Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชักจะหนักข้อขึ้นแล้วสำหรับ เรื่องนี้ “จตุรงค์” โต้ทิ้ง “น้องพี” แฉพ่อแม่ผลาญเงิน ซัดพระใช้โปรโมตเทป ได้หน้าเป็นพระเอก  

จตุรงค์” ลั่นไม่เคยทอดทิ้ง “น้องพี” เผยพ่อแม่อีกฝ่ายขอตัวออกไปตั้งคณะใหม่เอง แฉครอบครัวมีปัญหาเรื่องจัดระบบการเงิน เอาเงินลูกเป็นล้านไปผลาญ บอกใจจริงอยากช่วยเหลือ แต่อีกฝ่ายเปลี่ยนเบอร์โทรบ่อย พร้อมยัน “น้องพี” ไม่ใช่เด็กวัด ซัดพระที่ดูแลใช้เป็นเครื่องมือโปรโมตเทป ได้หน้าเป็นพระเอก ส่วนตนต้องกลายเป็นผู้ร้าย
     
      โด่งดังจากการเป็นตลกเด็กอยู่ในคณะของ “จตุรงค์ มกจ๊ก” ซึ่งเป็นทั้งลุงและผู้ปลุกปั้น พอเริ่มโตขึ้นจู่ๆ “ด.ช.ประสิทธิโชค มานะสันทัดชาติ” หรือที่รู้จักกันในนาม “น้องพี มกจ๊ก” ก็หายหน้าออกจากวงการไปนานราว 3 ปี กระทั่งมีผู้ไปพบเห็น “น้องพี” อยู่ที่วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม และทราบเรื่องราวในเวลาต่อมาว่า ตอนนี้อดีตตลกเด็กชื่อดังอยู่ในความอุปการะดูแลของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ “หลวงพี่น้ำฝน” ทั้งนี้ “น้องพี” ได้เปิดใจผ่านสื่อด้วยแววตาเศร้าสร้อยว่า
     
      “ช่วงนี้ชีวิตก็ลำบากนิดหน่อย บางทีก็ไม่ค่อยมีเงิน พอมาอยู่กับหลวงพี่ก็สอนหลายอย่าง ให้เป็นคนประหยัด ฟุ่มเฟือย อย่าขอมาก หลวงพี่ก็ส่งเสียช่วยค่าเทอม”
     
      “กับอารงค์เดี๋ยวนี้ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว เพราะผมต้องทำงาน มาเล่นดนตรีแล้วก็มาช่วยงานวัด ก็มีติดต่อบ้างบางครั้งบางคราว แต่อาแกไม่ค่อยได้โทรมาหรอก จะเป็นผมที่โทรไป อาแกก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถามว่าน้อยใจไหม ก็ไม่ได้น้อยใจครับ ยอมรับว่าบางช่วงก็มีคิดถึงอารงค์บ้าง”
     
      หลัง “น้องพี” ออกมาเปิดเผยเช่นนั้น ทำให้มีหลายเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า อดีตตลกเด็กชื่อดังถูกลุงผู้ปลุกปั้นทอดทิ้ง ต้องตกอับไปเป็นเด็กวัด และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เมื่อทาง ASTV บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ได้ต่อสายตรงไปสอบถามความจริงจาก “จตุรงค์” เจ้าตัวก็ชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่ได้ดูแล “น้องพี” แล้วว่า
     
      “ตัวผมเองไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูน้องพีแล้วจริงๆ ไม่ดูแล ไม่ได้รับผิดชอบ เพราะเขาไม่ได้อยู่ในคณะของผมแล้ว เนื่องจากทางพ่อแม่เขาไม่ได้อยู่กับผม คือต้องเท้าความว่าสมัยก่อนพ่อแม่เขาอยู่ที่บ้านของผม ตั้งแต่พ่อเขายังเด็กๆ ผมเป็นคนจัดการเรื่องงานแต่งงานให้กับพวกเขาด้วยซ้ำ วันนึงหลังจากที่เขาแต่งงานก็มีลูกชื่อ น้องพี ซึ่งลูกเขาก็สามารถเล่นตลกได้ เขาก็อาศัยอยู่ที่บ้านของผมมาตลอด จนมาวันนึงเขาก็มาขอออกจากบ้าน เขาจะไปดูแลตัวเอง รับงานเอง รับผิดชอบลูกของเขาเอง โดยที่ผมไม่ได้เป็นคนจัดการแล้ว”
     
      “เขาออกจากผมไปได้ประมาณ 3-4 ปีแล้ว ช่วงแรกที่ผมรับงาน บางครั้งเขาก็ยังส่งลูกเขามาเล่นตลกในคณะผม แต่พักหลังเขาไม่ได้ส่งมา จนมาทราบว่าเขาได้ไปตั้งคณะใหม่ โดยรับงานแล้วใช้ชื่อคณะน้องพี ก็จะมีตลกคนอื่นไปเล่นด้วยตามร้านอาหาร ในความรู้สึกของเราก็โอเค เขามีงานก็ดีแล้วจะได้เลี้ยงตัวเอง จะได้รับผิดชอบ มาเป็นหัวหน้ารับงานเอง รับละครเอง จัดการทุกอย่างเอง แต่ผมว่าครอบครัวเขาน่าจะมีปัญหา ในเรื่องของการจัดระบบการเงินของเขา จริงๆ เรื่องนี้เขามีปัญหาตั้งแต่อยู่กับผมแล้ว”
     
      “ผมกำลังจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า ปัญหาใหญ่ของพวกเขาคือ การจัดระบบการเงินที่มีปัญหา ตอนนั้นบอกได้เลยว่า น้องพีมีรายได้ดีมากเลยนะ เขามีรายได้ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ จนเขาอายุ 6 ขวบยิ่งมีรายได้เยอะมากๆ น้องพีมีโอกาสมากกว่าเด็กคนอื่น ผมถามหน่อยเถอะว่า แล้วเงินหายไปไหนหมด คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ผมรู้ และพ่อแม่เขาเองก็รู้ดีว่า เงินของน้องพีหายไปไหนหมด ใจจริงผมเองก็อยากจะช่วยเขาอยู่นะ แต่ผมไม่รู้จะไปช่วยยังไง จะให้ถึงเวลาแล้วผมก็เอาเงินไปให้เขา ครบเดือนแล้วผมต้องเอาเงินไปให้เขาทุกๆ เดือนตามกำหนดเหรอ มันไม่ถูกต้องนะ”
     
      ยันไม่เคยมีปัญหาหรือเกลียด “น้องพี” พร้อมบอกพ่อแม่ของอีกฝ่ายเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์บ่อย จนตนไม่รู้ที่อยู่ที่แน่นอน
     
      “ฉะนั้นทุกคนต้องเข้าใจซะใหม่ว่า มันไม่ได้เป็นเรื่องระหว่างผมกับน้องพี ผมจะไปเกลียดน้องพีทำไม เขาเป็นเด็ก เราจะไปคิดว่าน้องพีเลวร้ายได้ยังไง ผมเป็นผู้ใหญ่อายุ 47 แล้ว จะให้มาทะเลาะกับเด็ก 11-12 ขวบได้ยังไง ตัวผมทราบดีว่าเขาอยู่ที่นครปฐมมา 3-4 ปีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เพราะพ่อกับแม่จะต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา”
     
      “ถามหน่อยว่าคนเราเปลี่ยนเบอร์เพราะอะไร ทุกคนคงเข้าใจนะว่าเขาเปลี่ยนเบอร์บ่อยๆ เพราะอะไร(เน้นเสียง) จริงๆ แล้วมันมีสาเหตุไม่มากหรอกครับ ในเรื่องของการเปลี่ยนเบอร์บ่อยๆ แล้วอย่างนี้ผมจะไปตามได้ไง แล้วเมื่อเป็นอย่างนี้ผมจะไปตามทำไม ในเมื่อเขาเป็นคนเลือกออกจากผมไป จะให้ผมบอกเขาว่ากลับมาเถอะมันจะเป็นอย่างนั้นได้ไง”
     
      เคลียร์ “น้องพี” ไม่ได้เป็นเด็กวัด ซัดพระใช้อีกฝ่ายเป็นเครื่องมือโปรโมตเทป มีข่าวทำให้ถูกยกเป็นพระเอก ส่วนตนถูกมองเป็นตัวร้าย พร้อมแฉพ่อแม่ “น้องพี” ผลาญเงินลูกจนหมด
     
      “อีกเรื่องนึงคือเขาไม่ได้อยู่ที่วัด เขาไม่ได้ไปเป็นเด็กวัดเลย เขาแค่เป็นเด็กที่เผอิญบ้านอยู่ใกล้ๆ วัด แล้วไปวิ่งเล่นในวัด เขาไม่ได้ไปขอข้าววัดกินนะ แล้วบวกกับพระองค์นั้นก็ชอบอะไรที่เกี่ยวกับบันเทิง ชอบเกี่ยวกับดนตรี เหมือนกับว่าจะเอาไปโปรโมตทำเทปเลยทำข่าวนี้ขึ้นมา ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆ พอมีข่าวออกมาแล้ว ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นตัวร้ายทอดทิ้งน้องพี โดยที่พระองค์นั้นก็กลายเป็นพระเอกไปโดยปริยาย ทั้งๆ ที่ครอบครัวของเขาผมเลี้ยงมาทั้งชีวิต”
     
      “แล้วตอนนี้มาร้องให้ผมไปช่วยน้องพีเพื่ออะไร เพื่อเอาเงินไปให้เขาหรือเปล่า พอถึงเวลาก็เอาเงินไปให้เขาอีกเหรอ อย่างที่ผมบอกแล้วไงว่า พวกเขามีปัญหาเรื่องจัดระบบการเงินผิดมาตั้งแต่แรก จะบอกเลยว่า เงิน 2-3 แสนบาทพ่อแม่เขาเอาเงินไปใช้ภายใน 2 อาทิตย์หมด เดือนๆ นึงน้องพีมีรายได้เป็นล้านนะ แล้วถามหน่อยเอาเงินลูกไปใช้กันขนาดนั้นทำได้ยังไง ลูกทำงานมาทำไมไม่เก็บให้ลูก ถ่ายละครได้มา 1 แสนใช้ไม่ถึงอาทิตย์หมด ตัวผมทราบดีว่าเขาเอาเงินไปใช้ทำอะไรกัน แต่ผมอยากจะบอกทุกคนว่า ทำไมเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่สงสารลูกกันบ้างเหรอ ถึงเอาเงินลูกไปใช้ขนาดนั้น”

 
 

จากคุณ : มือปืนหน้าย่น
เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 14:30:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com