PANTIP.COM : A9195174 โหวตกันไปเลย เรื่องงบไทยเข็มแข็ง 100 ล้านแก่หนังสมเด็จพระนเรศวร [ภาพยนตร์]

ความคิดเห็นที่ 10

ขออนุญาตให้ข้อมูลเงินงบประมาณ ๒๐๐ ล้านบาทของกระทรวงวัฒนธรรมดังนี้ครับ

งบ สนับสนุนการสร้างภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ๒๐๐ ล้านบาท เป็นงบที่ได้รับอนุมัติตามแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย โดยกระทรวงวัฒนธรรมครับ ซึ่งการดำเนินการได้มีการนำผลการทำวิจัยที่จัดโดยสำนักงานการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ มาใช้การพัฒนาเป็นแผนยุทธศาตร์สำหรับอุสหากรรมภาพยนตร์ไทย ซึ่งมีทั้งภาคเอกชน นักวิชาการ และภาครัฐที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำ ถือเป็นงบสำหรับส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยก้อนแรกครับ งบก้อนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Creative Economy ครับ

การจัดสรรงบ ที่รัฐบาลกรุณาอนุมัติสำหรับการส่งเสริม อุตสาหกรรมภาพยนตร์จำนวน ๒๐๐ ล้านบาทจะมีการพิจารณาจัดสรรให้กับภาพยนตร์และวีดิทัศน์รวมถึงกิจกรรมที่ เกี่ยวเนื่อง กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ได้มีการพิจารณาตามวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประเภทของงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาล โดยจัดสรรออกเป็นประเภทย่อยในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์เป็น ๖ ประเภทดังนี้ครับ
๑. ประเภทภาพยนตร์เรื่องยาว ๑๕๐ ล้านบาท
๒. กิจกรรมที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ๑๐ ล้านบาท
๓. ภาพยนตร์สั้น ภาพยนตร์นอกกระแส ภาพยนตร์ทดลอง สารคดี ๑๐ ล้านบาท
๔. ภาพยนตร์ชุด ละครชุด ๑๐ ล้านบาท
๕. เกมส์ ๑๐ ล้านบาท
๖. แอนิเมชัน ๑๐ ล้านบาท

สำหรับ ภาพยนตร์เรื่องยาวมีผู้เสนอโครงการ ๙๘ ราย อนุกรรมการฯได้พิจารณาลงคะแนนภาพยนตร์ทุกเรื่องตามเกณฑ์ ๔ ประการได้แก่ เนื้อหา การบริหารโครงการ ประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการ และคุณค่าทางศิลปะ ซึ่งคะแนนเต็มคือ ๑๐๐ เมื่อนำคะแนนของอนุกรรมการฯที่ให้คะแนนภาพยนตร์ทุกเรื่องแล้ว ก็จะมาเรียงลำดับตามคะแนนสูงไปหาต่ำทั้ง ๙๘ เรื่อง ขั้นต่อมาก็นำภาพยนตร์ที่ได้รับคะแนนเฉลี่ยสูงสุด ๒๐ อับดับแรกมาพิจารณาจัดสรรเม็ดเงิน ซึ่งภาพยนตร์นเรศวร ได้รับคะแนนเฉลี่ยสูงสุดเป็นอันดับ ๑ แต่เนื่องจากจำนวนเงินที่ขอรับการสนับสนุนมากกว่าเงินงบประมาณ จึงได้มีการพิจารณาภาพยนตร์ที่ได้รับคะแนนในอันดับ ๒ ถึง ๒๐ ก่อน เมื่อเหลือเงินเท่าใดก็จะเป็นงบที่นเรศวรได้รับครับ

สำหรับกรณีของ ภาพยนตร์เรื่องนเรศวร ภาค ๓ และ ๔ ได้รับการจัดสรรเงินจำนวน ๑๐๐ ล้านบาท จากวงเงินที่ยื่นขออนุมัติมา ๔๘๐ ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการสร้างภาพยนตร์ทั้งเรื่อง จึงต้องพิจารณาลงไปในรายละเอียดว่าสามารถใช้สร้างภาพยนตร์ในส่วนใดตอนใดให้ เสร็จทันปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ นี้ ซึ่งผู้ยื่นคำขอได้ชี้แจงรายละเอียดการใช้งบประมาณในบางส่วนบางตอนของ ภาพยนตร์ เช่น ฉากยุทธหัตถี และฉากยุทธนาวีทางน้ำ ที่ต้องใช้เงินทุนในการสร้างองค์ประกอบของฉากสูง ไม่ว่าจะเป็นเรือรบพระที่นั่งที่จำลองคล้ายของจริงมาก ซึ่งเป็นเพียงตัวอย่างของการใช้เงินอุดหนุนที่สามารถดำเนินการได้เสร็จตาม กำหนด ระยะเวลาปีงบประมาณตามระเบียบการใช้จ่ายเงินงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ รายละเอียดการใช้งบ ๑๐๐ ล้านบาทสำหรับภาพยนตร์เรื่องนเรศวร อยู่ในขั้นตอนของการเจรจากับผู้ได้รับการสนับสนุนตามกรอบของสัญญาที่ได้รับ จากสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งจะมีการระบุเงื่อนเวลาการใช้เงินชัดเจน หากผู้ได้รับการสนุบสนุนไม่สามารถปฎิบัติตามข้อสัญญาได้ ก็ไม่ได้รับเงินสนับสนุก้อนนี้ครับ ดังนั้นคำตอบสำหรับว่าเงิน ๑๐๐ ล้านจะไปใช้ทำอะไรบ้างต้องรอทางกระทรวงสักระยะหนึ่งครับ

ผมพยายามแนบ คะแนนดิบที่กรรมการแต่ละท่านให้คะแนนมา ให้ดูแต่เอกสารตัวเล็กเกินไป จึงไม่สามารถชี้แจงถึงอรรถะของแต่ละเรื่องได้ทั้ง ๒๐ เรื่อง แต่จะขออนุญาตทำความเข้าใจเป็นประเด็นหลักๆนะครับ ขอเน้นเฉพาะหมวดภาพยนตร์เรื่องยาวก่อนนะครับ

อนุกรรมการแต่ละท่าน เมื่อได้รับเอกสารพร้อมซีดีของโครงการที่ยื่นเสนอขอรับอนุญาต ก็จะใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนภาพยนตร์แต่ละเรื่องใน ๔ ประเด็นดังนี้

๑. เนื้อหาของภาพยนตร์ต้องมีองค์ประกอบ หรือวัตถุประสงค์ในการสร้างข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
๑.๑ ส่งเสริมประวัติศาสตร์ การเรียนรู้ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม หรือขนบธรรมเนียมประเพณี
๑.๒ ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม เสริมสร้างความสามัคคี สร้างจิตสำนึกเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข หรือความสมานฉันท์ของสังคมและมนุษยชาติ
๑.๓ ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การลดภาวะโลกร้อน การประหยัดพลังงาน การท่องเที่ยวเชิงศิลปะและวัฒนธรรม หรือการส่งเสริมการกีฬาและนันทนาการ
๑.๔ ส่งเสริมศิลปะเชิงสร้างสรรค์

สำหรับภาพยนตร์เรื่องยาว จะมีคะแนนเต็มในหมวดนี้ ๓๐ คะแนน

๒. การบริหารโครงการ ผู้ขอมีความน่าเชื่อถือในความสามารถดำเนินการสร้างหรือดำเนินการตามที่ขอ อนุมัติได้ตามคำขอ และเสร็จทันปีงบประมาณ ๒๕๕๓ ที่สิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ คะแนนในส่วนนี้สำหรับภาพยนตร์เรื่องยาว มีคะแนนเต็ม ๒๐ คะแนน

๓. ผลกระทบหรือประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากโครงการ คะแนนในส่วนนี้สำหรับภาพยนตร์เรื่องยาว มีคะแนนเต็ม ๒๐ คะแนน

๔. คุณค่าทางศิลปะ นับตั้งแต่ วิธีการเล่าเรื่อง เทคนิคการถ่ายทำ มุมกล้อง การใช้แสง องค์ประกอบฉาก ฯลฯ คะแนนในส่วนนี้สำหรับภาพยนตร์เรื่องยาว มีคะแนนเต็ม ๓๐ คะแนน

อนุกรรมการแต่ละท่านจะให้คะแนนภาพยนตร์แต่ละ เรื่องไม่เหมือนกัน ในหมวดภาพยนตร์เรื่องยาวมีผู้เสนอโครงการ ๙๘ ราย เมื่อนำคะแนนเฉลี่ย คือนับเฉพาะคะแนนของอนุกรรมการที่ให้กับภาพยนตร์แต่ละเรื่อง มาเรียงลำดับจากมากไปน้อย ก็จะได้รายชื่อภาพยนตร์เรื่องยาวที่คัดเอาไว้พิจารณาจัดสรรเงิน ๒๐ เรื่อง ซึ่งเป็นสัดส่วนประมาณ ๑ ใน ๕ ของเรื่องที่เสนอมาทั้งหมด

ในขั้น ตอนการจัดสรรเงิน ก็จะลบคะแนนในรอบแรกทิ้งหมด มาพิจารณารายละเอียดของภาพยนตร์แต่ละเรื่อง โดยมีการอภิปรายแสดงความคิดเห็น หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ยื่นคำขอ และจบลงที่การลงมติให้เงินสนับสนุน พร้อมเงื่อนไข ซึ่งจะใช้เสียงส่วนมากในการตัดสิน

ประเด็นรายละเอียดของการพิจารณาภาพยนตร์แต่ละเรื่องสามารถขอดูได้จากรายงานการประชุมคณะอนุฯกรรมการ ครับ

งาน ของอนุกรรมการฯ เป็นการพิจารณาหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และมีภาระกิจในการพิจารณาคัดเลือกโครงการที่เสนอมาครับ ซึ่งเมื่อดำเนินการได้ผลอย่างไรต้องนำเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการภาพยนตร์ และวีดิทัศน์แห่งชาติ จึงจะมีผลสมบูรณ์ครับ

ในขั้นตอนการทำงานหลัง จากได้รับการอนุมัติผลการคัดเลือภาพยนตร์ที่จะให้การส่งเสริมแล้ว ก็จะมีเรื่องการจัดทำสัญญา การเบิกจ่ายเงินงบประมาณ และการติดตามผลการดำเนินโครงการ หน้าที่ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยครับ

ผม อยากจะเรียนขอบคุณท่านที่มีความเข้าใจถูก มีความเห็นถูกในสิ่งที่คณะอนุกรรมการฯ ได้พยายามดำเนินการเพื่อคนในวงการหนังไทยที่เป็นรักของพวกเราทุกคน ให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนในชาติ ต้องขอขอบคุณทางรัฐบาล และกระทรวงวัฒนธรรมที่ได้พยายามสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาวงการหนัง ไทยของพวกเรา โดยให้พวกเราที่เป็นคนในวงการหนังไทยได้มีส่วนในการผลักดันโครงการโดยไม่มี การแทรกแซงจากทางฝ่ายการเมือง และราชการ สิ่งที่คณะอนกรรมการฯดำเนินการได้รับอิสระในการทำงานอย่างเต็มที่ มีการถกเถียงกันอย่างเปิดเผย และหาข้อสรุปร่วมกันได้ แม้ว่าข้อสรุปที่ปรากฎออกมาอาจะไม่ได้เป็นที่พอใจสำหรับบางท่าน แต่ก็เป็นความคิดเห็นที่สามารถคิดแตกต่างกันได้ หากมีข้อเสนอแนะดีๆที่เป็นประโยชน์สำหรับวงการหนังไทยเรา ก็น่าจะได้นำออกมาแชร์กันครับ

จากคุณ : surasak_sun

เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 07:27:30

ความคิดเห็นที่ 31

3.ความเห็นเกรียนๆ ของคุณที่ว่าถ้าจะเอางบส่งเสริมมาให้ทั้งระบบ ก็อย่ามีมันเลย มันแสดงออกถึงความเกรียนได้ดีมาก และดิฉันเห็นว่า ถ้ามีงบสนับสนุนแล้วให้ไม่ได้ทั้งระบบ ก็อย่ามีเลยจริงๆนะ มีแล้วไม่สามารถจัดสรรให้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมก็อย่ามี แล้วก็อย่ามาขู่มาเกรียนมาทำเป็นพูดว่าเลิกๆมันไปนะคะ ให้เลิกมันจริงๆ

และถ้าเลิกแล้วต่อไปก็ไม่ต้องมาอ้างมาแถลงนโยบายเศรษกิจสร้างสรรค์ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศแล้วบอกว่าหนังไทยเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักนะคะ เลิกๆมันไปเลยเพราะความเกรียนของคุณ ดีไหมคะ

4.ที่คุณมากระแนะกระแหน หนังเรื่องลุงบุญมีว่า " เรื่องนี้ก็ได้ทุนมาแล้วเหมือนกัน มิหนำซ้ำ เยอรมันนี ถือลิขสิทธิ์ อีกตะหาก
คิดว่าสมควรได้มั้ย เงินภาษีคนไทยนะ แต่ต่างชาติถือ ลิขสิทธิ์"

คุณนี่มันเกรียนด้วยมั่วด้วยนะคะ หนังลุงบุญมีเค้าได้ทุนมาแล้วแต่ก็เป็นทุนจากประเทศอื่นๆ แต่ทุนจากรัฐบาลไทยนั้น เขาได้จากที่เดียว และได้เพียง3.5ล้าน แต่หนังตำนานนั้น ได้ทุนจากรัฐบาลไทยทั้ง2 ทุน จาก วธ. 100ล้าน แล้วจาก พณ.330ล้าน รวม430ล้านกับหนัง 1 เรื่องเขาถึงว่าไม่ควรรับทั้ง2ทุนจากรัฐบาลไทย

คนเขาก็แสดงคห.กันว่าถ้าท่านได้จาก พณ. แล้วตั้ง330ล้าน แบบ ไม่มีทางที่คนอื่นจะขอแบ่งได้ ท่านก็น่าจะไม่ต้องมาเอาจากวธ. อีก100ล้าน เพราะ330ล้านมันก็มากแล้ว
ดิฉันเข้าใจว่าท่านต่อสู้มาเยอะเพื่อวงการหลายสิบปี ก็เอาไป330ล้าน คนทำหนังคนอื่นเป็นสิบๆร้อยๆคนที่เขาสู้มาทั้งชีวิตก็ให้เขาหรือคนทำหนังรุ่นลูกรุ่นหลานเอามาแบ่งกันสัก200ล้านมันคงดูดีกว่านะคะ

ส่วนเรื่องหนังสมควรได้ทุนจากไทยไหมนั้น เราว่า ให้รัฐบาลประกาศไปเลยประกาศให้ทั้งโลกรู้ไปเลยว่า รัฐบาลไทยมีกองทุนสนับสนุนหนังไทยแล้ว แต่ขอไม่สนับสนุนหนัง ลุงบุญมี เพราะได้เงินบางส่วนจากกองทุนในต่างประเทศแล้ว
เพราะเชื่อความเห็นสุดเกรียนของคุณ
มันคงดูแปลกประหลาดมากๆ ที่หนังไทย4เรื่องของคุณเจ้ยที่ได้รับการยอมรับในวงการภาพยนต์ศิลปะระดับนานาชาติอย่างมากและได้รับเลือกไปฉายที่คานส์2เรื่อง เวนิส1เรื่องและเทศกาลหนังทั่วโลกอีกนับไม่ถ้วนทุกเรื่องต่างไม่เคยได้เงินลงทุนจากรัฐบาลไทยเพราะไม่มีงบ
แต่พอมีงบ200ล้านก็ไม่ให้เงินสนับสนุนหนังเรื่องที่5 ที่ถูกคัดเลือกไปฉายที่คานส์อีกด้วย เพราะเขาได้ทุนมาจากต่างชาติแล้วบางส่วน ขายหน้าเขาแย่เลยนะถ้าใช้เหตุผลของคุณเนี่ย ที่เขาต้องไปขอเงินจากกองทุนต่างชาติก็เพราะเมืองไทยเราไม่มีทุนไง และมันก็เป็นเรื่องสากลมากที่หนังที่มีคุณค่าทางศิลปะนั้นจะได้เงินสนับสนุนการสร้างมาจากนานาประเทศที่เห็นความสำคัญของหนังในแง่ที่มีคุณค่าทางศิลปะ
เราไม่ได้จะมาเกรียนว่าประเทศไทยต้องโหนความดังของเจ้ย โดยต้องให้เงินนะ อย่าไปด่าเขาอีก แค่อยากให้คุณลองคิดดูว่าความคิดเกรียนๆของคุณนะมันแสดงออกถึงความรู้น้อยขนาดไหน

5."การให้ทุนสนับสนุน หนังลุงบุญมี แบบให้เปล่า ไม่คืนเงิน ให้ฟรีแล้วมันจะมีอะไร ตอนแทน เงินภาษี จากประเทศไทย ได้"
คุณเนี่ยมันคิดได้แค่เรื่องเงินจริงๆนะ การให้เงินช่วยเหลืองานศิลปะมันเป็นเรื่องการส่งเสริมงานของศิลปิน ผลตอบแทนคือการทำให้มีงานศิลปะที่ดีมายก ระดับจิตใจมนุษย์ การที่มนุษย์มีงานที่มีคุณค่าทางศิลปะและวัฒนธรรมเนี่ย มันเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งว่าคนเรามีสติปัญญาสูงกว่าสัตว์ การที่คนมีระดับจิตใจสูงขึ้นเนี่ยมันก็จะทำให้มนุษย์คนนั้นมีจิตใจสูงจากสันดานดิบที่หยาบช้า ไม่แน่ใจว่าคุณเข้าใจไหมคะ
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 53 03:39:07
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 53 03:37:14
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 53 03:26:16
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 53 03:25:31

จากคุณ : dubow

เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 03:21:47