Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มุมชีวิตหลังกองพันของ "ผู้พันเบิร์ด พ.ท.วันชนะ สวัสดี"  

http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000091223

มุมชีวิตหลังกองพันของ "ผู้พันเบิร์ด พ.ท.วันชนะ สวัสดี"

       ได้ชื่อว่าเป็น "ลูกทหาร" กฎระเบียบ และกรอบที่เข้มงวด ถือเป็นสิ่งที่จะหลีกหนีไม่พ้น เช่นกันกับ "บ้านสวัสดี" ของผู้พันเบิร์ด (พันโทวันชนะ สวัสดี) นักแสดงคุณภาพที่แจ้งเกิดในบท "สมเด็จพระนเรศวร" หรือ "องค์ดำ" จากภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่มีพ่อเป็นทหารเจ้าระเบียบ แต่ก็ไม่เคยใช้อำนาจ หรือความรุนแรงมาข่มเหงลูก และภรรยา มีแต่จะให้ความรัก และเป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกเสมอมา
     
      ทำให้ผู้พันเบิร์ด เติบโตเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นและเป็นภาพสะท้อนให้เห็นในเรื่องการปฏิบัติ ตัวของหัวหน้าครอบครัวที่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน รวมถึงการซึมซับนิสัยเจ้าระเบียบจากคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะความสะอาดภายในบ้าน เช่น การทิ้งขยะ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ของบ้านนี้เลยก็ว่าได้
     
      "คุณพ่ออรัญจะจ้ำจี้จ้ำชัยใน การทิ้งขยะ ถ้าเป็นขยะเปียกจะไม่ให้ทิ้งในบ้านทิ้งแค่ขยะแห้งได้อย่างเดียว ซึ่งถ้าเป็นขยะเปียกต้องนำไปทิ้ง ณ เวลานั้นหรือมีอยู่ช่วงหนึ่ง คุณพ่อจะบอกว่าเนี่ย เห็นไหมกินอะไรเลอะเทอะมดก็จะขึ้นบ้าน บางทีทุกคนกินของอะไรหกเลอะนิดหน่อยก็ต้องรีบเก็บ รีบเช็ดทันที หรือเห็นมดขึ้นมาไล่ตามโต๊ะตามเก้าอี้จะต้องรีบปัดให้มันหายไปก่อนที่คุณพ่อ จะเห็นเพราะถ้าพ่อเห็นมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่มากของที่บ้าน" ผู้พันเบิร์ดเล่าถึงบทบาทของคุณพ่อ
     
      ส่วนคุณแม่ ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ผู้พันมาดเข้มคนนี้ เล่าว่า คุณแม่จะเป็นคนที่ประหยัดมาก โดยแม่จะสอนอยู่ตลอดว่า เวลาใช้ของต้องใช้ให้คุ้มค้า อย่าง ชุดนักเรียนของเขาสมัยหนึ่ง เรียกว่าใส่ตั้งแต่อนุบาลจนถึงป.3 จนเป็นที่จดจำของคุณครูไม่เคยลืม
     
      "จำได้ว่าเสื้อผ้าชุด นักเรียนของผมทั้งหมดก็ใส่ต่อมาจากของญาติๆ ที่อยู่ข้างบ้านและเสื้อผ้าของผมก็จะกลายเป็นของใหม่ของน้องชายอีกทีและก็ เพิ่งมารู้ตอนที่เราพอจำความได้ว่าแม่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านที่ดีให้กับสามี และลูกๆ ทั้งทำงานบ้านและแบ่งเวลาไปขายของบ้างถ้ามีโอกาสเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบ ครัวและอย่างที่ทราบกันดีว่าภาระหน้าที่รั้วของชาติมันหนักหน่วงยิ่งนักดัง นั้นการดูแลลูกๆ ของบ้านนี้จึงขึ้นอยู่กับอำนาจของแม่แต่เพียงผู้เดียว" ผู้ พันเบิร์ดเล่า

       อย่างไรก็ตาม เวลาที่พูดถึงคุณแม่ขึ้นมา ทำให้ผู้พันเบิร์ดนึกวันที่คุณแม่เขียนการ์ดให้เขาในตอนที่อายุครบ 20 ปี เป็นการ์ดที่แม่ทำเองจากกระดาษการ์ดเก่าๆ มีใจความที่เขาจำได้ขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้ว่า "แม่ไม่มีอะไรจะให้ลูกหรอกนะ ถึงตอนนี้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว การตัดสินก็ขอให้มีสติ เพราะถ้าการตัดสินอะไรไปในขณะที่ขาดสติ และเกิดผิดพลาดหรือไม่ประสบความสำเร็จให้รู้ว่าแม่คนนี้เจ็บซ้ำมากกว่าลูก หลายเท่าอีกอย่างเราก็มีกันอยู่สองคนพี่น้องก็ขอให้ลูกดูแลน้องและรักน้อง ให้มากๆ "
     
      ความรู้สึกในตอนนั้น ผู้พันเบิร์ดเล่าให้ฟังว่า "ตอนที่คุณแม่ให้การ์ดใบนี้ก็รู้สึกดีใจนะ แต่พอหลังจากที่คุณแม่เสียชีวิตได้เกือบ 5 ปี ผมมาค้นโต๊ะทำงานของแม่มาเจอการ์ดอีกสองใบที่แม่ทำยังไม่เสร็จสมบูรณ์ไม่ได้ สวยหรูเป็นการ์ดที่มันเสียเนื่องจากเป็นใบที่แม่ลองผิดลองถูกเพราะข้อความ ที่เขียนในนั้นเหมือนกันกับการ์ดใบที่แม่ให้ ผมถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่กับสิ่งที่แม่ตั้งใจทำให้กับผมและผมก็เก็บ การ์ดทั้ง 3 ใบนั้นไว้ ถึงตอนนี้คุณแม่จะไม่ได้อยู่แล้ว ผมจะดูแลตัวเองและไม่ทำให้แม่ผิดหวัง"

       นอกจากนั้น "บ้านสวัสดี" ยังสอนให้ลูกทุกคนมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยคุณพ่อที่จะยึดหลักของความถูกต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง และเห็นประโยชน์ของคนอื่นมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว จนแบบอย่างนี้ซึมซึมสู่สายเลือดของลูกในการดำเนินรอยตาม
     
      "การที่ผมประสบความสำเร็จได้ จนถึงทุกวันนี้ ไม่ได้มาจากตัวผมเองเพียงคนเดียวแต่ว่ามันเกิดจากคนรอบๆ ข้างผมทุกคน ที่คอยหยิบยื่นโอกาสที่ดีให้ ทั้งพ่อแม่ ผู้บังคับบัญชา เพื่อน น้องผม ซึ่งต้องขอบคุณกับทุกคน ที่คอยเติมเต็มให้ชีวิตมีความสุข ผมจะนำโอกาสที่ได้รับนี้ มาส่งต่อให้กับคนอื่นๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือต่อไป" ผู้พันเบิร์ดกล่าว
     
      เมื่อถามถึงคู่ชีวิตและการมีครอบครัวในอนาคต ผู้พันเบิร์ดคนนี้ให้ข่าวว่า กำลังอยู่ในขั้นตอนของการรอพระราชทานน้ำสังข์ ส่วนการวางแผนครอบครัวในอนาคต จะยึดหลักการครองชีวิตคู่ตามต้นแบบของพ่อกับแม่ที่ใช้ความเข้าอกเข้าใจกัน ประกอบกับความอดทนอดกลั้น และฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน
     
      "สถาบันครอบครัว เป็นแห่งแรกที่จะคอยหล่อหลอมให้เด็กเป็นคนดี และโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีภูมิต้านทานในการต่อสู้กับสิ่งเลวร้ายต่างๆ ในสังคมได้อย่างรู้เท่าทัน และเมื่อไรก็ตามได้รับความบอบช้ำจากสังคมนอกบ้าน ครอบครัวคือบ้านที่คอยรักษาบาดแผล และให้กำลังใจให้สู่ต่ออย่างมีพลัง และความหวัง" ผู้พันเบิร์ดฝากทิ้งท้าย

 
 

จากคุณ : FruitChocolate
เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 07:30:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com