Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาระแนสิบล้อ: คุยกันหลังพวงมาลัย กับ “เป้ นฤบดี เวชกรรม” หัวสมอง 12 ปีของแก๊งค์สาระแน  

คุยกันหลังพวงมาลัย กับ “เป้ นฤบดี เวชกรรม”  หัวสมอง 12 ปีของแก๊งค์สาระแน และ “สาระแนสิบล้อ” หนังฮาแบบไม่ปกติ

อีกรูปแบบของหนังไทยอารมณ์ดีที่มาพร้อมลายเซ็นต์เฉพาะตัวในสไตล์ “สาระแน”

         Q.           ย้อนกลับไปมองผลงานเรื่องแรกอย่าง “สาระแนห้าวเป้ง” เคยคิดเคยฝันไหมว่าตัวหนังจะประสบความสำเร็จมากมายมหาศาลเหยียบ 100 ล้าน
         P.          ก็ไม่เคยคาดการณ์ว่ามันจะทำยอดได้ขนาดนั้น แต่ก็มีคาดหวังไว้นิดๆ เพราะหนังมันก็มีความแตกต่างน่าจะได้รับการตอบรับ อย่างน้อยก็น่าจะมีคนสักกลุ่มที่อยากจะดูอะไรที่มันแปลกออกไป
         
        Q.           เป็นความคิดความตั้งใจของทีมสาระแนเลยรึเปล่าว่าถ้าจะทำหนังต้องมาพร้อมกับโจทย์ที่แตกต่างจากหนังทั่วไป
         P.          ผมว่ามันเป็นวิธีคิดของบริษัทเราอยู่แล้ว คือถ้าเราจะทำอะไรมันก็น่าจะมีมุมมองที่แตกต่าง ทั้งในแง่ของครีเอทีฟ หรือว่าอะไรก็ตามแต่ทั้งในบริษัทของเราหรือทีมงานที่คิดก็ปูมาทางนี้อยู่แล้ว

         Q.           ถ้าจะให้วิเคราะห์ถึงความสำเร็จ คิดว่าเพราะอะไรถึงเกิดเป็นปรากฎการณ์ของสาระแนห้าวเป้ง จนตัวหนังประสบความสำเร็จมากมายมหาศาลขนาดนั้น
         P.          อาจจะด้วยตัวนักแสดงอย่างสตาร์บักค์และหลังเลนส์ ซึ่งเป็นความโชคดีของเราที่ได้บังเอิญไปเจอทั้ง 2 คนนี้ จนได้เข้ามาเป็นนักแสดงโดยบังเอิญ และอีกส่วนหนึ่งก็คือพี่หม่ำ ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น จึงทำให้คนอยากรู้ว่าพี่หม่ำมีอะไรกับพวกเรามันทำให้เกิดกระแส ก็น่าจะเป็นเพราะ 3 คนนี้ สตาร์บัก หลังเลนส์ และ พี่หม่ำ

         Q.          ไม่คิดว่าเป็นเพราะสไตล์หรือรูปแบบของความเป็นสาระแนที่ถูกเอามาทำเป็นภาพยนตร์
         P.          คืออันนั้นคนเขาดูสาระแนมาตลอด 10 ปีเขาก็เข้าใจวิธีการแคนดิดของสาระแนมันก็ไม่ใช่สิ่งใหม่แล้ว คืออาจจะเป็นกระแสบอกต่อที่พอแคนดิดแล้วมันมีการร้อยเรื่องจนกลายเป็นหนัง แล้วก็การแสดงของสตาร์บักและหลังเลนส์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ผมว่าอันนี้มากกว่า

         Q.          ในเมื่อสาระแนห้าวเป้งเองก็ประสบความสำเร็จมากมายมหาศาลขนาดนั้น พอมาถึงผลงานภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ทำไมถึงตัดสนิใจไม่ทำแนวแคนดิด (แอบถ่าย) ที่เป็นงานถนัดของทีมสาระแนอยู่แล้ว
         P.          คือเวลาเราทำอะไรเราก็นึกถึงคนดูเหมือนกันนะ สมมติเราเป็นคนดู เราก็ไม่อยากดูการแคนดิดเรื่องที่ 2 เพราะอาจจะเดาได้ กลับกันมานั่งในมุมคนทำมันก็ทำยากขึ้น คือทำได้แต่มันก็ต้องใช้ไอเดียมากขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คือเราเชื่อว่าถ้าเป็นคนดูหนังที่นั่งอยู่ในความมืด ในโรงภาพยนตร์เขาก็อาจจะนั่งเดาเรื่อง เรากลัวว่าถ้าเขาเดาได้มันจะไม่สนุก ตอนนี้ยังคิดอะไรที่มันแตกต่างจากเดิมไม่ได้ก็เลยยังไม่ทำดีกว่า

 
 

จากคุณ : TooN_cc
เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:28:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com