไม่มีการจัดทำบัญชี ?? แล้วอย่างนี้คนที่บริจาคเงินจะรู้ได้ยังไงว่าเงินที่ทำบุญไปจะถูกเอาไปใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม จากคุณ : หลายมิติ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 14:34:48

ความคิดเห็นที่ 18 เคยดูครูน้อยไปออกรายการ เจาะใจ เมื่อหลายปีก่อน ยังรู้สึกว่า เป็นมูลนิธิ ที่ไม่น่าบริจาคเงินเป็นที่สุด ไม่มีการจัดการที่ดี มีแต่ ให้เงินเด็กๆ ไม่มีการอบรมสั่งสอนอะไรเลย และแถมดูแลทั้งเด็กที่มี พ่อแม่ อยู่แล้ว ยังงี้ไม่ต้องดูแลเค้าไปทั้งบ้านเลยหรือไง แบบนี้ คนแถวนั้น มีลูกไม่ต้องเลี้ยงไม่ต้องส่งเสีย เอามาให้ครูน้อยคอยส่งให้เรียน แทน สบายแฮ คนอื่นที่เค้าทำงานกันแทบตาย หาเงินส่งลูกเรียนหนังสือ ยังไม่สปอย์ ลูกเหมือนครูน้อยเลย สงสัยได้เงินมาง่ายๆ มั้ง เลยไม่ค่อยเห็นคุณค่าของมัน เท่ากับคนอื่น จากคุณ : ดาราขาวีน เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 14:52:57

ความคิดเห็นที่ 19 บ้านป้าน้อย เหมือนจ้างเด็กให้มาอยู่ด้วยเยอะๆ เพื่อรับเงินและของ บริจาคเลย จากคุณ : พ่อตาหวาน เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 16:15:14

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนตัวสนับสนุนป้าสำรวยกับแม่ติ๋วมากกว่าอะค่ะ จากคุณ : พันนาม เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 16:52:52

ความคิดเห็นที่ 21 "บ้านครูน้อย" ไม่ใช่ "มูลนิธิ" ฟังจากข่าว จากคุณ : netaddict เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 20:19:13

ความคิดเห็นที่ 22 อีกหนึ่งเสียงที่ศรัทธาในตัวแม่ติ๋วค่ะ เคยไปเยี่ยมแก 2 ครั้ง แล้วก็ชอบเด็กๆ ที่นั่น (มากกว่าเด็กๆ ที่บ้านครูน้อย) จริงๆ แล้วเคยไปมาทั้ง 2 ที่ ค่ะ เลยค่อนข้างรู้สึกถึงความแตกต่าง ระหว่าง บ้านครูน้อยและบ้านแม่ติ๋ว เราประทับใจแม่ติ๋วมากกว่าค่ะ ^^ แม่ติ๋วสอนน้องดี เด็กๆ น่ารัก ตอนที่มีงานของทีวีบูรพาที่ JJ mall ยังแวะไปช่วยแกอยู่เลย ช่วยอะไรไม่ได้มาก ก็ไปเป็นแรงงานช่วยขนของขึ้นรถกลับยโสธร ^^ ส่วนป้าสำรวย เป็นที่ต่อไปที่คิดจะไปทำค่ะ^^ จากคุณ : kiss_intheblue เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 21:32:15

ความคิดเห็นที่ 23 ความคิดเห็นที่ 13   ไม่รู้เป็นไปได้หรือเปล่า แต่อยากให้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ เช่น มีหน่วยงานรัฐเข้าไปสอนวิธีการทำบัญชีกับคุณป้า คุณแม่ผู้ใจบุญเหล่านี้ หรือว่าเขามีหน่วยงานตรวจสอบการทำงานอยู่แล้ว (อันนี้เราไม่รู้) คิด ว่าถ้าดักไว้ตั้งแต่ต้นทางน่าจะทำให้หลายฝ่าย ทั้งผู้ให้ก็สบายใจ ผู้รับไปก็เอาไปสานงานตามความตั้งใจได้อย่างถูกวิธี ตัวเด็ก หรือสุนัขที่รอคอยความเมตตาอยู่จะได้ใช้ชีวิตที่พัฒนาขึ้นไปด้วย เช่น เด็กได้เรียนตามหลักสูตรที่ควร สุนัขทำหมั้น ดูแลสุขภาพที่ดีพอ ไม่ งั้นเด็กเองไม่ได้เรียน พอครูเหล่าแก่ตัวลงเด็กก็แย่ดูแลตัวเองไม่ได้ ต่อยอดไม่ได้ สุนัขเหล่านี้ควรหยุดแพร่พันธุ์ได้แล้ว ไม่งั้นคนให้ ให้กันตายก็ไม่พอ ไม่ได้หมายถึงเฉพาะสองที่นี้นะ ทุกๆ มูลนิธิเลย ************************************************ ขำสุนัขทำหมั้น น่ะค่ะ ! จากคุณ : nong2b เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 23:27:21

ความคิดเห็นที่ 24 เราว่ากรณีบ้านครูน้อยทำให้หลายๆคนชะงักที่จะทำบุยไปเหมือนกันเลยนะ แถมยังมีคนคิดว่าครูน้อยเป็นคนดูแลบ้านโฮมฮักอีก จำสับสนไปกันหมด เรานับถือน้ำใจป้าสำรวยนะ แกทำเพราะแกมีจิตเมตตาจริงๆ จากคุณ : <<Ayumi>> เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 14:52:39