 |
<<<<< ดูแล้วมาคุยกัน ... จาก Hotel Rwanda ถึง Agora , หนังดีที่คนไทย(ตอนนี้)ควรดู >> >>>
|
|
| | | | | | | | | ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (0 คน) |
|
| |
| | | | | ชอบมาก ห้ามพลาด (5 คน) | | | | ชอบ (3 คน) | | | | เฉยๆ (1 คน) | | | | ไม่ชอบ (2 คน) | | | | ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (0 คน) | | | จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 11 คน |
... เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป + อ่านความเห็นอื่นๆ + แสดงความเห็นเพิ่มเติม เก็บไว้ได้ที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=05-2010&date=08&group=14&gblog=205
... หลายสัปดาห์ก่อนมีข่าวพูดถึง Hotel Rwanda กับประเด็นสงครามการเมืองประมาณว่า เป็นหนังที่คนไทยน่าจะหามาดู แต่เมื่อผมดู Agora จบ ผมคิดว่า นี่คือ หนังที่คนไทยในตอนนี้ควรดูเสียยิ่งกว่า Hotel Rwanda
Hotel Rwanda ทำให้เราเห็นผลลัพธ์บั้นปลาย แต่ Agora จะทำให้เราเห็นว่า ต้นเหตุและกระบวนการที่นำไปสู่ภาวะสังคมล่มสลายจนถึงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และสงครามกลางเมืองใน Hotel Rwanda เกิดขึ้นได้อย่างไร
... Agora เป็นหนังย้อนยุคจากผู้กำกับสเปนผู้ซึ่งฝากผลงานดีๆอย่าง The Sea inside และ Open your eyes(ต้นฉบับ Vanilla sky ที่ ทอม ครูซ เล่น) ครั้งนี้เป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่ทุ่มงบอลังการสร้าง อาณาจักรอเล็กซานเดรียหลายพันปีก่อน โดยจุดศูนย์กลางอยู่ที่ตัวละคร ไฮพาเธีย นักปราชญ์สาวที่มีชีวิตในยุคสมัยที่ความขัดแย้งของประชาชนแบ่งเป็นสองฝั่งตาม ศาสนา ที่ตัวเองนับถือ
เริ่มต้นพวกเขาอาศัยร่วมกัน ต่อมา ต่างฝ่ายต่างพยายามนำเสนอ ความเชื่อของตัวเอง ลบหลู่ดูถูก ความเห็นของอีกฝั่ง จากการโต้แย้งทางปัญญา ทวีความรุนแรงไปสู่การเข่นฆ่า และ เมื่อความเกลียดชังถูกจุด มันก็ไม่สามารถดับลงได้อีกเลย
ที่ชัดเจนมากคือ คำพูดที่เราได้ยินต่อๆกันมาว่า ประวัติศาสตร์เป็นบทเรียนที่ดี แต่มนุษย์ไม่เคยเรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์ ท่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะในหนัง ทำให้เห็น สองช่วงเวลาแห่งการฆ่าฟัน สองช่วงเวลานั้นเกิดห่างกันไม่กี่ปี
ถึงจะต่างกันแค่ เปลี่ยนจาก คู่กรณี A กับ B เป็น คู่กรณี B กับ C แต่จุดเริ่มต้นก็มาจาก เหตุผลเหมือนๆกัน ดำเนินรอยซ้ำๆด้วยรูปแบบเดียวกัน
น่าเศร้ามาก ตรงที่พวกเขาผ่านประสบการณ์ของ การเข่นฆ่ารุ่นแรกมาแล้ว แต่กลับปล่อยให้เกิดการเข่นฆ่าซ้ำกันอีกในชั่วคนเดียวกัน
... หนังทำให้เราเห็นภาพ ความแตกแยกในสังคมที่มีจุดเริ่มต้นจาก ความแตกต่าง ได้ชัดเจน
ตัวหนังไม่ได้บอกเลยว่า ใครผิด และ ถ้าท่านดูแล้ว กลับมาคิดว่า "ใช่เลย ไอ้ฝั่งตรงข้ามเหมือนตัวร้ายในหนัง สังคมพังก็เพราะพวกมัน" 
ผมคิดว่า การตีความเช่นนั้น เป็น ความเข้าใจผิดในสิ่งที่หนังสื่อโดยสิ้นเชิง
เพราะ หนังไม่ได้ชี้ให้เห็นว่า ใครเลวกว่าใคร หรือ ใครเป็นต้นเหตุแต่เพียงผู้เดียว
(ฝั่งหนึ่งหวาดกลัวจะสูญเสียอำนาจจนนำไปสู่การเข่นฆ่า แต่ถ้ามองอีกฝั่งที่ยั่วยุ ลบหลู่ดูถูก ก็ทำให้เราเข้าใจได้เลยว่า เพราะอะไรอีกฝ่ายที่หวาดกลัวรุนแรง และ เมื่อฝ่ายที่ถูกเข่นฆ่าได้อำนาจมาครอบครอง สุดท้ายพวกเขาก็เข่นฆ่าคนอื่นก่อนเช่นกัน)
หนังทำให้เห็นว่า 'ปีศาจ' ล้วนมีอยู่ในตัวเราทุกคน ทั้งฝั่งเรา และ ฝั่งเขา
... ความล่มสลายของสังคม ไม่ได้เกิดจาก 'พวกมัน' แต่เกิดจาก 'ตัวเรา' ที่มองไม่เห็น ปีศาจ ในตัวเอง ไม่เห็น ปีศาจในหมู่ 'พวกเรา' แล้วปล่อยให้ ปีศาจในตัวเรา และ ปีศาจที่สิงสู่ในหมู่พวกเรา พาเราไปสู่ความบ้าคลั่งที่น่ากลัว
ปีศาจ ที่หมายถึง ความกลัวว่าเขาจะมาริดรอน กลัวว่าเราจะสูญเสียโอกาสที่เคยมี , ความโลภที่อยากเป็นเจ้าของอำนาจ อยากเป็นหนึ่งในสังคม , ความเกลียดชังโดยไร้เหตุผล หรือ มีเหตุผลแต่เป็นเหตุผลที่เข้าข้างตัวเอง ฯลฯ
สังคมจะดีหรือรุ่งเรือง ไม่ได้เกิดขึ้นจากแค่ว่า เราเห็น ความชั่วร้ายของฝั่งตรงข้ามได้มากแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่า เราเห็นความชั่วร้ายของฝั่งตัวเองหรือไม่ และ เราทำอย่างไรกับ ความชั่วร้ายของฝั่งตัวเอง
เพราะเมื่อการรวมกลุ่มของผู้คนกลายเป็นกลุ่มก้อนที่ใหญ่ขึ้น แล้ว เราปล่อยให้ความเป็นพวกพ้องเข้าครอบงำ ทำให้เรารู้สึกลำพองกับพลังของมวลชนในมือ เรามุ่งมั่นแต่การเอาชนะของพวกเดียวกัน
เมื่อนั้น
เราก็มักจะถนัดในการมองเห็นและเซ้นซิถีฟต่อ ความชั่วร้ายของฝั่งตรงข้าม แต่ ด้านชาต่อความชั่วร้ายของพวกเดียวกัน
เราก็มักจะมองไม่เห็นปีศาจในพวกเดียวกัน แต่เรามักจะเห็นปีศาจในกลุ่ม'พวกมัน' อย่างชัดเจน
ความผิดคนอื่นเราตะโกนเสียงดัง แต่ ความผิดพวกเดียวกันเราไม่พูดถึงเลย
.... ความล่มสลายของสังคมใน Agora ไม่ได้เกิดจาก ความเสื่อมศรัทธาในความดี หรือ ความไม่ถูกต้องในหลักการ เพราะในหนังมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ชนชั้นปกครองบอกประชาชนให้ออกไปฆ่าอีกฝั่งเพราะเขาลบหลู่ ไฮพาเธีย ก็บอกกลุ่มผู้ปกครองว่า ถ้าเขาลบหลู่เราหรือคิดว่าเขาทำผิด เราก็จับมาไต่สวนซิ ไม่ใช่ไปรุมเข่นฆ่ากันให้ตาย สองสิ่งนั้นสามารถที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้วิธีฆ่าฟัน
หากแต่ความล่มสลาย มาจากปีศาจในใจของผู้นำ โดยเฉพาะ คนที่นำ 'ความดี' และ 'ความถูกต้อง' มาบิดเบือน แล้วใช้เป็นเครื่องมือสร้างพวกพ้อง ใช้คำสองคำนั้น ปลุกระดมให้คนในปกครองหรือพวกพ้องเดียวกันโจมตีฝั่งตรงข้าม แล้ว หยิบดาบหยิบก้อนหินมา ฆ่าฟัน คนที่คิดต่างจากตัวเอง
ประชาชนที่วิ่งถือดาบไล่ฟัน หรือ ถือก้อนหินปาใส่อีกฝ่าย มีเป้าหมายในใจคือ ปกป้องความศรัทธาและรักษาความถูกต้อง โดยไม่ทันรู้ตัวว่า ผู้นำของพวกเขา สนใจแต่ การครอบครองอำนาจและชัยชนะ
... ความเกลียดชัง มันก็เป็นเหมือนโรคระบาด ที่เปลี่ยนคนธรรมดาๆให้เป็นปีศาจที่น่ากลัว
เราไม่มีทางรู้เลยว่า ในหมู่คนเป็นแสน เป็นล้าน มีคนไหนบ้างที่ ปีศาจความเกลียดชัง ครอบงำจนสามารถเดินไปฆ่าใคร โดยไม่ได้ทำตามคำสั่งของผู้นำ แต่ ออกไปฆ่า เพราะทำตาม ความเกลียดชังที่ถูกปลูกฝังไว้ สะสมไว้ จนมันใหญ่เกินเหตุผลหรือสติของเจ้าตัว
ดังนั้น ถ้าเราไม่กล้าที่จะขัดขืนหรือต่อต้านในสิ่งที่พวกพ้องกำลังทำผิดแม้แต่นิดเดียว ทำเป็นปิดตาในระหว่างกระบวนการผิดๆ เพราะสนใจแต่ เป้าหมาย
สุดท้ายต่อให้ เป้าหมาย นั้นสวยหรูหรือถูกต้องเพียงใด ถ้าเราใช้ วิธีการผิดๆ ก็ย่อมไม่มีทางไปถึง ความสุขหรือความเจริญ เพราะ มันผิดตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว และ ความผิดนั้นมีแต่จะขยักปมเพิ่มความยุ่งเหยิงวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป
... Agora มีจุดเด่นตรงงานสร้างที่ทำออกมาดูอลังการ และดูจริง แต่จุดอ่อนอยู่ตรง หนังดำเนินเรื่องได้ราบเรียบไปนิด , ความขัดแย้งทางการเมืองไม่เข้มข้นอย่างที่ควรจะเป็น และ โฟกัสในแง่มุมของ นักปราชญ์สาวที่สนใจในปรัชญา กับ การศึกษาของเธอ บางช่วงก็ไปเน้นตรงองค์ความรู้มากเกินไปเหมือนหนังสารคดี
ตัวละครชายหนุ่มที่รายรอบ ถูกนำเสนอให้มีมิติน่าสนใจแต่ไม่พัฒนาความลึกของตัวละครให้มากตามเวลาของหนัง ทำให้ จุดไคลแมกซ์ตอนท้ายที่น่าจะกระทบใจหรือเกิดอารมณ์ร่วมดูอ่อนลง
Agora จึงอาจไม่ใช่หนังที่ดีที่สุดของปี แต่ในจังหวะนี้ สิ่งที่หนังนำเสนอ ทำให้เป็นหนังที่เหมาะที่สุดสำหรับคนไทยที่น่าจะได้ดู คู่กับ Hotel Rwanda
และ ถ้าผู้นำคนใด หรือ นายกฯ คนไหน อยากสร้างสังคมที่ความแตกต่าง ให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข นอกจากจะดูตัวอย่างของ ผู้นำที่ไม่สมควรเลียนแบบจาก Agora ก็น่าจะไปเช่า Invictus ที่ปู่คลินต์กำกับ มอร์แกน ฟรีแมน เป็น เนลสัน แมนดาล่า มาดูว่า ผู้นำที่อยากสร้างสังคมที่มีความแตกต่างให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขควรทำอย่างไร
หมายเหตุ : Agora กำลังฉายอยู่ที่ SF Emporium ตอนนี้จ้า
ช่วงนี้ จขกท.ไม่ค่อยได้อัพบล็อกมากนัก เน้นหนักที่ Facebook ตามอ่านกันได้ที่ http://www.facebook.com/ibehindYou เน้อ (เข้าไปแล้วคลิกปุ่ม Like ข้างหลังชื่อ ผมอยู่ข้างหลังคุณ เพียงเท่านี้ก็สามารถเม้นต์ได้และจะมีตัวเตือนให้รู้เวลามีบทความใหม่ๆ )
จขกท. ขอฝากผลงานหนังสือเล่ม 5 ที่ว่าด้วย 'หนัง / ความรัก / จิตวิทยา' เรียนรู้และเติบโตจากความรักในมุมที่ต่างออกไป ในหนังสือที่ชื่อ เจ็บเพราะรัก น่าจะมีตามร้านทั่วไปแล้ว รายละเอียดคลิกตามอ่านได้ที่บล็อกจ้า (แขกรับเชิญเล่มนี้มี The Holiday , หนังหว่อง คาไว , 500 days of summer , Before sunset & sunrise ฯลฯ)
บทความที่อ้างอิงถึงในกระทู้ (บทความนี้เคยนำมาลงในกระทู้แล้ว)
Hotel Rwanda , หนังที่ให้คนดูมากกว่าความเป็นหนังดี http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=15-03-2005&group=1&gblog=5
แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 10:34:59
จากคุณ |
:
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
|
เขียนเมื่อ |
:
10 พ.ค. 53 10:33:33
|
|
|
|  |