ความคิดเห็นที่ 1 |
|
-กาลครั้งหนึ่ง สถานที่หนึ่ง-
“เครี่ นายรู้ใช่ไหมว่าชื่อของเกาะนี้มาจากอะไร?” เชอร์เลย์เอ่ยถามอย่างสบายอารมณ์ มือหมุนพวงมาลัยเสียงดังเอียดอาด เด็กชายที่ถูกเรียกว่าเครี่ซึ่งนั่งข้างคนขับกำลังจะอ้าปากตอบว่า”ไม่เชิง” แต่ก็สะเทือนจนเกือบกันลิ้นตัวเอง รถกระบะซึ่งทั้งสองคนขับอยู่เป็นของเก่าโบราณราวกับว่ามาจากยุคที่เพิ่งเลิกใช้รถม้า ยิ่งไปกว่านั้น ถนนที่รถกำลังวิ่งอยู่ก็ไม่ใช่ถนนลาดยางแต่เป็นทางในป่า ต่อให้เป็นเกวียนเทียมวัวก็ยังต้องผ่อนความเร็ว แต่ถ้าเร็วแบบนี้ แรงสะเทือนคงไม่ต่างจากเรือกลางพายุ แม้จะมีสภาพไม่ต่างจากเศษเหล็ก แต่รถคันนี้ก็เป็นหนึ่งในพาหนะอันล้ำค่าทั้งสี่แห่งเกาะอาริมาโกะ ที่จริงแล้ว บนเกาะอาริมาโกะซึ่งเป็นแค่หมู่บ้านชาวประมงในช่องแคบ มีแค่30หลังคาเรือน คนที่ต้องใช้รถนั้นมีอยู่น้อยเหลือเกิน คนที่มีปัญหาในการดำรงชีวิตเวลาขาดพาหนะอาจจะมีแค่ครอบครัวของเด็กชาย และเชอร์เลย์ แม่บ้านที่ทำงานแบบไป-กลับ ในบ้านของเด็กชายที่ห่างไกลจากหมู่บ้านชาวประมง รถพังๆนี่เป็นวิธีเดียวในการเดินทาง “อาริมาโกะ… มาจากปูหรือเปล่า?” เชอร์เลย์พยักให้กับคำตอบของเด็กชาย “นานมาแล้ว เกาะนี้เป็นสถานที่บวงสรวงเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ครั้งหนึ่งเด็กสาวซึ่งไม่สามารถหาอะไรมาให้แม่ที่ป่วยกินได้ ขโมยเครื่องสังเวยแก่เทพเจ้า เธอถูกสาปให้กลายร่างเป็นปูแม่น้ำ” “เป็นเรื่องเลวร้าย จริงไหม?” “หลังจากนั้น เทพเจ้าก็บอกมันว่าหากใครได้กินปูที่จับได้ในเกาะนี้จะหากจากทุกโรค และด้วยเหตุนี้แม่ของเด็กสาวก็หายจากโรคที่เรื้อรังมานาน” “แย่กว่าเดิมอีก เป็นเทพเจ้าที่โหดร้ายจริงๆ” เขาแปลกใจเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นนิทานพื้นบ้านก็ไม่ได้หายากนัก มันเป็นเรื่องเล่าตามอารมณ์ ถ้าจะหาเรื่องเล่าที่คล้ายๆกันนี้ก็คงเจอที่อื่นอีกแน่ “นี่ เกี่ยวกับศาลที่คนบูชาเทพองค์นี้น่ะ…” “ไม่แล้วล่ะ ถึงมันมีอยู่จริงฉันก็ไม่รู้หรอก แต่ลือกันว่าคฤหาสน์ของเครี่สร้างทับมันอยู่นะ” ถ้างั้น เด็กสาวที่กลายเป็นปูนั่น เธอบุกมากลางป่าลึกนี่เพื่อขโมยเครื่องเซ่นเนี่ยนะ? เดินไปที่หาดแล้วจับปลาคงจะสบายกว่าเยอะ “นั่นเป็นสาเหตุที่คนในหมู่บ้านไม่อยากเข้าใกล้คฤหาสน์ มันเป็นที่อาถรรพ์ ถ้าเข้าออกมากเกินไปจะถูกสาปเอา ฉันเองก็รู้สึกเหมือนถูกคุกคาม” “แต่เรื่องแบบนั้น!… ถ้างั้น แล้วคนที่อยู่ที่นั่นแบบฉันล่ะ?” “นั่นเป็นเพราะเครี่เป็นชาวต่างชาติเลยสัมผัสถึงมันไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ว่าคนในหมู่บ้านมองว่านายเป็นน้องชายฉันหรอกเหรอ” เมื่อได้ยินคำว่า'น้องชาย' เด็กชายก็เกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา แต่เด็กชายนั้นต่างจากพ่อที่เอาแต่เก็บตัวไม่เคยออกจากคฤหาสน์ เขาพร้อมจะนั่งรถกับเชอร์เลย์เพื่อซื้อของและทำธุระอื่นๆในหมู่บ้านประมงแทบจะทุกวัน ตั้งแต่เขามาถึงเกาะนี่ก็เกือบปีแล้ว และตอนนี้ เวลาคนในเกาะเห็นเขาก็จะร้องทักทายอย่างเป็นกันเอง ตอนแรกเขาก็เอาแต่ทะเลาะกับเด็กคนอื่น แต่เดี๋ยวนี้เขาก็รวมกลุ่มกันเล่นแผลงๆเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เขาอยู่ในดินแดนแปลกประหลาดแยกขาดจากบ้านเกิน แต่เด็กชายก็ยังคงชอบเกาะอาริมาโกะ ในตอนแรกที่ย้ายมาอยู่ที่เกานี้ เขาออกจะเบื่อหน่ายกับความซ้ำซากจำเจ แต่ดวงตะวันเจิดจ้าของแดนใต้ ประกายเลื่อมพรายของน้ำทะเลได้เกาะกุมใจเขาไว้ แต่เด็กชายก็อยากจะคิดถึงพ่อของเขาที่ไม่เคยเหยียบเท้าออกนอกคฤหาสน์เลย ว่าเขาจะชอบการได้อยู่ที่นี่เหมือนเด็กชายไหม”ถ้าพ่ออยู่กับคนในหมู่บ้านมากกว่านี้ มันคงจะต่างจากเดิมนิดหน่อย…” “ใช่ ก็คงจะเป็นอย่างนั้น…” ขณะที่คุมพวงมาลัยอย่างเชี่ยวชาญเพื่อหลบหลีกหินที่ยื่นออกมาในถนน เชอร์เลย์ก็ฉายยิ้มขื่น “ต้องเป็นเพราะหลวงพ่อไซมอนมองว่าเขาเป็นศัตรูแน่ๆ ฉันโดนเทศนาตลอดว่าถ้าทำงานในคฤหาสน์นั่น วันหนึ่งจะถูกปิศาจสิงเอา” “เหรอ” เมื่อเด็กชายรู้ว่าหลวงพ่อไซมอนที่สุภาพอยู่เสมอพูดถึงพ่อของเขาแบบนั้นลับหลัง เขารู้สึกหดหู่ไม่น้อย แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เขาควรจะสบายใจที่มันจบอยู่แค่นั้น สมมุติว่าหลวงพ่อไซมอนได้รู้พฤติกรรมทั้งหมดของพ่อ ทั้งสองพ่อลูกคงต้องหนีออกจากเกาะแน่ เชอร์เลย์ตบๆแถวหลังสะโพกแล้วชักมีดเงินออกจากฝักที่เข็มขัดให้เขาดู “ดูสิ หลวงพ่อไซมอนยัดเยียดนี่ให้ฉัน บอกว่าอย่าให้มีดอยู่ห่างตัว เพื่อปกป้องฉันจากปาฏิหาริย์” “เธอใช้มันปอกผลไม้ตลอดเลย ใช่ไหมล่ะ?” “ก็นะ มันคมแล้วก็ใช้ง่ายดี แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นสมบัติล้ำค่าเชียวนะ” เชอร์เลย์ยังคงมีน้ำเสียงเหมือนเดิม ไม่มีใครสัมผัสได้ถึงความเศร้าของเธอเลย ต่างจากเด็กชาย “เชอร์เลย์ เธอไม่กลัวเหรอ? พ่อของฉันน่ะ?” เธอพยักหน้าให้กับคำถามอย่างกล้าๆกลัวๆของเด็กชาย “ฉันเข้าใจดีว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา ฉันเลยคิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผลที่ชาวบ้านจะคิดว่าเขาเป็นคนประหลาด ถ้ายิ่งค้นลึกลงไปอีกก็คงไม่แปลกที่นายต้องย้ายมาอยู่เกาะแบบนี้ และนั่นก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนที่สุดยอดเลยนะ พ่อของนาย” เวลาพูดเรื่องพ่อของเขา เชอร์เลย์จะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก แต่เมื่ออายุมากกว่าเขาแค่4ปี ไม่มีทางที่เธอจะถูกเรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ได้แน่ “ไม่ว่าจะความรู้หรือการค้นคว้าของเขาก็เปลี่ยนโลกจากรากฐานได้ทั้งนั้น การที่จะหวาดกลัวมันก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะอย่างนั้นมันจึงต้องเป็นความลับ… แต่ฉันก็คิดอยู่ตลอดนะว่าถ้าฉันได้มีพลังแบบนั้นบ้าง ฉันจะทำยังไง?” “… เป็นไปได้เหรอ เรื่องแบบนั้น?” “ฉันยอมแพ้ล่ะเรื่องนี้ แต่เครี่ ถ้าเป็นนาย ฉันว่านายทำได้” เมื่อเธอพูดอย่างจริงจังแบบนั้น เด็กชายกลับรู้สึกหมดกำลังใจ “เธอหมายความยังไง? ไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกศิษย์คนโปรดของพ่อเหรอ? น่าจะเป็นเชอร์เลย์สิที่จะได้มันมา?” เชอร์เลย์ไม่ได้มาที่คฤหาสน์เพียงเพื่อทำงานบ้าน เด็กชายรู้ว่าเธอช่วยงานพ่อของเขา ในอดีต พ่อของเขาพบว่าเด็กสาวชื่อเชอร์เลย์คนนี้ฉลาดและส่องประกายพรสวรรค์เจิดจ้าเกินกว่าที่จะอยู่ในเกาะอย่างนี้ การที่คนลึกลับอย่างพ่อของเขาจะมอบภาระให้คนอย่างเธอ ก็แสดงว่าเธอต้องไม่ธรรมดา แต่เชอร์เลย์เองกลัวหัวเราะเสียงดังแล้วตบหัวเขา “ฉันไม่ใช่ลูกศิษย์หรอก เป็นได้อย่างมากแค่คนช่วยงานเท่านั้นล่ะ งานประหลาด ช่วยหยิบโน่นจับนี่ เขาไม่ได้สอนพื้นฐานอะไรให้ฉันสักอย่าง แต่เครี่ อย่าเข้าใจผิดล่ะ นายน่ะเป็นผู้สืบทอดของพ่อ การค้นคว้านที่พ่อนายทำอยู่ ทุกอย่าง ตอนนี้เขาแค่เตรียมไว้เพื่อที่วันหนึ่งจะได้สืบทอดให้นาย เท่านั้นเอง ตอนนี้มันยังเร็วเกินไป” “…” เมื่อเชอร์เลย์ใช้น้ำเสียงที่คุ้นเคยพูดอย่างจริงจัง มันเหมือนกับพี่สาวกังวลเกี่ยวกับน้องชายจริงๆ เด็กชายลังเลและตกอยู่ในห้วงความคิดอันซับซ้อน เขาจำแม่ที่จากไปตั้งแต่เมื่อเขาเกิดไม่ได้ ครอบครัวของเด็กชายมีเพียงคนเดียวคือพ่อ แม้จะเข้มงวดและแตกต่าง แต่ก็เป็นพ่อที่ดีและยิ่งใหญ่ เป็นมนุษย์ที่เด็กชายเคารพที่สุดในโลก ดังนั้น ในทีแรก เด็กชายรู้สึกเหมือนโลกเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเมื่อเขาพบว่าพ่อให้การยอมรับผู้ช่วยคนโปรดมากกว่าลูกของตัวเอง ในช่วงหนึ่งเขามองว่าเชอร์เลย์เป็นศัตรู แต่ด้วยอารมณ์อันสดใสและความอ่อนโยนของเธอ ช่วงเวลานั้นก็ไม่ยืดยาว ราวกับว่ามีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง เชอร์เลย์เคารพพ่อของเด็กชายราวกับเป็นพ่อของตัวเอง ดังนั้นการที่เธอเห็นเด็กชายเป็นน้องชายแท้ๆจึงก่อให้เกิดความยุ่งยากใจที่น่าน่าเอ็นดู สำหรับเด็กชายที่ขาดแม่ การมีพี่สาวนั้นมีความหมายพิเศษ ไม่… มันแค่นั้นจริงเหรอ? คำถามนี้ก่อให้เกิดความไม่สบายใจแก่เด็กชาย ความอ่อนโยน ร่าเริง เฉลียวฉลาดของเชอร์เลย์ เขารู้จักพวกมันดี แต่ไม่ใช่แค่นั้น ท่าทางไม่ใส่ใจของเธอ… อย่างเช่น ตัวเธอในตอนนี้ที่ฮัมเพลงไปขณะจับพวงมาลัย… ความน่ารักของเธอทำให้เขาใจหาย มันคืออะไรกันแน่? “เครี่ นายอยากโตขึ้นเป็นคนแบบไหน? นายจะสืบทอดงานของพ่อ นายคิดจะใช้มันยังไง?” “… เอ๋?” เด็กชายที่มัวแต่ใจลอยถูกจู่โจมด้วยคำถามของเชอร์เลย์อย่างกะทันหัน “มันเป็นพลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลก วันหนึ่งนายจะได้มันมา” “…” มรดกของพ่อ ถ้าเขาจะบอกว่าเขาไม่เคยติดถึงมันก็คงจะเป็นการโกหก มันมีค่า มันสำคัญ เขาเข้าใจมันอย่างนี้ แต่การที่เขาจะใช้มัน… แต่การจะพูดออกมา โดยเฉพาะต่อหน้าเชอร์เลย์ ทำให้เขาลังเล เขาไม่อยากจะถูกหัวเราะใส่ว่าคิดอย่างเด็กๆ โดยเฉพาะจากเธอ “…เรื่องนั้นมัน ความลับ” “หืม?” หลังจากทำสีหน้าหยอกเย้าเขา เชอร์เลย์ก็หัวเราะอย่างร่าเริง “ถ้างั้น เรื่องที่เครี่จะทำเมื่อโตแล้ว นายค่อยแสดงให้ฉันเห็นกับตาก็แล้วกัน จนกว่าจะถึงตอนนั้นฉันจะอยู่ข้างนาย ดีไหม?” “…แล้วแต่เธอสิ” เด็กชายพยายามหลบสายตาด้วยความอาย แต่นั่นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะรอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กสาวเจิดจ้าเกินกว่าที่เขาจะทนไหว
--------------------------------
ผิวยังขาวดุจเดิม เส้นเลือดสำน้ำเงินเข้มผุดขึ้น ปกคลุมแก้มเธอราวกับราวร้าว ท่าทางของเธอ บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ราวกับการทุรนทุรายก่อนความตาย เธอกำลังจะตาย… เขามองเพียงปราดเดียวก็รู้ แม้ว่ากำลังจะตาย แต่เธอก็ยังเคลื่อนไหว แม้ ว่า'สิ่งนั้น'จะมีรูปร่างของมนุษย์ มันก็ได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ไปแล้ว… สิ่งที่เขาต้องทำ เด็กชายเข้าใจมันอย่างแจ่มแจ้ง ในยามราตรี แน่นอนว่าเกาะนี้ไม่ได้มีแสงไฟตามทาง แต่ถึงกระนั้น แสงจันทร์แจ่มแจ้ง สว่างขาวนวล ส่องผ่านหน้าต่างเผยให้เห็นฉากแห่งโศกนาฏกรรม มันเป็นเล้า ไก่ห่างไกลจากหมู่บ้าน ในตอนกลางวัน เขาประหลาดใจที่หาตัวเชอร์เลย์ไม่เจอ เขาจึงเดินหาเธอในหมู่บ้าน ไม่หยุดแม้จะหมดวันแล้ว จนกระทั่งมาถึงที่นี่ ซาก ไก่ที่ถูกกัดกิน และท่ามกลางนั้น ตัวสั่นสะอึกสะอื้นด้วยอิทธิพลของผู้ตาย* ฆ่า… เมื่อ เห็นใบหน้าของหญิงที่เขารักเปลี่ยนเป็นอย่างนั้น สะอึกสะอื้น เรียกร้องอย่างนั้น มีดซึ่งถูกส่งมาใต้เท้าของเขา สะท้อนแสงจันทร์ราวกับลางร้าย ฉันกลัว… ด้วยมือฉันเอง ฉันทำไม่ได้… เพราะ อย่างนั้น ขอให้เป็นนาย ฆ่าฉันที… ถ้าเป็นตอนนี้ต้องทันแน่ๆ… “เรื่อง แบบนั้น…” เด็กชายก้าวถอยหลัง สั่นหัว อย่างกับว่าฉันทำได้ เรื่องแบบนั้น ไม่ว่าจะรูปร่างอย่างไร เชอร์เลย์ก็คือเชอร์เลย์ เธอคือครอบครัวแสนสำคัญของฉันที่สัญญาจะอยู่ด้วยกัน… ไม่ เธอเป็นคนที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เพราะอย่างนั้น ได้โปรด… จากปากของ เชอร์เลย์ หอบด้วยความเจ็บปวด เขามองเขี้ยวยื่นยาวคมกริบ กรีดร้องด้วยความเศร้าโศกจนแทบจะทำให้เป็นบ้า เด็กสาวปลดปล่อยลมหายใจยาวนานราวกับสัตว์ร้ายหิวกระหาย ไม่มีประโยชน์ แล้ว… ก่อนที่เธอจะยั้งไม่อยู่… รีบ… ตัวสั่นราวกับจับไข้ ตัวบิดงอด้วยความเจ็บปวด เชอร์เลย์กัดแขนตัวเองด้วยเขี้ยวเปล่า อึก… อึก… เสียงสูบเลือดกระทบแก้วหูเด็กชายแผ่วเบา ได้โปรด… เสียงของเธอวิงวอน เด็กชายลบตัวเองจากโศกนาฏกรรมตรงหน้าและวิ่งหนีจากเล้าไก่ น่ากลัว น่าสะพรึงกลัว ไม่ใช่เชอร์เลย์ที่เปลี่ยนไป… แต่เป็นมีดวาววับใต้เท้าของเขา ถ้า มีอะไรเกิดขึ้น ฉันไม่เข้าใจ… ไม่ต้องการจะเข้าใจ จะยังไง ฉันต้องขอความช่วยเหลือ 'ต้องมีผู้ใหญ่ที่จัดการกับฝันร้ายนี่ได้แน่' เด็กชายเชื่ออย่างนั้น ต้องช่วยเชอร์เลย์ได้แน่ จะต้องมีคนช่วยเราได้แน่ ถ้า ฉันภาวนาโดยไม่มีความสงสัย… เด็กหนุ่มบอกกับตัวเอง ถ้าฉันวิ่งเต็มกำลัง ไปที่โบสถ์ของหลวงพ่อไซมอน มันใช้เวลาแค่5นาที ร้องไห้ เด็กชายวิ่งไป ไม่รับรู้ความเจ็บปวดที่เท้า หรือความเจ็บปวดจากสิ่งที่เต้นอยู่ในอก
------------------- * 死人 คำเรียกรวมๆของแวมไพร์ในสายของมรณสาวก
แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 53 22:50:40
จากคุณ |
:
ไม้หลอน
|
เขียนเมื่อ |
:
วันวิสาขบูชา 53 22:48:58
|
|
|
|