ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มจากเรื่องแรกที่ฉู่หยวนนำงานของโก้วแล้งมาถ่ายทอดคือ ศึกชุมนุมเจ้ายุทธจักร (Killer clans - 1976) จากหนังสือเรื่องดาวตก ผีเสื้อ กระบี่ สำนวนแปลของ น.นพรัตน์ แปลครั้งแรกในชื่อเดชอุกาบาต ต่อมาลงประจำในหนังสือพิมพ์รายวันในชื่อเพชฌฆาตดาวตก แต่เมื่อมารวมเล่มใช้ชื่อแปลตรงตัวจากชื่อภาษาจีน ลิ้วแช ฮู่เตี๊ยบ เกี่ยม ว่าดาวตก ผีเสื้อ กระบี่ จำได้ว่าครั้งแรกที่เข้าฉายในเมืองไทย (ผู้เขียนเกิดทัน) หนังได้รับความฮือฮามาก ด้วยท่วงท่าการต่อสู้ที่งดงาม เนื้อเรื่องที่ยอกย้อนเหมือนในนิยาย ทำให้เกิดผลงานของฉู่หยวนจากนิยายของโก้วเล้งออกมาอย่างมากมาย จงหัว รับบทเม่งแชฮุ้น เยียะหัวแสดงได้ดีกับบทลึกซึ้งชั่วร้ายของลุกเฮียงชวง กุ๊ฟงดูยิ่งใหญ่สมกับบทเล่าแป๊ะ จิงลี่นางเอกหน้าหวานยังคงสดสวยกับบทเซี่ยวเตี๊ยบ ในขณะที่เฉินผิงก็เย้ายวนเต็มที่กับบทกอเล่าตั่ว หยิบมาดูใหม่วันนี้หนังก็ยังคงสนุกสนานน่าตื่นตาตื่นใจเช่นเคย จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 12:09:35

ความคิดเห็นที่ 2 ผลงานในเรืองถัดมาคือ จอมดาบเจ้ายุทธจักร (The Magic Blade - 1976) เป็นเรื่องที่อยู่ในความทรงจำของผมมากที่สุดเรื่องหนึ่งเหมือนกัน ถึงขนาดที่ว่าเคยนำดาบมาร่ายรำ คิดว่าตัวเองเป็นฟู่หงเซียะตัวเอกของเรื่อง สร้างหนังสือเรื่อง จอมดาบหิมะแดง สำนวนแปลของ ว. ณ เมืองลุง ก่อนที่จะมีการแปลใหม่โดย น.นพรัตน์ ในชื่อที่แปลตรงตัวจากชื่อจีนคือ เทียนไง้ เม้งง้วย ตอ หรือ ขอบฟ้า จันทรา ดาบ ตี้หลุงรับบทฟู่หงเซียะ (โป้วอั้งเซาะ) ได้เป็นอย่างดี จนกลายเป็นบทที่คู่กับตัวเขาบทหนึ่งเลยทีเดียว โดยส่วนตัวผมคิดว่าในหนังที่สร้างจากนวนิยายของโก้วเล้งแล้ว บทฟู่หงเซียะ(โป้วอั้งเซาะ) และบทฉู่หลิวเซียง(ชอลิ้วเฮียง) คือบทที่ดีที่สุดของเขา เมื่อถึงฉากจบซึ่งเป็นฉากที่ผมจำได้ดีที่สุด ทุกครั้งที่ดูอดนึกถึงวัยเยาว์ไม่ได้ จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 12:21:44

ความคิดเห็นที่ 3 ปาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด....................................... จากคุณ : ฟาฬ เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 12:38:58

ความคิดเห็นที่ 4 มาถึงเรื่องที่สามและเป็นเรื่องโด่งดังที่สุดโดยเฉพาะในประทศไทย และทำให้ผมเริ่มติดตามงานของฉู่หยวนและโก้วเล้งอย่างจริงจัง นั่นคือเรื่องศึกวังน้ำทิพย์ (Clan of Intrigue - 1977) อย่างบอกไว้ในความเห็นก่อนหน้านี้ตี้หลุงรับบทขุนโจรเนื้อหอมได้เป็นอย่างดี จำได้ว่าครั้งแรกที่ได้ดูในโรงภาพยนตร์เขาใช้ชื่อว่าฉู่หลิวเซียงที่เป็นภาษาจีนแมนดาริน แต่เมื่อมาเป็นดีวีดีใช้ชือชอลิ้วเฮียงซึ่งเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วเหมือนหนังสือและหนังทีวีชุด หนังสร้างจากเรื่องจอมโจรจอมใจ ตอนกลิ่นหอมกลางธารเลือด และตอนลิ้วบ๊อไบ๊(นกเขียนคิ้ว) ในสำนวนแปลของ ว.ณ เมืองลุง และ ชอลิ้วเฮียง ตอนกลิ่นหอมกลางธารเลือด และตอนศึกวังน้ำทิพย์ ในสำนวนแปลของ น.นพรัตน์ นอกจากตี้หลุงแล้วยังมี หลิงหยุนมารับบทหนึ่งจุดแดง(เจ๊กเตี๊ยมอั๊ง) ซึ่งทำให้ภาพของมือกระบี่เย็นชากลายเป็นบทที่ติดตัวเขาเช่นกัน หลี่ชิงนางเอกเก่าที่ยังคงน่ารักอยู่เสมอรับบทไข่มุกดำ(เฮ็กเตียงจู) เยียะหัวยังคงรับบทที่ลึกซึ้งและชั่วร้ายเป็นหลวงจีนบ้อฮวย เหมียวเข่อซิ่ว ดาราคนโปรดอีกคนของผมรับบทเก็งน่ำอี่ และเป่ยตี้ ดาราผู้เย้ายวนรับบทอิมกัเจ้าแม่วังน้ำทิพย์ ถึงวันนี้ศึกวังน้ำทิพย์กลายเป็นหนังจีนกำลังภานในคลาสสิกไปแล้ว จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 12:41:30

ความคิดเห็นที่ 5 มาถึงเรื่องที่สี่ฝีมือฉู่หยวนยังอยู่ในจุดสุดยอด หนังจึงยังคงความน่าสนใจโดยเฉพาะนำมาจากนวนิยายที่ดีสุดเรื่องหนึ่งของโก้วเล้ง นั่นก็คือเรื่องศึกเสือหยกขาว (Jade Tiger - 1977) สร้างจากเรื่องก้องพสุธา ซึ่งเป็นชื่อในสำนวนแปลครั้งแรกของ ว.ณ เมืองลุง แต่เมื่อหนังโด่งดังมากจึงมีการพิมพ์และใช้ชื่อเหมือนกับหนังคือศึกเสือหยกขาว น่าเสียดายที่ผมไม่มีฉบับในชื่อแรกมีแต่ในชื่อศึกเสือหยกขาวเท่านั้น ตี้หลุงรับบท เตียบ้อกี๋ ผู้รับภาระความแค้นของบิดาเขาจึงต้องล้างแค้นและทำลายตระกูลถังศัตรูคู่แค้นของตระกูล กุ๊ฟงรับบทเซียงกัวยิ่ม ผู้เสียสละรับมลทินเพื่อภาระอันหนักยิ่ง หลอลี่รับบทถังข่วยผู้โหดเหี้ยม และดาราดาวรุ่งเอ๋อตงเซิงรับบทถังเง็ก นับเป็นหนังที่มีโครงเรื่องดีมาก โดยเฉพาะโครงเรื่องจากหนังสือส่งผลให้หนังน่าติดตามไปด้วย และยังเป็นหนังที่โด่งดังมากในบ้านเราอีกเรื่องหนึ่ง จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 13:01:17

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องที่ห้าศึกล้างเจ้ายุทธจักร (Death Duel - 1977) จากนิยายเรื่องซาเสียวเอี้ย ในสำนวนแปลของ น.นพรัตน์ นวนิยายกำลังภายในเรื่องซาเสียวเอี้ยเป็นนิยายกำลังภายในฉบับรวมเล่มเรื่องแรกที่ผมอ่าน (แต่ที่อ่านเรื่องแรกคือเรื่องอะไรนั้นไว้จะกล่าวถึงต่อไป) ทำให้เกิดความชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ไม่น้อย และเมื่อนำมาสร้างเป็นหนังก็ชื่นชอบไม่แพ้กัน หลังจากได้ตี้หลุงมารับบทพระเอกสามเรื่องติดกัน ครานี้เปลี่ยนมาเป็นนักแสดงดาวรุ่งเอ๋อตงเซิน หรือเป็นที่รู้จักในนามดีเรค ยี ผู้กำกับชื่อดังในปัจจุบัน เอ๋อตงเซินมารับบทเจี่ยเฮียวฮงคุณชายสามแห่งหมู่บ้านกระบี่ที่หนึ่งที่หลบหนีมาใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดาในชื่ออากิก บทหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันและยังเป็นหนึ่งในตัวละครที่โด่งดังของโก้วเล้งคืออี้จับซามือกระบี่ที่มีเพลงกระบี่แค่สิบสามกระบวนท่าแต่กลับร้ายกาจเหลือประมาณ หลิงหยุนผู้มีลักษณะของมือกระบี่ผู้เยือกเย็นมารับบทนี้ ช่วยเสริมความโดดเดี่ยวปลี่ยวเหงาให้กับอี้จับซาเพิ่มขึ้น หวีอันอัน รับบท อัวอัวหญิงสาวมากน้ำใจ และหนังยังได้ตี้หลุง เดวิดเจียง หลอลี่ เยียะหัว มาร่วมแสดงในบทรับเชิญอีกด้วย จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 13:22:27

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องที่หก ถึงเวลาของนวนนิยายกำลังภายในที่หลายคนกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดของโก้วเล้งกันบ้างนั่นคือเรื่องฤทธิ์มีดสั้น ในสำนวนแปลของ ว.ณ เมืองลุง และสำหรับสำนวนแปลของ น.นพรัตน์ ใช้ชื่อว่ามีดบินไม่พลาดเป้า แต่ชื่อของหนังคือ ศึกยุทธจักรหงษ์บิน (The Sentimental Swordsman - 1977) ตี้หลุงกลับมารับบทนำเป็นลี้คิมฮวง โดยมีเอ๋อตงเซินมารับบทอาฮุยได้อย่างยอดเยี่ยม เยียะหัวรับบท เล้งเซ่งฮุ้นเพื่อนไม่แท้ของลี้คิมฮวง ในด้านฝ่ายหญิงจิงลี่รับบทลิ่มซีอิม และหวีอันอันรับบทลิ้มเซียนยี้ ซึ่งในความเห็นของผมแล้วบทของเธอทั้งสองน่าจะสลับกัน จิงลี่เหมาะกับบทผู้หญิงนุ่มนวลซ้ำยังอายุมากกว่าเธอจึงน่าจะรับบทลิ่มซีอิม ส่วนหวีอันอันนั้นมีความเย้ายวนมากกว่า บทลิ้มเซียนยี้จึงน่าจะเหมาะกับเธอ หนังใช้แค่เพียงครึ่งเรื่องแรกของหนังสือ เล่าเรื่องราวเฉพาะตอนโจรดอกเหมย แม้การแสดงของตี้หลุงและเอ๋อตงเซินจะทำได้ดี แต่เนื่องจากหนังสือเขียนออกมาได้ดีเกินไป หนังทำได้ไม่ถึงจึงกลายเป็นการลดคุณค่าของหนังไปไม่น้อย จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 13:51:04

ความคิดเห็นที่ 8 มาต่อกันที่เรื่องที่เจ็ดจอมดาบหิมะแดง (Pursuit of Vengeance) อันที่จริงตอนเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ใช่ชื่อว่าเทพบุตรหิมะแดง แต่เมื่อมาออกเป็นดีวีดีกลับใช้ชื่อจอมดาบหิมะแดง ผลงานเรื่องนี้มาจากหนังสือเรื่อง ดาบจอมภพ ในสำนวนแปลของ ว.ณ เมืองลุง และจอมเสเพลชายแดน ในสำนวนแปลของ น.นพรัตน์ เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมของโป้วอั้วเซาะ (ฟู่หงเซียะ) แต่ตัวเอกของเรื่องยังมีเอี๊ยบไคหนึ่งในตัวละครชื่อดังของโก้วเล้งอีกคน ตี้หลุงกลับมารับบท โป้วอั้วเซาะ (ฟู่หงเซียะ) เช่นเดิม หลิวหย่งรับบทเอี๊ยบไค ซือซือ รับบท เบ๊ฮวงเหล๊ง และจางชงนักแสดงอาวุโสผู้จากไปเมื่อเดือนที่แล้วรับบท เบ๊คงคุ้ง หัวหน้าตึกหมื่นอาชา ในนวนิยายเนื้อหายอกย้อน กล่าวถึงความแค้นที่รอการสะสาง และมากลับกลายเป็นหนังยังคงให้ภาพนั้นได้ดี โดยที่ตี้หลุงยังคงเป็นฟู่หงเซียะได้น่าประทับใจเช่นเดิม จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 18:50:56

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องต่อมาเป็นเรื่องที่แปด หลังจากฉู่หยวนบอกเล่าเรื่องราวของชอลิ้วเฮีงไปแล้วก็ถึงคราวตัวละครเอกอีกคนของโก้วเล้ง ในเรื่องที่เต็มไปด้วยการสืบสวนสอบสวน เขาคือเล็กเซี่ยวหวง์ ในหนังที่ชื่อ ศึกเพชฌฆาตสะดึงแดง (Clan of Amazons) แค่ฟังจากชื่อท่านที่เป็นแฟนหนังสือของโก้วเล้งคงคาดเดาออกว่า นำมาจากหนังสือเรื่องหงศ์ผงาดฟ้าตอนจอมโจรปักดอกไม้ ในสำนวนการแปลของ น.นพรัตน์ หลิวหย่ง รับบท เล็กเซี่ยวหงส์ อันที่จริงด้วยลักษณะของเขาแล้วเหมาะกับบทมาก น่าเสียดายที่เรื่องนี้เล็กเซี่ยวหงส์ไม่มีหนวด เยียะหัวรับบทฮวยมั่วเล้า และหลิงหยุนรับบทกิมเก้าเล้ง จุดน่าสนใจอยู่ที่นักแสดงฝ่ายหญิง แม้จิงลี่ในบทซิเปียจะเป็นนางเอก แต่ความน่าสนใจอยู่ที่เหล่าสตรีในขบวนการรองเท้าแดง เฉินม่านนารับบทกงซุนตั่วเนี้ย ซือซือรับบทกังคิงเฮี้ย ฮุ่ยอิงหงเป็นอันจับเจ็ดในขบวนการ แต่ที่น่าประทับใจคือตีปอร่ารับบทอาวเอี้ยงเช้ง โดยส่วนตัวอาวเอี้ยงเช้งเป็นหนึ่งในสามตัวละครหญิงของโก้วเล้งที่ผมชอบที่สุด และตีปอร่ารับบทได้อย่างหมดจด ความงดงามของเธอทำให้บทนี้เด่นขึ้นมาอีกมาก ตีปอร่าผู้นี้คือแม่ของเซียะถิงฟงพระเอกหนังฮ่องกงที่คนรุ่นใหม่คงรู้จักกันดี จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 19:07:29

ความคิดเห็นที่ 10 เรื่องที่เก้าเป็นการเดินซ้ำรอยความสำเร็จของฉู่หยวนกับนวนิยายของโก้วเล้งอีกครั้งหลังจากประสบความสำเร็จจากศึกวังน้ำทิพย์ นำชอลิ้วเฮียงให้กลับมาในหนังเรื่องศึกวังค้างคาว (Legend of the Bat - 1978) ในนิยายแล้วก็เป็นเรื่องที่โก้วเล้งแต่งต่อไว้เช่นกันกับอีกหนึ่งพฤติกรรมของชอลิ้วเฮียงจอมโจรจอมใจ หนังสือใช้ชื่อว่าใต้เงามัจจุราช ตอนเพียงฮกกงจึ้อ ในสำนวนของ ว.ณ เมืองลุง และชอลื้วเฮียง คอนศึกวังค้างคาวในสำนวนของ น.นพรัตน์ ตี้หลุงกลับมารับบทฉู่หลิวเซียง(ชอลิ้วเฮียง) เฉกเช่นเดิม เสริมด้วยตัวละครหลักจากศึกวังน้ำทิพย์คือหลิงหยุนในบทหนึ่งจุดแดง (เจ๊กเตี๊ยมอั๊ง) ซึ่งถูกนำมาทดแทนบทของโอ้วทิฮวยสหายรักของชอลิ้วเฮียงที่ไม่เคยปรากฎตัวในการกำกับชของฉู่หยวนเลย ที่เด่นมากคือเอ๋อตงเซินในบท ง้วนซุ่ยซุน กงจี้อรูปงามแต่ตาบอดและมีวิทยายุทธสุงส่ง จำได้ว่าตอนที่ได้ข่าวว่าหนังเรื่องศึกวังค้างคาวประกาศจะเข้าฉายนั้น ผมตื่นเต้นและใจจดจ่อรอหนังเรื่องนี้ เพราะเคยชื่นชอบศึกวังน้ำทิพย์เป็นอย่างมากและเมื่อได้ดูก็ไม่ผิดหวังอิ่มใจไปหลายวัน จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 20:25:22

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องที่สิบเป็นหนังที่เคยสร้างมาแล้วก่อนหน้านี้ของชอว์บราเดอร์ เพียงแต่มิใช่ฉู่หยวนเป็นผู้กำกับ เรื่องนั้นคือศึกยุทธจักรวังทอง (Swordsman and Enchantress - 1978) หนังเรื่องนี้สร้างจากนวนิยายเรื่อง จับอิดนึ้ง ซึ่งมีเพียงสำนวนแปลของ น.นพรัตน์เพียงสำนวนเดียว เคยถูกสร้างเป็นหนังมาแล้วในปี 1971 ในชื่อ Swordsman at Large ซึ่งได้โก้วเล้งมาเป็นผู้เขียนบทให้ แม้จะมาจากเรื่องเดิมแต่วิธีการเล่าเรื่องก็แตกต่างกันไป ครั้งนี้ก็ยังเป็นการเล่าเรื่องในแบบของฉู่หยวน เน้นฉากสวยงาม การต่อสู้ที่ตื่นตา และครั้งนี้ยังดัดแปลงตอนจบให้แตกต่างจากต้นฉบับหนังสือและหนังเรื่องเดิมไปอย่างมาก ตี้หลุงรับบทบาทเซียวจับอิดนึ้งได้ดี หลิวหย่งรับบทเลี่ยงเซี้ยแปะ และจิงลี่รับบทซิมเปียะกุน หนึ่งในสองสตรีที่สวยที่สุดในยายของโก้วเล้ง (อีกคนคือลิ้มเซียนยี้ซึ่งจิงลี่ก็เคยรับบทมาแล้วในศึกยุทธจักรหงษ์บิน) หลีลี่ลี่รับบทฮวงซี่เนี้ย และที่น่าสนใจคือเหวินเซียะเอ๋อ มารับบทเสียวกงจื้อผู้กลอกกลิ้ง เป็นหนังอีกเรื่องที่อยู่ในความทรงจำของผม จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 23:20:03

ความคิดเห็นที่ 12 มาถึงเรื่องที่สิบเอ็ด เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่โด่งดังทั้งหนังชุดทางทีวีและบนจอภาพยนตร์ ฤทธิ์ดาบวงพระจันทร์ (Full Moon Scimitar - 1979) จากหนังสือเรื่องอินทรีผงาดฟ้า ในสำนวนแปลของ น.นพรัตน์ เป็นนวนิยายกำลังภายในเรื่องแรกในชีวิตที่ได้อ่านเมื่อครั้งลงในหนังสือพิมพ์รายวัน ความผูกพันต่อหนังสือเรื่องนี้จึงมีอยู่สูง เอ๋อตงเซินรับบทเต็งพ้งได้ดี เขาดูเป็นเด็กหนุ่มที่ทะเยอทะยานไม่น้อย น่าเสียดายที่ตอนท้ายของหนังและหนังสือแตกต่างกันในชะตากรรมของเต็งพ้ง ทำให้หลายครั้งรู้สึกเศร้ากับเนื้อหาของหนัง จนต้องหยิบหนังสือมาอ่านเกือบทุกครั้งที่ได้ดูหนังจบ แต่สิ่งที่ปลอบประโลมได้คือการมีหวังหมินฉวนมารับบทแชแช ชื่นชอบเธอในหลายเรื่องของหนังจีนชุด แต่หาหนังที่เธอแสดงได้ไม่ง่ายนัก ได้ดูหนังครั้งใดก็หายคิดถึงเธอ นอกจากนั้นยังมีหวังหยงรับบทลิ้วเยียกซ้ง เยียะหัวรับบทเจี่ยเฮียวฮง แม้หนังจะดัดแปลงไปจากนิยายในตอนท้ายอยู่บ้าง แต่โดยรวมเป็นหนังที่มีคติสอนใจได้ดีเรื่องหนึ่งทีเดียว จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 23:38:04

ความคิดเห็นที่ 13 เคยแต่อ่าน แต่ไม่เคยดูซักเรื่องเลยครับ จำได้ขัดใจมาก กับศึกเสือหยกขาว ทำไมไม่ต่อให้จบ จากคุณ : gogo777 เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 10:42:07

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ^ จำได้ว่าครั้งแรกที่ได้อ่านศึกเสือหยกขาวก็รู้ใจขัดใจเหมือนกันที่จบเหมือนไม่จบ แต่ก็พอจะอนุมานได้ดังนี้ นวนิยายกำลังภายในเขียนลงในนิตยสารเป็นตอน ความสมบูรณ์ของพล็อตอาจจะน้อย กิมย้งเองก็ประสบปัญหาเช่นนี้ แต่เขานำนิยายของเขามาปรับปรุงใหม่ภายหลัง ทำให้ฉบับปรับปรุงของเขาสมบูรณ์มากขึ้น หลายเรื่องของโก้วเล้งขากความสมบูรณ์ในโครงเรื่องน่าจะมาจากสาเหตุนี้ ผมคิดเอาเองว่าระหว่างที่เขียนศึกเสือหยกขาวอาจจะมีปัญหาบางประการอาจจะเป็นกับนิตยสารหรือเรื่องราวส่วนตัวจึงต้องตัดจบลงเสียเช่นนั้น อย่าลืมว่าช่วงแรกของนิยายเรื่องนี้ก็ไปพูดถึงอี้จับซา และแทบจะไม่เกี่ยวอันใดกับเนื้อเรื่องช่วงหลัง หากแต่คล้ายกลับเป็นอีกมุมมองหนึ่งของซาเสียวเอี้ยมากกว่า เคยอ่านบทความของเฉาเจิ้นเหวินที่ น.นพรัตน์แปลไว้ในหนังสือ โก้วเล้งมังกรเมรัย เขาได้จัดอันดับผลงานของโก้วเล้งไว้สิบห้าเรื่อง ไม่น่าเชื่อว่าศึกเสือหยกขาวจะอยู่ในอันดับห้า อันดับสูงกว่า วีรบุรุษสำราญ ธวัชล้ำฟ้า หรือ ดาวตก ผีเสื้อ กระบี่ เสียอีก ต้องยอมรับว่าศึกเสือหยกขาวเป็นนิยายอีกเรื่องของโก้วเล้งที่มีการดำเนินเรื่องได้ดีมาก โครงเรื่องยอกย้อนแต่ก็มีเหตุผลรองรับยากจะคาดเดาตอนจบ บางทีที่ต้องตัดจบลงแบบนั้นอาจเป็นเพราะโก้วเล้งเองก็ไม่รู้ให้จบเช่นไรก็ได้ จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 13:12:13

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องถัดมาเรื่องที่สิบสอง ศึกยุทธจักรบัลลังก์เลือด (Murder Plot - 1979) ที่เป็นการรวบรวมนักแสดงไว้อย่างมากมาย หนังสร้างมาจากนิยายเรื่องราชายุทธจักร ที่มีเพียงสำนวนของ น.นพรัตน์ เพียงสำนวนเดียว ซึ่งเป็นนวนิยายในยุคกลางของโก้วเล้ง โดยที่ฉู่หยวนหยิบเอานิยายในยุคนี้มาสร้างเพียงไม่กี่เรื่อง เพราะเนื้อหาที่ยาวยากต่อการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ เดวิดเจียง พระเอกชั้นนำของชอว์บราเดอร์มารับบทซิมลั้ง นับเป็นเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่เดวิดเจียงมาแสดงหนังในบทนำให้ฉู่หยวนที่สร้างจากนิยายของโก้วเล้งไม่รวมบทรับเชิญในเรื่องอื่น  แถมซ้ำยังเป็นยุคท้ายของเดวิดเจียงก่อนออกจากชอว์บราเดอร์อีกด้วย บทบาทของซิมลั้งดูจะเหมาะกับเดวิเจียงได้เป็นอย่างดีทีเดียว จิงลี่รับบทจูฉิกฉิก หลี่ซิ่วเสียนรับบทฮิ้มเงียวยี้ หลอลี่รับบทเทพสำราญ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 53 14:20:55 จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 13:26:46

ความคิดเห็นที่ 16 มาถึงเรื่องที่สิบสาม ที่คราวนี้หยิบเอาเรื่องเอกของโก้วเล้งที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ เดชเซียวฮื้อยี้ (The Proud Twins - 1979) หลังจากเรื่องที่แล้วได้หยิบเอานิยายขนาดยาวมาสร้างแล้ว คราวนี้ได้นำนิยายที่ยาวที่สุดของโก้วเล้งมาสร้าง นั่นคือเรื่องเซียวฮื้อยี้ ในสำนวนแปลของ ว.ณ เมืองลุง ที่มีความยาวในรูปเล่มปกแข็งถึง 14 เล่ม และ น.นพรัตน์ นำมาแปลใหม่ในชื่อ ลูกปลาน้อยเซี่ยวฮื้อยี้  การดัดแปลงย่อมเป็นเรื่องยาก มีการตัดตัวละครไปมากมาย แต่หนังก็ยังดูให้สนุกได้เพราะตัวนักแสดงเป็นหลัก ถ้าจะพูดถึงพระเอกแถวหน้าของชอว์บราเดอร์ในยุคนั้นผู้ที่เหมาะกับบทลูกปลาน้อยจอมกะล่อนมีเพียงฟู่เซิงเป็นตัวเลือกเดียว และเมื่อเขามารับบทเซียวฮื้อยี้แล้วมันคือความลงตัวอย่างเหมาะเจาะเป็นที่สุด จนหลายคนแทบจะลืมไปเลยว่านักแสดงคนอื่นมีใครบ้าง อู่เหว่ยกัวะ รับบทฮวยบ่อข่วย เหวินเซียะเอ๋อรับบททิซิมลั้ง โอวหยางเพ่ยซันรับบทม่อย้งเก้าโดยบทนี้ได้มาแทนที่บทของโซวเอ็ง ด้วยขอจำกัดของเวลาทำให้หนังไม่สามารถถ่ายทอดจากนิยายได้อย่างสมบูรณ์ แต่ในความเป็นหนังนับว่าสนุกอยู่ไม่น้อย แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 53 14:25:10 จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 14:05:31

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องที่สิบสี่ฉู่หยวนกลับมาใช้นวนิยายในยุคหลังของโก้วเล้งอีกครั้ง จากในหนังสือที่เน้นเรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างคน ฉู่หยวนสามารถใส่ฉากต่อสู้อันน่าตระการตาได้ดี เรื่องนั้นคือ ฤทธิ์ตาบหยดน้ำตา (Heroes Shed No Tears -1980) จากนิยายเรื่อง ไม่มีน้ำตาวีรบุรุษ ในสำนวนแปลของ ว.ณ เมืองลุง และวีรบุรุษไร้น้ำตา ในสำนวนแปลของ น.นพรัตน์ โดยเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่โก้วเล้งเขียนไว้ได้ดี แม้จะยอกย้อนและขาดความสมบูรณ์ของโครงเรื่องอยู่บ้าง แต่กลับบอกเล่าเรื่องราวของคนได้ดีทีเดียว ฟู่เซิงยังคงร่วมงานกับฉู่หยวนในบทเซี่ยวเกา แต่ความโดดเด่นไปอยยู่ที่เอ๋อตงเซินในบทโต๊ะตังไล้ กุ๊ฟงรับบทจูแม่ ไป่เปียวรับบทเบ๊เถียวคุ้ง และนางเอกผู้งดงามอีกหนึ่งคนโปรดของผมเจ้าหย่าจือรับบทเตี๊ยบบู๊ หนังสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของโก้วเล้งได้ดีเรื่องหนึ่ง จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 14:19:31

ความคิดเห็นที่ 18 มาถึงเรื่องที่สิบห้า หลังจากที่ฉู่หยวนหยิบเอาฤทธิ์มีดสั้น หรือในอีกชื่อหนึ่งคือมีดบินไม่พลาดเป้ามาทำเป็นหนังในศึกยุทธจักหงษ์บิน โดยนำมาเฉพาะครึ่งเรื่องแรกคือตอนโจรดอกเหมย ก็ถึงเวลาของครึ่งเรื่องหลังคือตอนพรรคเหรียญทอง ใช้ชื่อเรื่องว่าฤทธิ์มีดสั้นลี้คิมฮวง (Return of the Sentimental Swordsman - 1981) ตี้หลุงยังคงกลับมารับบทลี้คิมฮวงเหมือนเช่นเดิม เช่นเดียวกับเอ๋อตงเซินในบทอาฮุย ส่วนจิงลี่เปลี่ยนมารับบทลิ่มซีอิม และให้ฉู่เซียงหวินมารับบทลิ้มเซียนยี้ ที่น่าประหลาดใจคือฟู่เซินหนุ่มจอมทะเล้นมารับบทมือกระบี่หน้าตายจิ้นบ้อเมี่ย ซึ่งก็ทำได้ดีระดับหนึ่งแม้ว่าหลายคนยังติดภาพของเขาในบทสนุกสนาน กุ๊ฟงรับบทเซียงกัวกิมฮ้ง และฮุ่ยอิงหงสาวน่ารักของผมอีกคนรับบทซุนเซี่ยวอั้ง เช่นเดียวกับภาคแรกที่การถ่ายทอดจากนวนิยายยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร อาจจะเป็นโก้วเล้งเขียนไว้ดีเกินไป เน้นหนักในด้านอารมณ์ ในขณะที่หนังกลับเน้นไปที่การต่อสู้ แต่ถึงกระนั้นหนังก็ยังน่าดูเพราะไม่ได้ดัดแปลงจนเสียเค้าของนิยายแต่อย่างใด จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 20:21:50

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องที่สิบหกเป็นการลับมาอีกครั้งของเล็กเซี่ยวหงส์ ในชื่อหนังศึกชิงเจ้าศตวรรษ (The Duel of the Century - 1981) หนังสร้างจากหงส์ผงาดฟ้าตอนสองนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ ในสำนวนแปลของ น.นพรัตน์ ซึ่งเป็นตอนที่หลายคนบอกว่าเป็นตอนที่ดีที่สุดและสนุกที่สุดของชุดหงส์ผงาดฟ้าเลยทีเดียว หลิวหย่งกลับมารับบทเล็กเซี่ยงหงส์เช่นเดิม โดยคราวนี้เขามีหนวดทำให้กลายเป็นเล็กเซี่ยวที่เราคุ้นเคย โดยเยียะหัวรับบทไซมึ้งชวยเซาะ ไป่เปียวรับบทเจ้านครเมฆขาวเอี๊ยบโกวเซี้ย และซุนเจี้ยนหนึ่งในนักแสดงกลุ่มจอมโหดมารับบทฮวยมั่วเล้า หนังดัดแปลงจากนิยายไปไม่น้อยโดยเฉพาะในช่วงท้าย แต่การต่อสู้ที่น่าตื่นตาของไซมึ้งชวยเซาะและเอี๊ยบโกวเซี้ยยังมีอยู่เช่นเดิม จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 20:31:28

ความคิดเห็นที่ 20 ดูแล้วผมว่า หนังจีนแผ่นดินใหญ่น่าจะเอา ชอลิ้วเฮียง มาสร้างใหม่นะครับ ซึ่งพระเอกผมไม่รู้ว่าจีนจะให้ใครเล่น แต่นางเอกต้องเป็น  ซุน โจว แหงๆ http://www.nangdee.com/name/?person_id=4721 จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 20:48:42

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ^ ปู่อุปฯมีความสนใจอะไรเป็นพิเศษกับซุนโจวหรือเปล่า ทำไม่ต้องเป็นเธอ ผมเองก็ไม่มีความเห็นนะครับ แต่สำหรับผมแล้วชอลิ้วเฮียงและโซวย่งย้งต้องสองคนนี้เท่านั้น แบบที่ไม่มีใครแทนได้ จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 53 00:29:25

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่มีครับพี่ Mk เพียงแต่ไม่รู้หนังจีนแผ่นดินใหญ่ชื่นชอบอะไรเธอนักหนา เพราะหนังจีนช่วงนี้ที่ออกมา นางเอกก็เธอทั้งน้านเลยครับ ล่าสุดก็ ขงจื๊อ นั่นแน่ะครับ ถ้าเป็นผมทำหนัง ก็ต้องเลือก หลิวอี้เฟย สิครับ จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 53 00:40:23

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องที่สิบเจ็ด เป็นการนำชอลิ้วเฮียงกลับมาอีกครั้ง และด้วยชื่อที่ขายได้ของชอลิ้วเฮียงทำให้หนังเรื่องนั้มีชื่อว่า ชอลิ้วเฮียง ตอนแผนฟ้าคำรณ (Perils of the Sentimental Swordsman - 1982) และสำหรับแฟนนวนิยายจอมโจรจอมใจหรือชอลิ้วเฮียงแล้ว อาจจะส่งสัยว่าสร้างมาจากนิยายตอนไหน ซึ่งถ้าท่านได้ชมแล้วอาจจะต้องนั่งตาค้างเพราะไม่ได้สร้างจากจอมโจรจอมใจตอนไหนเลย แต่สร้างจากเรื่องหงส์ผงาดฟ้า ตอนหมู่ตึกภูตพรายต่างหาก จากบทของเล็กเซี่ยวหงส์ในหนังสือเปลี่ยนมาเป็นชอลิ้วเฮียง ในขณะที่โครงหลักของเรื่องก็คือเรื่องหมู่ตึกภูตพรายนั่นเอง ตี้หลุงรับบทชอลิ้วเฮียงเช่นเดิม ส่วนบทของไซมึ้งชวยเซาะดัดแปลงให้เป็นนักฆ่าผู้หนึ่งที่รับบทกู้กวนจง ที่น่าประหลาดใจคือตัวละครนี้มีชื่อว่าลิ้วเซี้ยงโกยตัวละครเอกของนิยายโกวเล้งเรื่องยอดมือปราบ และตอนเปิดตัวละครก็เหมือนกับในเรื่องยอดมือปราบอีกด้วย ทั้งหงส์ผงาดฟ้า ตอนหมู่ตึกภูตพราย และยอดมือปราบ มีในสำนวนของ น.นพรัตน์ หนังเรื่องนี้จึงเหมาะสำหรับแฟนนวนิยายของโก้วเล้งอย่างยิ่ง จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 53 00:42:23

ความคิดเห็นที่ 24 อืมมม แต่ที่จริงผมก็ชอบเธอเล่นละครเรื่องนี้นะครับ Legend of the Comdom เอ๊ย Condor Heroes มังกรหยกเวอร์ชันที่วิวสวยมั่กๆ ปล. พี่ Mk ครับ คห. 7 ข้อความนางเอกแปลกๆนะครับพี่?!? แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 53 00:45:48 จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 53 00:42:59

ความคิดเห็นที่ 25 บอกตามตรงว่าหนังซีรีส์ระยะหลังมีค่อยได้ดูโดยเฉพาะซีรีส์จากจีนแผ่นดินใหญ่ เลยไม่คุ้นกับซุนโจวเท่าไหร่ แต่ว่าไปแล้ว หลิวอี้เฟยกับบทโซวย่งย้งก็ได้อยู่ แต่บทชอลิ้วเฮียง หายากจริงจริง จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 53 00:47:40

ความคิดเห็นที่ 26 มาปิดท้ายเรื่องที่สิบแปดที่ฉู่หยวนสร้างจากนวนิยายของโก้วเล้ง ซึ่งจาการรวบรวมเป็นเรื่องท้ายสุดนั่นคือเรื่อง ฤทธิ์ดาบสุริยะมหากาฬ (The Spirit of the Sword) สร้างจากนิยายเรื่องนักสู้ผู้พิชิต ในสำนวนแปลของ ว.ณ เมืองลุง ส่วนสำนวนแปลของ น.นพรัตน์ ใช้ชื่อว่าบันทึกชำระกระบี่ เหมือนกับเรื่องที่แล้วหนังเรื่องนี้ดัดแปลงไปจากหนังสือค่อนข้างมาก สาเหตุประการหนึ่งอาจจะเป็นเพราะความยาวของหนังสือก็เป็นได้ หลิวหย่งรับบทปึงป้อเง็กซึ่งถ้าใครได้อ่านนิยายจะรู้ว่ามีลักษณะเปลี่ยนไปเช่นไร หวงซิ่นซิ่วนักแสดงสาวคนโปรดของผมอีกคนรับบทเจ้าหญิงน้อย เยียะหัวรับบทจีอีโฮ้วประมุขเรือในห้าสี หลอลี่รับบทเจ้าวังอัคคี อาจจะเป็นเพราะการดัดแปลงนวนิยายของโก้วเล้งเป็นเรื่องยาก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวหนังจีนกำลังภายใน ที่สำคัญคือการเสื่อมถอยของชอว์บราเดอร์ ทำให้ฉู่หยวนสร้างหนังจากนวนิยายของโกงเล้งไว้เพียงสิบแปดรื่อง แต่ถึงกระนั้นฉู่หยวนก็ยังมีการสร้างหนังจากนิยายของนักเขียนท่านอื่นอย่างกิมย้งและอึ้งเอ็ง แม้จะมีเพียงไม่กี่เรื่องแต่ก็ล้วนเป็นผลงานที่ดีซึ่งจะมาเล่าถึงในโอกาสต่อไป นวนิยายของโกวเล้งยังมีอีกหลายเรื่องที่ถูกสร้างทั้งจากชอว์บราเดอร์โดยผู้กำกับท่านอื่น รวมถึงจากค่ายอื่นทั้งในฮ่องกงและไต้หวัน ย่อมแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักเขียนชั้นนำของมังกรโบราณผู้นี้ จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 53 01:12:25

ความคิดเห็นที่ 27 จะเลือกหลิวอี้เฟย....   ถามผมยังอ่ะ  !? จากคุณ : ฟาฬ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 09:23:30

ความคิดเห็นที่ 28 ทำไมต้องถามฟาฬ ก็หลิวอี้เฟยเป็นคนบอกผมเองว่าอยากเล่นบทนี้ ไม่เขื่อก็ถามมาได้นั่งอยู่ข้างข้างพอดี จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 18:09:44

ความคิดเห็นที่ 29 ใช่หรอ...   -_-" จากคุณ : ฟาฬ เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 10:38:18

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่ใช่ก็ใกล้เขียง เอ๊ยเคียง จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 11:54:02