Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ฉากที่คุณประทับที่สุดตั้งแต่ซีซั่นแรกถึงซีซั่นสุดท้ายแห่ง LOST  

ฉากไหนที่คุณประทับที่สุดตั้งแต่ซีซั่นแรกถึงซีซั่นสุดท้ายแห่งซีรียเรื่องLOSTคะ

ขอเชิญร่วมแบ่งปัน






ส่วนตัวของเราขอตอบดังนี้ค่ะ


lost เปนหนังที่ให้อะไรหลายอย่างกะชีวิตค่ะ

เราชอบ lost เพราะิคิดมาตลอดว่ามันคือหนังชีวิตค่ะ
ตั้งแต่ซีซั่นแรกเลย
การที่หนังเล่าเรื่องราวในอดีตของตัวละครหลักนั่นแหละค่ะ ที่มันเปนดราม่า
มันเหมือนกับจะบอกเราว่า สิ่งที่เหนกะสิ่งที่เปน เราเชื่อได้มั้ย จิงแค่ไหน
เช่น ชีวิตของ จอนลอค คือ ทุกคนบนเกาะอาจเหนว่าลุงหัวล้านคนนี้เก่งการไล่ล่าหมูป่า การปามีด การ track เส้นทาง etc. ถ้ามองจากคนที่เพิ่งมารู้จักจอนในเกาะก้ออาจจะคิดว่าชีวิตจอนมีความสุขสบายดี ใครจะรุ้บ้างว่าก่อนหน้านี้ชีวิตจอนมันบัดซบแค่ไหน

เราอาจจะคิดว่าชีวิตเรามันแย่แล้ว แต่มันอาจยังมีคนอื่นที่แย่มากกว่าเราก้อได้ ดังนั้น เราจิงไม่ควรตัดสินคนอื่นโดยที่ไม่ได้ทำความรู้จักกะเค้าให้ดีซะก่อน

เบื้องหลังชีวิตของแ่ต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ทุกคนมีที่มาต่างกัน แต่พอมาอยู่รวมกัน ใช้ชีิวิตร่วมกัน หนังก้อแสดงใ้ห้เหนถึงสิ่งดีๆในสังคมเล็กๆนี้

ที่เราชอบมากคือ ตอนท้ายของแต่ละ episode จะมีเรื่องราวดีๆเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้น พร้อมกับเปิดเพลงประกอบคลอไปด้วย เช่น มีอยู่ตอนนึงที่ hurley ได้เปนคนดูแลเรื่องอาหาร และต้องคอยคุมไม่ให้มีใครมาเหนและเอาไป แต่ตอนท้ายของ episode อยู่ดีๆฮิวโก้ก้อเอาอาหารมาแจกทุกๆคน (ชาลีเลยได้โอกาส peanut butter ไปให้แคลร์ด้วย)

หรืออีกตอนนึง ที่เปนวันเกิดแคลร์ ลอคก้อเลยทำเปลเลี้ยงเด็กให้(แคลร์เหนมาตลอด episode ว่าลอคกะลังสร้างอะไรซักอย่าง แต่ไม่รุ้ว่ามันคืออะไร สุดท้ายมารุ้ตอนท้าย episode เลย ว่ามันคือเปลเลี้ยงเด็กนั่นเอง

หรือ ตอนที่พวก hurley sawyer และ jin ไปเจอรถตู้ของพวก dharma แล้วก้อซ่อมจนสุดท้ายมันก้อแล่นได้ ฉากที่รถมันแล่นลงมาจากเนินเขา และทั้งสามก้อส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ ----  เราดูแล้วรู้สึกมีความสุขมากกกก

หรือ อีกตอนนึงคือ ตอนที่ hurley ทำ cannon ball กระโดดตูมลงไปในทะเล  ---มันเปนโมเมนต์ที่ดูมีความสุขมาก ก่อนที่จะได้รับข่าวร้ายคือการตายของชาลี

และอีกฉากนึงที่กินใจเรามากๆ คือตอนที่ sawyer บอกกะ แจ๊ค ว่า 'คริสเตียน(พ่อแจ๊ค) รักแจ๊คนะ' (คือ sawyer และพ่อของแจ๊คบังเอิญได้คุยกันที่sydney ) ทำเอาแจ๊คน้ำตาร่วงเลยทีเดว (เราก้อร่วงตามด้วย)

และยังมีฉากอื่นๆอีกมากมาย

ฉากเล็กๆน้อยๆพวกนี้แหละค่ะที่ำทำให้เราชอบ lost มากกกกกกกกกกกกกกกก
มันสำคัญยิ่งกว่าการหาความหมายใดๆทั้งหมด เมื่อผู้คนมาอยู่รวมกัน ได้แบ่งปันสิ่งๆดีๆให้กันและกัน มีความสุขอยู่กับสิ่งเล็กน้อย มันเหมือนเปนชีวิตในฝัน ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีกัน อยู่รอดได้โดยไม่ต้องเบียดเบียนกัน อยู่กับทะเล ท้องฟ้า สายลม happyไม่มีที่ติ (จนกระทั้ง the others มาเยือน 55)


คือ ใช่ เราก้อชอบพวกแอคชั่น ไซไฟ เรื่องลี้ลับอะไรของเกาะเหมือนกัน
แต่โดยส่วนตัวแล้ว เราใช้ใจ(อารม)ดูหนังเรื่องนี้ และเราพบว่าจิงๆหนังมันต้องการจะสื่อถึง ความหมายของชีวิต การค้นหาจุดมุ่งหมาย ความสัมพันธ์ของผู้คน ความเชื่อ ความศรัทธา ความรัก ความสูญเสีย หรืออะไรแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว

คนพวกนี้เค้าไม่ใช่แค่ lost on the island แต่ยัง lost in their real lives ด้วย (อันนี้Carlton Cuse เปนคนบอกเอง ซึ่งเราก้อรู้สึกว่าหนังต้องการสื่อแบบนั้นจิงๆ)  มัน deep มากเลยนะคะ

โดยส่วนตัว เราเลือกที่จะตีความว่า เหตุผลจิงๆของการมาเจอกันของคนกลุ่มนี้ ก้อเพื่อจะได้ไม่ lost กันอีกต่อไป(รุ้สึกแบบนี้มาตั้งแต่ซีซั่นแรกๆแล้ว เปนสาเหตุหลักที่ทำให้เราชอบ lost มากกกกก)  

คนพวกนี้ก่อนหน้าจะมาติดเกาะ เค้าเปนคนที่ lost กันมาอยู่แล้ว เหมือนชีวิตมันขาดๆไม่มีอะไรมาเติมเต็ม แต่การที่พวกเค้าได้มาอยู่บนเกาะ ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ก้อได้พบกับสิ่งที่ชีวิตมันขาดหายไป  เช่น walt กะพ่อได้มามีโอกาสใกล้ชิดกันบนเกาะ ซันกะจินก้อมีโอกาสมาคืนดีกัน แคลร์ก้อได้มาพบว่าที่จิงแล้วแอรอนมีความหมายต่อชีวิตแคลร์แค่ไหน sawyerก้อได้มาล้างแค้นกะคนที่คร่าพ่อแม่ของตัวเอง เคทสุดท้ายก้อได้แอรอนไปเลี้ยงเปนลูก ลอคก้อได้กลับมายืนเหินเดินอากาศและใช้ชีวิตแบบhunterอย่างที่เคยใฝ่ฝันมาตลอด ชาลีก้อได้พบรัก etc. คือแต่ละคนก้อได้มาเติมเต็มชีวิตกันบนเกาะนี้ ส่วนคนๆเดวที่เราคิดว่าน่าสงสานที่สุดก้อคือ แจ๊ค เพราะถึงแม้จะพยายามทำดีเท่าไหร่ (เปนทั้งหมอในชีวิตจิง และ เปนทั้งผู้นำบนเกาะ) ก้่อดูเหมือนจะไม่ได้ดีกะเค้าซักที ในชีวิตจิง แต่งงานกะเมีย เมียก้อทิ้ง พอมาบนเกาะ รักเคท เคทก้อดันไปรัก sawyer อีก พอออกมาจากเกาะได้อยุ่กะเคทพักนึง ก้อโดนเลิกอีก ดังนั้นเราก้อคิดเหมือน jimmy kimmel ว่า หนังเรื่องนี้มันเปนเหมือนบททดสอบของ แจ๊ค   ที่แจ๊คได้มาเกาะนี้และต้องเปนคนปกป้องเกาะนี้ก้อเืพื่อให้ได้ let go ซะที  สุดท้ายเรื่องราวจึงจบลงที่ตาของแจ๊คปิดลง (มันคิดกันไ้ด้เนอะ เจ๋งมากกกกกก ถ้าจะให้ดีน่าจะให้ทุกๆ episode จบด้วยตาของแต่ละคนปิดลงไปเรื่อยๆ ทีละึคน เหมือนตอนเริ่มเริ่องในซีซั่นแรก 55555555 )

การที่ให้ดู flash sideway ก้อเหมือนกับต้องการจะบอกคนดูว่า เราทุกคนก้อมีจุดจบเหมือนกันหมด ถึงชีวิตมันจะเศร้า แต่มันก้อต้องดำเนินต่อไป เพราะงั้นเราถึงต้อง remember. let go. และ move on. เหมือนที่ผู้สร้างได้บอกไว้ใน season finale ซึ่งมันตรงกับหลักการทางจิตวิทยาบางอย่างที่เราเคยอ่านมาจากในหนังสือเรื่อง only love is real (เราจะข้ามเวลามาพบกัน) คือมีหมอโรคจิตที่เปนฝรั่งคนนนึงเค้ารักษาอาการทางจิตของคนไข้(เช่น โรคนอนไม่หลับ โรคกัวที่มืด กัวน้ำ etc.) โดยใช้วิธีระลึกชาติ โดยจุดมุ่งหมายของการรักษาด้วยวิธีนี้ก้อคือ การทำให้คนไข้'จำ'สิ่งที่เกิดขึ้นในชาติก่อนได้ เืมื่อเรา'จำได้' ความเจ็บปวดทางใจนั้นจะค่อยๆคลายไป เหมือนกับจิตมันได้พบสาเหตุหรือคำตอบนั้นแล้ว (ว่าอาการต่างๆเกิดขึ้นเพราะอะไร เช่น คนที่กัวน้ำ เปนเพราะชาติก่อนตายเพราะจมน้ำ) มันอาจจะฟังดู absurd นะคะ แต่หมอแบบนี้มีจิงๆนะเออ ไปลองหาอ่านหนังสือดูได้  

เพราะฉะนั้น สิ่งที่หนังบอกเราในตอนจบ จึงเปนสิ่งที่จุดยอดมากกกกก

ยอมรับว่าเราก้อขัดใจกะซีซั่นสุดท้ายนี้อยู่เหมือนกัน ที่ไม่ยอมตอบคำถามที่ยังค้างคาอยู่อีกมากมาย อย่าลืมว่า lost เปนหนังหลายแนว มันไม่ใช่ดราม่าจ๋าซะทีเดว มันยังมีความเปนแอคชั่น ไซไฟอยู่ด้วย คือเราก้อไม่ได้หวังจะให้มันตอบทุกเรื่อง แต่เรื่องสำคัญๆมันก้อไม่ตอบเลย มัวแต่เอาเวลาเล่าเรื่องราวของ flash sideway หมด  ที่จิงมันควรจะตอบสนองการรอคอยของคนดูบ้าง ทุกคนก้อหวังจะได้คำตอบ

ยังไงก้อตาม เราคิดว่า
การทำตอนจบให้ออกมาเปนแบบนี้ก้อสมเหตุสมผลในระดับนึงแล้ว เพราะได้ตอบคำถามที่พยายามถามมาตลอดทั้งเรื่องว่าตกลงเหตุผลมันคืออะไร ( everything happens for a reason )



i love LoST !!!

แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 53 23:35:01

จากคุณ : MaLeEdirty
เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 03:58:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com