ความคิดเห็นที่ 1 เก็บทัศนะที่เคยพูดคุยถึงซีรีส์อมตะตลอดกาลเรื่องนี้มาแปะครับ... โจวเหวินฟะในบทสวี่เหวินเฉียง คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณเพราะใครๆก็คงรู้สึกคล้ายๆกัน ด้วยความลงตัวในทุกๆด้านทั้งเนื้อเรื่อง   บทบาทการแสดงของนักแสดงทุกคน  หรือแม้แต่บทเพลงระดับตำนาน   เพียงแต่มีข้อติดใจเล็กๆว่าบัณฑิตเกียรตินิยมอย่างสวี่เหวินเฉียง น่าจะสามารถหางานทำเองได้โดยไม่ต้องขอให้ฟางเยี่ยนเหวิน (รับบทโดยหลินเจี้ยนหมิง)  ช่วยหางานให้โดยไปฝากให้ทำงานกับเถ้าแก่หลี่ และบัณฑิตเกียรตินิยมอย่างสวี่เหวินเฉียงที่ชีวิตพลิกผันมาอยู่ในวงโคจรมาเฟียช่วงแรกๆนั้น  ยังไม่น่าจะเชี่ยวทางตีรันฟันแทงจนสามารถฆ่าหลอปิ่งเฉียงสมุนมือขวาของเถ้าแก่หลี่ได้โดยง่าย   จากคุณ : stardom     ผมว่า เรื่องบัณฑิตเกียรตินิยมอย่างสวี่เหวินเฉียง ต้องขอให้ฟางเยี่ยนเหวินหางานทำให้ ก็เพราะเพิ่งออกจากคุกเพราะโดนจับระหว่างประท้วง หน้งไม่ได้บอกว่า เขาจบการศึกษาหรือเปล่า (น่าจะไม่นะ) แล้วช่วงนั้นสถานการณ์เมืองจีนค่อนข้างวุ่นวาย น่าจะทำให้เศรษฐกิจฝืดเคือง ถ้าไม่ทำงานกับมาเฟีย ก็หางานยากต้องใช้แรงงานแบบติงลี่ จากคุณ : อิท   เรื่องบัณฑิตเกียรตินิยม  เราจำได้ว่า ในเรื่องบทหลินเจี้ยนหมิงแนะนำสวี่เหวินเฉียงกับคนที่เธอไปฝากฝังเขาอย่างนั้นจริงๆ  อย่างที่คุณ stardom พูดถึง  แสดงว่าอาจเป็นไปได้ 2 กรณี  (ละครไม่ได้อธิบายชัดแจ้ง คนดูอย่างเราก้ได้แต่คาดคะเน) 1. เขาอาจจะจบการศึกษาแล้ว  แต่ประจวบเหมาะมีเหตุการณ์ผันผวนทางการเมืองที่ทำให้สวี่เหวินเฉียงเข้าร่วมประท้วงรัฐบาล  จนถูกจับติดคุก  ทำให้ไม่ได้ปริญญาบัตร หรือเข้าพิธีรับมอบอย่างเป็นทางการ  ชีวิตจึงหักเหเข้าเส้นทางเจ้าพ่อ  เพราะไม่มีปริญญาบัตรเป็นเครื่องแสดงวุฒิ 2. เขายังไม่จบการศึกษา  แต่เข้าร่วมประท้วงทางการเมืองเสียก่อน  เมื่อออกจากคุก  เป็นไปได้ว่า  เขาอาจจะมีผลการเรียนเป็นเยี่ยม เพียงแต่ไม่สามรถเข้าร่วมสอบจนจบการศึกษาได้  แต่หลินเจี้ยนหมิง เธอก็โฆษณา สรรพคุณเขา  ว่าเขาเป็นบัณฑิตแล้วแถมได้เกียรตินิยมเสียด้วย เพื่อให้เหล่าบรรดาเจ้าพ่อให้การยอมรับสวี่เหวินเฉียงในฐานะคนทีมีการศึกษา  มีความรู้ ได้เข้ามาทำงานด้วย ส่วนเรื่องสวี่เหวินเฉียง  ได้ขอความช่วยเหลือจากหลินเจี้ยนหมิง  ให้แนะนำเขาเพื่อเข้าสู่วงการเจ้าพ่อ  ส่วนหนึ่งมาจากเขาเพิ่งออกจากคุก  คงไม่มังานด้านสุจริต  ที่อ้าแขนรับคนคุกเข้าทำงานง่ายๆ  (และเขาอาจจะไม่มีปริญญาบัตรด้วย จากเหตุผลที่คาดคะเนไว้ 2 กรณี)   และข้อสำคัญละครได้แสดงเหตุผลไว้ชัดนะคะ  ถึงความขมขื่นที่สวี่เหวินเฉียงสูญเสียเพื่อนนักศึกษาสาว  ที่ละครบอกไว้ตอนต้นว่าเธอและเขาน่าจะเป็นคนรัก หรือมีความรู้สึกที่พิเศษต่อกัน  และสวี่เหวินเฉียงมีความรู้สึกต่อต้านรัฐบาล  ความอยุติธรรมที่ได้รับ  จากการเป็นคนดี เดินในเส้นทางที่ถูกต้อง แต่กับได้รับผลตอบแทนเช่นนี้ เขาจึงบอกหลินเจี้ยนหมิงในทำนองที่ว่า เขาขอทำงานในเส้นทางเจ้าพ่อ หรือในเส้นทางที่ต่างจากเดิม ขอให้เป็นคนยิ่งใหญ่ ให้ประสบความสำเร็จ  มีอำนาจจะด้วยวิธีใดก็ตาม  เขาไม่แคร์อีกต่อไปแล้ว จากคุณ : suta_kung   เหตุผลที่คุณ suta_kung และคุณอิทพูดถึงก็มีน้ำหนักพอในประเด็นที่สวี่เหวินเฉียงติดคุกถึงสามปีเพราะเข้าร่วมประท้วงต่อต้านพวกขายชาติ  ย่อมหางานปกติทำได้ยากอยู่  ทำให้เขาต้องทิ้งอุดมการณ์ที่เคยคิดทำเพื่อส่วนรวม  หันมาทำเพื่อตัวเองโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องเพราะการเป็นคนดี กลับให้ผลลัพท์ที่เจ็บปวดสำหรับเขา   จากคุณ : stardom จากคุณ : BlueWhiteRed เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 10:37:19

ความคิดเห็นที่ 2 ประเด็นที่คุณ stardom เขียนน่าสนใจว่า ทำไมนักศึกษามหาลัยปักกิ่ง (มหาลัยชั้นนำของจีน) อย่างสวี่เหวินเฉี่ยง ถึงได้โผล่มาเก่งกาจในวงการ ดูเชี่ยวชาญกลยุทธรอบด้านเหลือเกิน ผมว่านี่เป็นเสน่ห์ของซีรีส์ชุดนี้ คือเรื่องตัดมาที่พระเอกเดินทางมาเซี่ยงไฮ้ เรารู้แบ๊กกรานด์พระเอกน้อยมาก รู้เพียงว่าเป็นนักศึกษามีอุดมการณ์ แต่แฟนเสียชีวิต ทำให้คิดว่าอุดมการณ์ความดีไม่มีความสำคัญอีกต่อไป แต่ระหว่างพระเอกถูกจับติดคุก และหลังจากออกจากคุกก่อนมาเซี่ยงไฮ้ ผู้ชมอย่างเราไม่รู้เลยว่าพระเอกเจออะไรมาบ้าง ผมชอบเรื่องนี้มาก ตรงที่พระเอกไม่ขาวล้วนดำล้วน มีถูกมีผิด มีดีมีชั่ว มีความเป็นมนุษย์จิตใจหวั่นไหวไปมาในหลายๆครั้ง และผมชอบตอนจบ .. สวี่เหลินเฉียงซึ่งฉลาดกว่าติงลี่ กลับต้องตาย ในประวัติศาสตร์หลายครั้งเป็นแบบนั้น คนเก่งกว่าต้องตายไป คนขึ้นมาเป็นผู้นำอย่างติงลี่ อาจไม่จำเป็นต้องเก่งสุดๆ แต่ต้องขึ้นมาถูกจังหวะ มีแรงหนุนดี จากคุณ : BlueWhiteRed   มีฉากท้ายเรื่องหลังจากสวี่เหวินเฉี่ยงสังหารฟงจิ้งเหยา และฉิงฉิงตัดใจเดินทางไปเรียนต่อฝรั่งเศส จากนั้นฉากตอนจบตัดมาไนท์คลับ สวี่เหวินเฉียงนั่งคุยกับติงลี่ (ก่อนเดินออกมาโดนยิง) จังหวะนั้นมีฉากตัดสลับว่า เขาทั้งสองลุยแก๊งอื่นๆจนเกลี้ยง และสามารถตั้งตนขึ้นมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งเซี่ยงไฮ้ ฉากนั้นเป็นเพียง "จินตนาการ" ว่าเขาทั้งสองคนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ หรือ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงไปแล้ว และถ้าเกิดขึ้น ทิ้งช่วงห่างจากวันที่พระเอกสังหารฟงจิ้งเหยานานเพียงไร? เพราะถ้าผมจำไม่ผิด ประโยคสุดท้ายก่อนเสียชีวิต สวี่เหวินเฉียงบอกว่า "จะไปฝรั่งเศส" ซึ่งก็คือไปตามฉิงฉิง นั่นทำให้ผมคิดว่าเหตุการณ์ผ่านไปไม่นานนัก อาจ 1-2 เดือน?? จากคุณ : BlueWhiteRed   เราว่าเป็นเรื่องจริงจ้ะ  สวี่เหวินเฉียงกับติงลี่ ผนึกกำลังกันกวาดล้างศัตรูคู่แข่งทั้งหลายจนก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อจริงๆ  ไม่ใช่เพียง "จินตนาการ" ในคลิปคห.77 ฉากแรกสวี่เหวินเฉียงนั่งคุยกับติงลี่ในบ้าน  ติงลี่สวมสูทสีเทา  สวี่เหวินเฉียงสวมสูทสีดำ มีผ้าพันคอยาวสีขาวคล้องคอ เมื่อทั้งคู่ตกลงกันแล้วจึงออกกวาดล้างแก๊งอื่นๆจนราบคาบ   หลังจากนั้นทั้งคู่จึงไปที่ไนต์คลับ  มีการชนแก้วกันเพื่อสื่อว่าทั้งคู่ร่วมฉลองในความสำเร็จที่สามารถกวาดล้างคู่แข่งลงได้แล้ว  สังเกตว่าในไนต์คลับ ติงลี่สวมสูทสีดำ  ส่วนสวี่เหวินเฉียงสวมสูทสีขาว  ถ้าเป็นเพียงจินตนาการขณะที่ทั้งคู่คุยกันในบ้าน  เมื่อจบภาพจินตนาการที่กวาดล้างคู่แข่งไปแล้ว  ภาพตัดกลับมาทั้งคู่ต้องสวมสูทชุดเดิมสีเดิม และอยู่ในบ้าน ไม่ใช่ในไนต์คลับ เราคิดแบบนี้จ้า จากคุณ : stardom   ประเด็นสวี่เหวินเฉียง  เราเห็นตรงกับคุณ stardom ค่ะ ว่า ทั้ง 2 ร่วมกันฝ่าฟัน  และก้าวขึ้นสู่ 2 เจ้าพ่อในวงการ  ไม่ใช่แค่ จินตนาการ  และเหตุการณ์นั้นต้องผ่านไปแล้วระยะหนึ่ง ไม่ใช่แค่ 1-2 เดือน  เนื่องจากเส้นทางการเป็นเจ้าพ่อ ไม่น่าจะใช้เวลาสั้นๆ แต่สวี่เหวินเฉียงคงค้นพบแล้วว่า การได้อำนาจตามที่เขาต้องการอย่างครั้งแรกที่มาเซี่ยงไฮ้ พอถึงกับจุดนั้นจริงๆ  กับไม่มีความสุขอย่างที่คิด และคิดว่า ยังไง เหวินเฉียงก็ลืมฉิงฉิงไม่ได้แน่นอน ดังนั้นฉากท้ายที่ไปนั่งคุยกับติงลี่ เขาจึงบอกประมาณว่า เสือ 2 ตัวอยู่ในถ้าเดียวกันไม่ได้ วันนี้ดีกัน วันหน้าก็อาจเปลี่ยนไป ใครไปถึงประตูก่อน ก็คือเป็นฝ่ายจากไป   เขาคงคิดอย่างนั้นจริงๆ และอีกเหตุผลหนึ่ง เขาคงคิดว่าขาดฉิงฉิงไม่ได้  ยังไงก็ต้องเลือกที่จะไปหาเธอแทนที่จะอยู่อย่างเดียวดายบนบัลลังก์เจ้าพ่อ  พอถูกยิง จึงบอกกับติงลี่ว่า เขาตั้งใจไปฝรั่งเศส จากคุณ : suta_kung   ส่วนเรื่องเหวินเฉียง ทำไมถึงเก่งกาจ ฝีมือด้านการต่อสู้ ทั้งๆที่เป็นอดีต นศ. คิดคล้าย น้อง BlueWhiteRed นะคะ การที่เขาต้องติดคุก ซึ่งละครไม่ได้แสดงรายละเอียด แต่จากละครหรือภาพยนตร์ไม่ว่าชาติไหน บรรยากาศในคุกเป้นสิ่งเลวร้าย  คนอ่อนแอต้องถูกรังแก  กดขี่  ถ้าอย่างรอด  ต้องสู้คนได้ ไม่ยอมใคร อย่างเรื่องเทพบุตรชาวดิน ในภาค 2 เป็น ต.ย. ที่เเห็นชัดว่า บรรยากาศในคุก เปลี่ยนแปลง บัณฑิตหนุ่ม สดใส อนาคตไกล มองโลกในแง่ดี กลายเป็น คนที่มองโลกอาจจะแง่ร้ายขึ้น  พร้อมจะแก้แค้น ตีสองหน้ากลับศัตรูได้  เมื่อยังไม่ถึงเวลาที่จะชนกันอย่างเปิดเผย ไปขอความช่วยเหลือจากนักเลง  อย่างไม่แคร์อะไร ซึ่งเป็นอะไรที่เถี่ยอุ้ย ในภาค 1 คงไม่ทำแน่ จากคุณ : suta_kung จากคุณ : BlueWhiteRed เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 10:37:47

ความคิดเห็นที่ 3 ในด้านตัวละคร สวี่เหวินเฉียง และติงลี่ ประโยคนี้ โดนใจมากๆค่ะ "ผมชอบเรื่องนี้มาก ตรงที่พระเอกไม่ขาวล้วนดำล้วน มีถูกมีผิด มีดีมีชั่ว มีความเป็นมนุษย์จิตใจหวั่นไหวไปมาในหลายๆครั้ง และผมชอบตอนจบ .. สวี่เหลินเฉียงซึ่งฉลาดกว่าติงลี่ กลับต้องตาย ในประวัติศาสตร์หลายครั้งเป็นแบบนั้น คนเก่งกว่าต้องตายไป คนขึ้นมาเป็นผู้นำอย่างติงลี่ อาจไม่จำเป็นต้องเก่งสุดๆ แต่ต้องขึ้นมาถูกจังหวะ มีแรงหนุนดี " ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่า ตัวละครทั้ง 2 บทนี้ ทีวีบี ยุค 80 เขียนออกมาได้มีมิติล้ำลึก  ดูเหมือนจะเข้าใจพวกเขา พอดุไปดูมา ก็ไม่แน่ใจว่า เราเข้าใจความคิด ความรู้สึก อารมณ์ของ ตัวละคร 2 ตัวนี้ หรือเปล่า อย่างเหวินเฉียง เวอร์ชั่นหวงเสี่ยวหมิง แผ่นดินใหญ่ทำออกมา บุคลิกคล้ายคลึงกับที่โจวหวินฟะแสดงไว้มาก ไม่ว่า มาด สีหน้า ท่าทาง  แต่ไม่แน่ใจว่าคนเขียนบท เขาคิดว่า จุดสีเทาบางอย่างของเหวินเฉียง  ทำให้ความเป็นพระเอกหม่นหมองไปหรือปล่า ดังนั้นในเวอร์ชั่น 2006  เหวินเฉียง นอกจาก เป็น นศ. เรียนเก่งแล้ว ยิงปืน ตีรันฟันแทงเก่ง แล้วยังเล่นเปียนโนได้   และอีกจุดหนึ่งที่เหวินเฉียงเวอร์ชั่นนี้ มีสีขาวมากกว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับ อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้สูญเสียคนรักจากการประท้วง  แต่คนรักเขา กลับจากไป เป็นสาวสังคมชั้นสูง และกว้างขวางในหมู่เจ้าพ่อ (เหมือนเอาบท นศ. คนรัก กับบท สาวใหญ่ทรงเสน่ห์ที่หลินเจี้ยนหมิงเล่นไว้ มารวมเป็นบทเดียวกันเลย) เหวินเฉียงจึงไม่ไปขอให้ผู้หญิงช่วยแนะนำเขากับเจ้าพ่อ อย่างต้นฉบับแถมหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากคนรักเก่าเสียด้วย แต่เข้าสู่วงการได้ด้วยความสามารถของตนเอง และแสดงความเป็น HERO รับผิดชอบกับการกระทำของติงลี่ เพราะทั้งเหวินฉียง ติงลี่ ไปเล่นรัสเซียนรูเล็ตกับ เพื่อน น..ศ. ของฉิงฉิง (บทที่ทังเจิ้นเยี่ยเล่นไว้)  เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ติงลี่ทำเกินกว่าเหตุ ทำให้พ่อของ เพื่อนชายของฉิงฉิงตาย แต่การที่คนเขียนบทลดจุดสีเทาๆ แต่งแต้มสีขาวให้บทสวี่เหวินเฉียงเพิ่มขึ้น ก็ทำให้เสน่ห์ของเขาลดลงตรงข้ามกับความขาวที่เพิ่มขึ้นด้วย   จากคุณ : suta_kung   เหวินเฉียง เป็น ต.ย. ให้เห็นว่า "จงทำดีแต่อย่าเด่น จะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็น เราเด่นเกิน" ไม่ได้หมายความถึงการกระทำของเหวินเฉียง เป็นสิ่งที่ดี ถูกต้อง  ในเส้นทางสุจริต แต่เปรียบเทียบว่า เหวินเฉียง มี ความสามารถ โดดเด่น  ติงลี่อยู่ภายใต้ร่มเงาของเหวินเฉียงตลอด  แต่ในความสำเร็จของเหวินเฉียง  ติงลี่ก้ได้ความสำเร็จไปด้วยเสมอ แต่ความผิดพลาดที่เกิดจากการกระทำบุ่มบ่าม ของติงลี่ เหวินเฉียงกลับต้องรับผิดชอบ ออกหน้า เต็มๆ เมื่อเหวินเฉียงมีประโยชน์ ใครๆก็อยากมาตักตวงผลประโยชน์นั้น แต่เมื่อรู้สึกว่า เหวินเฉียงชักจะเด่นเกิน เขาก็เป็นเป้าที่ถูกตามล่า ขณะที่ติงลี่ถูกมองข้าม คิดว่าไม่มีพิษมีภัย แต่ผลสุดท้าย กว่าที่ทุกคน รวมทั้งคนดูจะทราบว่า ติงลี่นั้นไม่ธรรมดา ภายใต้หน้าฉากที่ดูเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน  ทุกคนอาจคิดว่า ติงลี่พอใจเพียงแค่ ลืมตาอ้าปาก กินดีอยู่ดี ได้ติดตามรับใช้ เจ้าพ่ออย่างฟงจิ้งเหยา และมีลูกพี่เก่งๆอย่างเหวินเฉียง   การที่ติงลี่ฟลุก ได้เป็นคนสนิทเจ้าพ่อฟง เพราะเหวินเฉียงแตกคอ เป็นศัตรูกับเจ้าพ่อฟงก่อน แต่หนุ่มที่ดูเลือดร้อน มุทะลุอย่างนี้กลับฉลาดที่จะรักษาสัมพันธ์ทั้งกับเหวินเฉียงและเจ้าพ่อฟงไว้  ในฉากรัสเซียนรูเล็ต นี่แหล่ะ ถึงจะบางอ้อ ว่า ใครกันที่เป็นคนคุมเกมนี้อย่างแท้จริง จากคุณ : suta_kung   บท ติงลี่ ผมว่าถือเป็นตัวละครที่ดีที่สุดที่ทีวีบีเคยสร้างมา เป็นบทที่มีพัฒนาการมาก มีทั้งดีทั้งชั่ว ลองสังเกตวิธีการแสดงและการแต่งตัวของ หลี่เหลียงเวย ในช่วงแรก ตอนเป็นกรรมกรทรงผมจะดูยุ่งๆไม่มีทรง พอเข้าวงการนักเลง ผมจะเข้าทรงมากขึ้นแต่ยังมีรากไทร แถมเสื้อผ้าจะออกแนวพวกโก๋ แต่ยิ่งมีอำนาจขึ้นทรงผมจะเริ่มเนี๊ยบ ใส่น้ำมันเรียบเปร้ เสื้อผ้าดูหรูมีคลาสมากขึ้น เช่นเดียวกับวิธีการแสดง ก็จะเปลี่ยนไปจากมุทะลุแบบคนใช้กำลัง มาเป็นแนวนักเลงชั้นหางแถว ท่าล่อกแล่ก แล้วดูเริ่มวางมาดมากขึ้น แต่ก็ยังมีกริยาล่อกแล่กเมื่อต้องเจอเจ้าพ่อที่มีอำนาจใหญ่กว่า แล้วก็กลายเป็นเจ้าพ่อมาดเนี๊ยบเลียนแบบสี่เหวินเฉียงได้ในตอนท้าย จากคุณ : อิท   "การที่ติงลี่ฟลุก ได้เป็นคนสนิทเจ้าพ่อฟง เพราะเหวินเฉียงแตกคอ เป็นศัตรูกับเจ้าพ่อฟงก่อน แต่หนุ่มที่ดูเลือดร้อน มุทะลุอย่างนี้กลับฉลาดที่จะรักษาสัมพันธ์ทั้งกับเหวินเฉียงและเจ้าพ่อฟงไว้  ในฉากรัสเซียนรูเล็ต นี่แหล่ะ ถึงจะบางอ้อ ว่า ใครกันที่เป็นคนคุมเกมนี้อย่างแท้จริง" ครับ ฉากนั้นติงลี่โชว์สัญชาตญานอีกครั้ง ทั้งสองคนมีบุญคุณต่อเขา และใครชนะ เขาก็สามารถ “เข้าพวก” ในภายหลังได้  เหมือนกับฉากตอนต้นที่สวี่เหวินเฉียงยอมสละนิ้วมือให้ติงลี่เพื่อรักษาชีวิต (ดูครั้งแรกแทบช็อกกับฉากนี้) จากคุณ : BlueWhiteRed จากคุณ : BlueWhiteRed เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 10:38:10

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าดูการพัฒนาบุคลิกของตัวละครติงลี่ ยิ่งดูก็ยิ่งทึ่งกับการเขียนบทของทีวีบี และการแสดงของหลี่เหลียงเหว่ย  จาก ภาค 1 มา ภาค 2 และ ภาค 3 ติงลี่พัฒนาจาก เด็กหนุ่มยากไร้ แต่มีความทะเยอทะยาน  จนมาได้เป็นเจ้าพ่อ ที่นั่งอยู่บนหลังเสือ แถมมี ทั้งเสือเฒ่าและสิงหนุ่ม ที่อยากจะมาช่วงชิงบัลลังก์เจ้าพ่อนี้ไปจากเขา ความทะเยอทะยานเห็นได้ชัดจาก ตอนต้นเรื่องที่ติงลี่ ตัดภาพเจ้าพ่อฟง จาก หนังสือพิมพ์ ติดไว้ที่หัวที่นอน เป็นไอดอลในดวงใจที่เขาใฝ่ฝันจะยิ่งใหญ่เป็นให้เหมือน ขณะที่สวี่เหวินเฉียงมาเซี่ยงไฮ้ เพื่อเข้าสู่เส้นทางเจ้าพ่อ เป็นเพราะจากอารมณ์ เคียดแค้น จากความไม่เป็นธรรมที่เขาเคยได้รับมากกว่า ความทะเยอยานอยากเป็นใหญ่ในเส้นทางเจ้าพ่อจริงๆ มิติที่ดูยากของติงลี่ อีกเรื่องได้แก่ เรื่องความรัก  ในภาค 1  เราดูไม่ออกเลยว่า จริงๆแล้วติงลี่รักฉิงฉิงมาตั้งแต่แรกเจอ  เขาเก็บซ่อนความรักที่มีต่อเธอไว้  เมื่อเห็นเธอแสดงความสนใจกับลูกพี่เหวินเฉียง  โดยเขาไปคบกับสาวของเจ้าพ่อระดับรองคนหนึ่ง แต่เมื่อผู้หญิงจากไป ติงลี่ก็ไม่ได้แสดงความอาลัยอาวรณืกับเธอเท่าไหร่ เมื่อเหวินเฉียงไม่สบาย ฉิงฉิงไปเยี่ยมที่บ้าน ที่นั่น เธอพบแต่ติงลี่ ซึ่งเขาแสดงความดีอกดีใจที่เจอคุณหนูแสนสวย  เราก็คิดว่าเขาเพียงแค่ปลื้ม ที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับ สาวสวยลูกเจ้าพ่อผ้เป็นไอดอลชองเขา  ยังขำ ที่ติงลี่ทำท่าเก้อๆ เมื่อรู้ว่าฉิงฉิงตั้งใจมาเยี่ยมเหวินเฉียงไม่ใช่เขา แต่พอเหวินเฉียง แตกคอกับเจ้าพ่อฟง เขาเลื่อนขึ้นมาเป็นลูกน้องคนสนิท และยอมบาดเจ็บเพื่อเจ้าพ่อฟง  สร้างบุญคุณ ทำให้เขารู้สึกว่ามีความสำคัญมากพอ เจ้าพ่อฟงต้องพึ่งเขา ขาดเขาไม่ได้เสียแล้ว เขาจึงกล้าที่จะเปิดเผยความจริงว่าเขารักฉิงฉิงมาตั้งแต่ต้น ภาค 2 ไม่แน่ใจว่า ความรักที่เขามีต่อจูเอี้ยนเอี้ยน จะเป็นความรักจริงจากใจหรือเปล่า หรือ เป็นเพราะ เขาเห็นว่า เธอดูเป็นผู้หญิง เก๋ ทันสมัย เก่ง เฉลียวฉลาด มีการศึกษา และข้อสำคัญเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศส (ดินแดนที่ผุ้หญิงที่เขารักคนแรก จากเขาไป โดยไม่คิดจะหวนกลับมาหาเขาอีกเลย) ผู้หญิงอย่างจูเอี้ยนเอี้ยน จึงเหมาะสม คู่ควรที่จะขึ้นทำเนียบสตรีหมายเลข 1 ของเจ้าพ่อเช่นเขา ภาค 3 อยากดูซ้ำอีกครั้งจัง นอกจากอยากดูบุคลิก ความคิด และการกระทำ ของติงลี่ เมื่ออายุมากขึ้น และอยากดูมิติทางด้านความรักของเขา เมื่อวัยเป้นหนุ่มใหญ่ขึ้นด้วย ตัวละครตัวนี้มีหลายมิติ มาก  อยากดู ภาค 3 พากย์ไทยเร็วๆจัง ดูพากย์จีนจากเน็ตแล้ว โหลดช้า บางทีก็หลุด ทำให้อารมณ์ไม่ต่อเนื่อง(ที่ทำงาน + บ้าน ยังไม่ลงทุนติดไฮสปีต ค่ะ) จากคุณ : suta_kung การก้าวขึ้นมาแทนที่สี่เหวินเฉียงของติงลี่ เป็นเรื่องที่ติงลี่เองคงไม่คาดคิดมาก่อน แต่ความขัดแย้งระหว่างเจ้าพ่อฟงจิ้งเหยา กับ สี่เหวินเฉียง ทำให้เขาต้องเลือกทางเดิน ติงลี่ไม่ได้มีอุดมการณ์รักชาติแบบเดียวกับสี่เหวินเฉียง เขาจึงไม่ได้คิดว่า การที่ฟงจิ้งเหยาสมคบกับญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่เลวร้ายจนยอมไม่ได้ แต่ถ้าเขาเลือกที่จะเข้าฝ่ายสี่เหวินเฉียง หมายถึง เขาต้องกลับไปเป็นกุลีเหมือนเดิม ซึ่งเขาคงยอมไม่ได้เพราะอุตส่าห์ฝ่าฟันขึ้นมาถึงขนาดนี้แล้ว ขณะที่สิ่งที่ผูกพันกับสี่เหวินเฉียง คือ บุญคุณที่เขาได้รับจากสี่เหวินเฉียงที่ฝึกฝนและสอนเขาทุกอย่างตั้งแต่การวางตัว การวางแผน การเรียนรู้หนังสือจนกระทั่งการแต่งตัว แต่ในที่สุดสี่เหวินเฉียงเป็นคนเลือกให้ติงลี่ไปอยู่กับฝ่ายฟงจิ้งเหยา เพราะรู้ว่าติงลี่เคยลำบากมาขนาดไหนกว่าจะมาถึงวันนี้ ความรักที่มีต่อฉิงฉิง แรกๆมันคงเหมือนกระต่ายหมายจันทร์ คงเอื้อมไม่ถึง แต่เมื่อเขามาอยู่ฝ่ายฟงจิ้งเหยา ฟงจิ้งเหยาเป็นฝ่ายเอาลูกสาวมาดึงตัวติงลี่ให้อยู่หมัด มันจึงเป็นเหมือนฝันที่เป็นจริงได้ เพราะเขาก้าวขึ้นมาใหญ่ได้แล้ว แต่แล้ววันแต่งงานจึงได้รู้ว่า ที่จริงฉิงฉิงยังรักสี่เหวินเฉียงมาตลอด เขาเป็นแค่ตัวสำรองยามที่ฉิงฉิงอกหักจากสี่เหวินเฉียง ความรู้สึกนี้จึงวนเวียนในจิตใจตลอดมา ทำให้กลายเป็นคนขี้หึงอย่างหนัก เรื่องความรักของติงลี่ เป็นเรื่องรักอย่างไหลหลงไม่ลืมหูลืมตา และไม่เคยเข้าใจฝ่ายหญิงเลย ในภาค 2 แรกๆ จูเอี้ยนเอี้ยน เป็นเหมือนตัวแทนฉิงฉิง เพราะเธอมาจากฝรั่งเศส ดินแดนที่ฉิงฉิงจากไปตลอดกาล ต่อมาความเก๋ ทันสมัยของเธอเป็นเรื่องที่เขาคิดว่า อยากได้มาประดับข้างกาย เหมือนเศรษฐีอยากได้ภาพเขียนล้ำค่ามาประดับบ้านทั้งๆที่ไม่เข้าใจมันเลย แต่คิดว่าในที่สุดเขาก็รักเธอจริงๆ เพราะยอมทำบ้าๆไปแบกไม้กางเขนไปให้จูเอี้ยนเอี้ยนเพราะเธอเคยบอกว่าอยากได้ แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ล้ำค่ามีความหมายเท่ากับ อำนาจ จึงได้ใช้เธอเป็นเครื่องมือในการฟาดฟันกับคู่แข่งอย่างติ้เหวินจื้อ นี่เป็นเหตุให้จูเอี้ยนเอี้ยนรับไม่ได้จนต้องจากเขากลับไปฝรั่งเศส ในภาค 2 ติงลี่ก็มีจุดที่ต้องตัดสินใจระหว่าง อำนาจและผลประโยชน์ที่ร่วมทำกับตี้เหวินจื้อ กับสำนึกที่มีต่อสี่เหวินเฉียงในเรื่องที่ตี้เหวินจื้อเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารสี่เหวินเฉียง แต่ในที่สุดเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ก็เป็นฝ่ายชนะ แล้วติงลี่ก็ไปทดแทนให้สี่เหวินเฉียงโดยการนำกั๋วเฉียง ญาติของสี่เหวินเฉียงมาเลี้ยงดูอย่างดี เป็นการกระทำที่เหมือนปลอบใจตัวเองว่าทดแทนให้แล้วนะ จากคุณ : อิท   ภาค 2 ภาค 3 ของเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ไม่มีโจวเหวินฟะแสดงแล้วใช่มั้ยครับ? (ไม่เหมือนโหด เลว ดี โผล่มาเป็นอีกคน HA) คมเฉือนคม ภาค 2 ที่เขาแสดงกับวังหมิงฉวนก็สนุกนะครับ แม้ว่าจะบทจะยังสู้ภาคแรกไม่ได้ คนเขียนบทพ่อเซี่ยงไฮ้ ได้รับอิทธิพลหนังฮอลลีวูดหลายๆเรื่อง อย่าง The Godfather ได้รับเต็มๆ หรือฉากแต่งงานที่โจวเหวินฟะวิ่งไปหานางเอกที่โบสถ์ ผมมักนึกถึงฉากดัสติน ฮอฟแมนน์ในหนัง The Graduate จากคุณ : BlueWhiteRed   ภาค 2 มีโจวเหวินฟะปรากฏตัวรับเชิญ 1 ฉาก ครับ พูดถึงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ภาค 2 และ 3 ความสนุกลดลงตามลำดับ เพราะจุดพีคมันผ่านไปในภาค 1 แล้ว แต่สิ่งที่น่าติดตามก็คือ ชีวิตของติงลี่จะเป็นอย่างไร เพราะเขาไม่ใช่คนที่เพรียบพร้อม ไม่มีความรู้ มุทะลุ ยามหลงไหลกับความรักก็เหมือนคนตาบอด ไม่เคยเข้าใจผู้หญิง ภาคที่ 1 จบลงคนดูก็คงจะอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ติงลี่ เมื่อไม่มีสี่เหวินเฉียงจะมีวิถีชีวิตต่อไปอย่างไร แต่ในท้ายภาค 1 เราเริ่มรู้แล้วเขาติงลี่เริ่มเรียนรู้ที่จะเป็นผู้คุมเกมส์ แต่เขาจะคุมเกมส์ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า คนดูคงอดคิดไม่ได้ ในภาค 2 เขายังคงซื่อบื้อกับความรัก เกมส์เชือดเฉือนความรักกับตี้เหวินจื้อ เขามักจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ แต่กับเกมส์อำนาจ เราเริ่มรู้แล้วว่า เขาเรียนรู้ได้มากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะตอนที่เขาเริ่มใช้แผนทำเป็นเหนื่อยหน่ายกับชีวิตเจ้าพ่อ เพื่อทดสอบ เสียงกุ้ย เพื่อนที่เคยอดอยากร่วมกันมาจนดึงมาเป็นลูกน้องคู่ใจ จนทำให้เสียงกุ้ยคิดทะเยอทะยานขึ้นมาแทนที่ติงลี่ แต่กลายเป็นติงลี่ใช้เสียงกุ้ยเป็นตัวชนกับตี้เหวินจื้อในตอนท้ายแล้วก็สังหารเสียงกุ้ยในสลัมที่ทั้งคู่เคยใช้ชีวิตอดอยากยากแค้นร่วมกันมา ทิ้งท้ายภาคนี้ด้วยการที่ติงลี่ต้องใช้ชีวิตอย่างเดียวดาย อำนาจที่ได้มาแลกกับความสูญเสียคนที่รักทั้งแม่ ลูกชาย หญิงคนรัก และเพื่อนสนิท ในภาค 3 ติงลี่ยังคงอำนาจในเซี่ยงไฮ้ แต่ชีวิตช่างเดียวดายไม่มีใครที่ไว้ใจได้จริงๆหลงเหลืออีกแล้ว แต่เขากลายเป็นเหมือนเจ้าพ่อฟงจิ้งเหยาในยุคก่อน เพราะกลายเป็น ไอดอลสำหรับหนุ่มรุ่นใหม่อย่าง หวงเหยียนเซิน นักศึกษาผู้มีความทะเยอทะยาน เหมือนกับยุคที่ฟงจิ้งเหยาเป็นไอดอลของติงลี่ในสมัยก่อน หวงเหยียนเซินมีคู่รักที่เรียนมาด้วยกันคือ โอวหยังเพ่ยซัน หวงเหยียนเซิน ปรารถนาจะได้ร่วมงานกับติงลี่แต่แล้วก็ผิดหวังเพราะโดนปฏิเสธ อาจจะเพราะติงลี่เห็นเขาทะเยอทะยานจนเกินไป จนกลัวว่าจะกลายเป็นหอกข้างแคร่ ทำให้ หวงเหยียนเซิน แค้นใจไปร่วมงานกับเจ้าพ่อคนใหม่ (หยางฉุน) ที่คิดจะทาบรัศมีติงลี่แทน ขณะที่โอวหยังเพ่ยซันเข้าไปหาติงลี่ เพราะต้องการจะเชิญติงลี่ไปร่วมงานโรงเรียน แต่ติงลี่กลับมองผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาในชีวิตว่า ต้องการเพียงแค่เงินและความหรูหราเท่านั้น หลังจากที่ทดสอบแล้วทดสอบเล่าว่า เธอมีเบื้องหลังอะไรหรือเปล่าก็ได้รับรู้ว่า โอวหยังเพ่ยซันไม่ใช่แบบที่เขาคิด จึงเริ่มสนใจเธอ พอทางบ้านโอวหยังเพ่ยซันเจอปัญหาเศรษฐกิจเขาจึงดึงเธอมาทำงานกับเขา นั่นยิ่งทำให้ หวงเหยียนเซิน แค้นใจเพราะคิดว่า ติงลี่ชิงคนรักเขาไป เกมส์การต่อสู้จึงเกิดขึ้นระหว่างติงลี่ กับ หวงเหยียนเซิน(ที่มี หยางฉุน ชักใยอยู่เบื้องหลัง) โดยมี โอวหยังเพ่ยซันอยู่ระหว่างกลาง แต่ติงลี่ในวัยกลางคนเริ่มเหนื่อยหน่ายกับชีวิตเจ้าพ่อ ในภาค 3 ศัตรูอย่าง หยางฉุน ไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไร ส่วน หวงเหยียนเซิน ก็มุทะลุ (บุคลิกคล้ายบท หลินเจียหัว ในภาค 2 ) จึงทำให้เรื่องไม่เข้มข้นเท่าที่ควร สุดท้ายติงลี่ยังคงไว้ลายเสือเก่าเอาชนะหยางฉุนจนได้ แต่เขาก็ถูกทางการบีบให้ถอนตัวไปจากเซี่ยงไฮ้ โดยที่ตัวเขาเองก็ยอมเพราะเอาชนะศัตรูได้แล้ว และอยากลงจากหลังเสือไปใช้ชีวิตกับ โอวหยังเพ่ยซัน ส่วนผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไรรอชมกันต่อไปดีกว่า.....(ทิ้งท้ายเรื่องในคาดเดากันเล่น เหมือนตอนจบหนังทีวีบีในยุคนั้นเลยวุ๊ย!!!) พูดถึงบทบาทของ หวงเหยียนเซิน และ หยางฉุน ที่รับบทคู่ปรับติงลี่ในภาค 3 ดูธรรมดาไม่โดดเด่นเพราะบทไม่ค่อยฉลาด ส่วนโอวหยังเพ่ยซัน ซึ่งเข้ามารับบทแทน วังหมิงฉวน ที่ถูกวางตัวไว้แต่แรก ได้รับการจับตามองจากผู้ชมอีกครั้งในบทนางเอกหลังจากที่โดนผลกระทบจาก เทพบุตรชาวดิน ที่ทำให้ทีวีบีมองว่าเธอไม่เป็นที่รักของผู้ชม หลังจากเรื่องนี้เธอก็ได้รับบทดีขึ้นจนถึงจุดพีคในคราวที่รับบท อี้งย้ง ใน มังกรหยก ภาคเอี้ยก้วย แต่สำหรับผม บทในเรื่องนี้ก็ไม่ได้เด่นมากมายอะไรนัก แต่ชดเชยด้วยความสวยน่ารัก หลี่เหลียงเวย ในบทติงลี่วัยกลางคน ทำให้เห็นว่า เขาเป็นนักแสดงที่มีฝีมือ เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาจากพัฒนาการของบทในภาค 1 - 2 - 3 ก่อนหน้านี้เขาก็ถูกมองเหมือนติงลี่ว่า มีฝีมือจริงๆหรือว่าฟลุ๊คที่ดังจากบทติงลี่ทั้งที่ก่อนหน้าเป็นดาราประกอบ เขารับบทติงลี่วัยกลางคนที่ยังคงไว้ลายเสือเก่าขณะเดียวกันก็เหนื่อยหน่ายกับชีวิตได้ดี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ เยิ่นต๊ะหัว ที่รับบท ถังเซิน วัยชราใน คนเฉือนคมภาค 2 ที่ดูหลอกตามาก แต่กับหลี่เหลียงเวย เขาทำให้เรายอมรับได้ว่า เป็นเสือเก่าในวัยกลางคนที่ยังไม่ทิ้งลายได้จริงๆ จากคุณ : อิท จากคุณ : BlueWhiteRed เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 10:38:29