 |
ความคิดเห็นที่ 4 |
อยากชวนคุยเรื่องที่รัฐบาลกำลังให้ความสำคัญเกี่ยวกับ Creative Economy หรือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แล้วทางกระทรวงวัฒนธรรมเองก็ได้จัดสรรงบประมาณจากงบไทยเข้มแข็งในการสนับสนุนภาพยนตร์ไทย 200 ล้านบาท นี่ยังไม่นับที่ศิลปะแขนงอื่นๆ จะได้ไปอีก คิดเห็นยังไงกันกับเรื่องนี้ครับ? ก้อง มันเพิ่งเริ่มยังไม่ชัด แต่ก็โยงๆ กับทุกอย่างที่เราพูดมาทั้งหมดนั่นแหละ แลดูน่าเป็นห่วงไหม? ก้อง ก็นิดหน่อย คือเอาง่ายๆ เลยว่าคำว่าครีเอทีฟนี่ตรงข้ามกับคำว่าเซ็นเซอร์ เขาต้องเคลียร์จุดนี้ให้ได้ก่อน ยกตัวอย่างเฉพาะเรื่องหนังก่อน ถ้าเขาพูดว่าครีเอทีฟแล้วเอาเงินมาให้คนทำหนัง แต่มีฝ่ายเซ็นเซอร์หรือที่เรียกว่าเรทติ้งตอนนี้ โอเค กฏเกณฑ์ก็ต้องมีอันนี้ยอมรับ แต่ก็ยังไม่เคลียร์ว่าจะมีหนังเรื่องไหนที่ต้องโดนตัดหรือเปล่า หรือมีไปแอบตัดหรือห้ามฉายหรือเปล่า หนังการเมืองทำได้ไหม ทำหนังชื่อเรื่องทักษินเลย ชื่อจอมพลป. เลยได้ไหม เขาต้องไปเครียร์ก่อนว่า ถ้าจะครีเอทีฟนี่แปลว่าต้องเปิดนะ ไม่อย่างนั้นมันครีเอทีฟไม่จริงน่ะ มันเป็นคนละอย่างกัน มันต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง เอาทั้งสองอย่างไม่ได้ ถ้าจริงใจในเรื่องครีเอทีฟจริง ซึ่งเราก็หวังว่าเขาจะเป็นอย่างนั้น จุดนี้เป็นจุดที่ต้องข้ามไปให้ได้ก่อน แล้วก็อย่าวัดผลที่เงิน อย่าไปคิดว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์คือเอาเงินมาลงแล้วผลที่ได้กลับมามันจะต้องคิดเป็นตัวเลขได้ มันไม่ใช่ ต้องแยกให้ออกว่าจะสร้างคนหรือจะสร้างงาน จะทำให้คนใหม่ๆ ได้ทำหนังกันมากขึ้น หรือว่ากระทรวงฯ อยากจะเห็นอะไรต้องบอกมาให้ชัด เพราะที่มีเงิน 200 ล้านออกมาเนี่ย ถึงแม้ว่าสัดส่วนที่เขาแบ่งมันจะยังดูแตกๆ แต่มันก็มันเป็นสิทธิของประชาชนที่ต้องการทำหนังจะขอได้ เช่นเดียวกับสิทธิของเราที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าเราเห็นว่าเงินนั้นมันไม่แฟร์ หรือวิธีการบริหารจัดการไม่ดี ก็พูดไป มันคือการใช้สิทธิ ผู้ป่วย ก. - เรามีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่อย่างคืองบที่ให้ทุนนี่จะมีกฏอยู่ แล้วกฏข้อแรกๆ นี่ก็บอกว่าหนึ่งต้องอนุรักษ์วัฒนธรรม นำเสนอภาพวัฒธรรมในแง่ใดๆ สองคือไม่สนับสนุนสิ่งที่ไม่สมควรทำในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สามคือ สนับสนุนสภาวะโลกร้อน อันนี้ก็งงๆ นะ แต่อันที่สี่นี่คือเน้นเรื่องสร้างสรรค์ มันทำให้งงว่าตกลงแล้วคุณให้ความสำคัญกับอะไร? แล้วตอนนี้ก็มีการประกาศผลของโปรเจ็กต์แรกๆ ไปบ้างแล้ว ก็พบว่า... เราไม่อยากจะพูด (ผู้ป่วย ก. ทำท่าละเหี่ยใจ ประหนึ่งว่าอาการจะกำเริบ) ผู้ป่วย ข. - โปรเจ็กต์ที่เขาผ่านให้การสนับสนุนเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักอนุรักษ์นิยม ผู้ป่วย ก. - ใช่ ผู้ป่วย ข. - คือถ้าคุณต้องการความคิดสร้างสรรค์จะมากำหนดทิศทางอะไรเป็นแบบนี้ ผู้ป่วย ก. - พูดถึงเรื่องนี้ยิ่งน่ากลัวใหญ่ ช่วงสองวีคก่อนที่เขาประกาศว่าจะให้เงินไปทำโครงการแล้วให้คนที่สนใจส่งโปรเจ็กต์เข้าไปเสนอนะ มีข่าวอีกอันหนึ่งที่รัฐมนตรีฯ ได้เรียกนักข่าวเข้าไปแล้วบอกว่าโปรเจ็กต์ที่ผมต้องการนี่คืออะไร แล้วก็ยกตัวอย่างสี่แผ่นดิน ซึ่งนี่มันคือภาพของ Hint ของสิ่งที่กระทรวงอยากจะทำไงว่าถ้ามีใครที่นำเสนอโปรเจ็กต์ประมาณอย่างนี้ก็จะให้การสนับสนุน ทำหนังอารมณ์อย่างนี้แล้วจะได้เงิน แล้วมันคืออะไรเนี่ย เอ้า คุณได้วางไว้แล้วนี่ว่าต้องการจะได้อะไรแบบนี้ แล้วประเทศมันจะไปทางไหนล่ะ? มันก็จะอยู่แต่กับสี่แผ่นดินซึ่ง...ไม่ได้หมายความว่าสี่แผ่นดินไม่ดีนะ สี่แผ่นดินน่ะดี แต่มันควรมีอย่างอื่นบ้างไหม กลายเป็นว่าบ้านเราทำแต่ละครเรื่องเดิมๆ ร้อยเวอร์ชั่นน่ะ ผู้ป่วย ข. - เรื่องวิสัยทัศน์นี่มันควรเป็นแค่ของเจ้าของบริษัท คุณจะชอบละครเรื่องไหนก็เรื่องของคุณ แต่มันไม่ควรเป็นกับผู้บริหารระดับประเทศ เพราะประเทศมันมีความหลากหลายกว่านั้น สี่แผ่นดินแล้วไง ถ้าอย่างนั้นคนมุสลิมจะทำยังไง ถ้าเขาไม่มีมุมมองอย่างนี้เขาไม่ต้องทำเหรอ คนพิการล่ะถ้าเขาสนใจอยากทำหนังแล้วเขียนขอเงินเข้าไปกับงบก้อนนี้เขาไม่ต้องทำเหรอ แล้วคนที่สนใจเรื่องความรุนแรงผ่านวัฒนธรรมล่ะ คนที่ไม่มีมุมมองอนุรักษ์นิยมอย่างนี้เขาไม่ต้องทำเหรอ ถ้ามันเป็นแค่บริษัทของคุณน่ะคุณจะมาสี่แผ่นดินอะไรอยู่ในวังมันก็เรื่องของคุณ แต่นี่มันเป็นประเทศ ผู้ป่วย ก. - ช่วยคิดถึงประชาชนมากๆ ด้วย ไม่ใช่สักพักก็มีข่าวโง่ๆ อะไรออกมาอีกแล้ว เพราะงินที่ใช้น่ะมันเป็นของประชาชน อย่างเอาเงินไปซื้อชุดไทยให้ผู้สื่อข่าวใส่รายงานข่าวเพื่อจะได้เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับคนดู ไม่รู้ใช้อวัยวะอะไรมาคิด ผู้ป่วย ญ. - ก็เขาเชื่อไงว่าวัฒนธรรมมันหยุดลงแล้ว มันเป็นชุดความคิดแบบนั้น มันคือวัฒนธรรมแบบของเขา ซึ่ง ญ.คิดว่ากระทรวงวัฒนธรรมไม่ได้สนใจวัฒนธรรมที่มันหมุนไปพร้อมกับเวลา ดังงนั้นมันก็หมายความว่าคนอย่างเราที่เกิดมาในยุคนี้ก็ไม่สามารถให้ความหมายกับวัฒนธรรมของเราเองได้เลย เราไม่สามารถเลือกชีวิตของเราเองกันได้เลย ผู้ป่วย ก. - อ้าว งั้นเขาก็จะพูดได้อีกนะว่าก็พวกคุณรับเอาความคิดแบบฝรั่งวัฒนธรรมฝรั่งมา ผู้ป่วย ญ. - ถ้าพูดอย่างนั้นมันก็ต้องพูดกันอีกยาว คือจริงๆ อะไรหลายๆ อย่าง หรือกระทั่งวิธีคิดแบบการมีกระทรวงวัฒนรรมนี่มันก็เป็นวิธีคิดแบบฝรั่งแล้วนะ ต่อให้ถ้าเป็นฝรั่งจริง สมัยนี้มันก็ไม่มีอะไรที่มันแยกขาดกันแล้วล่ะเรื่องไทยเรื่องฝรั่ง ญ.ว่ามันคืออาการปัดป้องของคนที่ไม่อยากจะฟังมากกว่า ก้อง คืออย่างที่บอกว่าผมไม่ได้เกลียดกระทรวงฯ นะ ผมอยู่ข้างเดียวกันกับเขานะ จะว่าไปผมก็อยากจะเห็นเขาดีน่ะ อย่างไรก็ตามผมว่าเราต้องยอมรับการมีอยู่ของกระทรวงฯ แล้วช่วยให้มันไปได้ เคยได้ยินบางคนบอกว่ากระทรวงวัฒนธรรรมเป็นกระทรวงเกรดบี งบมันน้อยคนเลยไม่อยากจะมานั่ง เราอยากเห็นเขาพูดว่ากระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงเกรดเอนะ ถ้าเขาคิดอย่างนั้นเราจะยิ่งชื่นใจ โอเคว่าไม่ใช่มันไม่ใช่อย่างกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีโครงการเมกะโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ แต่มันเป็นกระทรวงที่มีผลกระทบต่อชีวิตผู้คนจริงๆ สิ่งที่ทุกๆ คนพูดมาในวันนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดว่ากระทรวงวัฒนธรรมจะต้องกลับไปคิดทบทวนให้กว้างกว่านี้ ผู้ป่วย ข. - บ้านเรากระทรวงวัฒนธรรม กับกระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์กลายเป็นกระทรวงเกรดหลังๆ นะ ทั้งๆ ที่มันเกี่ยวข้องกับการพัฒนาคน แล้วไม่พัฒนาคนมันจะเจริญได้ยังไงประเทศนี้ ผู้ป่วย ก. - ประเทศอื่นเขาใช้สร้างชาติเลยนะ กระทรวงวัฒนธรรมเนี่ย ก้อง - เอาเถอะครับ ช่วงนี้เป็นที่คนออกมาพูดอะไรเยอะเพราะเป็นช่วงช่วงจ่ายภาษีคนเลยเครียด ดังนั้นมันเป็นสิทธิของเราที่จะออกมาเรียกร้องให้เขาใช้ภาษีอย่างชาญฉลาดและคุ้มค่า มันเป็นแค่สิทธิพื้นฐานจริงๆ ก็เหมือนกับไฟสะพานลอยตรงหน้าบ้านเสีย ใครก็พูดได้ มันเป็นเรื่องเดียวกันเลย ตกลงว่าเราสามารถวิจารณ์กันได้จริงๆ ใช่ไหมครับ?
__________________________________________
กระทรวงวัฒนธรรม (Ministry of Culture) เป็นกระทรวงที่มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับวัฒนธรรม ภาษา ศาสนา และขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆ ถูกตั้งขึ้นมาครั้งแรกเมื่อพ.ศ. 2495 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม และถูกยุบเลิกไปเมื่อพ.ศ. 2501 เนื่องจากภาวะผันแปรทางการเมือง จนได้รับการสถาปนาขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2545 มีหน่วยงานในสังกัดอย่าง กรมการศาสนา กรมศิลปากร สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ สำนักงานเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม เป็นต้น ตัวอย่างผลงานของกระทรวงฯ ที่เด่นๆ ในรอบปีที่ผ่านมาก็อย่างเช่น การจัดตั้งสภาวัฒนธรรมตำบล 6,460 แห่ง และตั้งโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน จำนวน 1,456 แห่ง เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมด้านวัฒนธรรมของประชาชนในชุมชน การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดทั่วประเทศ และการจัดอันดับความเหมาะสมของภาพยนตร์ (เรตติ้ง) ตามพรบ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ พ.ศ.2551ฯลฯ __________________________________________
จากคุณ |
:
monster's ball
|
เขียนเมื่อ |
:
4 เม.ย. 53 00:35:49
|
|
|
|
 |