 |
ความคิดเห็นที่ 45 |
|
ดูข่าวสามมิติด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเด็กปีนี้เลยแต่ก็อดไม่ได้
"ที่เป็นไปไม่ได้เลยก็คือทำแท้ง หมอเขาไม่ทำให้เพราะคุณไม่มีเหตุ คุณไม่ใช่ไม่สบาย คุณไม่ใช่มีเขาแล้วคุณจะอยู่ไม่ได้ นอกจากจะทำแท้งเถื่อนซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นใช่ไหมคะ" ^ ^ เอ่อ...น้อง ๆ ม.ปลายที่ยกประเด็นศีลธรรมในสังคมไทยมาตอบ ยังตอบคำถามนี้ได้ดีกว่าคุณอีกค่ะ ไม่ควรตอบในข้อสอบเพราะประเด็นหมิ่นเหม่ศีลธรรมและผิดกฎหมายค่ะ แต่ในระดับมหาวิทยาลัยแค่ประเด็นการทำแท้ง คุณสามารถยกขึ้นมาเสวนาหรือเขียนข้อสอบแสดงความคิดเห็นได้เป็นเล่มค่ะ และประเด็นนี้แม้แต่ในประเด็นสากลก็ยังเป็นที่ถกเถียงอยู่ค่ะ แต่ถ้าเอาคอมมอนเซนส์ง่ายๆตามข้อสอบจริยธรรมว่าไม่ควรตอบ ก็เห็นด้วยว่าไม่ควรตอบค่ะ ผ่านนะคะ
"ออกจากโรงเรียนไปทำงาน คุณจะทำได้ยังไงเมื่อคุณท้อง มันก็เป็นไปไม่ได้อีก" ^ ^ หอคอยงาช้างมาก ๆ กฎหมายห้ามคนท้องทำงานเหรอคะ ทุกวันนี้ไม่มีใครอยากทำงานหรอกค่ะ ถ้าเขาไม่ต้องใช้เงินเลี้ยงชีพ ยิ่งถ้าเป็นกรณีเป็น single mom และไม่นับว่าพ่อแม่จะรับได้หรือรับไม่ได้ คนบางคนแม้ไม่อยาก แม้จะท้องใกล้คลอดแค่ไหน บางครั้งก็ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้องค่ะ แบบนี้หมายความว่าเด็กที่ตัดสินใจจบชีวิตการศึกษาเพื่อต้องทำงานเลี้ยงลูก เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเหรอคะ? ดิฉันเรียกมันว่าความรับผิดชอบค่ะ และถึงมันจะเป็นทางออกที่ไม่สวยงามนัก แต่ก็เป็นทางออกที่ดีกว่าการทำแท้ง(ถ้าการทำแท้งคือความผิด จริงไหมคะ) ผู้ใหญ่ทุกวันนี้จะแต่งงานมีครอบครัวยังต้องคิดแล้วคิดอีกค่ะ การมีลูกหนึ่งคนคือความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง ต้องเก็บเงินกันมากเท่าไหร่กว่าจะตัดสินใจเริ่มสร้างครอบครัว นี่คือความจริงในสังคมค่ะ มีเด็กต้องใช้เงินค่ะ! มันฟังดูกระด้างแต่มันคือความจริงค่ะ และไม่ใช่เด็กทุกคนที่พลาดแล้วจะมีเงิน มีครอบครัวสนับสนุนดูแลค่ะ โจทย์ไม่ได้บอกว่านางสาวนิดรวยค่ะ หรือไม่จริงคะ? ยิ่งถ้าเด็กตอบโดยใช้สภาพแวดล้อมของตัวเองเป็นที่ตั้ง ประเทศไทยยังมีคนฐานะไม่ดีอยู่นะคะ แค่ค่าสอบเอนทรานซ์ที่ได้ยินได้ฟังมา ดิฉันก็ว่ามันทำให้หลายคนเหนื่อยอ่อนใจมากพอแล้วล่ะค่ะ
"แจ้งความ คุณจะแจ้งความกับใครเมื่อคุณจะท้องกับคนที่คุณต้องการจะท้อง" ^ ^ แจ้งความได้ค่ะ ถ้าเด็กคนนี้ยัง "เรียน" อยู่ตามโจทย์ล่ะก็ ยังเป็นผู้เยาว์ค่ะ จะสมยอมหรือไม่พ่อเด็กติดคุกหัวโตค่ะ ยกเว้นศาลจะให้ประณีประณอมยอมความแต่งงานกันและให้บรรลุนิติภาวะค่ะ และถึงจะไปหย่ากันทีหลัง ผู้ชายก็ต้องรับผิดชอบตามคำสั่งของศาลได้อยู่ค่ะถ้าพิสูจน์ได้ว่าเด็กเป็นลูกของผู้ชายจริงค่ะ น้องผู้ชายตอบได้ดีค่ะว่าแจ้งความเพื่อหาคนมารับผิดชอบ ในโลกของความเป็นจริงทำได้ค่ะ ดิฉันจะไม่บอกว่าถูกหรือผิดค่ะ เพราะมันคงฟังโหดร้ายกับการใช้แง่กฎหมายเข้ามาเล่น แต่เราจะมีกฎหมายครอบครัวไว้ทำอะไรล่ะคะ เพราะการมีเลี้ยงเด็กหนึ่งคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดจะเอามาตั้งเป็นโจทย์เล่น ๆ โดยไม่ได้คิดถึงความเป็นจริงได้
"เพราะฉะนั้นคุณก็ควรจะหยุดเรียนเพื่อไปคลอดลูก" ^ ^ นี่คือทางแก้ปัญหาหรือคะ? เด็กทุกคนถ้าท้องและไม่ทำแท้ง เขาก็ต้องหยุดเรียนไปคลอดลูกทั้งนั้นแหละค่ะ จะให้ไปคลอดที่โรงเรียนหรือไง หรือมีโรงเรียนไหนอนุญาตให้เรียนทั้งๆที่รู้ว่าท้องบ้าง แต่หยุดเรียนแล้วจะได้กลับมาไหมมันอีกเรื่อง จะข้อสามข้อสี่ก็ต้องหยุดเรียนไปคลอดลูกทั้งนั้นแหละค่ะ แต่ในความเป็นจริงอีกเช่นกันค่ะ สถาบันการศึกษาส่วนมากรับเรื่องนี้ได้ไหมคะ? ถามสั้น ๆ และไม่ต้องยกสังคมอุดมคติมาตอบค่ะ ยิ่งถ้าเป็นสถาบันมีชื่อเสียง รับได้และให้โอกาสเด็กได้แบบที่พูดไหมคะ? ข้อนี้เป็นข้อที่เด็กทุกคนอยากทำค่ะ เป็นข้อที่น่าจะเลือกได้ง่ายแต่ในความเป็นจริงมันทำได้แค่ไหนคะ และอีกอย่างคือข้อนี้คิด "ง่าย" ค่ะ เพราะคุณไม่คิดบ้างเหรอคะว่า "คลอดลูกแล้วไง"? ต้องเลี้ยงไหม เลี้ยงยังไง? มันกลับไปสู่ข้อทำงานหาเงินค่ะ บางคนอาจไม่ได้กลับมาสู่การเรียนต่อด้วยซ้ำ และอย่าให้ดิฉันจินตนาการถึงการกระทำที่แย่กว่านั้นเลย นี่ไม่ใช่ "ทางออกที่ดีที่สุด" ค่ะ แต่เป็นทางออกที่คุณคิดว่าดี เพราะอย่างน้อยเด็กก็จะกลับมาเรียนต่อมันใช้ไม่ได้กับชีวิตจริงค่ะ เหตุผลแวดล้อมหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรช่างมันแบบนี้ ดิฉันเรียกว่าสังคมอุดมคติค่ะ ถ้าให้ดิฉันแปลตัวเลือกสั้น ๆ ข้อใดเป็นการแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยเรียนที่ดีที่สุด 1. หยุดเรียนไประยะหนึ่งเพื่อคลอดลูก = เก็บเด็กไว้ ใครเลี้ยง 2. ทำแท้งเพราะไม่สามารถเลี้ยงดูได้ = ทำลายเด็ก 3. ลาออกจากโรงเรียนแล้วหางานทำเพื่อลูก = เก็บเด็กไว้ เลี้ยงเอง 4. แจ้งความเพื่อหาผู้รับผิดชอบ = เก็บเด็กไว้ พยายามหาทางเลี้ยง การเติบโตเป็นผู้ใหญ่มันต้องรู้จักวางแผนชีวิตค่ะ ถ้าคำตอบมีแค่นี้ ดิฉันจะบอกว่าเด็กข้อสองคิดการณ์ไกลมากกว่าเด็กข้อหนึ่งเสียอีก เพราะเขายังรู้ว่าเขาไม่สามารถเลี้ยงดูได้ ในขณะที่หยุดเรียนไปคลอดไม่รู้กระทั่งว่าจะได้กลับมาเรียนไหม หรือเอาเด็กไว้กับพ่อแม่ หรืออาจจะทิ้งเด็ก เป็นปัญหาที่แย่กว่านั้น คุณให้โจทย์มาแค่นี้นะคะ แต่ในสังคมมันมีความเป็นจริงอีกมาก
และในข้อสาม ความผิดของการกระทำในข้อสามในสายตากระทรวงก็คือการลาออกจากระบบการศึกษาเท่านั้นใช่ไหมคะ? มันจึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่ายังไงดิฉันก็บอกได้แค่ว่าดิฉันเห็นใจค่ะ ถ้าทางเลือกในชีวิตมันมีแค่นี้จริงๆ
ประเด็นนี้เป็นประเด็นสังคมที่ละเอียดอ่อนค่ะ ถ้าไม่พร้อมจะพูดถึง ไม่พร้อมจะเปิดหูเปิดตารับรู้ปัญหาสังคมในปัจจุบัน อย่าเอามาออกเป็นเรื่องเล่น ๆ ดิฉันตอบได้ว่าข้อสองตามคอมมอนเซนส์ไม่ควรจะตอบ ข้อสี่อาจจะก้ำกึ่ง แต่ข้อหนึ่งกับข้อทำงาน ดิฉันเห็นว่าไม่มีข้อไหน "ถูกไปกว่า" ข้อไหนหรอกค่ะ
แต่คุณคงจะเห็นด้วยใช่ไหมคะ เพราะตอนท้ายสุดคุณได้บอกว่า
"มันมีไหม ที่ในชีวิตเราในสังคมมีคำตอบเดียวเหรอ ดำขาวมีไหม ไม่มีนะ มันก็จะมีคำตอบที่มีหลายคำตอบ ไอ้นี่ก็เป็นไปได้ ไอ้นี่ก็เป็นไปได้ หรือบางทีมันต้องสามคำตอบในเวลาเดียวกัน เวลาจะไปไหนเหตุผลเดียวมันมีไหม มันไม่มี มันต้องมีเหตุผลนี้ เหตุผลนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงจะออกให้ประยุกต์กับสังคมในชีวิตของคนในสังคม วิชาในสังคมมันเพื่อให้คนมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขไม่ใช่เหรอ"
ถามสั้น ๆ ถ้าในชีวิตเราในสังคมไม่มีคำตอบเดียว แล้วจะออกข้อสอบประยุกต์กับสังคมในชีวิตของคนในสังคม โดยเลือกวัดผลแบบมีข้อเดียวถูก เพื่ออะไร??
ทฤษฎีปึ้ก-ปฏิบัติแป้กค่ะ!
สุดท้ายข้อสอบแบบนี้ก็ไม่ต่างจากที่สังคมไทยเป็นอยู่ทุกวันนี้ "ห้ามเถียงผู้ใหญ่" "ห้ามคิดต่างจากคนอื่น" พอรึยังคะกับค่านิยมแบบนี้ อ้อ คุณกำลังปลูกฝังอีกค่านิยมให้เด็กด้วย คือ "ผู้ใหญ่ก้มหัวไม่ได้ ขอโทษไม่เป็น"
ปล. ขออภัยถ้าความคิดเห็นก้าวร้าวรุนแรงมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ และก็ยังเป็นกำลังใจให้มีการเปลี่ยนแปลงวงการศึกษาได้สักทีค่ะ สมัยนี้มันไม่เหมือนกับสมัยก่อนแล้วค่ะ
จากคุณ : Love_melody เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 02:10:29 ถูกใจ : หนึ่งกระบี่ แปรสามแจ้ง, SeeScape_S7, Case Closed, Aloof, Hollander
ก๊อปมาครับ เพราะว่าถูกใจ แรงและมีสาระครับ
จากคุณ |
:
,,,ชีวิตที่เหลือของเรา,,,
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ก.พ. 53 03:12:19
|
|
|
|
 |