ความคิดเห็นที่ 1 ต่อ...            จริงอย่างที่ Cobb บอกกับ Ariadne (หรือ Nolan บอกกับ ผู้ชม) ว่า Idea นั้น มีศักยภาพที่ร้ายกาจมากมายมหาศาล            เพราะถึงแม้ Inception จะเป็นหนังที่ดูสดใหม่มากแค่ไหนก็ตาม แต่ผู้ชมคงสัมผัสได้ว่า Idea เริ่มต้นที่สร้างสรรค์ของหนังนั้น ตัว Nolan เองก็อาจโดน Inception (ทั้งที่ยังตื่น) จากหนังหลายๆเรื่องมาเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น                        Waking Life (ฝันซ้อนฝัน, การถูกจองจำในความฝัน)                        Eternal Sunshine of the Spotless Mind (การเข้าไปโลดแล่นในจิตใจ)                        Open Your Eyes (ความเรือนลางระหว่าง ความจริง กับ ความฝัน)                        The Cell (การแชร์ความฝัน)            และที่ขาดไม่ได้ก็คือ The Matrix ที่ Nolan ออกปากเองว่า นี่คือแรงบันดาลใจหลักของงานนี้            นอกจากนี้ในส่วนของเนื้อเรื่องที่ว่าด้วยการจารกรรมและการปฏิบัติการณ์นั้น เราจะพบเห็นความละม้ายคล้ายคลึงกับหนังสายลับอังกฤษอย่าง James Bond ไม่ว่าจะเป็น                        - การที่หนังใช้ Location ในหลายประเทศทั่วโลก                        - การที่หนังมีสองสาวสวย มารับบทเด่น โดยที่คนหนึ่งดี คนหนึ่งร้าย ไม่ต่างจากสาวๆในหนัง Bond ทั้งหลาย                        - ฉาก Action ใน Location หิมะตอนท้ายเรื่อง ที่สัมผัสได้ถึงอารมณ์หนัง Bond            ไม่แปลกใจเลยที่ Nolan เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาโตมากับ หนังสายลับ 007 จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:47:29

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อ...            และหากพิจารณา “เงื่อนไข” ของโลกแห่งความฝัน โดยเฉพาะในข้อที่ว่า “เวลาในความฝัน จะเดินเร็วกว่าปกติ” เราจะพบว่า เงื่อนไขนี้มันมีความคล้ายคลึงกับลักษณะอันโดดเด่นอย่างหนึ่งของหนัง นั่นก็คือ            เวลาในหนังส่วนใหญ่นั้น กินเวลามากกว่าเวลาที่ฉายจริง            (น่าจะเกิน 99 % จากหนังทั้งหมดที่เคยสร้างกันมาในโลก ที่เป็นแบบนี้)            ตัวอย่างง่ายๆก็คือ Forrest Gump เล่าเรื่องราวที่ยาวนานกว่า 20 ปี ได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง            จึงอาจเปรียบได้ว่า หนัง ก็คือ ความฝัน หรือพูดให้สวยหรูได้ว่า                                                            "ความฝัน" คือ "ภาพยนตร์"            และถ้ามองในแง่ของ “ที่มาที่ไป” ของหนังเรื่องนี้ ประโยคข้างบนก็ยังคงใช้ได้ เนื่องจาก Inception คือ ภาพยนตร์ในฝัน ที่ Nolan อยากทำมานานแล้ว นั่นเอง            ซึ่งเหมือนเป็นการ “แชร์ความฝัน” กับผู้ชม ด้วยการเชื้อเชิญผู้ชมให้เข้ามาโลดแล่นในความฝันของเขาอีกด้วย จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:50:48

ความคิดเห็นที่ 3 ต่อ...            ด้วยธรรมชาติที่คล้ายคลึงกันระหว่าง ความฝัน กับ หนัง            ตัวละครใน Inception อาจเปรียบได้กับ เหล่าบุคลากรหลากหลายหน้าที่ในกระบวนการสร้างหนังได้เช่นกัน                     Cobb, The Extractor (ผู้สกัด, ผู้คัดแยก) = ผู้กำกับ หรือ ผู้ตัดต่อ ที่ต้องเลือกเรื่องราว ควบคุมองค์ประกอบทั้งหมด เพื่อนำเสนอ                     Arthur, The Point Man (คนชี้จุด, กำหนดเป้า) = ผู้เขียนบท ที่ต้องค้นคว้าหาวัตถุดิบ กำหนดเรื่องราว หรือแก่นสำคัญ                     Ariadne, The Architect (สถาปนิก) = คนออกแบบงานสร้าง ควบคุมองค์ประกอบ สภาพแวดล้อม หรือสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งอาจหมายถึง ผู้กำกับภาพ ได้อีกด้วย                     Eames, The Forger (นักปลอมแปลง) = เหล่านักแสดง ที่ต้องสวมบทบาทต่างๆในหนัง                     Yusuf, The Chemist (นักเคมี) = ช่างเทคนิค หรือเทคนิคพิเศษทั้งหลายในหนัง ที่คอยอำนวยความสะดวกให้การทำงานราบรื่น หรือเติมเต็มความสมบูรณ์ของหนัง                     Saito, The Tourist (ผู้เที่ยวชม) = ผู้อำนวยการสร้าง ที่จัดสรร บริหารเงินทุนสำหรับงานสร้าง และแน่นอนว่านี่ต้องถือเป็น ผู้เที่ยวชม หรือตรวจเยี่ยมกองถ่ายหนัง และมีอิทธิพลต่อการสร้างมากๆ จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:53:45

ความคิดเห็นที่ 4 ต่อ...            แน่นอนว่า Nolan อาจไม่ได้คิดลึกซึ้งอะไรมากนัก และอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ            แต่ก็เห็นได้ชัดว่า โลก “ความฝัน” ใน Inception ก็คือ โลก “ภาพยนตร์” ที่เขาประสบพบเจออยู่เป็นประจำนั่นเอง            ก็อย่างที่บอก Nolan ถูกหนังและชีวิตการทำหนัง Inception เข้าให้แล้ว            อาจมีคำถามว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว Fischer, Jr., The Mark กับ Mal, The Shade คืออะไร?            สำหรับสองตัวละครนี้อาจมีความหมายเป็นนามธรรมสักนิด                     Fischer, Jr., The Mark (เป้าหมาย) = เป้าหมายของตัวหนัง หรืออาจหมายถึง สาระสำคัญที่ผู้สร้างต้องการนำเสนอ หรืออาจเป็น “ตัวจุดประกายความคิด” ให้ผู้ชม ก็ได้                     Mal, The Shade (เงา) = ปัญหาลึกๆของตัวผู้กำกับ (หรือผู้กำหนดทิศทางของหนัง) ที่เจ้าตัวไม่กล้าบอกทีมงาน ซึ่งอาจเป็นปัญหาต่อตัวหนังได้ หรืออาจหมายถึง อิทธิพลมืดที่คอยควบคุมการสร้างหนัง ก็เป็นได้            หรือไม่ก็แปลว่า “เมียผู้กำกับ” กันตรงๆนั่นแหล่ะ จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:55:43

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อ...            เอาหล่ะ กลับมาสู่การวิจารณ์กันบ้าง            Inception เป็นความบันเทิงที่เข้าถึงไม่ยากนัก แต่ก็ไม่ง่ายเกินไปจนดูถูกสมองของผู้ชม ซึ่งนอกเหนือจากความประทับใจในตัวหนังแล้ว ก็ไม่ได้มีประเด็นหนักสมองให้เก็บไปคิดมากนัก            นอกเสียจากว่าใครจะสนใจในรายละเอียดต่างๆของเนื้อเรื่อง, รายละเอียดของกฎเกณฑ์ต่างๆ ในความฝัน หรือกลวิธีในการ Inception ก็คงมีอะไรให้ติดหัวออกไปคิดกันเล่นๆ เนื่องจากหนังเดินเรื่องเร็วพอสมควร            Nolan ยังคงถนัดกับการเล่าเรื่องราว "ตัวละครที่มีความรู้สึกผิดบาปในใจ" ไม่ต่างจากผลงานอื่นๆของเขา เพียงแต่ใน Inception หนังลดระดับความหดหู่ และความตึงเครียดของตัวละครลงไปเยอะทีเดียวเมื่อเทียบกับงานก่อนหน้านี้ทั้งหลาย            หนังไม่ได้ลงลึกในแง่ของการสำรวจจิตใจของมนุษย์ หรือในแง่ของปรัชญาเรื่องจิตใจ หรือความฝัน มากนัก            แต่ก็เป็นผลดีต่อตัวหนังมากกว่าผลเสีย เมื่อพิจารณาว่าเป้าหมายของหนังคือการเป็น หนังขายความบันเทิงประจำ Summer มากกว่าจะวางตัวเป็น หนังดราม่าขายการแสดง หรือ หนัง Sci-fi ขายปรัชญาล้ำลึก จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:57:17

ความคิดเห็นที่ 6 ต่อ...            ฉาก Action และ “ฉากโชว์ของ” หลายๆฉากนั้นทำออกมาได้ดีมีระดับ แม้จะไม่ได้สดใหม่ แต่ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ดีเยี่ยม            ที่โดดเด่นมากๆ คงหนีไม่พ้น “ฉากเมืองพับได้” กับฉาก “ไร้แรงโน้มถ่วง” ที่ต้องกลายเป็น “ภาพจำ” ของหนังแน่นอน            แต่ฉาก Action ใน Location หิมะขาวโพลนในช่วงท้ายนั้น ดูซ้ำซาก และขาดความสร้างสรรค์ไปหน่อย อีกทั้งตัวละครฝ่ายตัวเอกนั้นก็เก่งกาจมากเกินพอดีจนแทบจะไม่บาดเจ็บเลยซักนัด แม้กลุ่มผู้ร้ายจะยกโขยงมาเป็นกองทัพ (อารมณ์เดียวกับหนัง Bond นั่นแหล่ะ) ซึ่งทำให้อารมณ์ลุ้นเอาใจช่วยตัวละครนั้นมีน้อยเกินไป            แต่หนังก็ชดเชยด้วยการสร้างความลุ้นระทึกให้ผู้ชมโดยอาศัยเนื้อเรื่องที่เน้นไปที่ “การทำงานแข่งกับเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที” ซึ่งต้องถือว่าเป็นการชดเชยที่ได้ผลมากๆ จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:58:17

ความคิดเห็นที่ 7 ต่อ...            แม้ Inception จะขนทีมนักแสดงมาเยอะมาก แต่หนังก็แชร์ความเด่นให้กับตัวละครทั้งหลายได้อย่างเหมาะสม            DiCaprio ยอดเยี่ยมในบท Cobb หัวหน้าทีม ที่ถือเป็นบทนำของหนัง ซึ่ง DiCaprio สามารถพาหนังไปตลอดรอดฝั่งได้สบายๆ อย่างไรก็ตามบทนี้ไม่ได้เรียกร้องการแสดงที่ลึกซึ้งหรือซับซ้อนมากนัก นี่จึงไม่ใช่ผลงานที่ชื่อของ DiCaprio จะถูกจดจำในฐานะหัวใจหลักของหนัง            Ellen Page เยี่ยมในบท Ariadne ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของผู้ชมที่เริ่มเข้าสู่โลกความฝันไปพร้อมๆกัน แต่ก็ทำหน้าที่เป็น Guide นำเที่ยว (ตัวละครที่สร้างเหตุให้มีการอธิบายเรื่องราวต่างๆ) ไปในตัวอีกด้วย            สำหรับนักแสดงคนอื่น ต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองได้ดีและมีเสน่ห์ โดยเฉพาะ Joseph Gordon-Levitt ในบท Arthur และ Tom Hardy ในบท Eames            แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ความสามารถของ Cillian Murphy ในบท Fischer, Jr. ที่หนังไม่เปิดโอกาสให้แสดงอะไรมากนัก จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:59:34

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อ...            Inception ยังไม่ใช่งานที่ลุ่มลึกในระดับเดียวกับงานเก่าๆของ Nolan แต่ก็ถือเป็นงานขายความบันเทิงที่ซับซ้อน และสร้างสรรค์ จนยากที่จะเลียนแบบได้            หนังไม่มีประเด็นหนักๆอย่าง The Dark Knight แต่ก็มีความซับซ้อนและเต็มไปด้วยรายละเอียด แบบเดียวกับ The Prestige            ซึ่งทำให้หนังดูสนุก เข้าถึงไม่ยากนัก แถมยังสร้างความประทับใจ และเป็นความบันเทิงได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้            แน่นอนว่าตอนจบของหนังที่เป็น "ปลายเปิด" ให้ผู้ชมไปคิดต่อเอาเองนั้น จะสร้างกระแสความสงสัย ที่อาจส่งผลไปถึงการดูซ้ำ ย่อมเป็นผลดีต่อรายได้ของหนังอีกด้วย            สรุปว่า                                                  Inception คืองานที่ Nolan ต้องการ Incept ผู้ชม                                                อย่างที่หนังหลายๆเรื่องเคย Incept ตัวเขามาแล้วนั่นเอง จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 14:01:44

ความคิดเห็นที่ 9 ต่อ...            ในช่วงต้นเรื่อง หนังบอกเอาไว้ว่า “ส่วนใหญ่แล้วความคิดแง่บวก ย่อมเติบโตได้ดีกว่าความคิดแง่ลบ”            ซึ่งนี่อาจตอบข้อสงสัยในตอนจบของหนังที่คลุมเครือได้ว่า สรุปแล้วมันจบแบบ “แง่บวก” หรือ “แง่ลบ” กันแน่            เพียงแต่ผู้ชมคงต้องพิจารณาเอาเองว่า “แง่บวก” หรือ “แง่ลบ” ของตัวเอง (หรือของ Cobb) คืออะไร จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 14:02:33

ความคิดเห็นที่ 10 สำหรับใครที่ดูมาแล้ว "ชอบ-ไม่ชอบ" กับตัวหนัง "เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย" กับบทความ ก็ร่วมแสดงความคิดเห็นได้นะครับ แล้วในความคิดของคุณตอนจบของหนัง   "แง่บวก" หรือ "แง่ลบ"   ครับ แล้วก็ชวนไปอ่านใน Blog ครับ น่าจะอ่านง่ายกว่านี้ เพราะมีการ "เน้นคำ" และใช้ "สี" และการเปรียบเทียบคำสำคัญ ที่สำคัญ ยังมีการให้ "คะแนน" หนังของผมด้วย *** Inception *** "ความฝัน" คือ "ภาพยนตร์" http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=navagan&month=07-2010&date=20&group=2&gblog=84 ขอบคุณที่อ่าน และ แสดงความคิดเห็นครับ จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 14:05:42

ความคิดเห็นที่ 11   กำลังรอบทวิจารณ์ของจขกท.อยู่เลย นึกๆอยู่ว่าต้องเห็นมุมมองที่แตกต่าง จากคุณ : yatiko เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 14:09:45

ความคิดเห็นที่ 12 สำหรับเรื่องนี้แม้ว่าเราจะไม่ได้ชื่นชอบเท่ากับ ผลงานเดิมของเขา แต่ก็นับว่าเป็นงานทรงคุณค่าและสมบูรณ์ยิ่งเรื่องหนึ่ง ชอบที่นำมาเปรียบเทียบเกี่ยวกับ กระบวนการทำภาพยนตร์ จากคุณ : dfh เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 14:11:21

ความคิดเห็นที่ 13   dark night น่าเบื่อสุดๆ เมื่อวานหลงไปดู inception จริงๆแล้วอยากดูลีโอ ไม่ได้ดู theme หนังมาก่อนว่าเป็นยังไง ปรากฏว่า สุดยอดดดดดดดดดด จัดเข้าขั้นหนังคลาสสิคอีกหนึ่งเรื่อง ทั้งด้านเรื่องราว ฉากแอ๊คชั่น ที่สำคัญที่สุดคือ บทหนังและการกำกับได้สุดยอด หนังชวนให้ติดตามได้ตลอดเวลา การเข้าไปในฝันซ้อนฝันถึง 3 ชั้น ตอนจบมีปมให้คิดต่อ สั้นๆง่ายๆแต่คลาสสิค ว่าเรามีตัวตนจริงหรืออยู่ในความฝัน จากคุณ : ลี เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 14:30:56 A:10.0.2.204 X:58.136.10.1 TicketID:247501

ความคิดเห็นที่ 14 ขอชมคุณ navagan ดังๆเลยครับ สำนวนการเขียนยังแจ่มแจ๋วเหมือนเดิม และประเด็นของบทความที่เอา Inception มาผูกกับเรื่องของการสร้างภาพยนตร์ เป็นแนวคิดที่แปลกใหม่มาก ชอบครับ ชอบๆ แต่ส่วนตัวแล้วขอแย้งเรื่อง Cillian Murphy นิดนึง ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเขาเป็นคนที่แม้รัศมีความดังจะสู้คนอื่นๆไม่ได้ แต่พลังการแสดงเหลือล้นมาก(ยิ่งพอถึงฉาก"กังหันลมของเล่น"นะ...) ขอโปรโมทกระทู้ของตัวบ้าง อาจจะเขียนได้ไม่เด็ดดวงเท่า แต่ถ้าว่างๆ ไม่มีอะไรทำ อยากฆ่าเวลาจิปาถะ ก็ขอเชื้อเชิญให้ลองเปิดเข้าไปอ่านดูนะครับ >>> http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9479113/A9479113.html แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 53 14:45:59 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 14:40:11

ความคิดเห็นที่ 15 ไปดูมาแล้วค่ะเรื่องนี้ ขอบอกว่าชอบมาก ดูแล้วคิดตามทำให้เราลุ้นตามไปด้วย จากคุณ : aomam_jung เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 15:07:22

ความคิดเห็นที่ 16 เสริม ฉากขายหนึ่งคือฉากไร้แรงโน้มถ่วง เป้นการได้แรงบันดาลใจและคารวะ 2001 : space odyssey จากคุณ : ปลาวาฬภูเขา เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 15:51:51

ความคิดเห็นที่ 17   ฉากไร้แรงโน้มถ่วงเนียนสุดๆ คงไม่มีเนียนกว่านี้อีกแล้ว เรื่อง space odyssey เนียนหรือเปล่าไม่รู้ไม่ได้ดู ใครดูบอกที จากคุณ : ลี เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 16:00:32 A:10.0.2.204 X:58.136.10.1 TicketID:247501

ความคิดเห็นที่ 18 Cillian Murphy เล่นดีครับ ไม่ขอเถียงเลย แต่ก็ยังรู้สึกว่า แกน่าจะได้เล่นมากกว่านี้นิดหนึ่ง แค่นั้นเองครับ จากคุณ : จขกท. (navagan) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 16:22:32

ความคิดเห็นที่ 19 เสริม หนัง Bond ภาคโปรดของ Nolan คือภาค On Her Majesty's Secret Service จึงมีความเป็นไปได้ว่าสาเหตุที่ฉากในความฝันชั้นที่สามเป็นโรงพยาบาล(กึ่งๆป้อมปราการ)บนภูเขาหิมะก็เพราะ Nolan อยากจะทำเพื่อคารวะหนัง Bond ภาคโปรดของตน แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 53 16:32:23 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 16:30:05

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นความคิดที่แปลกใหม่ดีครับ จากคุณ : Read My Mind เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 18:04:57

ความคิดเห็นที่ 21 เป็นความคิดที่แปลกใหม่ดีครับ จากคุณ : Read My Mind เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 18:07:45

ความคิดเห็นที่ 22 หนังสนุกและทำได้เนียน แต่ดูจบแล้วไม่เกิดความรู้สึก Impact หรือตราตรึงเท่าไหร่ ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าทำให้งานชิ้นนี้แม้จะยอดเยี่ยม แต่ยังไปไม่ถึงขั้น Masterpiece คงเป็นเพราะสาเหตุนี้ด้วยกระมังครับ อย่างที่คุณว่ามา "ซึ่งทำให้หนังดูสนุก เข้าถึงไม่ยากนัก แถมยังสร้างความประทับใจ และเป็นความบันเทิงได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้" ส่วนตัวผมให้ 8-8.5/10 ขึ้นกับว่าคาดหวังตรงจุดไหนด้วย จากคุณ : EvaAngelion เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 18:59:24

ความคิดเห็นที่ 23 เอาเป็นว่า ถือว่าเราเป็นคนชอบคิดบวกละกันนะคะ ขอมองแบบให้มีความสุขหน่อยเถอะ สมัยนี้มันมีเรื่องให้เครียดเยอะเกิน... ถือว่าเรื่องนี้ดูสนุกและเข้าถึงง่ายกว่าที่คาดนะคะ คือจะดูแบบไม่คิด มันก็ได้ความสนุกไประดับหนึ่ง อาจจะมีการชวนให้ฉุกคิดบ้างในบางจุด แต่ถ้าดูแบบคิด จะคิดลึก คิดน้อย ก็รู้ว่ามันทำให้หนังถูกพูดถึงมากขึ้น ทีมงานฉลาดทีเดียวที่เลือกแบบถูกพุดถึง จากนั้นจึเกิดอาการปากต่อปากขึ้นมา หนังก็ยิ่งบูม และแพร่กระจายมากขึ้น จากคุณ : Wisther เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 21:41:51

ความคิดเห็นที่ 24   ผมมีคำถามสำหรับใครที่ไปดูมาแล้วช่วยออกความคิดเห็นหน่อย ผมดูมาแล้ว2รอบ ยังเก็บได้ไม่หมด 1. คอปบอกแอเรียลว่าอยู่ในห้วงนรกราว50ปี แต่กลับดูไม่แก่เลย เพราะอะไร(สังเกตจากก่อนโดนรถไฟทับหัว) 2. ห้วงนรกคือฝันเบื้องลึกแล้วถ้าเราฝันอีกในห้วงนรกละจะไปไหน? 3. ถ้าตายในห้วงนรกเราจะตื้นจากฝัน(จากที่คอปและมอลล์ให้รถไฟทับ) แล้วในกรณีที่ใช้ยานอนหลับที่แรงมาก เราจะตื่นรึเปล่าแล้วถ้าไม่ตื่นละจะไปไหน 4. ห้วงนรกคือ ฝัน4ระดับใช่เปล่าหรือว่าลึกกว่านั้น ผมดูแล้วรู้สีกมีคำถามไม่กระจ่างอะ เพื่อนๆช่วยลงความคิดเห็นหน่อยนะ ปล. ขออภัยสำหรับท่านที่ยังไม่ได้ดู เพราะมีสปอยหน่อยๆ จากคุณ : 222 เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 16:14:59 A:182.52.187.107 X: TicketID:279581

ความคิดเห็นที่ 25   อันนี้เดาจากความคิดของผมนะครับไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า 1.ผมว่าคอปและแอเรียลหลงอยู่ในฝันปรกตินะครับไม่ใช่ห้วงนรกแต่ที่หลงเนื่องจากสร้างความฝันออกมาจากจิตสำนึกเลยหลงจนคอปต้องทำ INCEPTION กับเมียตัวเอง ซึ่งส่งผลเป็นไอเดียที่ฝังลึกและกระจายจน แอเรียลคิดไปเองว่าโลกแห่งความเป็นจริงที่ตื่นขึ้นมาเป็นโลกแห่งความฝันครับ และที่ดูไม่แก่จริงๆในภาพฝันของคอปทั้งสองคนแก่นะครับแต่ในฝันของแอเรียล เธอเห็นภาพเป็นทั้งสองคนไม่แก่ลงเลย 2-4.ห้วงนรกที่ผมเข้าใจคือหลงอยู่ในจิตตัวเองเหมือนคนเป็นบ้าที่ไม่มีวันตื่นอีกเลยซึ่งถ้าฝันหรือหลับก็ไม่สามารถออกมาได้อีกแล้วนะครับ จากคุณ : เอเนลู (เอเนลู) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 17:44:23

ความคิดเห็นที่ 26 ที่เขียนมาใน คห 3 กับ 4 นี่ โนแลนบอก หรือติต่างเอาเองอ่ะครับ ? จากคุณ : crazy_joey เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 53 08:29:52

ความคิดเห็นที่ 27 คิดเองครับ อย่างที่ผมเขียนบอกเอาไว้ว่า    *** แน่นอนว่า Nolan อาจไม่ได้คิดลึกซึ้งอะไรมากนัก และอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ           แต่ก็เห็นได้ชัดว่า โลก “ความฝัน” ใน Inception ก็คือ โลก “ภาพยนตร์” ที่เขาประสบพบเจออยู่เป็นประจำนั่นเอง           ก็อย่างที่บอก Nolan ถูกหนังและชีวิตการทำหนัง Inception เข้าให้แล้ว  **** จากคุณ : จขกท. (navagan) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 53 15:54:51