 |
ความคิดเห็นที่ 2 |
จำได้ค่ะ
จำได้ว่าละครเรื่องนี้ พี่ไก่วรายุธ ถึงกับรอให้พี่หมิว อายุพอเหมาะ เพื่อให้เหมาะกับละครเรื่องนี้ที่สุด เพื่อที่จะพลิกบทบาทการแสดง และพี่หมิวก็ทำได้ เหมาะมากๆๆๆ จริงๆด้วยสิคะ
คิดถึงละครพี่ไก่สมัยเก่าๆจัง ทั้งความเนี๊ยบ บทละคร และความสมจริง
ย้อนอดีต"ทรายสีเพลิง
ทรายสีเพลิง คอลัมน์ ย้อนอดีต อีกหนึ่งผลงานละครชิ้นโบแดงของผู้จัดอย่าง "เจ๊ไก่"วรายุธ มิลินทจินดา มีละครชีวิตข้น "ทรายสีเพลิง" อยู่ในนั้น "เจ๊ไก่" ถือเป็นเจ้าแห่งการไปถ่ายทำละครต่างประเทศ "ทรายสีเพลิง" ก็เป็นหนึ่งในนั้น ไปเก็บภาพสวยไกลถึงประเทศโมนาโก มาอวดแฟนละคร ออกอากาศให้ชมปี พ.ศ.2539 ถึงตอนนี้ก็ย่างเข้าสู่ปีที่ 11 แล้ว จากบทประพันธ์ของ "ปิยะพร ศักดิ์เกษม" บทโทรทัศน์โดย "ภาสุรี-พงศ์สนิท สนิทวงศ์ ณ อยุธยา" และกำกับฯการแสดงโดย "ต้อ"มารุต สาโรวาท รวมนักแสดงยอดฝีมือไว้คับจอ "หมิว"ลลิตา ปัญโญภาส, วิลลี่ แมคอินทอช, "โดโด้"ยุทธพิชัย ชาญเลขา, "แจ๊บ"เพ็ญเพชร เพ็ญกุล, "นุ่น"สินิทรา บุญยศักดิ์, "ปิงปอง"กนกพร โลศิริ, ดวงตา ตุงคะมณี, กาญจนาพร ปลอดภัย, กัณฑรีย์ สิมะเสถียร, อดุลย์ ดุลยรัตน์, เวย์น ฟอลโคลเนอร์ ฯลฯ ผลจากความตั้งใจในการแสดงทำให้ "หมิว-ลลิตา" คว้ารางวัลดารานำแสดงหญิงดีเด่นจากงานโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 11 ประจำปี 2539 และตัวละครก็ได้รางวัลละครชีวิตดีเด่น จากงานเมขลาครั้งที่ 16 ในปีเดียวกัน วันนี้ผู้กำกับฯ "ต้อ-มารุต" ที่เริ่มต้นงานกำกับฯละครกับช่อง 3 และ "ทรายสีเพลิง" ถือเป็นผลงานกำกับฯละครเรื่องแรกจะพาเราไปย้อนอดีตละครเรื่องนี้ ก่อนอื่นเลย "ป้าต้อ" เล่าถึงจุดพลิกผันจากการเป็นผู้กำกับฯละครเวทีมาประเดิมเป็นผู้กำกับฯละคร "ทรายสีเพลิง" ว่า "ก็สนิทสนมกับพี่ไก่-วรายุธ มาหลายปี ทำงานอยู่เบื้องหลังละครคุณเล็ก-ภัทราวดี ตั้งแต่ปีพ.ศ.2519-2520 รู้จักมานาน แล้วพอพี่ไก่ทำละครช่อง 3 ตอนนั้นเราทำละครเวที พี่ไก่มาดูละครเวทีที่เรากำกับฯหลายเรื่อง ทุกครั้งที่มา จำได้ว่าปี 2536 ก็บอกว่ามาทำละครได้แล้ว ก็ชวนหนหนึ่ง เรายังไม่พร้อม ไม่มั่นใจว่าจะทำทีวีได้ ยังสนุกละครเวทีอยู่ พอปี 2537 ปี 2538 ก็ยังชวนทุกครั้ง พี่ไก่เป็นคนน่ารัก บอกว่าเห็นฝีมือ และเชื่อว่าเราทำได้ ก็บอกจะช่วยดูแลรายละเอียดด้านอื่นให้ พี่ไก่การันตีก็เลยตกลงใจ" ยิ่งได้รับการยื่นเรื่อง "ทรายสีเพลิง" ให้ทำก็ยิ่งโดนใจผู้กำกับฯฝีมือดี "พอได้เรื่องมาถูกใจมาก เป็นเรื่องที่อ่านอยู่แล้ว แต่ก็บอกพี่ไก่ว่าต้องปฏิวัติรูปลักษณ์นางเอกในละคร จารีตละครไทยในตอนนั้น พี่ไก่บอกได้ ถ้าทำเนี้ยบคนก็ต้องดู คือ จารีตนางเอกตอนนั้นยังร้ายไม่ได้ ต้องเป็นคนดี แล้วละครไทยไม่ค่อยทำแง่มุมด้านร้าย เป็นคนอาฆาตแค้น กลับมาด้วยการแก้แค้น เปลี่ยนจารีตนางเอกละครไทยที่ต้องสวย เรียบร้อย ผ้าพับไว้ รักษาคุณธรรมยิ่งชีวิต เรากับพี่ไก่ก็พร้อมใจกันทำ" การไปถ่ายทำที่ประเทศโมนาโก เป็นอีกหนึ่งความประทับใจ "ก็เปลี่ยนบรรยากาศฮ่องกงเป็นยุโรปแทน หลักใหญ่เราไปถ่ายที่โมนาโก แล้วก็มีถ่ายที่เมืองนีซใกล้เมืองคานส์ การถ่ายทำที่นั่น เตรียมการไว้อย่างดี พี่ไก่เตรียมการด้านต่างประเทศดี มีคนช่วยเหลือหลายคน มีการท่องเที่ยวช่วยเหลือกันทำให้ทำงานสะดวก ตามตารางเวลาทำงานหนักมาก เหนื่อยมากไป 7 วัน ในทุกวัน มีตารางเต็มทุกวัน แต่ก็ต้องยอมเหนื่อยเพื่อให้ได้ภาพสวย" "หนึ่งฉากอลังการที่ถ่ายที่นั่น เป็นฉากถ่ายจากบนเฮลิคอปเตอร์ โดยหมิวอยู่บนเรือ ส่วนวิลลี่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ จากนั้นวิลลี่ลงมาข้างล่าง ต่อด้วยขับรถสปอร์ตจากบนเขามาที่ท่าเรือ ลงเรือไปกับหมิว เห็นหมิวกับวิลลี่กอดกัน ฉากนี้ถือเป็นเป็นภาพโชว์เลยเพราะสวยงาม หรูหรา โรแมนติก ได้ภาพถูกใจมากๆ ตอนนั้นต้องทำแข่งกับเวลาหมดเลย ค่าเช่าเรือ เฮลิคอปเตอร์แพงมาก คิดเป็นชั่วโมง ต้องวางแผนดี แต่ก็ได้ภาพถูกใจ แล้วตอนขากลับก็นั่งเรือยอชต์หลายสิบล้านร้อยล้านกลับเข้าฝั่ง จำได้ว่าเรือยอชต์ชื่อ เพเนโลเป้ สวยมากเลย" "หมิว" ถือเป็นศูนย์กลาง และทำได้ดีจนถูกใจผู้กำกับฯถึงขนาดยกนิ้วให้ "ถือว่าเป็นการพลิกบทบาทของหมิว หมิวเป็นนักแสดงที่มีวิสัยทัศน์ เป็นนักแสดงผู้หญิงทันสมัย เข้าใจบทละคร คือ หมิวเข้าใจบททราย หรือแซนดี้ หมิวยังบอกว่าถ้าเล่นเรื่องนี้สนุกแน่ๆ หมิวบอกตัวละครเป็นมนุษย์ มีด้านเลวร้ายในชีวิต เราก็ทำเป็นกระจกสะท้อนมนุษย์ทุกคน ตัวละครเป็นสีเทา และให้คนดูเรียนรู้ว่าผิดพลาดได้ แต่เราก็แก้ไขชีวิตที่เหลืออยู่ได้ มีบทสรุปดีงาม" "หมิวสุดยอด ได้ดั่งใจ เข้าไปอยู่ในตัวทรายได้เลย อากัปกิริยา เดินเหิน แล้วเสื้อผ้าก็เอื้ออำนวยความเปรี้ยวทันสมัย เสื้อผ้าถ้าเอามาดู กางเกงฮอตแพนต์สั้นมาก กับเสื้อแนวสอดกับกางเกงเข้ารูปยังดูทันสมัยอยู่มาก ความเป็นนางแบบ รูปลักษณ์ดี มาดดี ทำให้ตัวละครที่หมิวเล่นน่าเชื่อถือในการเป็นสาวทันสมัย แล้วบทหมิวเธอฝังแค้นมาตั้งแต่เด็ก โดนเขี่ยออกจากวงศ์ตระกูลจนมีตะกอนที่ขุ่นมัวติดอยู่ในใจ ซึ่งหมิวลำดับอารมณ์ดีมาก เป็นนักแสดงที่เก็ตทุกอย่างเร็วมากตอนเราอธิบาย ถ่ายทอดได้เนียน เชื่อว่าหมิวน่าจะรักตัวละครตัวนี้" ผู้กำกับฯ "ต้อ" ยังบอกถึงอีก 4 นักแสดงหลักของเรื่อง เริ่มด้วย "วิลลี่" "วิลลี่น่ารัก เป็นน้องที่ชอบในการทำงาน เป็นคนทุ่มเทการแสดง เหนื่อยไม่บ่น วิลลี่ยอมรับว่าเป็นคนไม่ได้เล่นละครเก่ง แต่บทชาญที่เขาเล่นเป็นใสๆ ไม่มีแง่มุมลึกมาก ไม่ซับซ้อน เป็นคนซื่อ มักถูกครอบงำจากนางเอกได้ง่าย มองโลกในแง่ดี ซึ่งวิลลี่ได้เลย แล้วความเป็นสดชื่นแจ่มใสในวัยหนุ่มแน่นนั้น พลังในวัยหนุ่มทำให้วิลลี่เล่นอย่างมีสเน่ห์" ตามด้วย "โดโด้" "บทบุรีของโดโด้เป็นผู้ชายที่เป็นผู้นำ ยุติธรรม เป็นผู้ชายคนเดียวที่มองนางเอกทะลุตั้งแต่ต้น เป็นกระจกสะท้อนนางเอกอย่างตรงๆ ให้บทเรียนนางเอกแรงๆ ก็คุยกับพี่ไก่ว่าเราเอาโดโด้มาปรับให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น โดโด้ตั้งใจ แล้วโดโด้ก็ได้รับคำชมเรื่องนี้มาก" "ส่วนแจ๊บจะเล่นเป็นผู้ชายโลเล ขาดความหนักแน่น แล้วก็ขาดสติยั้งคิด หมั้นกับน้องสาวนางเอก แต่ถูกนางเอกปั่นหัว จนบอกเลิกกับน้องสาวแล้วบุกปล้ำนางเอก แจ๊บก็ทำได้ดีในส่วนตัวเอง" ปิดท้ายที่บทของ "นุ่น" "นุ่นน่ารัก เล่นเป็นสาวซื่อใส ตกเป็นเหยื่อการแก้แค้นของนางเอก แต่ตอนนั้นนุ่นโฆษณาแชมพู ก็อึดอัดเรื่องสีผมสีน้ำตาลแดง เพราะขัดกับบทเรียบร้อย อินโนเซนส์ เปราะบาง ก็เลยมาเน้นคาแรกเตอร์การแสดงเลยดีกว่า ซึ่งนุ่นก็เอาอยู่ น่าสงสาร ใช้แววตาแสดงได้ดี นุ่นเล่นได้ดี น่าสงสาร" "ต้อ" ยังบอกถึงฉากที่ประทับใจที่สุดในละคร "เป็นฉากหมิวมาเห็นงานเผาศพคุณยาย นั่งมาในรถแล้วลดกระจกลงเป็นภาพสะท้อนเมรุที่มีควันลอยขึ้นจากปล่อง พอลดกระจกเห็นเป็นหน้าหมิว สวย แล้วก็มีการพูดในใจว่า "ฉันขอมาเห็นกับตาว่าอีแก่มันได้ตายกับตาจริงๆ" ซึ่งหน้าหมิวสวยจัด แต่มีแววตาวูบหนึ่งแสดงแค้นออกมา สุดยอดกับดวงตาคู่นั้น บอกหมิวว่าเป็นดวงตาที่ประทับในสายตาคนดู หมิวเล่นไม่มีไดอะล็อก แต่อินเนอร์จากข้างใน ภาพนั้นติดตาเลย" เมื่อจุดเริ่มต้นไปได้สวย ทำให้จุดไฟการเป็นผู้กำกับฯละคร "เรื่องนั้นเป็นงานกำกับฯละครเรื่องแรก ก็ตั้งใจว่าทำให้เต็มที่ ถ้าไม่ดีก็จะกลับไปทำละครเวที แต่นั่นก็ทำให้หลงเสน่ห์ละครยาวมาจนถึงปัจจุบันนี้" ท้ายสุด "ต้อ" ยังบอกถึงสาระในละครเรื่องนี้ที่ให้กับคนดู "มันแสดงความเป็นจริงของมนุษย์ ธาตุแท้ของมนุษย์ พิษภัยของการไม่ให้อภัย ความแค้นที่สะสมพร้อมหาทางเอาคืน ไม่เกิดผลดีกับใคร โดยเฉพาะกับคนที่แก้แค้น โลกจะสวยงามถ้าเราลุกขึ้นมาให้อภัย และทำความเข้าใจกับชีวิตที่เหลืออยู่" เขาถึงว่าดูละครแล้วควรย้อนดูตัว จำได้ว่าคอลัมน์นี้เปิดด้วยเรื่อง ปริศนา คราวนี้ก็มาต่อด้วยเรื่องทรายสีเพลิงกัน
จาก: ข่าวสด
จากคุณ |
:
panmile_pink
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ค. 53 11:04:00
|
|
|
|
 |