Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บางระกำ 2 (สปอยล์พอสมควร)  

วันอาทิตย์ที่ผ่านมามีผู้เชิญข้าพเจ้าไปชมภาพยนตร์เรื่องบางระจัน 2 ด้วยเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ชื่นชนหนังไทย ประการหนึ่ง เป็นผู้สนใจศึกษาประวัติศาสตร์ประการสอง และนิยมของฟรี เป็นตติยัมปิประการสาม ดังนั้นข้าพเจ้าจึงรัดเครื่องไปไม่ช้าที

อันที่จริงข้าพเจ้านั้นชื่นชมผลงานพ่อปื้ดผู้กำกับเครางาม มาช้านานแล้ว ตั้งแต่แกกำกับเรื่องบางระจันภาคแรก เมื่อปี 43 ขะโน้น ซึ่งก็ยังตรึงใจกะฉากนายทองเหม็นควบควายไปเอาขวานจามหัวพม่ารามัญ เลือดพุ่งกระฉูดต้องเอามือปิดตาปี๋

มาปีนี้ ครบทศวรรษพอดี ก็บังเกิดเป็นบางระจันภาคสอง ซึ่งข้าพเจ้าก็สังหรณ์ใจแต่แรกแล้วว่า ประดาผู้กล้าทั้งหลายก็ตายหาสิ้น หมดทั้งบางแล้ว ยังจะมีอะไรให้มาเล่นกันอีกหรือ ชะรอยคงจะทำเป็นภาคหนังผี ซอมบี้ มัมมี่ มีมุขก้านออกมาหลอกหลอน เหมือนเปรตวันทองแปลง เป็นที่เกี้ยวก๊าวแน่เทียว

แต่เอาเข้าจริง เปิดมาฉากแรกก็เอาดาบมาไล่ฟันกันเสียแล้ว ทั้งหัวขาดเอย แขนขาดเอย แทงไส้ทะลุถึงเซี่ยงจี้ ก็มีให้รับชม สาแก่ใจพวกนิยมซาดีสม์ มาโคซีส   เสียอย่างเดียว ชอบทำกล้องสั่น เหมือนดูเรื่องแบร์วิชโปรเจค ทำเอาวิงเวียนต้องเรียกหายาหอมมาดมกันพัลวัน  

เอาล่ะจับความตามเรื่องว่าพระอาจารย์ธรรมโชติ นั่นจริงๆไม่ได้มรณภาพคาค่ายบางระจันดอกนะ แต่พระคุณเจ้ารับนิมนต์กลับถิ่นเดิม ซึ่งตามประวัติศาสตร์ก็น่าจะอยู่วัดเขานางบวช เมืองสุพรรณ ไปอยู่เป็นขวัญกะลังใจชุมโจรทั้งหลาย ซึ่งมีพ่อภราดร ผัวนางงามจักรวาล มาเป็นหัวหน้าชุม เที่ยวไล่ปล้นพม่ารามัญ เลี้ยงชีพ ก็เรื่องก็มีอยู่เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกะบางระจัน ดังชื่อเลย

อันที่จริงหนังเรื่องนี้ทำสักสามสิบนาทีกะลังสนุก    นี่ปาเข้าไปสองชั่วโมง ยังความง่วงเหงาหาวนอนมาให้ข้าพเจ้าเป็นอันมาก ทั้งๆที่ล้วนอุดมไปด้วยฉากยิงหัว แทงฟันกะซวกไส้  หมดน้ำแดงไปหลายแกลลอน ปานนั้น

แลเพลงประกอบนั้น ก็มีแต่เสียงครางฮือ โหยหวน เหมือนเพลงสวดในโบสถ์ ประกอบด้วยดนตรีฝรั่ง ไม่ได้โน้มใจให้เชื่อเลยว่าเรื่องเกิดสมัยอยุธยาจะแตก ทั้งๆที่ดนตรีไทยเรานี้เอามาทำให้ดีให้เพราะ ให้ขนลุกขนพองสยองเกล้าก็ได้ แต่คงไม่ทำ เพราะคนทำมักไม่เชื่อ

ดังนั้นทั้งเรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ดู นอกจากผู้ชายแก้ผ้า อวดหุ่นล่ำบ้าง เผละบ้าง ยานบ้าง ตัวดำๆมันๆ เขลอะๆเหมือนปลาดุกด้านในกาละมังที่ตลาดเทเวศ ทั้งรอยสักอักขระเปรอะไปหมด แต่คงไม่ได้สักกะอาจารย์หนู เพราะลางทีก็เลอะๆจางๆ เพราะโดนน้ำกระมัง นอกจากนี้ก็มีแต่ตาแก่ ยายแก่เล่นเหมือนโดนบังคับให้ท่องบท น่าสงสารเหลือเกิน ยิ่งตอนบอกว่า “อย่าตีกัน นี่ก็ลูก นั่นก็หลาน” ดูแล้วยัดเยียดพิลึก

ครั้นจะดูฉากรัก ก็ประดักประเดิดเต็มที ด้วยนักแสดงตะละคน คงไม่คุ้นภาษาโบราณล้างผลาญ “ดอกรึ เยี่ยงไร” ผัวเมียจะรักกันปานใด ยังพูดกูๆเมิงๆ เอ็งๆข้าๆกันอยู่ได้

“อ้ายแดง เอ็งออกปล้นพวกพม่ามาเป็นเยี่ยงไร”
“กูเหนื่อย  เมิงมีอันใดดอกรึ อีลำดวน”
“กูก็จักหาน้ำให้เมิงแดกนี่ไง....ไอ้เฮี่ย!!”

สงสัยจะไม่เคยอ่านเรื่องขุนช้างขุนแผน ผัวเมียคุยกัน พูดเพราะๆก็ได้ไม่มีใครว่า

“โอ้ว่าอนิจจาเจ้าพิมพี่           ทุกวันนี้ไม่เชื่อกันหรือเจ้า
สารพันว่าได้ก็ว่าเอา             เมื่อทุกข์เข้าทับอกไม่เห็นเลย
ไปเมื่อหน้าพี่จะมาสู่ขอน้อง   เผื่อท่านไม่ปรองดองเล่าน้องเอ๋ย
ทุกข์เท่านี้จึงไม่มีสบายเลย     จึงไปเปรยปรับทุกข์กับสายทอง”

พูดเรื่องภาษา ทั้งเรื่องนี้แทบจะออกสิบสองภาษากันเลยเทียว ด้วยเหตุเพราะเป็นชุม เลยมีคนหลายภาคมาอยู่ด้วยกัน ทั้งทองแดง บางกอก ขอนแก่น ขาดอย่างเดียวที่ควรจะมีคือ เหน่อ ทั้งๆที่อยู่เดิมบางนางบวช เมืองสุพรรณแท้ๆ  ที่เหมือนอย่างเดียวคือฝ่ายพม่า  ซึ่งตะละคนหน้ายังกับหลุดมาจากทัณฑสถานคลองเปรม พูดโคกๆคากๆ เหมือนขากเสลดไป  ถูกผิดก็ไม่มีใครว่า เพราะไม่มีคนรู้

สมัยก่อนยศถาบรรดาศักดิ์ เขาถือจะตาย นี่อะไร พ่อฉัตรชัยแกเป็นถึงพระน้ำพระยา อ้ายบอลแกเรียกเหมือนเพื่อนเล่น พระยาบ้าง ไอ้พระยาบ้าง จะเรียกท่านเจ้าคุณ ใต้เท้า ขอรับกระผมสักหน่อยก็มิได้เทียว หลวงพ่อธรรมโชตินั่นก็ตัวดี กูๆเมิงๆ อยู่ไม่แล้ว อาตมาภาพสักนิดก็ไม่มี

อันที่จริงชุมนี้แพ้แก่พม่านั้นก็คงเพราะท่านอาจารย์ธรรมโชติภาคนี้คงหมดฤทธิ์  เพราะดูแล้วภาคนี้พระคุณเจ้าไม่ขลังเอาเสียเลย   ด้วยคงทำงานการเมืองมาก เที่ยวไฮปาร์คปลุกระดม  ยิ่งกัณฑ์เทศน์เรื่องกองฟอนกองฟืนอะไรนั่นก็พาให้เข้าป่าไปไม่รู้แล้ว  แทนที่จะเอาเวลาไปภาวนาปลุกเสก พักหลังๆบรรดานักรบผ้าประเจียดเลยไม่ค่อยเหนียวเท่าไร ประการหนึ่งที่ชุมโจรนี้แพ้พม่า เพราะเอากำลังไปกู้พระประธานสกุลช่างเสาชิงช้า นั่นแหละ ไม่รู้พม่าตาต่ำไปเอามาได้อย่างไรสวยๆกว่านี้ก็มีตั้งเยอะ ยิ่งพอเอามาตั้งเข้าฉาก ดูแล้วนึกว่ากะลังดูหนังย้อนยุคมัย อุลต้าแมนปะทะหนุมาน ของสมโพธิ แสงเดือนฉาย

บทจะจบ พม่าก็จับพระอาจารย์ไป พระคุณเจ้ายังอุตสาห์บอกว่า เพราะพม่าไปข่มเหงเขาอย่างนี้ ถึงได้มีคนเหมือนบ้านบางระจัน ไม่สิ้นสุด ฟังแล้วได้แต่ขนลุก เพราะแอร์เย็นประการหนึ่ง และกลัวว่าเกิดภาคนี้ทำเงินร้อยล้าน จะมีบางระจันสาม สี่ ห้า ออกมาเป็นเอฟปริโสติ ให้สะเทือนขวัญยิ่งกว่านี้

สรุปแล้วจากที่ข้าพเจ้าได้ดูเรื่องนี้ ที่ได้ประโยชน์มากนั่นคือ ได้นั่งอ่านซับภาษาอังกฤษ พอให้หนังจบไป สู้กลับไปดูละครพูดหลวงวิจิตรฯ เรื่องศึกบางระจัน ของกรมศิลป์ยังจะสนุกกว่า เพราะยังได้พอดูตลกออกมาเล่นมุขก้าน สำราญใจ ดีกว่ามาดูหนังซึ่งต้องทำให้สมจริง ทั้งฉาก เครื่องแต่งกาย ดนตรี ภาษา อีกอนันตัง ไม่ใช่ทำให้เขาจับได้ว่ากำมะลอเยี่ยงนี้แล

แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 53 04:38:36

แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 53 17:46:15

แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 53 15:04:57

แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 53 15:03:40

จากคุณ : cybrarian
เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 02:14:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com