ความคิดเห็นที่ 1 ยกตัวอย่างด้วยสิครับ อย่างนี้ผมถือว่าล่อเป้านะ จากคุณ : ลูกชายคนที่7ของลูกชายคนที่7 เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 13:40:06

ความคิดเห็นที่ 2 โนแลนเขาคิดมาจากกระแสเมทริกซ์ตอนนั้นด้วยครับ แนวคิดว่าโลกจริงไม่ได้เป็นเหมือนที่เรารับรู้ แต่ไม่ได้ลอกหรอกเพราะเขามีแนวทางตัวเองมานานแล้ว ผมว่าเมทริกซ์ปรัชญาเยอะแต่ย่อยยากกว่า Inception ที่ลงตัวและเป็นจริงได้แบบเห็นๆ ครับ จากคุณ : Cookiefish เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 13:45:07

ความคิดเห็นที่ 3 คงไม่ได้ก็อปมาแน่นอนครับ เพราะ... จากคุณ : MIKE-SCOFIELD เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 13:50:51

ความคิดเห็นที่ 4   คห. 1 เห็นหลาย ๆ ฉากก็ทำให้นึกถึง the matrix ละ คิดว่าหลาย ๆ คนที่เห็นก็รู้สึกเหมือนกันแหละ จากคุณ : boy เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 13:56:17 A:125.24.81.97 X: TicketID:270424

ความคิดเห็นที่ 5 ยกย่องคนเขียน เลยอะ หนังทำดีมากๆ เลยอะ แต่หนังมีช่วงอืดๆ บ้าง เกือบ เผลอ Inception หลายรอบ อิอิ จากคุณ : THADHA เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 13:56:36

ความคิดเห็นที่ 6 ^^ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 53 14:14:19 จากคุณ : ตุ๊กตาไขลานที่ไม่มีลานให้ไข เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 13:59:22

ความคิดเห็นที่ 7 Nolan เองก็ยอมครับว่าเขาได้แรงบันดาลใจในการทำหนังเรื่องนี้มาจากหนัง Sci-Fi ยุค 80-90 อย่าง Blade Runner, Total Recall, The Matrix, Dark City บวกด้วยประสบการณ์สมัยยังเป็นเด็ก(ไม่ก็วัยรุ่นเนี่ยแหละ ไม่แน่ใจ)ที่เขามักจะฝันว่าตัวเองสามารถควบคุมโลกในฝันของตัวเองได้ และบวกด้วยความเป็นแฟนานุแฟนหนัง Bond (Nolan เคยให้สัมภาษณ์ว่า"Inception นี่แหละคือหนัง Bond ของผม") โดยเฉพาะภาค On Her Majesty's Secret Service (เป็นหนัง Bond ภาคโปรดของ Nolan) ครับ... ป.ล. อย่าว่าแต่ Inception เลย... ขนาด The Matrix เองยังได้แรงบันดาลใจมาจากอนิเมญี่ปุ่นเรื่อง Ghost in the Shell มาอีกทีเหมือนกัน ป.ล.2 โปรโมทกระทู้(ไม่)เนียน "Inception (เพิ่ง)ได้ดูแล้วอยากแชร์ความรู้สึก เมื่อ Christopher Nolan ทรงพลังอย่างถึงที่สุด !!!" >>> http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9479113/A9479113.html แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 53 14:03:09 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 13:59:46

ความคิดเห็นที่ 8 ผมก็เข้าใจนะว่ามันเหมือน แต่มาว่าก๊อปนี่เกินไปหน่อย จากคุณ : ลูกชายคนที่7ของลูกชายคนที่7 เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 14:10:11

ความคิดเห็นที่ 9 ทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนได้รับแรงบันดาลใจจากหนังหลายๆเรื่องในอดีตครับ Speilberg ยอมรับ หนังผจญภัย ช่วง ยุค 20-40 จึงกลายมาเป็น Indiana Jones Lucas ชอบหนังฟันดาบ กลายมาเป็น Star Wars ผู้กำกับหลายคนชอบหนังเหล่านั้น และอาจจะคิดว่า ถ้ามีบางส่วน แทรกเข้ามาในหนังของเขาบ้างก็ดี Avatar = Dances with wolves + Matrix + Pocahontas + Jurassic Park + Transformer ไม่น่าแปลกหรอกครับ ถ้าเราคุ้นกับหนังหลายเรื่อง อาจจะดูซ้ำ ยิ่งดูมากยิ่งซ้ำ  นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ฉากยิงกันที่หิมะ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย เพราะจุดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ตรงนั้น  แต่เชื่อเถอะครับ คนทำหนังระดับนี้แล้ว ไม่คิดจะคัดลอกความคิดใครหรอกครับ จากคุณ : Inception เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 14:29:28

ความคิดเห็นที่ 10 แรงบัลดาลใจ จากคุณ : แสงเรืองรองของฟ้าหลังฝน เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 14:29:54

ความคิดเห็นที่ 11 ท่าจะว่าเรื่องบทนี้ได้แรงบรรดาลใจมาหลายๆเรื่อง แนวคิดโลกเสมือน - Matrix , Dark City ในเรื่องของโลกซ้อนโลกที่ ผู้คนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอันนี้คือโลกจริงอันไหนคือสิ่งหลอกลวง ในแง่สัญลักษณ์ - Blade Runner โทเท็ม เปรียบเสมือนกับ นกกระดาษ Origami ตัวแทนของการมีอยู่ของชีวิต แต่เรื่องงานภาพผมว่าไม่ใกล้เคียงกับ Matrix เลยยกเว้นแค่ตอนสโลว์ จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 14:30:16

ความคิดเห็นที่ 12 ขอเพิ่มเติมความเห็นของคห.9นิดนึงนะครับ Indiana Jones - นอกจากหนังผจญภัยยุค20-40แล้ว(บนโปสเตอร์ของหนังภาค Raider of the Lost Ark ยังมีเขียนเลยว่า "The return of the great adventure.") Indiana Jones ยังเป็นหนัง Bond ของ Spielberg (กับ Lucas) เช่นกันครับ Star Wars - ไม่ใช่เฉพาะหนังซามูไรเท่านั้น แต่ทั้งหนังคาวบอย(ฉากที่ Luke กลับไปเห็นบ้านตัวเองโดนเผา เหมือนกับฉากที่ตัวละครคาวบอยของ John Wayne เห็นบ้านตัวเองโดนเผาในหนังเรื่อง The Searchers, ฉากดวลปืนในบาร์ของ Han กับ Gredo ฯลฯ), หนัง Sci-Fi (ซีรี่ส์ Flash Gordon, หนังเรื่อง Metropolis ของ Fritz Lang), หนังสยองขวัญ (Peter Cushing ที่รับบทเป็นนายพล Tarkin เคยรับบทเป็น Dr. Frankenstein ในหนังชุด Frankenstein ของค่าย Hammer, Christopher Lee ที่รับบทเป็น Count Dooku เคยรับบทเป็น Count Dracula ในหนังชุด Dracula ของค่าย Hammer, ฉากที่ Darth Vader ลุงขึ้นจากเตียงผ่าตัด(รึเปล่า?) ใน Episode III เป็นฉากที่คารวะหนัง Frankenstein ฯลฯ) ส่วน Avatar นั่นก็เป็นบทสูตรสำเร็จที่มีใช้กันตั้งแต่ Lawrence of Arabia (เผลอๆจะก่อนหน้านั่นอีก)นั่นแหละครับ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 53 14:59:56 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 14:54:37

ความคิดเห็นที่ 13 ตัวผู้กำักับเองก็ยอมรับนะครับว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก The Matrix แต่ Inception ก็มีความเป็นตัวของตัวเองสูงพอนะครับ พอที่จะขึ้นไปเทียบชั้นกันได้กับ The Matrix เลยล่ะ ส่วนเรื่องแนวคิดของหนัง ทั้ง 2 เรื่องนี้ ผมให้ 10 ดาวเท่ากันครับ เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกว่าเพิ่มรอยหยักในสมองให้มากขึ้น ไม่เสียเวลาเปล่า จากคุณ : คนไทยในต่างมุม เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 15:01:02

ความคิดเห็นที่ 14   คงเป็นแรงบันดาลใจ ไม่ใช่ลอกหรอกครับ จากคุณ : ForcePixel เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 15:11:10

ความคิดเห็นที่ 15 แนวคิดเกี่ยวการเข้าไปในความฝันมีมานานแล้วครับ The Matrix ไม่ใช่หนังเรื่องแรกที่เล่นเกี่ยวกับประเด็นนี้ แต่ที่ The Matrix ประสบผลสำเร็จเพราะนำแนวคิดนี้มาผสมกับเรื่องของหุ่นยนต์ บวกด้วยปรัชญาอีกมากมายๆ เสริมด้วยฉากแอคชั่น โดยเฉพาะดรากอนบอลในภาค 3 จนกลายเป็นแนวทางของตัวเองมากที่สุด Inception นั้น โนแลนยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจบางส่วนจาก The Matrix แต่โนแลนก็เก่งพอที่จะทำให้ Inception เป็นส่วนผสมที่ลงตัวและมีแนวทางของตัวเอง ไม่เดินตามทาง The Matrix ส่วนหนึ่งที่คนคิดว่า Inception เหมือน The Matrix น่าจะเป็นฉากห้องต่อสู้ของอาเธอร์ในโรงแรม อาจจะเหมือนกันตรงที่เป็นการต่อสู้ในสภาพไร้น้ำหนักเหมือนกันเท่านั้น แต่ที่มาของและลักษณะนั้นไม่เหมือนกันเลย ใน The Matrix เป็นเพราะจิตที่ข้ามพ้นข้อจำกัด ขณะที่ใน Inception เป็นเพราะเหตุการณ์ในฝันชั้นแรก และฉากต่อสู้แบบนี้ผมว่ามันก็ใช้มานานแล้วนะ ส่วนตัว Inception ดูให้เข้าถึงง่ายกว่า The Matrix แต่ถ้าดูเอามันส์ The Mrtrix ทำได้ดีกว่า จากคุณ : เซียวเล้ง เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 15:26:49

ความคิดเห็นที่ 16 ยอมรับว่าดูเรื่องนี้แล้วคิดถึง The Matrix แต่ไม่ใช่เพราะว่าฉากเหมือนหรือเนื้อเรื่องเหมือนนะคะ แค่รู้สึกว่าเป็นหนังที่ต้องอาศัยการตีความและคิดตามไปด้วยเหมือนกัน แต่ชอบ Inception มากกว่าอ่ะ เราว่า matrix ดูจนจบแล้วก็ยังคงมีคำถามว่า "อ้าว แล้วยังไง" (อาจจะเป็นเพราะเราโง่เอง 555+) แต่ดู inception แล้วค่อนข้างเคลียร์กับแนวคิดเค้านะ เพียงแต่ตอนจบเค้าทิ้งไว้ให้สับสนเล่น ๆ เท่านั้นเอง ว่าตกลงจริงหรือฝัน ^^ จากคุณ : smile_bbg เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 15:31:52

ความคิดเห็นที่ 17 มันมีกลิ่นอายของ แมทริกซ์ ด้วยแหละครับ เพียงแต่ก็อปปี้ผมว่าไม่ เพราะมันมีเอกลักษณ์ของตัวเองแต่ใส่กลิ่นอายของแมทริกซ์ลงไปในบางฉากบางตอน จากคุณ : et009 เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 15:57:30

ความคิดเห็นที่ 18 metrix มันโลก parallel inception มัน dream, a deeper world จากคุณ : Thaumaturge เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 17:04:32

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่น่าจะเป็นการลอกนะครับ ผู้กำกับระดับโลกเค้ามีความเป็นตัวของตัวเองสูง หรือในกรณีที่เค้าชอบหนังเรื่องไหนมากๆ เค้าก็จะทำการ "ทำเลียนแบบต้นฉบับ" ด้วยท่าทีโค้งคารวะซะมากกว่าจะเป็นการ "ลอก" ตัวอย่างที่ชัดมากของผู้กำกับที่ชอบสนอง need ตัวเองก็คือ เควนตินนั่นเองครับ ชอบหยิบฉากคลาสสิกจากเรื่องนู้นเรื่องนี้มายำใส่ในหนังตัวเองหน้าตาเฉย แต่เค้าทำแล้วเค้าก็ภูมิใจนำเสนอนะครับ ว่ามาจากเรื่องอะไรที่เค้าชื่นชอบ ... จากคุณ : jarman เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 18:07:32

ความคิดเห็นที่ 20 ลองหา the 13th floor มาดูนะครับ อาจจะเกิดความคิดว่า matrix ลอกเรื่องนี้มารึเปล่า บทของเรื่องนี้เค้าคิดไว้นานแล้วครับ แต่ไม่มีทุน ขนาดเรื่อง memento กว่าจะทำเสร็จได้ ยังต้องขอทุนคนโน้นคนนี้ ถ้าเรื่องเทคนิค ผมว่าโนแลน พยายามทำให้สมจริงที่สุด ไม่มีฉากการวาร์ปเข้าวาร์ปออก ไม่มีสโลโมชั่นแบบเว่อๆ ถ้าต้องมีภาพสโล ผมว่าเกิดจากต้องการแสดงถึงเรื่องเวลาที่ดำเนินไป ผิดกับ The Matrix ผมชอบเรื่องนี้นะ แต่ชอบแค่ภาคแรกภาคเดียว ภาคอื่นเหมือนพยายามยัดเยียดปรัชญาต่างๆนานาเข้ามาให้ เทคนิคแปลกๆแต่หลอกตา ก็ยังเอามาให้คนดูได้ดู ยิ่งตอนสู้กันภาคสาม ยังกับลอก dragonball มา ผมว่าโนแลน สามารถทำหนัง Sci-fi ที่ไม่มีอยู่จริงออกมาได้เนียนตา น่าเชื่อว่ามีอยู่จริงมาก เหมือน Dark Knight ที่เอาหนัง super hero มาทำซะเหมือนกับเป็นหนังชีวิตที่มีอยู่จริงๆ จากคุณ : Salaz เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 18:33:26

ความคิดเห็นที่ 21 เอ็มไนท์ ชยามาลาน คิดจะทำ The Sixth Sence มานานมาก แต่ยังไม่อยากทำเพราะกลัวคนหาว่าไปลอก Casper ผีน่ารัก ก็เลยปรับบทไปปรับบทมาจน กลายเป็นหนังสุดยอดของคนทั่วโลก นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แหะๆ จากคุณ : นักคิดหมายเลข 1 เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 19:55:11

ความคิดเห็นที่ 22 ฉากไร้แรงดึงดูดเป็นการคารวะ 2001 space odyssey ครับ ไม่เกี่ยวกับแมททริคซ์ มันคล้ายแมททริคซ์แค่การหลับแล้วเข้าไปในฝันนั่นแล จากคุณ : ปลาวาฬภูเขา เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 19:56:34

ความคิดเห็นที่ 23 ขอข้ามประเด็นเรื่อง 'ใครลอกใคร' นะคะ เพราะคิดว่าการเถียงกันว่าใครมาก่อนและคนที่ตามมาทีหลังถือว่าเลียนแบบไม่ให้ประโยชน์สักเท่าไหร่ เพราะสำหรับดิฉันหนังอย่าง The Thirteenth Floor, The Matrix, Dark City หรือแม้แต่อนิเมะสุดล้ำของญี่ปุ่นอย่าง Akira และโดยเฉพาะ Ghost in the Shell และอนิเมชั่นอเมริกันที่พูดถึงฝันซ้อนฝันโดยตรงอย่าง Waking Life ต่างพูดถึงเรื่องที่คล้ายๆ กันเพียงแต่ต่างรูปแบบเท่านั้น ดิฉันคิดว่าผู้กำกับแต่ละคนของหนังที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นต่างก็สนใจความฝันหรือความซับซ้อนแห่งจิตใต้สำนึกของมนุษย์กันทั้งนั้น และแต่ละคนก็มีวิธีการนำเสนอในแบบฉบับของตัวเอง สำหรับเราในฐานะของผู้ชม ดิฉันคิดว่าสิ่งที่น่าสนุกสำหรับพวกเราคือ ดูหนังของพวกเขาแล้วคิดตามว่าแต่ละคนมีวิธีการนำเสนอสิ่งที่ดูสลับซับซ้อนและเป็นรูปธรรมอย่างความฝันหรือโลกในจิตใต้สำนึกออกมาในลักษณะไหน ฝันดี, ฝันร้าย, ฝันสยอง หรือฝันผวา และฝันซ้อนฝัน อีกทั้งเขาตีความมันออกมาเป็นภาพบนจอหนังได้น่าสนใจและน่าตื่นตาแค่ไหนต่างหาก แต่ถ้าจะขุดคุ้ยหาต้นแบบดึกดำบรรพ์กันจริงๆ ดิฉันขอยกเครดิตให้ เขาวงกต นะคะ เพราะคิดว่าน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้ว และคิดว่าเป็นสิ่งที่นับว่าเป็น "รูปธรรม" พอสมควรในการอธิบายความซับซ้อนยอกย้อนของโลกแห่งความฝันหรือจิตใต้สำนึกของมนุษย์เรา อย่างไรก็ดี สำหรับฉากเปลี่ยนเมืองใน Inception ทำให้ดิฉันอดนึกถึงการเปลี่ยนโลกด้วยพลังจิตใน Dark City ไม่ได้เหมือนกัน แต่แน่นอนว่า ทั้งสองเรื่องต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และมีไอเดียที่น่าสนใจกันไปคนละแบบ ดังนั้น จึงไม่น่าจะมาเถียงกันว่าใครลอกใครนะคะ สนุกกับการดูหนังนะคะ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 53 19:59:56 จากคุณ : BBJane เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 19:57:26

ความคิดเห็นที่ 24 อ้อ ที่แน่ๆ น่าจะเป็นการคารวะแด่ศิลปินคนนี้ครับ M.C.Escher จากคุณ : jarman เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 23:07:39

ความคิดเห็นที่ 25   ศิลปิน ขับเคลื่อนชีวิตและงาน ด้วยความฝันและแรงบันดาลใจ คำว่า copy นี่....เอ่อ....แรงไปมั๊ยจ้ะ? จากคุณ : Another GutZ (Another GutZ) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 11:44:08

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนดูแรกๆ ต้นเรื่อง คิดว่าฉากนอนหลับ คล้าย The Matrix แต่พอดูจบแล้ว Inception เหนือชั้นกว่ามาก ในแง่ไหน ... ไม่ต้องอะไรมาก เอาแค่กระทู้ Inception มีแต่คนแซวเล่น ว่าเรากำลังฝันอยู่รึเปล่า? เนื้อเรื่องของความฝัน มันยังใกล้กับโลกความเป็นจริง มากกว่าโลกใน Matrix ดู The Matrix จบ ก็ไม่เห็นเคยมีกระแสเหมือนอย่างคำถามที่พันทิบนี้ว่า - คุณฝันอยู่ชั้น Limbo หรือเปล่า (เพราะเราเข้าไปในโลกของคีนูไม่ได้) - อย่าลืมพกโทเท่มไปนะคะ จากคุณ : geekgal เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 23:21:08

ความคิดเห็นที่ 27 Matrix เน้นเรื่องของ ศาสนา ความเชื่อ และ คอมพิวเตอร์ Inception เน้นเรื่อง ความฝัน จิต และ จินตนาการ จากคุณ : จอมมาร (xcessshin) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 01:36:36