Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
<<<<<<< เกาะกระแส ชวนคุยกันถึงหนัง(ออสการ์ 2009) ที่ได้ดู: ถ้าออสการ์อยู่ในมือคุณ คุณจะยกให้กับใคร ? >>>>>>>  

  Avatar (22 คน)
  Blind Side (0 คน)
  District 9 (6 คน)
  The Education (0 คน)
  Hurt Locker (6 คน)
  Inglourious Basterds (17 คน)
  Precious (3 คน)
  A Serious man (1 คน)
  Up (3 คน)
  Up in the Air (12 คน)

 31.43%
  Avatar (22 คน)
 0.00%
  Blind Side (0 คน)
 8.57%
  District 9 (6 คน)
 0.00%
  The Education (0 คน)
 8.57%
  Hurt Locker (6 คน)
 24.29%
  Inglourious Basterds (17 คน)
 4.29%
  Precious (3 คน)
 1.43%
  A Serious man (1 คน)
 4.29%
  Up (3 คน)
 17.14%
  Up in the Air (12 คน)

จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 70 คน


เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป + อ่านความเห็นอื่นๆ + แสดงความเห็นเพิ่มเติมหรือเก็บไว้ได้ที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=04-03-2010&group=14&gblog=196


... ตั้งใจว่าจะรอดูจนครบสิบเรื่องแล้วเขียนถึง แต่ดูคิวแล้วกว่าจะได้แผ่น The Education(คาดว่าตัวเองจะถูกจริตกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ) กับ Blind Side คงอีกนาน ส่วน Precious ก็หาแบบมีซับไม่ได้เลย ครั้นจะดูฟุดฟิดฟอไฟล้วนๆก็เกรงว่าจะไม่รู้เรื่องsmile เลยเขียนเฉพาะ 7 เรื่องที่ได้ดู

รู้สึกว่าปีนี้เป็นปีที่ตัวเองไม่ตื่นเต้นกับหนังออสการ์เท่าไหร่ เพราะ รายชื่อที่เข้าชิง ที่ดูไป มันไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการแข่งขันที่เขี้ยวๆเหมือนปี No Country for Old men VS. There will be blood VS. Atonement หรืออย่างน้อยปีก่อน หนังที่เป็นรอง Slumdog อย่าง Milk หรือ The Wrestler ก็เขี้ยวลากดินไม่แพ้กัน แต่ปีนี้หนังที่เข้าชิงล้วนดีๆจริง แต่หาอารมณ์ประมาณ หนังเจ๋งแบบเขี้ยวๆไม่ค่อยจะมี


... และในปี 2009

ถ้าออสการ์อยู่ในมือข้าพเจ้า จะขอเรียงอันดับคะแนนแล้วมอบรางวัลให้ ตามนี้



บั้งไฟพญานาค อันดับ 7

District 9


… ชอบ ไอเดียดี มีความคิดสร้างสรรค์ บทหนังคม ตัวละครกลม

เหมือนลูกครึ่งอินดี้ลูกครึ่งหนังฟอร์มยักษ์ ตอนดูชอบมาก พอถึงตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ แต่ไม่ได้มี impact มากมาย และ ไม่คิดว่าดีกว่าเรื่องอื่นๆที่เข้าชิงร่วมกัน เหมาะสมสำหรับรางวัล หนังซัมเมอร์ที่ดีที่สุดของปี คู่ Star Trek แต่ยังไม่ใช่ หนังที่สุดแห่งปี แบบที่น่าจะอยู่บนเวทีออสการ์



blue อันดับ 6 + 5

Hurt Locker + Avatar


… คิดว่า สุดท้ายแล้วก็สองเรื่องนี้แหละ ที่ได้รางวัลไป แต่ส่วนตัวแล้วเฉยๆกับเรื่องแรก ส่วนเรื่องหลัง ประทับใจมากๆในส่วนประสบการณ์สามมิติในโรง แต่เอาเฉพาะตัวหนังก็ไม่ได้แบบรักนักรักหนา

ขอแยก 'ความดีของหนัง' กับ 'ความชอบของฉัน' ออกจากกัน และขอออกตัวไว้ก่อนว่าปกติ ไม่ชอบ หนังสงคราม ขนาด ‘ปฏิบัติการณ์ช่วยนายทหารไรอัน’ ที่กวาดออสการ์มาเพียบ ดูไปก็เบื่อไป ดังนั้น สำหรับ Hurt Locker แยกเป็นฉากๆนี่ชอบเลย เช่น ฉากถูกรุมกระหน่ำแล้วต้องอดทนเฝ้ายิงโต้ , ฉากกู้ระเบิดแต่ละฉากๆ ฯลฯ แต่ พอรวมๆแล้ว รู้สึกเบื่อเป็นช่วงๆ

คือรู้สึกว่า แต่ละฉากๆ มันเป๊ะจริง กดดันจริง แมนโคตรๆ แต่ดูแล้วไม่โดน และ ความเจ๋งจริงของหนัง ยังไม่รู้สึกว่า อู้วว้าวว เหมือนตอน No Country for old men ที่ถึงจะไม่ได้ชอบหนังแบบสุดหรือไม่อินมากมาย แต่ด้วยความเจ๋งสมบูรณ์แบบ ชนิดต้องยกสองนิ้วโป้งให้จากใจจริง จึงไม่มีข้อกังขาถ้า No country ได้รางวัล

เทียบในส่วนเนื้อหนัง Hurt Locker เหนือกว่า Avatar ในหลายจุด เช่น บทหนัง , การเล่าเรื่อง , การแสดง แต่ในขณะเดียวกัน Avatar ก็มีหลายด้านในงานเทคนิก , งานด้านกำกับศิลป์ ที่เหนือกว่าและส่วนที่ด้อยก็ใช่ว่าจะย่ำแย่กว่ามาตรฐาน

รวมๆแล้วคิดว่า Hurt Locker เหนือกว่าแต่ไม่ได้มากมายลอยลำ และ ถ้าจะให้ Avatar ก็ไม่คิดว่าน่าเกลียดอะไร เพราะหนังไม่ได้ดีแค่ว่ากระแสแรงกับฟอร์มยักษ์

แต่จะไม่เห็นด้วยเลย ถ้ามีคนให้ Hurt Locker ด้วยเหตุผลความเป็นหนังอินดี้และผู้กำกับสตรี แล้วคู่ควรมากกว่า หนังทุนสูงที่มาพร้อมกระแส เพราะ Avatar ถึงทุนหนาก็ไม่ได้แปลว่าทำออกมาได้ง่ายๆ

งานกำกับก็เช่นกัน อดีตศรีภรรยา เลิศในการคุมหนังออกมาหนักแน่นแม่นยำในงบจำกัด อดีตสามี ก็ เลิศในการคุมหนังสเกลยักษ์ให้ลงตัว และ สร้างโลกใบใหม่ด้วยความสามารถที่ต้องละเอียดทุกเม็ดถึงทำได้

ใจยังคิดว่า ถึง Hurt Locker จะมีหนังทีมีเนื้อในดีกว่า แต่ หนังอย่าง Avatar มีภาษีก็ตรง ไม่รู้กี่ปีจึงจะมีนวัตกรรมแบบนี้ให้ดูกันอีก



ใบแดง อันดับ 4

Inglourious Basterds


… คือมันไม่ได้ดีแบบเข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้ยากเหมือน Pulp Fiction แต่ผมคิดว่าคุณภาพของ Inglourious Basterds ไม่ด้อยกว่างานมาสเตอร์พีซอย่าง Pulp Fiction เลย เพียงแต่ตัวผู้กำกับเก๋ามากขึ้น รู้วิธีการทำหนังที่ยังคงตามใจตัวเองแต่ทำให้เข้าถึงคนดูได้ง่ายขึ้น

เพราะเรื่องนี้ เควนติน ยังคงทำหนังที่มีกลิ่นของความกวนๆ ความฉลาด ความกล้าที่จะนำเสนอในรูปแบบแปลกๆใหม่ๆ และ ผลที่ออกมาก็ยังคง บ่งบอกความเป็นอัจฉริยะของเจ้าตัว แถมไปด้วย พลังที่ส่งมาให้หนังที่ชวนขลังมากขึ้นเช่น Chapter 1 ที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

ดูสนุก และ ฉายความสุดยอดของคนทำหนังโดยไม่ต้องอธิบายให้มากความ



ลูกโป่ง อันดับ 3

Up


… ว่ากันตามตรง คุณภาพยังด้อยกว่าเพื่อนผู้เข้าชิงรายอื่น แต่ให้ถึงอันดับนี้ เพราะความรักต่อหนังล้วนๆ ไม่มีเหตุผลอื่นใด

รักนะ ปู่ซ่ารักคุณ รักนะ ฮะโหน่งรักคุณ



rocks  อันดับ 2

A Serious man


… ดูไปซี๊ดปากไปอุทานในใจว่า'เจ๋งว่ะ'

ขอยืนยันว่า พี่น้องโคเอน นับวันยิ่งทำหนังแบบใช้คัมภีร์กระเรียนเซียนเหยียบฟ้า  ฝีมือการกำกับไม่ได้อยู่ในสวรรค์ชั้นเดียวกับคนอื่นๆแล้ว เทคนิกการถ่ายทำเอย จังหวะการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้เอย ก็เป๊ะๆแบบปล่อยอะไรออกมาที ก็อึ้ง ก็ทึ่ง

เรียกว่า ตัวหนังที่ออกมามันดีเฉียดใกล้ความสมบูรณ์แบบ เกินกว่าจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ไปได้ (แม้หลายจุดยังเข้าไม่ถึงในแง่ศาสนา วัฒนธรรม หรือ ยังขบไม่แตก และต้องปล่อยให้สมองมาตีความต่ออีกพักใหญ่ก็ตาม ก็หาใช่ ความด้อยของหนังแต่อย่งใด)

มีคนเตือนว่า ควรทำการบ้านด้วยการอ่านเรื่องของโย้บ หรือ Book of job ไปก่อน (อย่าจำผิดไปนั่งอ่าน Book of Eliฮ่าฮ่าฮ่า) แต่ดูแล้วคิดว่า ถ้าไม่มีความรู้มาก่อนก็น่าจะพอเข้าใจได้ แค่เข้าใจยากหน่อย เพราะ บทหนังของสองคุณพี่ นอกจากยังคงคมกริบแบบกวนโอ๊ย และ ฝึกความอดทนคนดูเช่นเคย (ดูแล้วคิดถึง The Mist ในประเด็นของ การพิสูจน์ศรัทธา)

นี่เป็นหนังที่เหมาะสำหรับคนชอบคิด เพราะ มีอะไรแทรกให้คิด คิด คิด และ ให้ตีความมากมายเหลือเกิน



พลุ อันดับ 1

Up in the Air


… ในแง่คุณภาพ ถึงไม่อลังการยิ่งใหญ่ระดับกู้ระเบิดหรือออกนอกโลก แต่ก็เป็นงานที่ทุกองค์ประกอบเนี้ยบแบบทุกจุดไม่มีหลุดให้ติได้ คือ บางเรื่องมีส่วนที่ดีมากกับส่วนที่ด้อยชัด ฯลฯ แต่เรื่องนี้ ค่าเฉลี่ยของหนังไม่มีส่วนไหนที่ตกไปเลย

ในแง่ความชอบ เอาไปเลยเต็มๆทั้งใจ เป็นหนังที่ ลึก เจ็บ และ จุก ที่สุดในรอบปี

ในแง่เนื้อหา รู้สึกเหมือนตอน Slumdog Millionaire ที่ดูเหมือนเรียบง่ายไม่มีอะไรมาก แต่ความจริง หนังแฝงปรัชญาและข้อคิดยุ่บยับ สุดแต่คนดูหรือคนมีประสบการณ์ตรงจะรับสารไป ทั้งในด้านการทำงาน , การใช้ชีวิต , ความรัก ฯลฯ

เคยอ่านผ่านมามีคนว่าคล้าย Jerry Mcguire แต่ส่วนตัวแล้วคิดถึงอารมณ์หนังอย่าง Lost in translation กับ หนังหว่อง ที่มีความเป็นอเมริกันมากๆ และ พูดถึง การค้นหาความหมายของชีวิต

เป็นหนังเรื่องที่ 2 ของปีถัดจาก 500 days of summer ที่ดูแล้วเสียน้ำตาและรู้สึกเจ็บ (โดยไม่ได้เกิดจากมดกัด)

รู้ว่าสุดท้ายยังไงก็คงไม่ได้ออสการ์ แต่ถ้ามีออสการ์ในมือ จะยกให้เรื่องนี้อย่างไม่ลังเลใจ สำหรับ หนังที่จี๊ดใจที่สุดในรอบปี



ทั้งหมดนี้ คือ คะแนนพิศวาสส่วนตัวของผม

แล้วคุณละ

อยากยกออสการ์ในมือ ให้กับหนังเรื่องใด ?
กะพริบตา



ideaบทความที่อ้างอิงถึงในกระทู้
(บทความเหล่านี้เคยนำมาลงในกระทู้แล้ว)

Partly cloudy + Up , ว่าด้วย ชีวิต , ความทุกข์ , ความรัก และ การเดินทางของ ปู่ซ่า กับ ด.ช.ฮะโหน่ง
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=06-2009&date=16&group=14&gblog=166

Inglourious Basterds , ความเด็ด 7 ประการที่ผมปลื้ม ก๊วนไอ้ตัวแสบ กับ นักล่ายิว
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=24-08-2009&group=14&gblog=176

Avatar , นาวีที่รอคอย + แพนโดร่า มาหานะเธอ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=24-12-2009&group=14&gblog=185

ออสการ์ กับ หนังที่ 'หนัก แมน แรง ชั่ว' (1) , No Country for Old Men
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=23-02-2008&group=14&gblog=73

ออสการ์ กับ หนังที่ 'หนัก แมน แรง ชั่ว' (2) , There will be blood
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=26-02-2008&group=14&gblog=74

แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 53 10:00:48

แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 53 09:26:46

จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 09:24:31




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com