ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วย..โหวต จากคุณ : music2boylove เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 08:54:33

ความคิดเห็นที่ 2 อึ้งกับครูน้อยเหมือนกันที่ให้เงินเด็กแบบเดินเข้าแถวมารับเงินทุกวัน  คนงานได้วันไม่ต่ำกว่า 500-2500 ทุกคน จากคุณ : ผมก็ยังคิดว่าผมหล่อ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:02:28

ความคิดเห็นที่ 3 ดูข่าวเหมือนกัน ที่นั่นมีทั้งปลูกผัก เลี้ยงแพะ ทำงานเลี้ยงตัวเอง จนมีเงินมาช่วยค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆของที่นั่นได้สบายๆเลย น่าชื่นชมๆ จากคุณ : นายเบียร์ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:31:55

ความคิดเห็นที่ 4   กรุงเทพฯ กับ ต่างจังหวัด การใช้ชีวิตมันก็ไม่เหมือนกันนะ ค่าครองชีพมันต่างกันเยอะมาก ลองมองอีกมุมก็ดีนะ ไม่ได้เข้าข้างใครนะ จากคุณ : PJ_jp เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:31:59

ความคิดเห็นที่ 5 เงินบริจาคไม่ใช่น้อยๆ และได้รับบริจาคมาก็นานแล้ว แล้วเด็กก็ไม่ถือว่าเยอะมากจนเกินไป บางคนมีพ่อแม่ด้วยซ้ำ กำพร้าจริงๆไม่กี่คน เงินบริจาคหายไปไหนหมด ไม่พอยังไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นเค้ามาอีก และไม่ใช่น้อยๆตั้ง8ล้าน เอาเงินไปทำอะไร ยังสงสัยอยู่เรื่องทุจริตกันเองในหมู่กันเอง ส่วนการให้เงินเด็กไปโรงเรียน ถ้าเด็กมีพ่อแม่ ไม่ควรจะรับภาระตรงนั้น แค่ข้าวปลาอาหารก็น่าจะเกินพอแล้ว ส่วนเรื่องบัญชีไม่มีการทำไว้เลยเหรอ หรือทำแต่กลัวตรวจสอบ เลยทำลายหลักฐานไปแล้วหรือเปล่า สมาชิก(ตัวการ)ในบ้านครูน้อย มีหลายคน ช่วยกันกินช่วยกันใช้แหงๆ อยากให้สอบไปจนถึง ลูกๆ ด้วยว่ามีเอี่ยวด้วยมั๊ย สอบมันทุกคนที่เกี่ยวข้อง จนกว่าจะจนมุม เงินไม่ใช่น้อยๆเค้าบริจาคให้เด็ก แต่ไม่ค่อยถึงเด็ก .... จากคุณ : ก้าวที่กล้า เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:32:05

ความคิดเห็นที่ 6 น่าชื่นชมมากค่ะ... ไม่ว่าจะเป็นคนที่ด้อยโอกาส...คนสังคมชนบท...คนสังคมเมือง... เกษตรกร...คนใช้แรงงาน...ลูกจ้าง...เจ้าของกิจการ...คนจน...คนรวย... ...สิ่งที่ดีที่สุดคือการรู้จักพึ่งพาตนเอง และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง... ...ถ้ามีเหลือพอ ก็คืนสู่สังคม เพื่อประโยชน์ส่วนรวม... จากคุณ : Little Dreamer เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:49:42

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วเด็กที่มีพ่อมีแม่ แล้วมาอาศัยบ้านครูน้อยนี่น่าจะมีส่วนรับผิดชอบหนี้สินของครูด้วยนะเนี่ย จากคุณ : oiooy เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:07:31

ความคิดเห็นที่ 8 อยากได้แผนทีสถานที่ตั้งกะเบอร์ติดต่อค่า...ใครพอทราบบ้างคะ จากคุณ : อยากทำบุญ (ใบเมเปิ้ลสีม่วง) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:31:55

ความคิดเห็นที่ 9 เคยคิดที่จะทำบุญโดยการส่งเสียเป็นรายเดือนให้กับมูลนิธิเหมือนกันค่ะ แต่พอเกิดกรณีแบบบ้านครูน้อยปุ๊บ สมองด้านชั่วก็ออกมาทักท้วงว่า ทำไปก็ไม่ถึงเด็กร๊อก ถึงแม้ว่าจะถึงก็คือเงินไม่กี่บาท.. แล้วถ้าถึงจริงเด็กจะใช้เงินแบบคุ้มค่ากับที่เราตั้งใจจะให้เค้าใช้มั๊ย คือ คำถามมันผุดๆๆๆๆๆๆๆๆ ยอมรับว่าลังเล แล้วก็ลังเลมากด้วย.. - - - - - - - - บ้านชาโรม น่าชื่นชมค่ะ ขอให้น้องเด็กเหล่านี้เติบโตไปเป็นคนดีมีความคิด ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นนะลูก^^ จากคุณ : ไอเลิฟคาราบาว เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:39:48

ความคิดเห็นที่ 10 เรื่องนี้มันบอกให้เรารู้ว่า คนเราจะ "ดี" ได้ ก็ด้วย "ปัญญา" จากคุณ : crookshanks เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:54:33

ความคิดเห็นที่ 11 รัชกาลค่ะ สะกดด้วย"ล" ไม่ใช่ "ร" อืม กรุงเทพกับต่างจังหวัด ค่าครองชีพ หรืออะไรต่างๆ อาจจะไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ครูน้อยควรเอาเยี่ยงและเอาอย่าง น่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมากกว่า รับเลี้ยงเด็กในบ้านก็ตั้งเยอะแยะ ไม่ได้พิการ ปัญญาอ่อน ทุกคนช่วยเหลือตัวเองได้ ทำไม๊ ทำไม ไม่ให้เด็กๆ ช่วยกันทำงานบ้านกันล่ะ ค่าจ้างแม่บ้านอะไรต่างๆ นั้นก็ไม่ต้องเสีย เด็กที่โตเรียนหนังสือแล้ว รู้เรื่อง หรือเรียนดีๆหน่อย ก็ให้ช่วยทำบัญชี หรือเป็นเลขาอะไรนั่นก็ได้ ไม่ต้องถึงกับปลูกผัก เลี้ยงปลา แค่ที่มีอยู่ก็ช่วยกันทำงาน หรือช่วยกันหารายได้พิเศษบ้างเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ก็อยู่กันได้แล้ว ไม่ต้องหวังพึ่งแค่เงินบริจาคอย่างเดียวหรอก แก้ไขสะกดผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 11:04:24 จากคุณ : ดองกี้...ดองกี้ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 11:11:55

ความคิดเห็นที่ 12 คห. 11 แก้ไขคำว่า "รัชกาล" แล้วนะคะคุณดองกี้...ดองกี้ ^ ^ ... อืม...เดี๊ยนเห็นด้วยกับคุณดองกี้...ดองกี้ "ทุกประโยค" เลยค่ะ... จากคุณ : จขกท. (ROONGPOONGLOW) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 11:23:14

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ได้ดูรายการ แต่เข้ามาอ่านก็รู้สึกเหมือนคุณเจ้าของกระทู้เลยค่ะ เคยดูครูน้อยสัมภาษณ์เมื่อหลายปีก่อน เกี่ยวกับการให้เงินเด็ก ประมาณว่า ถ้าเด็กต้องการอะไรจะให้เลย เพราะอยากให้เด็กๆพวกนั้นมีเหมือนคนอื่นเค้า  ประโยคนี้แหล่ะ ดิฉันไม่คิดจะไปทำบุญอะไรบ้านครูน้อยเลยค่ะ  เพราะนั่นคือการ สปอยเด็ก ไม่ใช่การช่วยเหลือ หรือขัดเกลาเด็ก เมื่อเข้ามาอ่านบ้านชาโรม แม้จะไม่ดูรายการ แต่ขอยกมือโหวต และอยากเข้าไปช่วยเล็กๆน้อยๆบ้างจังเลยค่ะ จากคุณ : เจนนี่_T เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 11:28:46

ความคิดเห็นที่ 14 ครูน้อย  ยังจัดการชีวิตตัวเองไม่ได้เลย  ดูจากบริเวณรอบๆตัวที่ครูน้อยนั่งแจกเงินเด็กๆ   ...  ไม่มีอะไรที่เรียกว่า  ครูน้อยเธอจัดการเป็น   ... เมื่อเป็นดังนั้น  ครูน้อยจะเอาอะไรไปสอนให้เด็กๆรู้จัก ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้   ... ถ้าพูดแบบใจร้าย  ใจดำ  สวนกระแส  ก็ประมาณ  ขอทานชั้นสูงนั่นแหละ   ก็ขอทานเค้าขอแต่เงิน อย่างเดียวไม่ใช่เหรอ   ทำอย่างอื่นเป็นที่ไหนกัน จากคุณ : ป้าเกษ (inhouse) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 11:48:53

ความคิดเห็นที่ 15 บ้านชาโรมอยู่เชียงรายค่ะ เห็นด้วยตรงที่ครูน้อยควรสอนให้เด็กพึ่งตัวเองให้มากๆ ยิ่งเดี๋ยวนี้มีมาตรการเรียนๆฟรี เด็กที่โตหน่อยน่าจะลองหารายได้พิเศษเป็นค่าขนมได้เอง แต่ก็เปรียบกับบ้านชาโรมไม่ได้นักหรอกค่ะ ที่นั่นเค้ามีที่ดิน สภาพบ้านสามารถปลูกพืชผักเลี้ยงสัตว์ ส่วนบ้านครูน้อยคงทำแบบนั้นไม่ได้ แต่น่าจะมีการให้เด็กหัดทำงานฝีมือไปขายหารายได้อีกทางนึง จากคุณ : adidasist เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 11:57:52

ความคิดเห็นที่ 16   บ้านป้าน้อย-ไม่เรียกครูอ่ะ เพราะลักษณะมันไม่ใช่ เลี้ยงเด็ก(ในสังกัดจริง) 18 คน เป็นหนี้ 8ล้าน!!! 2 ปีก่อน ก็ขอบริจาคเพราะเป็นหนี้ คนก็ช่วยกันไป บางคนก็ติงแล้ว พูดแล้ว ตั้งข้อสังเกตุกันมาแล้ว 2 ปีต่อมา แหมๆๆ กล้ากู้(แบบเมามันส์กว่าเดิม)อ่ะ งานหลักไม่มีทำแต่กล้ากู้ตั้ง8 ล้าน >.< คิดได้งัย ถ้าคนไม่เคยรับบริจาคปีละหลายล้านจะกล้ามั๊ยล่ะ พอกิจการ ซบเซาลงหน่อย มาอีกกก เล่นบทเดิม(มันเคยได้ผลสุดยอด ชิมิ) แต่ดันผิดคาดไปหน่อย เพราะบางคนความจำยังดีบ้าง จำมุขได้ เลยมีข้อสงสัยตามมา แต่ก็นะ!! ยังมีคนใจบุญที่เค้าไม่รู้ตื้นลึกเค้าก็ช่วยเหลือกันอีกครา ถือว่าได้ผลอีกตามเคยอ่ะนะป้า เหอๆ ป้าตอบคำถามสังคมให้หน่อยเถอะ กิจการดีขนาด จ้างคนทำความสะอาดวันละ 1500 : จ้างทำแล้วคงดูสะอาดสะอ้านดี จนคนกลับมาบ่นว่า เหม็นมาก,สกปรกจัง จ้างเด็กเขียนบอร์ดวันละ 500 : เด็กในสังกัดยังต้องจ้าง! จ้างเลขาวันละ 2500 : ป๊าดดดด เศรษฐีจริงๆ จ้างเลขาไว้ทำอะไรเอ่ย บอกหน่อย ทำบช.? เคาะประบ้านชาวบ้านแจกตังค์(โชว์) เด็กๆนี่คงไม่ต้องเดาแล้วละมั้ง ใช้กันอู้ฟู้ขนาดไหน โตขึ้นเด็กที่รับการเลี้ยงดูแบบนี้จะเป็นอย่างไร เดาไม่ยาก T_T ป้าจ๋า 2 ปีผ่านไปเลี้ยงเด็กจำนวนแค่นี้กับเงินบริจาค(ที่เค้าให้ๆมา) + หนี้เพิ่มอีก 8 ล้าน สรุปป้าใช้เงินในกิจการนี้ปีละกี่ล้านนนนนน??????? ช่วยบอกที!!!! มันไม่ช่ายสถานเลี้ยงเด็ก "กำพร้า" แล้ววววว เห้ออออออออออ ..........เหลือจะกล่าว แต่เรายังจะพอมีศรัทธาเหลือพอสำหรับที่ที่เค้าขาดแคลนจริงๆ อยู่นะ จากคุณ : ขอบคุณพันติ๊ป เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:12:18 A:125.25.215.220 X: TicketID:232571

ความคิดเห็นที่ 17   ไม่สงสาร พูดตรงๆ บ้านครูน้อยเนี่ย บ้าป่าวเป็นหนี้นอกระบบ??? แบบนี้เราเปิดสถานเลี้ยงเด็ก เอาเด็กแถวบ้านมาเลี้ยง แล้วขอรับเงินบริจาคก็ได้งี้สิ ช่วยแล้วกำเริบเสิบสานแบบนี้ ไม่น่าเห็นใจเลย จากคุณ : ~mAd in poWer~ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:40:48

ความคิดเห็นที่ 18 เป็นไปได้ไหม ว่า ที่ต้องจ่ายเงิน คนงาน เยอะๆ อาจจะเป็น ค่าปิดปาก บางสิ่งบางอย่าง ก็ ได้ *อันนี้ คิดเอาเอง นะ จากคุณ : ทุเรียนสีชมพู เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 13:01:36

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นไปได้ไหม ว่า ที่ต้องจ่ายเงิน คนงาน เยอะๆ อาจจะเป็น ค่าปิดปาก บางสิ่งบางอย่าง ก็ ได้ *อันนี้ คิดเอาเอง นะ จากคุณ : ทุเรียนสีชมพู เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 13:01:51

ความคิดเห็นที่ 20 นี่แหละค่ะ เป็นวิธีการให้ที่ถูกต้องที่สุดค่ะ ให้อาชีพกับเด็กๆ เพื่อให้เด็กๆพึ่งพาตนเองได้ อันนี้ถูกต้องที่สุดแล้วค่ะ จากคุณ : ดอกแก้วหอมฟุ้งตอนเช้าเช้า เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 15:37:06

ความคิดเห็นที่ 21 ทำไม เธอต้อง ดราม่า ตลอดเลย จากคุณ : DevaSatan เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 16:19:09

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าใครมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบ้านชาโรม จ.เชียงราย รบกวนช่วยโพสต์ด้วยนะคะ ^ ^ จากคุณ : ROONGPOONGLOW เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 16:48:44

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านแว่บแรก ในความคิดก็คือ.......ครูน้อย รายได้ดีกว่าเราอีก ทำงานยังมีตังไม่ถึงล้านเลยจ้า แต่ครูน้อยกลับกล้ากู้ตั้ง 8 ล้าน แถมยังมีเงินบริจาคอะไรนั่นนี่เยอะแยะ แล้ววิธีเลี้ยงเด็กน่ะ ตามใจมากๆมันจะเสียคนนะ เด็กบางคนตอนเด็กๆไม่เคยมีอะไร โตไปยังเป็นคนดีได้เลย ไม่เห็นต้องไปตามใจขนาดนั้น แทนที่จะสอนให้เด็กประหยัด หรืออยากได้อะไรก็ต้องหาด้วยตัวเองก็ว่าไป ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง แบบนี้ไม่ต่างจากพ่อแม่ที่ถือหางเด็กมากๆตรงไหน พอเกิดปัญหาก็มัวแต่โทษกัน พ่อแม่ก็อ้าง เด็กไม่ดีเอง เด็กก็บอก พ่อแม่รังแกฉัน จากคุณ : แมวเขย่งยิ้ม เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 09:19:21

ความคิดเห็นที่ 24 ใจเย็น....กันก่อนในกรณีบ้านครูน้อย ค่อยๆดูกันไป แต่ในส่วนตัวไม่เห็นด้วยเลย ที่ครูน้อยกระทำแบบนี้ ที่เด็กมีพ่อมีแม่แล้วมาแบมือขอเงิน ส่วนเด็กโตๆ ก็ไม่ยอมทำอะไรเลย อย่างนี้ก็สบายนะสิ ไม่หัดช่วยตัวเอง โตมาจะน่าเป็นห่วงเอานะ อย่างเด็ก มหาวิทยาลัย โตขนาดนั้น ยังมาแบมือของเงินวันละร้อยกว่าบาท งาน part time มีเยอะแยะไม่ไปทำ เด็กอยากได้ไรก็ให้ สำหรับเรารู้สึกว่าครูทำผิดตรงนี้ ครูน่าจะระลึกถึงเศรษฐกิจพอเพียงนะ ที่ให้ เครื่องมือจับปลา ไม่ใช่ให้การให้ปลาแก่เขา วันหนึ่ง ถ้าเราไม่ให้ปลาเขา เขาก็อาจจะหากินไม่เป็น แต่ในส่วนของครอบครัวครู เราไม่ขอพูดถึง เพราะไม่ได้ทราบจากสื่อใดๆเลย และไม่เคยสัมผัสด้วยตัวเองด้วย ส่วนบ้านชาโรม เราก็ไม่อยากให้ทุกคนแห่กันไป แล้วหันไปบริจาคเงินกันเยอะๆ เราอยากจะบอกว่า เมื่อเงินเข้าไปที่ไหนมากๆ อุดมการณ์ ความคิด มักจะเปลี่ยนไปเสมอ จากคุณ : เท่ากับความรัก เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 09:36:14

ความคิดเห็นที่ 25   เห็นด้วยกับ ป้าเกษ ครับ จากคุณ : ปรายแชวอน เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 11:10:50

ความคิดเห็นที่ 26 อยากได้ที่อยู่บ้านชาโรม อยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม อยากส่งของเล็กๆน้อยๆ ให้น้องๆ คนที่พยายามยืนด้วยลำแข้งตนเองเราสนับสนุนเต็มที่ ถึงจะล้มเราก็จะช่วยให้เค้าลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่สำหรับคนที่แบมือขอเงินจากคนอื่นแถมใช้เงินอย่างไม่รู้ค่า ชาตินี้อย่างหวังว่าเราจะสนใจ ชิ จากคุณ : นักแปลเท้าปุย เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 11:21:46

ความคิดเห็นที่ 27 ความขัดสนทั้งหลาย ขจัดไม่ได้ด้วยการบริจาคอย่างเดียว.... เฮ่อ จากคุณ : kanchanok เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 11:27:33

ความคิดเห็นที่ 28 ดีจังบ้านชาโรม อยากพูดจังว่า ครูน้อยใช้เงินเยอะเพราะไม่ใช่เงินครูน้อย แต่เป็นเงินชาวบ้านบริจาค จากคุณ : Funnyfamily เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 11:33:43

ความคิดเห็นที่ 29 คนสมัยนี้น่ากลัวมากจริงๆนะ ตอนชื่นชมก็ตะบี้ตะบันชื่นชมมันเข้าไป  แต่พอวันไหนเค้าล้มขึ้นมาหรือแค่มีจุดด่างดำซักเล็กน้อยก็แทบจะต้องให้ตายตกกันไปต่อหน้าต่อตา เห้อ...สรุปงั้นคงต้องอยู่นิ่งๆ ชั่วไม่มี ทำดีไม่ปรากฎดีกว่า จากคุณ : อุดมไปด้วยความสุข เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 11:34:18

ความคิดเห็นที่ 30   นั่งดูบ้านชาโรมเหมือนกันคะ เด็ก ๆ น่ารักมากก+ ขยันขันแข็งช่วยกันทำกิจ ปลูกผัก เลี้ยงปลา ฯลฯ เจ้าของก็พูดจาดีบอกว่า... อยากสอนให้เด็กรู้จักพึ่งพาตนเอง เพื่อที่โตขึ้นจะได้ไม่ลำบาก ^ ^ สื่อน่าจะเข้าไปทำข่าวเยอะ ๆ นะคะ . . จากคุณ : ชอบกินของหวาน เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 11:52:55 A:61.90.16.231 X: TicketID:139541

ความคิดเห็นที่ 31 คนให้ก็ต้องมีสติ.. คนรับก็ต้องมีสมอง.. มันถึงจะก้าวหน้า..ไม่จมปลักอยู่กับสิ่งเดิมๆ.. เหมือนให้เงินคนพิการขาขาด.. จะนั่งขาขาดลากสังขารขอทานยาไส้ไปวันๆ หรือจะเก็บหอมรอมริบเงินที่ได้รับมาไปทำขาเทียม แล้วลุกมาเดิน..ไปทำมาหากินเหมือนคนขาดีๆ ไม่ใช่เอะอะเอาแต่บอกว่า...ไม่เห็นเหรอว่าฉันขาด   ไม่ใช่เอะอะก็บอกว่า  ไม่เห็นเหรอว่า เขามีไม่เท่าเรา  เขาขาด... แล้วคนที่ขาด  แต่พยายามลุกขึ้นมาสู้...ไม่ยิ่งกว่าซูเปอร์แมนเหรอ.. น่ายกย่องกว่าอีก...แต่สื่อเอย  สังคมเอย...ไม่เค้ยยจะมีสติ ต้องรอให้เกิดเรื่อง... แม่เจ้า  ซื้อรองเท้าพันสองให้เด็ก...กลัวเด็กไม่เท่าเทียม.. ป้า...ปั๋วหนูเงินเดือนสองแสน...ลูกชายหนูยังใช้เบรคเกอร์คู่ละสองร้อยกว่าบาทเลย แถม คนน้องขอใช้ต่อของคนพี่อีก.. เหตุผลเพราะต้องใช้ให้คุ้มค่ากับเงินที่ป๊ากับแม่หามา... สภาพรองเท้าลูกเราแบบนี้...เมียช่างอลูมิเนียมยังบอกขอไปให้ลูกต่อถ้าลูกเราใส่ไม่ได้.. เราบอกเก่าแล้ว...เธอก็บอกกับเราว่า..ยังดีอยู่ ยังใช้ได้  เด็กๆหัดให้ประหยัด ใช้ของให้เป็น  โตมาจะไม่ฟุ้งเฟ้อ ยังรู้จักคิดมากกว่าคนดีศรีสังคมแบบป้าอีก.. เรื่องส่วนตัวของป้าเราไม่ว่า ไม่ตำหนิ จะมีใครบริจาคไม่บริจาคอิชั้นไม่สน ขอตำหนิเรื่องเดียว..การให้แบบเวอร์ของป้านี่แหล่ะ...ที่อิชั้นหมั่นไส้... ไม่พอเพียง...สักที สำหรับอิชั้น...คงเพียงพอแล้วสำหรับ คนอย่างป้า.. ไม่ปลื้ม...จบ จากคุณ : anavrin เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 11:59:06

ความคิดเห็นที่ 32   บ้านชาโลมอยู่ ต.ฝั่งหมิ่น จังหวัดเชียงรายค่ะ เพื่อนดิชั้นอยู่เชียงรายเคยพูดให้ฟังแบบเีดียวกับ จขกท ดิชั้นก็ยังแปลกใจว่า ทำไมไม่มีใครช่วยเหลือ? แต่พอเพื่อนดิชั้นพาไปดู ดิชั้นประทับใจ คือ ดิชั้นเห็นและเชื่อเลยว่า น้อง ๆ ทุกคนในบ้านนี้คงต้องเห็นคุณค่าของเงินมากๆ เพราะข้าวก็ต้องปลูกเอง ผักก็ต้องปลูกเอง ของแต่ละอย่าง กว่าจะได้มาต้องใช้แรงแลกค่ะ แรงในที่นี้คือแรงน้อยๆของน้องๆ แต่เป็นแรงที่มีความภาคภูมิใจและรอยยิ้มค่ะ น้องๆ ทุกคนมีความสุขกับบ้านหลังน้อยแห่งนี้ อ่อ เด็ก ๆในนี้ส่วนหนึ่งเป็นเด็กที่พ่อแม่เป็นโรคร้ายเสียชีวิต แล้วไม่มีใครเลี้ยงดู ตอนนี้มีเด็กประมาณ 20 คน มีหลายวัยค่ะ คุณลุงคุณป้าก็น่ารัก แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 53 21:48:26 แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 12:13:35 จากคุณ : ยำใหญ่ใส่แหลก เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 12:12:38

ความคิดเห็นที่ 33 อย่าพูดเลยค่ะ ว่ากรุงเทพกับต่างจังหวัดมันต่างกัน ถ้าคนเรามันคิดจะ "หางานทำบ้าง" อะนะ ยังไงมันก็ต้องมีหนทางค่ะ ทำของชำร่วยขาย (ไม่เลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ ก็ได้ เพราะอาจจะที่ไม่พอ) ทำขนมขาย หรือรับมาขายก็ได้ถ้าทำไม่ได้ นักเรียนที่โตแล้ว ก็ไปทำงานพาร์ทไทม์ก็ได้ ถ้าจะหา มันก็คงได้อยู่หรอก ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ  แล้วรอคนเอาเงินมาให้  งานบ้านก็ช่วยกันทำสิ ปัดกวาดเช็ดถู ล้างจาน มหาวิทยาลัย เรียนราม ก็ได้นี่ โถ ๆๆๆ ได้ข่าวเรียน หอการค้า (ดิชั้น ยังไม่มีปัญญาเลย) เรามีเพื่อนที่จบราม หลายคน ได้การได้งานทำที่ดี ๆ ก็มีเยอะแยะ  ตัวเองไม่ได้หาเงินได้เอง แล้วจะเอาไปแจกคนอื่น พร่ำเพรื่อเรื่อยเปื่อย โดยอ้างเหตุผลที่ว่า "อยากให้เขามีเหมือนคนอื่นบ้าง" ฟังไม่ขึ้นเลยป้า จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 12:55:50

ความคิดเห็นที่ 34 ความคิดเห็นที่ 4     กรุงเทพฯ กับ ต่างจังหวัด การใช้ชีวิตมันก็ไม่เหมือนกันนะ ค่าครองชีพมันต่างกันเยอะมาก ลองมองอีกมุมก็ดีนะ ไม่ได้เข้าข้างใครนะ ______________________________________ ขออนุญาตไม่เห็นด้วยอย่างแรงครับ สมัยที่ผมมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2532 ถึงแม้ที่บ้านจะส่งเงินมาให้ใช้เดือนละ 2500.- เป็นค่าหอพัก 500.- ที่เหลือคือทุกอย่างที่คุณต้องใช้จ่ายให้รอด ผมจะมีเหลือเก็บอย่างน้อย 500.- เกือบทุกเดือน เหตุผลเพียงแค่เพื่อนที่อยู่หอด้วยกันอีกเป็นสิบคนที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะต่างกัน เขาก็อยู่ได้ด้วยจำนวนเงินเท่านี้ อีกมุมหนึ่ง ถ้าผมไปตามเพื่อนที่เขามีสังคมอีกอย่าง (แทงสนุ๊ก เที่ยวห้าง) ต่อให้เดือนละ 5000.- ก็ไม่พอครับ แม้วันเวลาจะเปลี่ยน สำหรับคนที่ประมาณตัวเป็นว่าอยู่ในฐานะอะไร ก็คงไม่มีปัญหาในการดำรงชีพหรอกครับ ขออนุญาตมองอีกมุม จากคุณ : บรรเจิดจิต เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 12:56:12

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้ามีปัญญา ถึงไม่มีเงินบริจาค ผมก็เชื่อว่าบ้าครูน้อยจะไม่เป็นหนี้ รู้ว่ารัก แต่รักให้ถูกทางหน่อย รักแบบผิดๆ มันก็บรรลัยทั้งครูทั้งเด็กล่ะครับ จากคุณ : ผมแอบชอบ ค.ห.17 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 13:15:55

ความคิดเห็นที่ 36 อีกหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกรุงเทพฯ แต่รู้จักพึ่งพาตัวเองคือบ้านคอมมูนิต้า ที่ลำลูกกาคลอง 12 http://topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2008/09/M7045820/M7045820.html เด็กที่นั่นเรียบร้อยน่ารัก ขี้อาย พูดเพราะ รู้คุณค่าของ ของที่บริจาค รู้จักพึ่งพาตัวเอง ปลูกผัก ปลูกผลไม้ เลี้ยงปลา เลี้ยงหมู ปลูกต้นไม้ขาย ไม่งอมือรอแต่เงินบริจาค อย่าพึ่งหมดศรัทธาในการทำความดี การแบ่งปัน ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เลยค่ะ จากคุณ : ก๋วยเจ๋ง28 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 13:21:23

ความคิดเห็นที่ 37 8 ล้าน  สร้างตึกแถวให้เด็กไร้บ้านอยู่ได้ 30 กว่าคนเลยน่ะนั่น จากคุณ : pantaye เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 13:39:26

ความคิดเห็นที่ 38 อยู่เชียงรายค่ะ และชอบไปทำบุญเลี้ยงอาหารเด็กด้วย จะลองไปบ้านชาโรมดูบ้างนะคะ เป็นไงบ้างจะมาเล่าให้ฟังค่ะ จากคุณ : Ammyama เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 14:13:29

ความคิดเห็นที่ 39 คิดแบบละครหลังข่าว เด็กที่ครูน้อยเลี้ยงมาจนเติบใหญ่ปีกกล้าขาแข็งอาจจะเข้าไปพัวพันกับการพนันแล้วก็เป็นหนี้เป็นสิน เลยกลับมาให้ครูน้อยช่วย ครูน้อยก็เลยต้องไปกู้หนี้มาใช้หนี้ให้เพราะความซื่อ แต่ที่ไม่กล้าออกมาพูดความจริงเพราะคิดจะปกป้องเด็กคนนั้น เฮ้อ จะดราม่าไปไหน ก็ไม่รู้จะคิดยังงัยแล้วอ่ะ แบบว่า ถ้าเงินไม่พอกับค่าใช้จ่ายจริง ๆ ก็น่าจะลดค่าใช้จ่ายลงมั่งก็ได้นี่  ไม่เห็นจะต้องกู้มาตั้ง 5 ล้านเลย แล้วตอนกู้ไม่คิดเลยเหรอ ว่าจะเอาเงินที่ไหนใช้เค้าอ่ะ น่าจะหาทางแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้นะ กู้มาเพื่อฟุ่มเฟือยเหมืนเดิมเนี่ยะนะ? มันไม่ใช่ละ -*- แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 14:37:37 จากคุณ : นาฬิกาไขลาน เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 14:36:03

ความคิดเห็นที่ 40 เด็กในบ้านครูน้อย ไม่ได้มีแต่เด็กเล็กซะหน่อย ทำไม ไม่สอนให้เด็กๆ ทำงานตามความสามารถ ที่จริงล้างถ้วยล้างจานนี่ ใครกินใบไหนล้างใบนั้น น้องที่เล็กจริงๆก็ประกบพี่คนโต เป้นพี่เลี้ยงดูแลกันไปก็ได้ นี่อะไรจ้างหมด สบายเกิ้น มันเกินไปจริงๆ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 15:11:43 จากคุณ : FaLiOnA เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 15:10:41

ความคิดเห็นที่ 42 41 // ใจเย็นๆครับ ผมว่า จขกท ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะ เค้าก็แค่อยากให้ครูน้อยดูตัวอย่างของการบริหารจัดการอย่างพอเพียงแบบที่บ้านชาโรมเป็นอยู่ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปกล่าวหาหรือว่าร้ายนะ ส่วนความจริงๆจะเป็นอย่างไร ก็คอยดูกันต่อไป แต่สิ่งที่เป็นความจริงที่ทุกคนรู้มานานอยู่แล้วคือบ้านครูน้อยไม่มีการทำบัญชี ซึ่งสำหรับบ้านที่ต้องเลี้ยงดูคนหลายสิบชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะมันจะช่วยให้การบริหารจัดการเงินเป็นไปอย่างมีระบบขึ้น อีกอย่าง บ้านสงเคราะห์หลายๆที่ เราก็เห็นกันอยู่ว่า เงินบริจาคก็น้อยกว่านี้ บางที่เด็กเยอะกว่านี้ เค้าทำยังไง ทำอย่างไรถึงอยู่รอดมาได้โดยไม่มีหนี้ นี่คือสิ่งที่เราต้องการจะให้ครูน้อยได้ดูเป็นแนวทางตัวอย่างมากกว่าครับ ไม่มีใครเถียงว่าแกมีเจตนาดีที่จะช่วยเหลือเด็ก แต่ถ้าช่วยเหลือแบบผิดวิธีมันก็ไม่ได้เกิดผลดีนะครับ แถมอาจจะเกิดผลเสียตามมาด้วยซ้ำ ประเด็นตรงนี้มันชัดเจนในตัวมันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องอื่นที่ไม่แน่ชัดว่าจริงๆแล้วเป็นอย่างไร ก็รอดูข้อเท็จจริงต่อไปครับ จากคุณ : outman เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 15:44:59

ความคิดเห็นที่ 43 สอนให้เด็กต้องพึ่งเงิน กับสอนให้เด็กต้องพึ่งตัวเอง แค่สอนก็ผิดกันแล้วค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ไหนถ้าสอนให้เด็กอยู่ได้ด้วยตัวเองนั้นแหละ คือสอนคนเป็นคน ถ้าช่วยแล้วต้องช่วยกันไปตลอดชีวิต อันนั้นเรียก ฆ่ากันทั้งเป็น เพราะไม่สอนให้อยู่ด้วยตัวเอง ค่อยพึ่งแต่คนอื่นแล้วถ้าไม่มีใครให้พึ่ง วันนั้นจะทำยังไง? จากคุณ : Nachama เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 15:51:57

ความคิดเห็นที่ 44 **41 "คำที่คุณอ้างว่ายังไม่อยากด่วนสรุปเกี่ยวกับเรื่อง ของครูน้อย  แต่ขอถามว่า การที่คุณกล่าวว่า "โคตร..จะเข้าใจคนที่เคยบริจาคควักเงินให้ครูน้อยเลยว่า...เหมือนถูกตบหน้า ฉาดใหญ่เพราะความตั้งใจดีของตนเองถูกย่ำ"  ประกอบกับคำว่า "ไม่อยากด่วยสรุปว่า ครูน้อยแหกตาประชาชน" "ถูกย่ำยี" -- เพราะนักบุญรายนี้กำลังมีพฤติกรรมน่าคลางแคลงใจ จขกท. ยังไม่ได้ตราหน้าว่า นักบุญรายนี้ เป็นคนบาปนะ จากคุณ : สุสานผีเสื้อ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 15:56:49

ความคิดเห็นที่ 45 **41 ปล.  ภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ (ทุกฉบับที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน) จะเน้นย้ำในเรื่องของ  "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" ไว้เป็นข้อสำคัญอย่างยิ่ง  ทั้งนี้เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายแม่ ไม่ต้องการให้ศักศรีของความเป็นคน ต้องถูกละเมิด "ศักดิ์ศรีของผู้บริจาคเงิน"??? ผู้บริจาคเงินก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันที่จะรู้สึกย่ำแย่หากความคลางแคลงเป็นจริง ศักดิ์ศรีที่สั่นคลอนเพราะถูกคนกลุ่มหนึ่งฉ้อโกง เหมือนถูกหลอกให้กินหญ้าอย่างนั้น จากคุณ : สุสานผีเสื้อ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 16:06:38

ความคิดเห็นที่ 46 อยู่ที่ไหนก็ต่างกัน แต่การจะปลูกฝังจิตสำนึกในการ "ขอ" และการ "พึ่งพาตนเอง" ไม่ได้เกิดจากสภาพแวดล้อม แต่เกิดจาก "วิสัยทรรศน์" ของผู้ดูแลค่ะ จริงอยู่ กรุงเทพฯ ไม่มีพื้นที่มากขนาดปลูกผักเลี้ยงปลาได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะพยายามลดค่าใช้จ่าย เพิ่มพูนรายได้ ใช้เท่าที่มี ไม่ได้ นี่คะ เมื่อมี "วิสัยทรรศน์" เด็กที่โตมาก็จะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำรงชีวิตได้ตามสถานการณ์ต่างๆ ค่ะ ถ้าฝึกให้ "ขอ" ก็ต้องให้กันตลอดชีวิตนะคะ อย่าให้เป็น "พ่อแม่รังแกฉัน" เลยค่ะ จากคุณ : cocoa butter เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 16:32:12

ความคิดเห็นที่ 47   ป้าน้อย แกสติดีหรือเปล่าคะ เสียดายตังค์จังเลย น่าไปให้มูลนิธิอื่น จากคุณ : เฮ้อ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 16:34:17 A:58.8.187.5 X: TicketID:215804

ความคิดเห็นที่ 48 บัญชีครัวเรือนเองยังควรจะทำมากๆ จะได้เห็นรายจ่ายที่จำเป็นและฟุ่มเฟือย ยิ่งเป็นเงินคนอื่นที่เค้าให้มาแล้ว ไม่มีเคยมีคนตรวจสอบจึงปล่อยปละละเลย การนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็ยิ่งเป็นไปได้ง่าย จะได้เป็นบรรทัดฐานให้คนในสังคมรู้จักทำอะไรที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ไม่ใช่เกรงใจและไม่กล้าถาม จากคุณ : english muffin เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 16:47:59

ความคิดเห็นที่ 49 ก็ยังไม่เห็น จขกท เค้าว่าอะไรคุณน้อยเธอมากมายเลยนี่   และ จขกท ก็ไม่ได้ว่าว่าคุณน้อยฉ้อโกงหรืออะไรเลยสักนิด เรื่องที่เค้าเขียนมา เรื่องที่ว่าคุณน้อยฟุ่มเฟือยนั้น คุณน้อยเธอก็พูดเอง  คนที่ดูข่าวทางทีวีคงได้เห็น แล้วคุณ #41 มาโวยวายอะไรอ่ะคะ งงนะนี่ กระทู้อื่นที่ว่าคุณน้อยแรงกว่านี้ไม่โดนคุณ #41 ด่า   แต่มาด่า จขกท นี้ทั้งๆที่เค้าแค่เปรียบเทียบการเลี้ยงดูแลเด็ก ซึ่งหลายๆคนก็ึคงประจักษ์แล้วว่ามันต่างกัน แล้วมาว่า จขกท ทำไม?? แก้ไขจาก #40  เป็น #41   ขอโทษคุณ #40 ด้วยนะคะ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 19:22:12 จากคุณ : เทมปุระ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 17:02:31

ความคิดเห็นที่ 50 คงจะทำแบบเชียงใหม่ไม่ได้ เพราะเข้าใจว่าในเมือง แต่ของแบบนี้มันขึ้นอยู่คิดจะทำหรือเปล่า อีกอย่างบริหารไม่เป็น พอเข้าใจ เพราะไม่เป็นเหมือนกัน แต่ใช้เงินไม่เป็นมันอีกเรื่องอ่ะ ความขยัน ความรู้จักพอดี  เราว่าแค่นี้ก็ไม่อดตายแล้ว จากคุณ : ปากดี ตัวเองยังเอาไม่รอด - -* (น.ส.แสงแก้ว) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 17:07:39

ความคิดเห็นที่ 51 บ้านครูน้อยไม่ต้องถึงกับปลูกผักกินเองอย่างบ้านชาโรมหรอกค่ะถ้าอ้างว่าเด็กเมืองทำไม่เป็น ดินไม่ดี (บ้านเราอยู่ใจกลางกรุงเทพ ปลูกพื่ชผักสวนครัว ผลไม้ ออกลูกออกผลดกจะแย่) แค่ทำบัญชีรายรับรายจ่ายก็พอ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 17:40:53 แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 17:36:26 จากคุณ : ฟองทะเล เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 17:35:34

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณจขกท. ค่ะ คุณคห. 41 ใจเย็นๆ ค่ะ ถูกแล้วค่ะ เราควรรอดูบทสรุปของเรื่องครูน้อยไปก่อนก็จริง แต่ "ความจริง" ที่ครูน้อยใช้เงินบริจาคอย่างสุรุ่ยสุร่ายละคะ เรื่องนี้มันเห็นกันอยู่โต้งๆ แล้ว จะว่ายังไงดี? จากคุณ : แล้วหมาปั๊กก็จะครองโลก เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 17:44:30

ความคิดเห็นที่ 53 อ่านมาลื่นๆ  เจอ คห. 41 เบรคแทบหัวหกคำมำตีลังกา เราพอจะเข้าใจประเด็นของคุณอยู่นะ แต่คุณมาแบบแรงมั่กๆๆ เตือนกันดีใช้คำพูดนิ่มๆ อีกหน่อยก็รู้เรื่องกันมั้ง ถ้าอยากเตือนในแง่ที่ไปหมิ่นอะไรครูน้อยน่ะ แต่เท่าที่อ่าน  เราก็ไม่รู้สึกว่าหมิ่นหรือกล่าวหาครูน้อยแต่อย่างใด เพราะเนื้อหาที่เอามาก็มาจากสื่อทั้งนั้น  และที่สำคัญ หลายคำพูดที่ทำให้คนคิด ปักใจเชื่อว่าปัญหาเกิดจากตัวครูน้อย ก็มาจากคำพูดของครูต่อหน้าสื่อทั้งนั้นแหล่ะ  เผลอๆ ถ้าเกิดให้เห็นครูพูดมากกว่านี้ อาจทำหลักฐานยิ่งมัดตัวยิ่งกว่านี้ได้ ตามกระแสแล้ว หลายคนก็จะเห็นว่าตัวครูน้อยเองคงมีเจตนาที่ดี แต่วิธีการจัดการไม่เหมาะสมไง จึงเกิดปัญหาเช่นนี้  (ยังไม่ได้ปักใจเชื่อว่าตั้งใจโกง หรือวางแผนมาแต่ต้นนี่นา)  ขนาดมีคนจะเข้าไปจัดการ ครูยังไม่ยอมเลย เพราะยึดติด จะต้องทำเอง (เหมือนดื้อแพ่งนั่นแหล่ะ) สงสัยบ้านชาโรมไม่มีเวบไซต์ของตนเอง หาที่อยู่ไม่เจอเลย ใครไปแล้วทราบที่อยู่เอามาแปะไว้ให้ด้วยนะคะ เผื่อเราจะไปเยี่ยมบ้าง เราอยากไปทำบุญที่ๆ เขาต้องการจริงๆ  (เพราะเราอยากอิ่มเอมกับสิ่งที่เราได้ทำจริงๆ ) จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 18:18:38

ความคิดเห็นที่ 54 ฟังข่าวเมื่อเช้า เห็นบอกว่าเด็กมหาวิทยาลัย ได้เงินไปกินขนมวันละ 140บาท อาหารบ้านครูน้อยก็มีให้ เราเรียนอยู่ปี3 จุฬา เรียนภาคนานาชาติด้วย ที่ค่าเทอมสุดแสนจะแพง ที่บ้านก็มีอันจะกิน แต่ได้เงินเดือนละ 2500 หาร 30วัน วันละ 80 บาท สำหรับ กินข้าว 2 มื้อ ก็อยู่ได้ค่ะ แล้ว 140 บาท? ไม่รวมค่าข้าว? กินสตาร์บัคกันเหรอคะ? จากคุณ : ShoBlast เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 19:22:42

ความคิดเห็นที่ 55 รู้จักประมาณตน ทำเท่าที่เรามี ให้ฐานแข็งแรง แล้วค่อย ๆ ขยับขยายออกไปครับ ผมกลับจากกรุงเทพเหลือเงินแค่ 4500 กับแฟน 2 คน ตอนนี้ เกือบ 1 ปีละ ทำมาหากินอยู่บ้านนอก สบายใจกว่าเลยละครับเทียบกับในเมืองหลวง ถึงจะได้น้อย แต่เราก็ "อิ่มท้อง"กันครับ จากคุณ : jorngorn เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 19:48:06

ความคิดเห็นที่ 56 คห 41 ครับ ผม ว่า จขกท. และหลายคนมองว่า "การปลูกฝังเด็ก ให้รู้จักกิน รู้จักใช้ รู้จักทำงาน และรู้คุณค่าของเงิน เป็นสิ่งวิเศษมากกว่านะครับ" เหมือนกับการที่เราสงสารใครสักคน อย่าให้แต่ปลาเขา แต่ควรจะสอนวิธีจับปลาเขา เอาปลามให้เขา เขากินอิ่มได้แค่มื้อเดียว แต่สอนวิธีจับปลาเขาใครกินอิ่มตลอดไป ความรักไม่ผิดหรอกครับ แต่ความรักที่ผิดวิธีนี่สิครับจะผิด จากคุณ : เก้ากระบี่เดียวดาย เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 20:58:34

ความคิดเห็นที่ 57 อย่าว่าครูน้อยแรงๆเลยค่ะ ยังไงแกก็เจตนาดีเรื่องเด็กๆ ส่วนเรื่องไม่ดีๆ หลายๆอย่างที่ปกปิดไว้ก็ถือซะว่าเป็นเรื่องปกติของมนุษย์เดินดินอ่ะนะ ถึงจะรู้สึกแย่ ที่คนดีๆ ไม่ดีไปซะทุกอย่าง แบบที่ภาพสร้างมาติดตาตลอด แต่ก็จะพยายามเข้าใจให้มากว่า ทุกคนก็คือคนธรรมดาเท่านั้น ^^" เอาเป็นว่าเห็นด้วยกับ คห.11 แต่แกคงเป็นคนจัดการอะไรไม่ได้ดีนักอ่ะนะ แต่ก็ถือว่าเจตนาดีกับเด็กๆแหละ (คิดว่านะ ) จากคุณ : น้ำพริกกินกะปลาทู เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 21:41:21

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ^ ^ โดยเฉพาะ คห. 42, 44, 45, 49, 52, 53 และ 56 ที่เข้าใจ "เจตนา" ในการตั้งกระทู้นี้ของเดี๊ยน ^ ^ เจตนาของเดี๊ยนก็เป็นไปตามที่คุณเก้ากระบี่เดียวดายพูดแหละค่ะว่า... "การปลูกฝังเด็ก ให้รู้จักกิน รู้จักใช้ รู้จักทำงาน และรู้คุณค่าของเงิน เป็นสิ่งวิเศษมากกว่านะครับ" ... ตอนนี้พยายามหาข้อมูลของบ้านชาโรมอยู่ค่ะ หายากจัง - -" ค้นข้อมูลในกูเกิ้ลก็ไม่มีข้อมูลอะไรเลย งงมากๆ เท่าที่ทราบตอนนี้คืออยู่ อ.ฝั่งหมิ่น จ.เชียงราย (รวบรวมข้อมูลจากคุณยำใหญ่ใส่แหลก คห. 32 ขอบคุณค่ะ ^ ^) เท่าที่หาได้ตอนนี้ก็ผ่านรายการข่าววันใหม่ ช่อง 3 Email: midnighttalk@bectero.com โทรศัพท์ 0-2262-3800 (เบอร์กลางของบีอีซี) เดี๋ยวถ้าได้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้วจะมาแจ้งนะคะ ^ ^ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 22:43:03 แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 22:33:51 แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 22:29:23 จากคุณ : จขกท. (ROONGPOONGLOW) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 22:21:59

ความคิดเห็นที่ 59 ครูน้อย นี่คือคนเดียวกับที่โฆษณาว่าเป้นมะเร็งจะตายใน 2 เดือนหรือ 2 ปี หรือป่าวครับ ถ้าใช่.. อยากทราบเค้าว่า ครูน้อยหายจากการเป็นมะเร็งหรือยัง เห็นบอกว่าจะ อยู่อีกไม่นาน ก็ยังเห็นอยู่มาได้ น้าน นาน ปล.ไม่ได้แช่งนะครับ แค่สงสัยว่า แกรักษษหายหรือยัง จากคุณ : vitay@ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 22:46:56

ความคิดเห็นที่ 60 มีเรื่องที่เห็นต่างจาก คห. 41 นิดนึงค่ะ มาตร 326 มีบทบัญญัติว่า "ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท" ก็จริง แต่ก็ต้องพิจารณาบทบัญญัติมาตรา 329 ประกอบว่า การวิพากษ์วิจารณ์นั้นเข้าองค์ประกอบมาตรานี้ด้วยหรือไม่ คือ "ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต (๑) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตน หรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนโดยชอบธรรม (๒) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ (๓) ติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ (๔) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาล หรือการประชุม ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท" ส่วนตัวมองว่า จขกท. เน้นไปที่ประเด็นการบริหารจัดการและการอบรมเด็ก ๆ ของสถานสงเคราะห์เด็กทั้งสองบ้านเพื่อเปรียบเทียบว่า มีความแตกต่างกัน และเห็นว่าการจัดการของบ้านชาโรมดีกว่าตรงไหน อย่างไร โดยวิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานของเหตุและผล รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับฟังมา ซึ่งเรื่องดังกล่าวถูกนำเสนอออกทางสื่อต่าง ๆ มากมาย ไม่ต่างจากที่ตัวเองรับรู้ และจากเนื้อความ ส่วนตัวคิดว่า จขกท. ไม่ได้ฟันธงลงไปด้วยซ้ำว่า ครูน้อยทำอย่างที่ใครหลายคนสงสัย (และมีเหตุที่ควรให้สงสัยด้วย) มิหนำซ้ำยังตั้งความหวังไว้ว่า เรื่องที่สงสัยจะไม่ใช่เรื่องจริง เห็นว่า การแสดงความเห็นของ จขกท. เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ตาม ม. 329 (3) จึงถือว่าไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทนะคะ หลายคนที่เคยบริจาคเงินให้มูลนิธิไปแล้ว หรือกำลังคิดจะให้มาเจอแบบนี้เข้า คงต้องคิดเยอะมากขึ้น เพราะถ้าทำไปแล้วไม่เป็นไปตามจุดประสงค์ของเขา เขาซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียก็มีสิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ส่วนตัว ตอนเห็นข่าวทีแรกก็ตกใจเหมือนกันว่า เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้น แล้วก็มีคำถามว่าทำไมตามมามากมาย เจอหน้าใครก็เจอคนชวนคุยเรื่องนี้ เชื่อว่าเจตนาในการตั้งบ้านของครูนั้นดี แต่วิธีการมีปัญหาหลายอย่าง และไม่เห็นด้วยกับวิธีการดูแลเด็ก ๆ ที่บ้านหลายเรื่องด้วยกัน รวมถึงเปรียบเทียบการบริหารของบ้านครูน้อยกับมูลนิธิอื่น ๆ เหมือนกัน (ถ้าตีความโดยถือเอาตามองค์ประกอบ ม. 326 อย่างเคร่งครัด ไอ้ที่นั่งคุย ๆ กันอยู่ตอนนั้นก็คงเข้าข่ายโดนฟ้องเรียบเป็นหมู่คณะ ^ ^") แต่เห็นด้วยว่า การวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้ ถ้าพูดกันไปตามข้อมูลที่ปรากฏในสื่อกันอย่างพอประมาณ ด้วยเหตุด้วยผล ระวังไม่ให้เผลอวิจารณ์สนุกปากหรือเผลอใส่อารมณ์จนล้ำเส้นก็จะดี เมื่อคืนพลาดไม่ได้ดูข่าวเรื่องบ้านชาโรม ต้องขอบคุณ จขกท. ที่เอาเรื่องดี ๆ ของบ้านชาโรมมาเล่าให้ฟังด้วยนะคะ :) เห็นด้วยกับวิธีการดูแลเด็ก ๆ ที่บ้านชาโรมให้พึ่งพาตัวเองได้ สิ่งที่เด็ก ๆ ในบ้านจะได้เรียนรู้ไม่ได้มีแค่รู้จักการพึ่งพาตัวเองไ้ด้อย่างเดียว เด็ก ๆ ยังได้รู้จักการแบ่งปัน รู้จักหน้าที่ของตัวเอง และทำงานกับคนอื่นเป็นด้วย เหล่านี้จะเป็นทักษะชีวิตที่ทำให้เด็ก ๆ เติบโตและใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุขเลยละค่ะ จากคุณ : ปิยะรักษ์ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 22:53:28

ความคิดเห็นที่ 61   #59 นั่น แม่ต้อยบ้านโฮมฮัก แล้วค่ะคุณขรา คนนั้นน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สงสารด้วย ถ้าครูน้อยเป็นมะเร็งจริงๆ ป่านนี้แกฉีดคีโม ด้วยเงินหลายล้านที่แกยืมมา หายเป็นชาติๆแล้วค่ะ จากคุณ : นิกคุณและครูกุ๊กของช้านนนน (kitty_76) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 22:54:02

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณคุณปิยะรักษ์ คห. 60 มากๆ เลยนะคะ ^ ^ ขอบคุณที่เข้าใจในเจตนาของเดี๊ยน... และขอบคุณที่แบ่งปันความรู้เรื่องกฏหมายให้ได้ทราบอีก 1 มาตราค่ะ ^___^ จากคุณ : จขกท. (ROONGPOONGLOW) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 23:07:00

ความคิดเห็นที่ 63 เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ จากคุณ : สีสุดชัย เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 00:08:02

ความคิดเห็นที่ 64 ความเห็นที่ ๖๐... เล่นเอาดิฉันไปเปิดประมวลกฎหมายเลยค่ะ ููมายืนยันว่าเป็นจริง จากการสังเกต... คนสมัยนี้ขาดคุณสมบัติในการ วิพากษ์  วิเคราะห์  วิจารณ์  วิจารณญาณ และเจตคติ อย่างน้อย ๒ ข้อค่ะ ดังตัวอย่างที่เห็นได้ใกล้ๆ.. ขอตัวไปจับไก่นะคะ... จากคุณ : M.F.Luder เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 01:07:42

ความคิดเห็นที่ 65   เอ .. ... อ. ฝั่งหมิ่น ไม่มีนะคะ สงสัยคงจะเป็น ต.ฝั่งหมิ่น หรือเปล่าคะ ถ้า ต.ฝั่งหมิ่น อ.เมือง ค่ะ :) อ้อ ถ้าใครมาก็อย่าลืมไปอุดหนุนร้านนี้ด้วยนะคะ บ้านชีวิตใหม่เบเกอรี่ เป็นร้านของมูลนิธิบ้านชีวิตใหม่ อยู่เยื้อง ๆ กับ บขส เก่าคะ ^____^ จากคุณ : พี่นมสดกับน้องเส้นหมี่ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 02:22:48

ความคิดเห็นที่ 66   ไม่เห็นด้วยกับ จขกท. เรื่องประโยคนี้ครับ "แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เดี๊ยนเริ่มเสียความรู้สึกนิดๆ ไปแล้ว และเริ่มเข้าใจคนอื่นๆ ขึ้นมาบ้างว่า ความรู้สึกที่เรียกว่า "วิกฤติศรัทธา" น่ะ มันเป็นยังไง เริ่ม เห็นเค้าลางแล้วว่า ทำไมคนถึงลังเลที่จะทำความดี หรือทำความดีกันน้อยลง..." อย่าคิดว่าการทำความดีจะทำให้คนๆนั้นทำอะไรก็ถูกต้องไปหมด วิจารณ์ไม่ได้สิครับ เห็นมาหลายทีแล้ว ไอ้พวก "ฉันทำดีนะ อย่ามาตรวจสอบฉัน อย่ามาวิจารณ์ฉัน เดี๋ยวน้อยใจเลิกซะเลย" ถามจริง อย่างนี้เรียกว่า "ทวงบุญคณ" ไหม? แล้วทำดีหวังผลอย่างนี้เป็นการทำดีจริงหรือเปล่า? ถ้าทำดีเพราะหวังดีต้องฟังคำวิจารณ์ ต้องสำรวจตัวว่าทำถูกจริงไหม ต้องแก้ไขส่วนที่เราพลาดไป ไม่ใช่หน้าบาง แตะไม่ได้ ขู่ล้มโต๊ะท่าเดียว ขอโทษที่พานอกเรื่องครับ จากคุณ : oryze เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 04:04:57

ความคิดเห็นที่ 67 เด็กกำพร้านะค่ะ ไม่ใช่เด็กพิการ จากคุณ : รุ่งฟ้าสาง เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 10:02:22

ความคิดเห็นที่ 68 5555 เป็นกระทู้กฎหมายซะงั้น จากคุณ : หญิงป้า เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 11:16:07

ความคิดเห็นที่ 69 ถึงคุณ ค.ห.41 ขอโทษเถอนะคะ ถึงคุณน้อยจะเมตตาเด็กจริง หรือไม่ได้นำเงินบริจาคไปทำเรื่องส่วนตัวก็จริง แต่อิชั้นก็ยังรับไม่ได้กับการใช้เงินเป็นเบี้ยของคุณน้อย ขอย้ำอีกครั้งว่า คนที่เค้าบริจาคเงินเค้าไม่ได้มีเงินใช้เหลือเฟือทุกคนนะคะ อย่างอิชั้นเงินเดือนหมื่นนิดๆ ก็แบ่งบริจาคเดือนละ 200-300 บาท แต่ยังโชคดีที่ไม่เคยให้บ้านคุณน้อย คิดถึงใจคนที่เค้าเป็นแบบอิชั้นแต่เคยบริจาคเงินให้บ้านคุณน้อยสิคะ เค้าจะเสียความรู้สึกแค่ไหน หลายคนที่บริจาคให้บ้านคุณน้อย ใช้เงินแต่ละวันน้อยกว่าเงินที่คุณน้อยปรนเปรอให้เด็กอีก (อิชั้นก็ด้วย) เค้าอุตส่าห์อยู่อย่างประหยัดเพื่อแบ่งเงินให้เด็กๆใช้ เพราะคิดว่าเด็กๆลำบาก แต่สุดท้ายความจริงก็ปรากฏ มันเหมือนโดนตบหน้าเลยนะคะ คุณอยากให้ทุกคนเห็นใจคุณน้อย แต่คุณน้อยเคยเห็น "หัวใจ" คนบริจาคบ้างมั้ยว่ามันลำบากแค่ไหนกว่าจะหาเงินมาได้ ลำบากแค่ไหนที่ยอมไม่ซื้อของฟุ่มเฟือยเพื่อแบ่งปันให้คนอื่น ถ้าคุณน้อยเป็นมหาเศรษฐีพันล้านเอาเงินของตัวเองมาแจกเด็ก จะไม่มีใครว่าเลย อิชั้นขอร้องว่าให้ปิดไปเถอะค่ะ บ้านคุณน้อยหลังนี้ เพราะมีแต่จะสร้างเด็กที่ไม่เห็นคุณค่าของเงิน ดีแต่แบมือขอ ทำอะไรไม่เป็น ประเทศไทยเรามีคนแบบนั้นเยอะแล้วค่ะ ป.ล. copy มาจากที่เราไปตอบอีกกระทู้นึงมา และปรับเปลี่ยนรายละเอียดนิดหน่อย ขี้เกียจพิมพ์ซ้ำ จากคุณ : นักแปลเท้าปุย เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 11:21:29

ความคิดเห็นที่ 70 สำหรับผู้ที่บริจาค     อยากแนะเพิ่มเติมเอาไว้นิดหนึ่งว่า บุญ นั้นเกิดจากความเมตตาและกรุณาในจิตใจ ผลของบุญนั้นขึ้นกับความตั้งใจและสุขใจเมื่อได้ทำให้ผู้อื่นเป็นสุข ... คุณภาพของบุญนั้นไม่ได้ขึ้นกับปริมาณของสิ่งของที่ให้ หากบริจาคเป็นร้อยเป็นพันล้านแต่ในใจหวังเพียงว่าจะได้ตอบแทนกลับมา ก็จะได้แค่กุศล     ตอนผมได้ไปบวชท่านเจ้าอาวาสได้สอนด้วยนิทานเรื่องหนึ่งให้ฟังว่า "ตักบาตรพระอรหันตร์กลับตกนรก แต่ ตักบาตรพระปลอมกลับได้ขึ้นสวรรค์" สรุปก็คือ "เมื่อจะทำบุญแล้ว ซึ่งเกิดจากความเมตตาสงสารจากสิ่งที่เราได้พบได้เห็นได้ทราบ แม้จะเป็นจริงตามนั้นหรือไม่ แต่หากเกิดจากความปรารถนาให้ผู้อื่นได้พ้นทุกข์ ก็ย่อมเป็นบุญแก่ผู้กระทำ ในส่วนของบาปอันเกิดจากกรณีที่ผู้ที่เราสงสารเห็นใจนั้นโกหกปั้นแต่งเรื่องมาเพื่อให้เราสงสาร ผู้กระทำก็ย่อมรับผลของมันไป"     ในกรณีนี้ สมมติครูน้อยมีจิตใจไม่ดีจริง ผู้ที่บริจาคด้วยจิตใจที่ดีไม่ต้องไปกลัว ถึงแม้จะมีคนออกมาเปิดโปงจนในที่สุดสมมติว่าครูน้อยไม่ดีจริง ผลบุญที่ท่านได้ทำก็ย่อมเป็นผลบุญจริง ๆ     ตรงกันข้ามแม้ท่านผู้บริจาคได้บริจาคแก่ผู้ที่เป็นคนดีจริง ๆ สมมติชื่อครูแต้ว แต่ผู้บริจาคให้เพียงเพราะหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น จะรวยขึ้น ก็จะไม่ได้บุญใด ๆ เพราะ บุญนั้นเกิดเมื่อเราปราถนาที่จะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจเมตตา สงสาร จากคุณ : ดินสอสีเขียว (x-schneider) เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 11:47:11

ความคิดเห็นที่ 71 มันจะดราม่ารึเปล่านิกระทู้นี้ จากคุณ : บุรี เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 12:50:06

ความคิดเห็นที่ 72 ^ ^(ที่เราจะแสดงความเห็นต่อไปนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องคุณน้อยกรณีเดียวนะคะ) เข้าใจประเด็นคุณ ดินสอสีเขียว **70 ข้างบนนะคะ เพราะเราๆที่ถือพุทธย่อมจะทราบดีค่ะว่า การทำบุญนั้นยึดที่จิตใจของตนเองค่ะ หากเราจะต้องมาหมกมุ่นกับสิ่งที่ทำว่าถูกต้อง ถูกคนรึไม่ เราจะไม่อิ่มเอมกับบุญนั้น มันจะทำให้เรามีจิตหมองเศร้าแทนที่ เพาะเมื่อเราเชื่อมั่นว่าเรากระทำดีแล้วในขณะนั้น ก็คือดีค่ะ แต่......... ตอนนี้เราๆปฏิเสธไม่ได้ว่า เราทุกคนกำลังอยู่ในยุคทุนนิยม ความชั่วร้ายเลวทรามแม้จะปรากฎมาแต่ก่อนสมัยพุทธกาลแล้ว แต่เมื่อเทียบกับยุคนี้แล้ว..ความเลวกำลังจะคุกคามทำร้ายคนดีๆมากขึ้นเรื่อยๆ หากเราชาวพุทธตั้งหน้าตั้งตาทำดีเถรตรงไม่สงสัยต่อไปเรื่อยๆ.. ยามมีชีวิตเราก็จะถูกทำร้ายจากคนเลวๆอยู่ตลอดเวลา เปรียบเหมือนเราอยู่ในที่โล่งแจ้งที่ปลิงทากปีศาจคอยแต่จะลอบแทงข้างหลังและดูดกินเลือดเนื้อจากที่มืด แม้ว่าเราจะบรรลุภพภูมิที่สูงกว่าตอนตายไปแ้ล้วก็ตาม เหมือนเราชาวพุทธเป็นนางเอกน้ำเน่า ยื่นหน้าให้เขาตบตี ถูกจัดฉากให้เข้าใจผิดอย่างเดียว?? โดยที่ก็ไม่รู้ว่าตอนจบจะมีพระเอกมาเห็นรึเข้าใจรึเปล่าอะสิ ..อิอิ หรือเราเป็นชาวคริสต์ก็ได้ค่ะ แม้พระเยซูจะสอนว่า โดนตบแก้มซ้ายก็ยื่นแก้มขวาให้ตบ แต่มันจะไม่ตบแค่สองแก้มอะสิคะ เพราะจริงๆแล้วเป็นมันแวมไพร์ค่ะมันจะดูดเลือดคุณจนหมด แล้วเอาซากร่างที่เหลือให้มนุษย์หมาป่ากิน อิอิ..(นี่ห้องเหลิมไทยหนิ--เขียนให้เข้ากัน) หรือเทียบกัีบประวัติศาสตร์ยุโรปก็ได้ค่ะ อย่างเรื่องขายใบไถ่บาปน่ะค่ะ ถ้ามาร์ติน ลูเธอร์ไม่มาประท้วงต่อต้าน ความคลางแคลงสงสัยในศาสนจักรก็คงไม่เกิดขึ้น นักวิทยาศาสตร์ ศิลปินฯลฯ ก็คงยังไม่กล้าปริปาก ศิลปวิทยาการ และปฏิวัติอุตสาหกรรมก็จะไม่เกิดขึ้น ปีศาจในศาสนจักรจะเอาพระเจ้า ดินแดนแห่งพันธสัญญา มาหลอกผู้มีศรัทธาแก่กล้าเสมอๆ จะเอาอะไรก็ให้ จะเอาเมืองให้เมือง ไม่ว่าจะต้องไปทำสงครามตายกันเป็นล้านๆแค่ไหน ผู้มีศรัทธานั้น เราก็เชื่อจริงๆว่า เมื่อสู่สัมปรายภพแล้ว จะสู่สุคติ เบาสบายสู่ภพภูมิที่ดีกว่าจริงๆ แต่... ยามมีชีวิตอยู่..จะต้องทุกข์ทนเพราะถูกหลอกลวง ถูกทำร้ายจากพวกปีศาจเบียดเบียนอยู่เป็นพักๆงั้นเหรอ?? อย่างการให้เงินขอทานตามสะพานลอย ส่วนใหญ่เราจะไม่ให้เพราะรู้ๆอยู่ว่าขอทานส่วนใหญ่ให้ๆไปก็เท่ากับให้เงินพวกขบวนการมิจฉาชีพ อย่างเราเท่ากับว่าจะเห็นแก่ "ประโยชน์" ที่เกิดขึ้นจริงมากว่า "บุญ" แต่ถ้าอย่างแม่เรา ยังไงเขาก็จะให้ เพราะเขายึดถือ "บุญ" ที่เกิดขึ้นในใจเขา มากกว่า "ประโยชน์" ที่อาจจะจริงหรือไม่จริง 55+ อย่างเราตายไปคงไม่มีบุญ เพราะเรายึดถือ "ประโยชน์" ที่แท้จริงก่อนเสมอ แล้วคุณล่ะ เลือก "ประโยชน์" หรือ "บุญ" จากคุณ : สุสานผีเสื้อ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 12:59:59

ความคิดเห็นที่ 73 เทียบกับเปาบุ้นจิ้นก็ได้นะ เห็นชอบเล่นประเด็นพวก "ความถูกต้อง" กับ "หลักการ" อยู่บ่อยๆ ความถูกต้อง -- ไม่ให้เงินสนับสนุนคนหลอกลวง ไม่แน่ว่าเป็นขบวนการมิจฉาชีพ หลักการ -- ทำบุญ คือ ทำบุญ อย่านำความคลางแคลงมาให้ใจมีจุดด่าง ??? จากคุณ : สุสานผีเสื้อ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 13:11:15

ความคิดเห็นที่ 74 #คห41คุณเดือดร้อนแทนคุรน้อยเค้าขนาดนั้นเลยเหรอเจ้าตัวคุณน้อยเค้ายังไม่สะทกสะท้านเลยยังตั้งหน้าตั้งตาขอรับบริจากและยืนยันจะไม่ทำบัญชีต่อไป จขกท เค้าก้อแค่หวังดีต่อสังคมเอาเรื่องมาเล่าและวิเคราะห์สู่กันฟัง หรือว่าคุณเคยบริจากเงินให้บ้านคุณน้อยพอมาถึงตอนนี้แล้วรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่พอได้อ่าน คห ของ จขกท ก้อเลย วืดดดดดดดดดดด แบบนี้อ่ะ จากคุณ : jena_naam เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 14:05:15

ความคิดเห็นที่ 75 คห. 59 โฆษณาประกันชีวิตที่ว่าแม่ต้อยกับเด็กกำพร้านั้น นำมาจากเค้าโครงเรื่องของครูติ๋ว สุธาสินี  น้อยอินทร์ แห่งบ้านโฮมฮัก จ.ยโสธรค่ะ  ที่นั่นรับเลี้ยงเด็กกำพร้า   ปัจจุบันครูติ๋วยังมีชีวิตอยู่แต่ก็มีสุขภาพไม่แข็งแรงนักเพราะเธอป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้ายค่ะ เรื่องของบ้านโฮมฮัก หรือ มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์เพื่อเด็กและเยาวชน  นั้นเป็นที่รู้จักในห้อง Blue planet มาหลายปีแล้วค่ะ ลองสืบค้นด้วยสมาร์ทเสิร์ชด้วยคำว่า "บ้านโฮมฮัก" ดูนะคะ หรือสำหรับท่านที่สนใจรายละเอียดของกิจกรรมต่าง ๆ สามารถตามไปดูได้ที่ http://www.banhomehug.org จากคุณ : ป้าทุยบ้านทุ่ง เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 14:12:17

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณ คห. 75 คุณป้าทุยบ้านทุ่งนะคะ... สำหรับข้อมูลของบ้านโฮมฮัก ^ ^ ว่าแต่...ไม่มีใครทราบข้อมูลบ้านชาโรมเพิ่มเติมเลยเหรอคะ เดี๊ยนลองโทร.ไปที่เบอร์กลางของช่อง 3 เจ้าหน้าที่บอกว่าจะตามเรื่องให้ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ^ ^ ป.ล. give เกลี้ยงแล้ว อดแจก คห. 73 ,74 และ 75 เลย เอา ไปแทนแล้วกันนะคะ ^ ^ ***แก้ไขข้อความค่ะ*** แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 53 16:43:17 แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 53 15:53:35 แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 53 15:52:55 จากคุณ : จขกท. (ROONGPOONGLOW) เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 14:20:45

ความคิดเห็นที่ 77   เห็นด้วยกับคห.10ค่ะ.... จากคุณ : tukkata ตากลม เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 17:00:56 A:110.164.59.196 X: TicketID:235412

ความคิดเห็นที่ 78 เดี๊ยนว่า ถึงครูน้อยจะทำอะไร ก็อย่าหมดศรัทธาในการทำความดีกันเลยค่ะ พอรู้ เราก็เปลี่ยนไปหาที่อื่นบริจาคใหม่ แต่อย่าเลิกบริจาคเลย คนที่เดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ น่ะมีมาก หากคนไม่กี่คนทำให้พวกเราเลิกบริจาคหมด คนที่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ จะลำบากไปกันใหญ่นะคะ จากคุณ : isiss12 เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 17:08:43

ความคิดเห็นที่ 79 เราก็เคยอยู่ มูลนิธิน่ะ แถวแม่กลองไง แต่ที่นี่ตั้งถูกกฎหมายนะคะ และมีออดิทที่เขี้ยวมากด้วย อิอิ ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ ตกวันละ 250 บาท -_-" ไม่มีมาจ้างหรอก คนล้างจาน ทำความสะอาด เพราะสอนให้เด็กทำกันเอง กับข้าวก็เรานี่แหละ ช่วยกันกับเด็กๆ กินได้มั่ง ไม่ได้มั่ง ถือว่าให้เค้าเรียนรู้ ปิดเทอมก็สอนปลูกผักมั่ง ตกปลามั่ง ใกล้ๆเปิดเทอมก็มาปักเสื้อกัน ทั้งเด็กผู้หญิงผู้ชาย ทำได้กันทั้งนั้น คนมาบริจาคเงินจะมีใบเสร็จตลอด ทำให้ใสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คิดและสอนเด็กเสมอ ตั้งแต่เรื่องกินข้าวของใช้ ว่าทุกๆอย่าง เราได้บริจาคมาทั้งนั้น เราไม่เสียเงินเพราะมีคนอื่นเสียให้เรา ฉะนั้น ใช้ให้คุ่มค่า ระลึกถึงคนให้บ้างก็ดี ทุกวันนี้เราออกมาแล้วแต่ก็ยังรู้สึกดี ที่เคยได้ทำงานนี้ ป้าน้อยสนไปใจดูงานไม๊ จากคุณ : aoporadio เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 19:13:43

ความคิดเห็นที่ 80   เห็นด้วยกับคห.60ค่ะ กรณีนี้ 329(3)นั้นถูกต้องแน่นอน ถ้าเป็นการสอบเนติก็ถูกตามธงคำตอบ ^^ รับคะแนนไปเต็มๆ อิอิ ส่วนกรณีครูน้อยนั้น เราคิดว่าปัญหาอยู่ื้ที่ การจัดการที่ขาดระบบของครูน้อยนะคะ จากคุณ : Chocoholic Mysteries เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 20:20:23

ความคิดเห็นที่ 81 งง #41 ?? เป็นไรมากไหมครับ จขกท. เอาแง่มุมดีๆของบ้านชาโรมมาให้อ่าน ประเด็นมันอยู่ที่การรู้จักพึ่งพาตนเอง ซึ่งบ้านครูน้อยขาดตรงนี้ ก็แค่นั้น จากคุณ : ฤ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 21:50:34

ความคิดเห็นที่ 82   คุณความเห็นที่ 58 ค๊ะ ต้องขอโทษด้วยค่ะ ขอปรับใหม่นะคะ บ้านชาโลม อยู่ บ้านฟาร์ม ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงรายค่ะ เอางี้ละกัน ขออนุญาตหากอยากได้เบอร์รบกวนหลังไมค์นะคะ เพราะขอเบอร์ที่นั่นจากเพื่อนแล้ว ดิชั้นไม่อยากให้มาทะเลาะกันเรื่องครูน้อยเลยค่ะ (แอ๊บนางเอกเล็กน้อย..กระพริบขนตาปลอมหนา 10 ชั้นเบาๆ) เด็กๆ ทุกๆ คนใกล้ๆ บ้านเรา เราสามารถช่วยเหลือ และแบ่งปันความอบอุ่นให้พวกเขาได้นะคะ ไม่จำเป็นต้อนบริจาคสิ่งของ หรืออะไรต่อมิอะไรมากมายหรอกค่ะ รอยยิ้ม คำถามเล็กๆ เช่น "ไปไหนมาค๊ะ?"  "ทำอะไรอยู่?" "ทานข้าวหรือยังค๊ะ" แบบนี้พวกเขาก็จะรู้สึกดีขึ้นมาเลยหล่ะค่ะ หากจะการุณกว่านั้น ก็แค่ ช่วยเหลือพวกเขา ก็คือ "การให้" ค่ะ ไม่ได้ให้เิงินนะคะ ให้หนังสือที่ีมีประโยชน์ ให้อาหารยามที่เขาต้องการ ให้ความเมตตา เท่าที่เราจะทำได้ ช่วยเหลือเท่าที่เราจะทำได้ เพียงแค่นี้เราก็สามารถช่วยเหลือสังคมได้แล้วหล่ะค่ะ (หรืออยากจะให้ดูเว่อร์ๆ ก็หาเพชร เก๊ ทองเก๊ ในกระบะใมาส่เยอะๆ ช่างกล้องมาถ่ายรูป และทรงผมทรงมาตรฐานคุณหญิง แอ็คติ้งดีๆ แค่นี้เราก็ได้ชื่อเป็น สาวไฮโซผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม อิอิอิ ใครอยากลองก็เชิญนะคะ ชั้นไม่ร่วมด้วยหรอกค่ะ เพราะชาตินี้ก็สวยพอแล้ว!) จากคุณ : ยำใหญ่ใส่แหลก เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 21:55:18

ความคิดเห็นที่ 83 นึกถึงคำนี้เลย "ให้ปลาฉันหนึ่งตัว ฉันมีกินแค่หนึ่งวัน สอนให้ฉันหาปลา ฉันมีกินตลอดไป" ค.น้อย เก็บเอาไปใช้ ไม่เสียหายนะครับ จากคุณ : ผิดตลอด&ถูกเสมอ เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 09:20:43

ความคิดเห็นที่ 84 บ้านชาโรม  : เด็กๆปลูกผัก เลี้ยงปลา บ้านครูน้อย : เด็กๆต่อแถวกันเป็นระเบียบ(ครูน้อยแจกตังค์)                                           เห้อ!!!!!!!!!!!!!!!!!!                        มันช่างต่างกันจริงๆ จากคุณ : oh_bangna เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 11:13:07

ความคิดเห็นที่ 85 ยิ่งอยู่กรุงเทพเนี่ยแหละโอกาสยิ่งเยอะ โดยเฉพาะถ้าครูน้อยเอาเงินเป็นล้านๆ เนี่ยไปลงทุนทำอะไรซักอย่างเพื่อเด็ก เช่น ซื้อเตาอบมาทำขนมบ้านครูน้อย แล้วส่งขายในกรุงเทพเนี่ยลูกค้าเีพียบ คนใจบุญที่ไหนจะไม่อยากซื้อครับ หรือไปหาครูที่สอนฝึกอาชีพที่ไม่ต้องลงทุนเยอะ เช่น ตัดเสื้อผ้า หรือเป็นงานที่เด็กๆ ทำได้ไม่ยากเช่น จัดดอกไม้ ประดิษฐ์ของชำร่วย งานแต่ง งานบุญ งานศพ ก็ทำได้ครับ ยิ่งมีการประชาสัมพันธ์แบบนี้ด้วยแล้วขี้คร้านจะผลิตส่งแทบไม่ทันครับ คนเขาัจัดงานบุญ เขาก็ย่อมอยากจะได้ของที่มาจากการทำบุญ จริงไหมครับ ยิ่งครูฝึกนี่ไม่ใช่ปัญหาเลย ได้ข่าวว่ามีคนอยากช่วยเยอะไม่ใช่เหรอ ปัญหาเรื่องคนก็แทบจะไม่มี ศักยภาพแรงงานเด็กในชุมชนตั้งเยอะแยะ ตัวครูเองก็ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร ทำเองได้ก็ไม่ยากอยู่แล้ว แถมไม่ต้องกลัวว่าของทำไปแล้วจะขายไม่ได้อีก กลัวแต่ว่าไม่คิดอยากจะทำเสียมากกว่า ดูตัวอย่างบ้านโฮมฮักของครูติ๋วสิ เขายังให้เด็กเพนท์เสื้อไปขายตามตลาดนัดเลยครับ หรือตามสถานสงเคราะห์หลายแห่ง เขาก็ยังมีการนำของที่เด็กทำออกมาจำหน่ายเข้าบ้านตัวเองเลยครับ ไม่ใช่แบมือขออย่างเดียว จากคุณ : KenshiroJr. เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 12:18:58

ความคิดเห็นที่ 86 ดูจากประหวัดครูน้อยและความเป็นไปได้มีอยู่ทางเดียวคือ เอาเงินบริจาคไปใช้เรื่องส่วนตัว ส่วนกับเด็กๆ ก็ให้เงินเป็นเบี้ย ไม่ได้เกิดผลงอกเงยทางปัญญาแต่อย่างใด ต่อให้ตั่งใจดีจริงๆ แต่วิธีการมันผิด อย่างไรมันก็ควรปรับปรุง แต่กรรีครูน้อยนี้เราสงสัยมานานมากแล้ว และเราเชื่อว่ายังไงก็ผลประโยชน์ส่วนตัว จากคุณ : เจ๊เฟย์ กะ คุโรปู้ ==> Mz เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 17:55:07

ความคิดเห็นที่ 87 บ้านชาโลม 976 หมู่ 1 ตำบลริมกก อำเภอเมือง จ.เชียงราย 57000 คุณลุงประเสริฐ และ คุณป้าคำผงเลี้ยงดูแลอบรมเด็กๆด้วยความรัก เด็กๆที่นั่นสุภาพ น่ารัก ขยันขันแข็ง ยิ้มแย้มแจ่มใส ซื่อๆ ณ ตอนนี้ เด็กผู้ชายในบ้านมี 14 คน เด็กผู้หญิงในบ้านมี 17 คน เด็กหญิงเด็กชายแยกโรงนอนกัน ช่วงนี้คุณลุงประเสริฐเป็นไข้ เด็กๆก็มีไม่สบายบ้าง นิดหน่อย บ้านชาโลม ไม่ได้แค่หาเงินให้ที่พัก และให้การศึกษา แต่ยังอบรมเด็กๆให้รู้จักทำงาน ให้รู้คุณค่าของเงิน เด็กๆที่นั่นช่วงนี้เอามันที่ปลูกได้ ไปทอดเป็นเฟรนช์ฟรายขายหลังเลิกเรียน หารายได้พิเศษ เด็กที่นั่นค่อนข้างตัวเล็ก เพราะขาดโปรตีนบ้าง ถ้าท่านใดพอจะช่วยเหลือได้ก็ส่งไปที่ที่อยู่ข้างบนได้ หากท่านใดต้องการติดต่อคุณลุงประเสริฐโดยตรง สามารถหลังไมค์มาถามเบอร์ได้ครับ หรืออยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบ้านชาโลมก็ถามมาได้เลยครับ จากคุณ : กลัวที่หนาย เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 20:58:21

ความคิดเห็นที่ 88 คห. 87 ขอบคุณคุณกลัวที่หนายมากๆ นะคะ สำหรับข้อมูลล่าสุดของบ้านชาโลม... หลังไมค์ไปแล้วนะคะ ^ ^ จากคุณ : ROONGPOONGLOW เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 21:36:59

ความคิดเห็นที่ 89 ขอถามค่ะคุณกลัวที่หนาย ว่าเราควรจะช่วยเหลือในด้านไหนดีค่ะ  จะได้ตรงกับความต้องการ จากคุณ : ปู่ต้า เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 21:41:40

ความคิดเห็นที่ 90 +1 ให้คำนี้ วิกฤษศรัทธา เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้จริงๆ จากคุณ : kidmark เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 21:45:23

ความคิดเห็นที่ 91 หลังไมค์ไปหา คุณ ROONGPOONGLOW และคุณ ปู่ต้า แล้วนะครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : กลัวที่หนาย เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 01:01:38

ความคิดเห็นที่ 92 ความคิดเห็นที่ 29     คนสมัยนี้น่ากลัวมากจริงๆนะ ตอนชื่นชมก็ตะบี้ตะบันชื่นชมมันเข้าไป  แต่พอวันไหนเค้าล้มขึ้นมาหรือแค่มีจุดด่างดำซักเล็กน้อยก็แทบจะต้องให้ตายตกกันไปต่อหน้าต่อตา ................................................................................ Totally agree with you !!! จากคุณ : jeji o เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 05:54:09

ความคิดเห็นที่ 93 รอการตรวจสอบ...เห็นด้วยว่าคนที่ทำงานในลักษณะนี้ต้องโปร่งใส และดูแลเด็กเป็น ไม่ใช่สอนให้เด็กหลงระเริง..ไม่รู้จักช่วยตนเอง..และช่วยเหลือผู้อื่น... เด็กประสบความสำเร็จ เรียนจบ ทำงานแล้ว ไม่กลับมาด้วยเหลือรุ่นน้องสักคน อย่างนี้ถือว่าระบบไม่ดีไม่ได้อบรมคุณธรรม จริยธรรมเลย ใจใหญ่จ่ายอย่างเดียว เบื่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หน่วยงานของรัฐต้องเข้าตรวจสอบให้หมดบ้านลักษณะนี้ ต้องโปร่งใส และบริหารงานเป็น อย่าให้เหมือนที่เค้าว่ากันว่า "พ่อแม่รักแกฉัน"อีกต่อไปเลย จากคุณ : ronnapob_w เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 09:04:55

ความคิดเห็นที่ 94 คห. 91 ได้รับหลังไมค์แล้วค่ะ... ขอบคุณมากๆ นะคะคุณกลัวที่หนาย ^ ^ ป.ล. สำหรับท่านใดที่สนใจอยากให้ความช่วยเหลือน้องๆ บ้านชาโลม หลังไมค์มาขอเบอร์โทร.กับเดี๊ยนได้นะคะ ^ ^ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 53 09:13:48 จากคุณ : ROONGPOONGLOW เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 09:04:59

ความคิดเห็นที่ 95 ไม่ใช่จุดดำเล็กๆแล้ว มันหลุมดำเลยแหละ เป็นจุดอ่อนของสังคม สนับสนุนให้หยุดกิจการบ้านครูแจกตังค์ จากคุณ : ดอกไม้เล่าเรื่อง เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 11:52:07

ความคิดเห็นที่ 96 ขออนุญาตแตกกระทู้นะคะ เพิ่งได้ข้อมูลใหม่มา ^ ^ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 53 13:23:48 จากคุณ : ROONGPOONGLOW เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 13:16:16

ความคิดเห็นที่ 97 คือไม่ได้จะว่าใครผิดถูกนะ้เพราะเราเองก็มีหลักฐานไม่เพียงพอจะไปตััดสินใครได้ว่าทำงี้งั้นจริง แต่จากติดตามมา เวลาเห็นครูน้อยพูดละสงสารมากๆ ผู้หญิงชราภาพคนนึง เราจำได้ว่า ตั้งประถม จนถึงมัธยมเราได้เงินไปเรียนไม่เกิน30 บาทต่อวันเลยเพราะจ่ายค่ารถเมล์ไปกลับ ค่าข้าวกลางวันก็หมดเลยมีเงินกลับบ้านวันละ 1บาท 50 สตางค์ แต่ทำไมเด็กสมัยนี้ได้เงินไปวันละเป็น100บาทก็มี  ครูน้อยเขาพยายามจะบอกสังคมให้รู้หรือเปล่าค่ะ เงินที่เป็นหนี้น่ะเพราะช่วยเด็กจริง แบบที่เห็นนี่ไง แจกเงินคนละไม่รู้เท่าไร ไหนจะค่าเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน. เราเลยได้เห็นภาพเด็กต่อคิวเหมือนรอรับไอศครีมที่ รร.แจกเวลามีกิจกรรมแบบนี้ ........ แต่เห็นด้วยกับ จขกท. ค่ะ เราไม่ได้ดูหรอกนะแต่ถ้าเขาใช้วิถีชีวิตแบบพอเพียงเราก็ขอชื่นชม และขอเป็นกำลังใจให้พวกเขาต่อสู้ชีวิตฝ่าฟันอุปสรรคในวันข้างหน้าไปได้ดี ต่อให้อยู่ กทม. หรือ ต่างจังหวัด ก็สามารถอยู่แบบพอเพียงได้ใช้ชีวิตให้เป็นก็จะไม่ก่อไม่เกิดปัญหาให้เราแน่ๆ คนสมัยนี้มีกี่ % กันที่ใช้ชีวิตแบบพอเพียง เพราะมนุษย์มีความอยากไม่รู้จบ แม้กระทั่งลมหายใจสุดท้าย จากคุณ : ลูกที่แย่ อยากเป็นแม่ที่ดี เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 00:57:09