ความคิดเห็นที่ 1 สุดโต่ง ไม่ใช่ทางสายกลาง จากคุณ : ยั่งยืนนาน เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 13:49:22

ความคิดเห็นที่ 2 บุญแบบผ่อน --" ต้องจ่ายดาวน์ป่าวฟะ แล้วดอกเท่าไหร่????ชาติหน้าเกิดมาต้องเกิดมาเป็นหนอนให้ปลากิน ขัดดอกป่ะเนี่ย??? จากคุณ : ebonydevil เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 13:51:46

ความคิดเห็นที่ 3   ญาติแฟนเขาศรัทธาวัดนี้กันทั้งบ้าน ถึงขนาดขายบ้าน เอาเงินที่ขายบ้านได้ไปทำบุญจนหมด แล้วไปเช่าบ้านอยู่ สงสัยจะไม่เคยได้ศึกษาธรรมะจริงจัง พระพุทธเจ้าท่านเคยมีบอกที่ไหนกันว่าให้ทำบุญกันแบบนี้ บุญสูงสุดน่ะ ไม่ต้องเสียตังค์ซักสลึง ท่านเน้นให้ปฏิบัติอริยมรรคมีองค์แปดเพื่อบรรลุธรรม หลุดจากสังสารวัฎฎ์ที่ยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุดนี้ตังหาก แต่อ่ะนะ พูดไป เขาก็ไม่เชื่อ ได้แต่ปล่อยให้งมงายต่อไป จากคุณ : สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 14:19:43 A:220.237.173.23 X: TicketID:188044

ความคิดเห็นที่ 4   โห...ตอบมาได้ไงเนี่ย วัดอื่นไม่เหมือนวัดนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรสักกะนิด จากคุณ : .... เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 14:32:49 A:192.168.33.50 X:119.160.218.196 TicketID:267930

ความคิดเห็นที่ 5 รักโยมนะจุ๊บๆ จากคุณ : นักธนูทีมชาติ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 14:45:25

ความคิดเห็นที่ 6   วัดนี้เขาให้พระที่บวชเรียน ไปขายจานดาวเทียม DMC ให้เขาถึงเมืองนอกเมืองนา จากคุณ : RayJR เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 15:13:21

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามากระทู้เกี่ยวกับวัดนี้ทีไร ขำทุกที เคยลองเปิดดูช่องนั้นผ่านๆ เคยคิดอยากจะลองของเหมือนกัน ว่าสามารถทำให้เราคล้อยตามได้มั๊ย แต่ดูไปขำไปจริงๆค่ะ มันไม่ใช่อ่ะ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือคำสอน มันไม่ใช่เลยซักอย่าง บอกตรงๆดูไปหมั่นใส้ไปจริงๆค่ะ จากคุณ : ก้าวที่กล้า เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 15:14:57

ความคิดเห็นที่ 8 วัดนี้รับจัดงานศพหรือป่าว........มีเมรุหรือป่าว...... จากคุณ : ชักธง1 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 15:27:00

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าที่มีคนไม่ชอบวัดนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ออกมารุมโจมตี มันก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะโดยสามัญสำนึก ปกติชนทั่วไปไม่มีใครชอบพฤติกรรมเหลือบสังคม เหลือบศาสนาที่หากินด้วยการลวงโลกแน่นอน แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 53 18:26:53 จากคุณ : นายเบียร์ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 15:28:09

ความคิดเห็นที่ 10 เห้อ! เพิ่งจะต้นเดือน give จะหมดก็จากกระทู้นี้แหล่ะ พิมพ์ความเห็นในทู้แนะนำ หายไปเลย จากคุณ : homdinn เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 15:52:55

ความคิดเห็นที่ 11 สาธุ.....เราจะบาปไหมเนี่ยถ้าอยากจะบอกว่า............................... จากคุณ : nutta_ya เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 16:27:37

ความคิดเห็นที่ 12 ถึงเราจะไม่เคยนั่งวิปัสนากรรมฐาน เราก็พอจะเดาได้ว่า ชาติหน้าพวกเขาจะไปเกิดเป็นอะไร จากคุณ : นาฬิกาไขลาน เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 16:50:19

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่รู้ว่าวัดใหน แต่รู้ว่าตอนนี้ไม่อยากจะเข้าวัดเท่าไหร่แล้วค่ะ เพราะว่าเจอลักษณะให้เราทำบุญเยอะๆ สรรหาสารพัดวิธีที่จะให้คนทำบุญ ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่เข้าวัดโดยไม่ต้องมีเงินติดตัวซักบาทเลยก็ยังได้บุญและความอิ่มอกอิ่มใจกลับบ้านด้วยทุกครั้ง        ถึงเวลาที่ต้องทบทวนว่าคำว่า "บุญ" คืออะไร และการทำบุญที่จะได้บุญอย่างแท้จริง เค้าต้องทำกันยังไง     ปัจจุบันดิฉันรู้แค่ว่าดูแลและกตัญญูรู้คุณบิดา-มารดา ไม่เบียดเบียนและรังแกผู้อื่น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็ถือว่าได้บุญแล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องหาจากวัดใหน หาจากกระกระทำและจิตสำนึกของตัวเรานี่ละค่ะน่าจะดีที่สุดแล้ว     และดิฉันก็งงเหมือนหลาย ๆ คนในที่นี้ ว่าบางคนที่ทุ่มเททำบุญให้วัดแบบเกินกำลัง เค้าไม่รู้จิง ๆหรอคะ ว่ามันไม่ได้บุญมากขนาดที่เค้าคิดเอาไว้หรอก  แสดงว่าตอนสมัยเป็นนักเรียน คงไม่ตั้งใจเรียนสินะ ชั่วโมงพระพุทธศาสนาคงจะแอบหลับ/ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา/โดดเรียนสินะ ถึงได้งมงายกับสิ่งที่มันเป็นภาพลวงตา หลงไปกับคำลมปากของพวกไรพวกหลืบศาสนาอ่ะนะ    เฮ้อ!! โชคดีนะที่เราไม่หลงไปกับคำลมและภาพลวงตาเหล่านั้น จากคุณ : ซ้อซัง เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 17:02:47

ความคิดเห็นที่ 14 ณ ประเทศแห่งหนึ่ง เคยมีคุณหญิง ฐานะร่ำรวยมากมายก่ายกองมหาศาล ทำบุญบริจาคเพช็ร!!! จนป่านนี้ก็หลายปีผ่านไป คุณหญิงยังไม่ได้กลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนเลย... จากคุณ : เฮียมี่ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 17:05:34

ความคิดเห็นที่ 15   . จากคุณ : กะละมุงตุ้งแช่ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 17:09:18

ความคิดเห็นที่ 16 ซื้อบุญแบบผ่อนจ่าย ภายใน เดือนนี้ รับฟรีทันที โปรโมชั่น 0% นาน 10 เดือน แต่หากเดือนไหนท่านไม่จ่าย เตรียมเผชิญกับทีมทวงหนี้ ที่จะตามไปทวงถึงบ้าน จากคุณ : ขนมหลายชั้น เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 17:17:33

ความคิดเห็นที่ 17 การทำบุญ คือการทำด้วยใจคะ มีมาก ทำมาก มีน้อย ทำน้อย ถ้าเรามีน้อย แล้วไปทำมาก แว๊ปเดียวที่เกิดขึ้นในใจว่า........ เสียดายเงินจัง ทำเยอะไปหรือเปล่า แค่นี้ ก็ได้บาป มากกว่าบุญแล้วคะ ปล.ถ้าวัดทำกายเนี่ย คนจนไม่มีสิทธิ์ขึ้นสวรรค์เหรอ ต้องจ่ายเงินใช่ไหม เฮ้ออออ จากคุณ : touch_sky_like_bird เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 17:26:26

ความคิดเห็นที่ 18 MOU นักเรียนกระทรวงศึกษา สร้อยตำปูปลาร้า บริจาคเพื่อขึ้นสวรรค์ แบบนั้น คนจนๆอย่างกระผมคงไม่มีโอกาสได้เหยียบกันละ!!! http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9311041/X9311041.html แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 53 18:09:02 จากคุณ : PieAloha เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 17:47:14

ความคิดเห็นที่ 19 นี่มันวัดหรือฐานบัญชาการแอมเวย์กันแน่ ดีนะ ไม่บอกว่าทำบุญถึงระดับเพชร จะได้ไปล่องเรือที่อาลาสก้า..... จากคุณ : *+*ข น ม ผิ ง ข้ า ง เ ต า*+* เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 17:48:40

ความคิดเห็นที่ 20 วัดหัวนม จากคุณ : ท่านประธานบริษัท เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 17:49:53

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ^ ผู้หญิงไม่น่าเข้าวัดนี้กันอะ เกิดชาติหน้าเดี๋ยวมีนมข้างเดียวขึ้นมาแล้วจะทำยังไง!?!?! จากคุณ : *+*ข น ม ผิ ง ข้ า ง เ ต า*+* เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 17:51:29

ความคิดเห็นที่ 22 ท่านประธาน สุโค่ย 55+ จากคุณ : PieAloha เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 17:52:21

ความคิดเห็นที่ 23 การทำบุญต้องทำอย่างมีสติ ทำมากหรือน้อยก็ได้..อยู่ที่ศรัทธา... หาเรามีกำลังศรัทธามากแต่มีกำลังทรัพย์น้อยก็ทำเท่าที่เราทำได้โดยที่ไม่สร้างความลำบากเดือดร้อนให้กับตัวเอง ในความคิดของเราผลบุญที่ได้รับ ก็คือความสุขที่เกิดขึ้นในขณะที่ได้ทำบุญและเมื่อทำบุญเสร็จแล้ว ความปิติสุขที่ยังอยู่นั่นล่ะคือบุญที่ได้รับ ชาติหน้าชาติไหนมีหรือไม่ก็ไม่รู้..รู้แต่ว่าสุขที่เกิดจากการทำบุญมีอยู่จริง..และมากด้วย ถ้าให้ขายบ้านขายทรัพย์สิน ไปเช่าบ้านอยู่ หรือทำให้ตัวเองลำบาก ทำให้ครอบครัวไม่เป็นสุขเพื่อบุญ หรือเพื่อชาติหน้าที่มองไม่เห็น เราคงไม่ทำแบบนั้น ดังนั้นต้องมีสติ..คิดไตร่ตรองก่อนที่จะเชื่ออะไรใครง่าย ๆ ด้วยค่ะ จากคุณ : ตามตะวัน <Follow the sun only> เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 18:08:36

ความคิดเห็นที่ 24 หยั่งกะเกมออนไลน์ สะสมบุญแลกของไอเทมมอลล์ มีบุญคูณสองคูณสามด้วย ไอเทมแต่ละอย่างก็เหมือนจะเอาฮามากกว่าเอาขลัง แหวนแมวกลิ้งไหมพรมงี้ เชื่อกันเข้าไปได้ไง= =" แล้วเรื่องสวรรค์อีกอย่าง ไม่มีแหวนจะโดนถีบตกสวรรค์ ทุนนิยมแบบนี้เขาเรียกสวรรค์หรอ แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 53 18:09:48 แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 53 18:10:26 จากคุณ : โลโซแมน เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 18:08:49

ความคิดเห็นที่ 25 ตอนนั้นเราอยู่ชั้นประถม อายุตอนนั้นคงไม่เกิน 12 ปี ไปนั่งสมาธิที่สมาคมของวัดธรรมกาย (ต่างจังหวัดอ่าค่ะ) โดนพวกญาติๆบังคับไป พอได้ยินพระบอกว่า "ให้บริจาคเงินเยอะๆ จะได้บุญเยอะๆ " ตั้งแต่นั้นก้อคิดว่า "พระเค้าพูดออกมาแบบนี้ได้ไงฟ่ะ บ้าป่าว??" นั่นคือความคิดของเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี นะคะ ตั้งแต่นั้นก็ไม่ไป ไม่บริจาค ไม่ข้องเกี่ยวกับลัทธินี้เลยอ่ะ อาม่าเรา บรรดาญาติเราเค้าลุ่มหลงกับลัทธินี้มากๆอ่ะ หมดไปหลายล้านแล้วมั้ง บริจาคทีละหลายแสนเลย แต่โชคดีที่บ้านเราไม่ชอบลัทธินี้ ฮาๆๆ เห็นว่าบริจาคเยอะ จะมีป้ายสัญลักษณ์ติดไว้ที่หน้าอก ว่าตูเนี่ยแหละ บริจาคเยอะเฟ้ยยย ตลกดีนะ ขำๆอ่ะ เค้าคงภูมิใจที่จะได้ขึ้นสวรรค์มั้ง อิอิ จากคุณ : ปู่ Bob เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 18:16:36

ความคิดเห็นที่ 26 ทุกๆ วันนี้วัดนี้ยังมีฐานะมั่นคง มีพระหนุนหลังในเถรสมาคมหนักแน่นนะครับ และธัมมี่ก็กลับมาเปนเจ้าอาวาสตามปกติแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะถูกเล่นงานอะไรทั้งสิ้น มาแวะบอก เผื่อบางคนจะคิดว่าวัดนี้แยกตัวเป็นลัทธิแล้ว ในความจริงวัดนี้กำลังทำให้พุทธกระแสหลักในบ้านเรา เป็นอย่างที่วัดเป็นครับ จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 18:18:27

ความคิดเห็นที่ 27 อ่านหนังสือวิธีการสร้างบุญบารมี นิพนธ์ของสมเด็จพระสังฆราช ท่านว่าทำทานยังไงก็ไม่เท่าฝ่ายศีล บุญสูงสุดคือการภาวนาเพื่อลดกิเลสลง รักษาศีลกับเจริญภาวนาไม่ต้องเสียเงินสักบาท ยิ่งทำบุญแล้วหวังผล หวังสวรรค์ อย่างนี้มันเพิ่มกิเลสชัดๆ จากคุณ : ม่ามี้ไอติม เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 18:23:34

ความคิดเห็นที่ 28 เหอๆๆๆ รู้มานานแล้วกับความ.... ของวัดนี้ ลองเข้าห้องศาสนาดูสิ แ้ล้วลองหาชื่อวัดนี้ หึๆ จะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังเลยล่ะ เอาเป็นว่า เราก็อย่าไปสนับสนุนละกัน จากคุณ : Mseohye เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 18:31:50

ความคิดเห็นที่ 29 จะบอกว่าวัดนี้อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเราเลยค่ะ เคยได้ยินกิติตศัพท์มามากมาย อย่างที่หลายๆท่านได้กล่าวกันไปนั่นแหละ เราว่ามันเหมือนลัทธิมากกว่าศาสนานะ ไม่รู้สิ แบบคนที่นิยมก็จะสุดโต่งเลยอ่ะ ใครห้ามหรืออะไรก็ไม่ฟังทั้งนั้น มีแฟนของเพื่อนเราอ่ะค่ะ บ้านรวยมาก และเป็นสาวกวัดนี้ บริจาคครั้งนึงเป็นแสนๆ ดูเค้าจะมีความสุขมาก เพื่อนเรามันก็เอามาเม้ทา์ให้ฟัง -___-"   แบบงงๆ คือพี่เค้าก็แบบชาติตระกูลดี รวย เรียนเก่งมากๆ จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง(3.8กว่าๆ)  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเค้าคิดอะไรอยู่  พูดง่ายๆคือ เค้าไม่น่าจะโดนหลอกง่ายๆอ่ะ ส่วนเรื่องทำบุญนี่ มีใครพิสูจน์ได้มั้ยว่า ทำแล้วได้บุญจริงๆ แม้จะทำแค่บาทเดียวก็เถอะ  คือเราก็เป็นชาวพุทธนะ แต่เราเชื่อใน "เหตุและผล" มากกว่าอ่ะ ไม่ได้เคร่งอะไรมากมาย   คิดว่าการปฏิบัติธรรมหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับศาสนา ใครอยากทำก็ทำ ถ้าทำแล้วสบายใจก็ทำ แต่อย่าให้ตัวเองหรือคนอื่นเดือดร้อน ส่วนเรื่องวัดนี้ ไม่เห้นมีใครจัดการอะไรได้เลย กลัวว่าในอนาคตถ้าขยายไปมากกว่านี้ อะไรจะเกิดขึ้น ไม่อยากคิดค่ะ จากคุณ : The sweet is my revenge เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 18:32:37

ความคิดเห็นที่ 30 อยากทราบจัง กรมศาสนา ไปอยู่ที่ไหน ข่าววัดนี้ไม่เคยออกฟรีทีวีเลย ทั้งๆที่มีเรื่องมอมเมาคนตั้งมากมาย จากคุณ : HatesonG เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 18:41:31

ความคิดเห็นที่ 31   เคยไปวัดนี้ครั้งนึงตอนเรียนมหาลัย  กับชมรมพุทธนี่หล่ะ ไปไม่ได้หวังบุญอะไรเล้ย แค่อยากหารายได้ช่วงปิดเทอมเท่านั้นเอง เพราะจะเป็นกรรมการคุมสอบธรรมะทางก้าวหน้าก่อนอื่นต้องไปอบรมที่วัดนี้ ความรู้สึกแรกที่ไปถึง คือตื่นตาตื่นใจมาก แปลกใจว่าทำไมเขาพามาสนามกีฬาแห่งชาติล่ะ  มีโดม มีโรงยิมด้วย สุดท้ายพึ่งรู้ตัวว่าอยู่ในวัด พอลงรถปุ๊ป ก็ถูกต้อนเข้าไปนอนในมุ้งควาย นอนกันได้ซัก 30 - 40 คนได้มั้ง ตื่นเช้ามาต้องไปนั่งรอคนห่มเหลืองในนั้นกินข้าว กินกันดีด้วยนะ kfc พิสซ่า แม็ค แต่เด็กที่ไปได้ข้าวผัดคนละ 1 ถุงกับ น้ำ 1 ขวด อบรมก็คุยแต่เรื่องอะไรไม่รู้ไม่มีธรรมมะเลยซักนิด พูดแต่เรื่องการสร้างเจดียื สร้างนู่นสร้างนี้   หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลย จากคุณ : -=นามไร้ชื่อ=- เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 18:43:38

ความคิดเห็นที่ 32 หากินกับความเชื่อคน รวยจะตาย น่าจะถามพระว่า แล้วพระเอาตังค์จากไหนทำบุญ ไม่ได้ทำงานไม่ใช่เหรอ หลอกตังค์คน บาปมั้ย ไรงี้ จากคุณ : Ryckie เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 18:43:40

ความคิดเห็นที่ 33 ตามมาเล่าประสบการณ์ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในห้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษของวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ครู "เอาล่ะเอาล่ะ ก่อนที่จะเรียน เรามาร่วมกันทำบุญกันก่อนดีกว่า นักเรียนนักศึกษาสมัยเนี่ย ไม่ค่อยได้ทำบุญกันใครทำมากก็ได้บุญมาก.." นักเรียนทั่วห้องก็ค่อย ๆ บรรจงเรี่ยไรกันทำคนละ 1-5-10-20 บาทตามกำลังสาาาาาาาดดดดทาาาาาาาาา.. ครูผู้นั้นรับซองเงินไปแล้วบ่นพึมพำว่า "ห้องเนี่ย..ท่าจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์เหมือนห้องนั้น..ห้องน้้นเนี่ยเขาได้กันเป็นพัน..เอ๊าาาใครจะทำบุญเพิ่มอีก..สวรรค์ชั้นนั้นอย่างงู้นนน..สวรรค์ชั้นนี้อย่างงี้..บลา ๆ ๆ ๆ ๆ" นักเรียน..o O!..เวรแล้วต้องทำเยอะ ๆ เดี๋ยว"มาร"ในชาตินี้มันจะทำให้ไม่จบ เป็นระยะเวลาช่วงหนึ่งทีเดียวของวิทยาลัยแห่งนั้นที่เริ่มมีพวกมีบุญ!! มาเรี่ย..ไร..เฮ๊ย!!..บอกบุญ..จนเป็นที่กล่าวขานกันทั่ววิทยาลัย..แล้วต่อมาครูผู้นั้นก็โดนเด้ง!!! ขอขอบคุณผู้บริหารวิทยาลัยมากมาก ที่ไม่เพิกเฉยต่อปัญหาเหล่านั้น..แล้วปล่อยให้นักเรียนนักศึกษาต้องคอยโดนไถ่ทุกชั่วโมงการเรียน..เรื่องจริง.. ผิดกับกรมศาสนา/กระทรวงศึกษา/รัฐบาล หรือผู้ใดที่มีอำนาจก็แล้วแต่..กลับทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่..ยังไม่ว่า..ยัง..ยังจะเอางบประมาณไปทำบุญกับวัดจานบินอีก..โธ่..อยากไปเหลาไม้เรียวมาฟาดก้นให้หน่ำจริง ๆ ...จริง ๆ นะจ๊ะ..!!! จากคุณ : tann_naja เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 18:49:32

ความคิดเห็นที่ 34 ในแง่การสอนให้คนทำดี ละเว้นชั่ว อันนี้ก็ละไว้น่ะ เพราะทางลัทธินี้ก็ย้ำเหมือนกัน แต่ประเ้ด็นทำบุญเยอะ ได้บุญเยอะนี่สิ  เราว่ามันพิลึกพิลั่น มีให้เลือกหลายแพกเกตด้วยวุ้ย ไปกันใหญ่แล้วล่ะ แต่แปลกน่ะ คนที่ศรัทธาในนิกายนี้ ลัทธินี้ จะเป็นพวกที่รวยมากกกกกกกกกกกก ถึงมากกกกกกกกก ที่สุด ขอเล่าให้ฟังสักกรณีค่ะ  คนรู้จักเมื่อนานมาแล้ว เพื่อนเราสมัยเรียนมหาลัย   เพี้ยนไปเลยค่ะตั้งแต่มันได้รู้จักกับที่นั่น เขาเรียนเก่งมากค่ะ ได้เกียรตินิยมอันดับ2ด้วย  ตอนนั้นบริษัทจองตัวกันเป็นแถว ทำได้ไม่นานก็เปลี่ยนไป ตั้งแต่ไปเข้าร่วมลัทธิบ้าบออะไรนี่ เห้ออออ  ตั้งแต่ไปหลงกับลัทธินั่นสงสารพ่อกับแม่เขาค่ะ งานการไม่ทำ มัวแต่หลงมอมเมากับลัทธินี้  สมบัติพ่อแม่ปู่ย่า พลาญหมด เอาไปเซ่นไหว้พวกธรรมกายหมด คิืดดูสิคะ มัน อ้างว่าทำแล้วได้บุญ ได้สูงส่งกว่าพวกคนทั่วไป แล้วที่ปล่อยให้พ่อแม่น้ำตาตกเช็ดหัวเข่า พูดอะไร เตือนอะไรมันก็ไม่เชื่อ อันนี้จะเอาอะไรลบล้าง ตายไปตกนรกชัวร์ๆ  ต่อให้มันทำบุญสักพันล้านก็ไม่อาจลบล้างได้หรอก ตอนนี้เห็นว่า ตัดขาดไม่ติดต่อมาหาพ่อแม่ญาติพี่น้องไปแล้ว เพราะมันหาว่าขัดขวางการทำดีของมัน ขึ้นสวรรค์ของมัน  --" พ่อแม่ทุกข์ใจ ตรอมใจ ป่วยด้วย เพราะเป็นลูกชายคนโตของบ้าน หวังจะเป็นที่พึ่งพิงแก่พ่อแม่ น้องๆ แต่เปล่าเลย ที่ดิน เงินทอง หมดไปไม่รู้เท่าไหร่ น้องๆก็ต้องหาเงินเรียนเอง  กว่าจะจบสงสารมากเลย แล้วขอร้องล่ะ   พวกที่เห็นดีเห็นงามกับลัทธินี้ อย่าเอาพระพุทธองค์มาอ้างเลย ว่าท่านบริจาคมาทั้งหมดแล้วจึงสำเร็จมรรคผล เราก็ไม่ใช่พวกดีเิลิศประเสริฐศรีหรอกน่ะ บาปหนาเหมือนกันนั่นแหละ แต่เรารับไม่ได้จริงๆ กับการทำบุญในลักษณะแบบนี้ เราว่ามันไม่ได้บุญหรอก  มันจะได้บาปกลับมาต่างหากนะสิ พ่อแม่ญาติพี่น้องต้องมาพลอยลำบาก ร้องไห้กับการกระทำ ที่น่ากลัวคือมันเข้ามาในโรงเรียนแล้วค่ะ เด็กเคยมาถามเราเกี่ยวกับพวกนี้   เราอธิบายไม่ถูกเลย  เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก อย่าหวังว่าจะพึ่งพาหน่วยงานไหนได้ค่ะ ตอนนี้เครือข่ายเขามีทั่วโลกไปแล้ว ฝรั่งรวยๆ ก็เริ่มที่จะมาหลงกับลัทธิพวกนี้เหมือนกัน จากคุณ : ณิ _ ณิรริน 19 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 18:59:48

ความคิดเห็นที่ 35 ฟังเรื่องจขกท. ตรงเรื่องเล่าเเล้ว ผมก็ว่าเลย เพราะ ศิษย์วัดนี้ที่ผมรู้จัก วิธีที่เขาจะตอบข้อสงสัยบางอย่างโดยเฉพาะเรื่องการบริจาค คือ เรื่องเล่าของคนๆอื่นเนี่ยแหละ เรื่องที่เล่าว่าเนี่ยมันก็จะแนวๆ มีคนๆนึง(ใครซักคน)มีปัญหานู่นนี่นั่น หลังจากเข้าวัดเรื่องบริจาคชีวิตก็ดีขึ้น มีเงินมีรายได้สูงขึ้น ซึ่งเรื่องเล่าพวกนี้ก็มักจะได้ฟังมาจากญาติโยมทั้งหลายเล่าๆกันตอนไปเข้าวัดน่ะแหละ ผมรู้สึกมันแนวขายตรงเลย ที่จะใช้วิธีชวนเชื่อโดยการเล่าต่อๆกันถึงความสำเร็จของคนอื่น ผมไม่รู้หรอกนะ กรณีวัดนี้เรื่องเล่าจะจริงไม่จริง แต่ก็ทำให้คนเชื่อได้ เพราะดูลูกศิษย์วัดนี้ คนที่ประสบความสำเร็จมีไม่น้อยนะ แต่จะรู้ได้ไง ความสำเร็จนั้นๆมันเกี่ยวอะไรกับการทำบุญให้วัดนี้ จากคุณ : Lick-My-L-Ball เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 19:00:39

ความคิดเห็นที่ 36 อยากจะเป็นลม มีทำบุญแบบผ่อนด้วย! ไปทำบุญตักบาตรตามมีตามเกิดที่วัดแถวบ้านดีกว่า อิ่มบุญกว่าเยอะ จากคุณ : AvA_AdorE เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 19:04:38

ความคิดเห็นที่ 37 ตอนนั้นไปทำงานที่ระยองเห็นป้ายติดว่าจะมีทำบุญใส่บาตรพระ10000รูปเราก็ชวนเพื่อนๆไปแบบไม่รู้อิโน่อิเน่ พอไปถึงแล้วมีพิธีการมาพูดบนเวที เราไม่ได้ใส่ใจพอฟังไปฟังมา พูดอะไรๆก็ขอให้รวยๆแล้วก็บอกให้คนซื้อรูปจะได้รวยๆใบละร้อยใบใหญ่ใบละพัน  เท่านั้นแหละรู้เลยว่ามาจากไหน เราเลยพาเพื่อนๆ(ที่โคตะระเซ็ง)เดินกลับห้องไม่รอใส่บาตรแล้วเอาของที่ซื้อเตรียมไว้ไปถวายวัดใกล้ๆที่พัก  สรุปอิ่มใจกว่ากันเยอะ จากคุณ : Love_Leo เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 19:10:54

ความคิดเห็นที่ 38 ตอนนี้มาใหม่แล้วค่ะ โครงการสะสมชั่วโมงบิน นั่งสมาธิเยอะเท่าไหร่ จะเฟ้นหาผู้โชคดี ได้ตั๋วเครื่องบินสองที่นั่งฟรี หุหุหุ โปรโมชั่นพอ ๆ กับบัตรเครดิตเลย จากคุณ : เจ้าเหมียวยูนิฟ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 19:18:46

ความคิดเห็นที่ 39 ^^^ ^^^ ^^^ เพิ่งเคยเห็น นั่งสมาธิ สะสมไมล์ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆที่นี่ จากคุณ : touch_sky_like_bird เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 19:35:28

ความคิดเห็นที่ 40 มารศาสนา นะจ๊ะ จากคุณ : Tarsier เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 19:36:05

ความคิดเห็นที่ 41 อ่อจ้ะ  ตอบได้ตรงประเด็นมากนะจ๊ะ "ไม่ใช่วัดนี้ไม่เหมือนวัดอื่น แต่วัดอื่นต่างหากที่ไม่เหมือนวัดนี้" ดูฉลาดมากๆจ้ะ   ............  แหยะ !! ปล. ขอโทษที่หยาบคาย  แต่ในสายตาเรา เค้าไม่ใช่พระ แต่เป็นมิจฉาชีพ จากคุณ : joup55 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 19:50:12

ความคิดเห็นที่ 43 ผมเรียกช่องของที่นี่ ว่า "ช่องกันดัม" เพราะเปิดไปทีไรเจอแต่หัวกันดัมลอยเข้าลอยออก จนเวียนหัว จากคุณ : AreVut เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 19:58:59

ความคิดเห็นที่ 44 การทำบุญที่ทำแล้วเดือดร้อนตัวเอง พระพุทธเจ้าท่านไม่เคยสั่งสอน ดังนั้นอาจจะคิดได้ว่าวัดนี้อาจไม่ใช่วัดในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เป็นแค่นิกายๆหนึ่งที่เอาผ้าเหลืองมาหากิน ขออภัยความเห็นส่วนตัว จากคุณ : Don't try this at home. เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 20:00:01

ความคิดเห็นที่ 45 นะจ๊า นะจ๊า โยม สาธุ สาธุ สาธุ จากคุณ : สาวกโรตี เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 20:00:34

ความคิดเห็นที่ 46   จากที่อ่านๆมาเหมือนกับการขายใบไถ่บาปของศาสนาคริสต์เลยอะ จากคุณ : นิราศเวียงพิงค์ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 20:03:12

ความคิดเห็นที่ 47 ปัญญาอ่อนจริงแท้แน่นอน จากคุณ : กระต่ายน้อยเล่นโยคะ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 20:06:55

ความคิดเห็นที่ 48 อย่าว่าแต่ญาติโยมเลย วัดอื่นเขาก็ยี้ . . . -- //ละเมอเดินผ่านมา จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 20:09:44

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่น่าใช้คำว่า วัดเลยนะครับ น่าจะใช้" บริษัทธรรมกาย จำกัด" จะเหมาะกว่า นะจ๊ะ จากคุณ : whutzy เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 20:13:15

ความคิดเห็นที่ 50 ธรรมกาย เป็นลัทธิที่เอาศาสนาพุทธมาบังหน้าเพื่อหาผลประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งจริงๆแล้วธรรมกายก็ไม่ใช่ศาสนาพุทธแล้ว เพราะพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ของศาสนาพุทธกับของธรรมกายนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พระพุทธเจ้า ศาสนาพุทธ - ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นผู้ละกิเลสแล้วโดยสิ้นเชิง ทรงนิพพานไปแล้ว ไม่เวียนว่ายตายเกิดอีก ทรงไม่อยู่ในภพภูมิใดทั้งสิ้นอีก ธรรมกาย - พระพุทธเจ้าอยู่ในแดนนิพพาน มารเข้าไปรบกวนได้ ผู้อื่นสามารถเข้า-ออกได้ พระธรรม ศาสนาพุทธ - พระธรรมประกอบด้วย - พระวินัยปิฎก ได้แก่ประมวลระเบียบข้อบังคับของบรรพชิตที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้สำหรับภิกษุและภิกษุณี - พระสุตตันตปิฎก หรือ พระสูตร ได้แก่ประมวลพระพุทธพจน์ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยังที่ต่างๆ ให้เหมาะกับบุคคล สถานที่ และเหตุการณ์ มีเรื่องราวประกอบ - พระอภิธรรมปิฎก หรือ พระอภิธรรม ได้แก่ประมวลคำสอนที่เป็นหลักวิชาการล้วนๆ ไม่เกี่ยวด้วยบุคคลหรือเหตุการณ์ ไม่มีเรื่องราวประกอบ ธรรมกาย - เอาคำสอนในศาสนาพุทธมาบังหน้าและบิดเบือนเช่น "จากนิพพานเป็นอนัตตา" ก็บิดเป็น "นิพพานเป็นอัตตา" หรือ "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต" ก็กลายเป็น "ผู้ใดเห็นธรรมกาย ผู้นั้นเห็นเราตถาคต" นอกจากนี้ธรรมกายยังเน้นที่เห็นดวงแก้วเป็นหลักอีกด้วย พระสงฆ์ ศาสนาพุทธ - พระสงฆ์คือพระอริยะได้แก่ พระอรหันต์ พระอนาคามี พระสกิทาคามี และพระโสดาบัน โดยแต่ละระดับนั้นจะถือที่ความเบาบางของกิเลสเป็นตัวตัดสิน เช่น "พระอรหันต์ เป็นผู้ไร้ซึ่งกิเลสแล้ว" "พระอนาคามี ตัดเรื่องสังโยชน์ทางกายไปได้ หมดซึ่งกามราคะ ความโกรธ ความหลง มีจิตต้องการในพระนิพพานเพียงอย่างเดียว" เป็นต้น ธรรมกาย - พระสงฆ์ของธรรมกายแบ่งระดับกันที่ขนาดของกายทิพย์หรือที่เรียกกันว่า ธรรมกาย นั่นเอง เช่น ธรรมกายพระอรหันต์ ธรรมกายพระอนาคามี เป็นต้น เมื่อลองพิจารณาแล้ว จะเห็นได้ทั้งว่า พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ของศาสนาพุทธ และลัทธิธรรมกายนั้น"แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง" จึงบอกได้อย่างชัดเจนว่า"ธรรมกายไม่ใช่ศาสนาพุทธ" หากแต่เป็น"ลัทธิที่เอาศาสนาพุทธมาบังหน้าเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว"เท่านั้น หากมีข้อมูลใดผิดพลาดก็ขออภัยล่วงหน้าด้วยครับ จากคุณ : Kudo Kai เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 20:19:50

ความคิดเห็นที่ 51 กฏหมายหรือองค์กรสงฆ์จัดการอะไรไม่ได้เลยหรือ? จากคุณ : หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 20:21:52

ความคิดเห็นที่ 52 พระพุทธเจ้าบรรลุนิพพานใต้ต้นไม่้ หากผมจ่ายเงินให้วัดนี้สิบล้านจะทำให้ผมบรรลุนิพพานมั้ยครับ บุญผมไม่เอา..........หรือว่าวัดนี้ให้ได้แต่บุญที่มองไม่เห็น จากคุณ : เจ้าชายเท้าเปล่า เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 20:57:15

ความคิดเห็นที่ 53 อยากรู้จัง เงินที่ทำบุญไปทำอะไรต่อ จากคุณ : พ่อมดกระป๋อง เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 20:57:35

ความคิดเห็นที่ 54 ตกลงเป็นช่องตลกเหรอครับเนี่ย อ่านแต่ละความเห็นฮา ๆ ทั้งนั้นเลย ว่าง ๆ แวะเข้าไปดูมั่งดีกว่า เผื่อฮา จากคุณ : นมผงผสมน้ำผึ้ง เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:08:26

ความคิดเห็นที่ 55 สงสัยมาจากทู้นู้นอ่ะ แหวนแมวนี่ ต้องเอาแมวไปให้พระ(ปล่อยวัด)เหรอ ตายไปถึงจะได้ใส่แหวนแม จากคุณ : พังพอน on the BeacH เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:10:42

ความคิดเห็นที่ 56   http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9533729/A9533729.html กระทู้แรกด๋อยอีกแล้ว ถ้าไม่ด๋อยก็น่าจะถึงพัน จากคุณ : Titus_maY เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:19:26

ความคิดเห็นที่ 57   แจ้ง สอรายุด ได้มั้ยค่ะ ถ้าลุงสอตามประเด็นเดี๋ยวอาจจะถูกเก็บได้นะจ๊ะ นะจ๊ะ จากคุณ : Titus_maY เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:21:38

ความคิดเห็นที่ 58 ได้แต่สงสารคนโดนหลอก เคยถามเพื่อนที่เป็น สาวก ว่า : "บุญมีเป็นตัวเลขหรอ เห็นว่ามีแบ่งเป็นเปอร์เซ็น" สาวก : "ไม่มีสิ บุญจะมีได้ไง" ผม : "แล้วทำไมบริจาคเงินมาก ได้บุญมาก คิดเป็นสัดส่วนยังไง" สาวก : "ไม่รู้สิ ทำดี คิดดีก็ต้องได้ดีสิ" ผม : "แต่เห็นบอกว่ามีแบ่งบุญเป็นเปอร์เซ็นด้วย แล้วตูควรบริจาคยังไงให้มันได้อ่ะ" สาวก : "มีเท่าไหร่ ก็บริจาคเท่านั้นแหละ" ผม : "..." โดนรวมแล้วการตลาดดีมากครับ จากคุณ : SDKaizar เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:23:31

ความคิดเห็นที่ 59 เล่าประสบการณ์บ้าง สมัยอยู่มัธยมต้นเคยเข้าค่ายธรรมะที่โรงเรียนจัด ซึ่งดูเหมือนเขาจะโคกับชมรมพุทธของที่ไหนซักที่(จำไม่ได้) ก็ไปเข้าที่วัดๆหนึ่ง ทำกิจกรรมไปเรื่อย แต่พอวันสุดท้ายของค่าย ทางโรงเรียน(หรือจนท.ค่ายก็ไม่รู้) พาแว้บเข้าไปที่วัดๆนี้ = =' โดยที่ไม่มีบอกในกำหนดการล่วงหน้าเลย (ตอนผมกลับมาที่บ้านเล่าให้ที่บ้านฟัง พ่องี้โกรธใหญ่ว่าทำไมโรงเรียนทำแบบนี้) จำได้ว่า ทางวัดพาไปเดินดูบางส่วนในวัด แบบเห็นแล้วไม่รู้สึกเลยว่านี่คือวัด = =' มันดูมีราคายังไงไม่รู้ กว้างใหญ่และสวยงาม .. (ไปรึเปล่า) รู้สึกเลยว่าเขาต้องใช้งบมากในการบำรุงรักษามันแน่ๆ   แต่ที่พิเศษคือเขาพาพวกผมไปฟังบรรยายที่ห้องๆหนึ่ง ฉายสไลด์ความเป็นมา แล้วก็เหมือนจะกึ่งๆสอนไปในตัวด้วย จำไม่ได้แล้วว่าในั้นพูดว่าอะไรบ้าง แต่จำได้อย่างนึงคือ .. ถ้าใครฟังคำพูดแบบนี้มากๆเข้าคงคล้อยตาม บริจาคโน่นนี่ให้แน่ๆ .. ยอมรับว่าตอนผมออกมาจากที่นั่นยังเกือบๆจะรู้สึกเห็นดีเห็นงามไปกับวัดนั้นด้วยเลย ซักวันสองวันถัดมานั่นแหละถึงหายมึน = ='' มีอีกตัวอย่างของพี่ชายเพื่อน ทำท่าไหนเข้าไม่รู้ ได้เข้าไปอยู่-อบรมในวัดนั้นอาทิตย์กว่าๆ กลับมาพ่อแม่ตกตะลึง เพราะเจ้าตัวมาบอกพ่อแม่ว่า "ให้บริจาคเงินทองที่มีอยู่ให้หมด" แล้วก็สาธยายถึงคุณความดีของ "การบริจาคหมดตัว" เป็นคุ้งแคว พ่อแม่เค้าช็อกไปเลย เพื่อนผมบอกว่า ต้องมานั่งจับเข่าคุยกับพี่ชายยันเช้าถึงดีขึ้น แต่กว่าเจ้าตัวจะล้มเลิกความคิดเรื่องบริจาคก็ผ่านไปเป็นอาทิตย์ๆ = =''' พิมพ์ๆไปชักนึกถึงเรื่อง 'เพื่อน' ในการ์ตูน 20th century boys แฮะ แต่คงไม่ขนาดนั้นเนอะ ... แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 53 21:25:33 จากคุณ : lonea เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:24:12

ความคิดเห็นที่ 60 ทาน ๑. ทำทานแก่สัตว์เดรัชฉาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่มนุษย์ แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมเลยก็ตาม ทั้งนี้เพราะสัตว์ย่อมมีบุญวาสนาบารมีน้อยกว่ามนุษย์ และสัตว์ไม่ใช่เนื้อนาบุญที่ดี ๒. ให้ทานแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมวินัย แม้จะให้มากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานแก่ผู้มีศีล ๕ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม ๓. ให้ทานแก่ผู้มีศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล ๘ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม ๔. ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่ผู้ที่มีศีล ๑๐ คือสามเณรในพระพุทธศาสนาแม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ๕. ถวายทานแก่สามเณรซึ่งมีศีล ๑๐ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระสมมุติสงฆ์ ซึ่งมีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อ พระด้วยกันก็มีคุณธรรมแตกต่างกัน จึงเป็นเนื้อนาบุญที่ต่างกัน บุคคลที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนามีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสเรียกว่าเป็น "พระ" แต่เป็นเพียงพระสมมุติเท่านั้น เรียกกันว่า "สมมุติสงฆ์" พระที่แท้จริงนั้น หมายถึงบุคคลที่บรรลุคุณธรรมตั้งแต่พระโสดาปัตติผลเป็นพระโสดาบันเป็นต้นไป ไม่ว่าท่านผู้นั้นจะได้บวชหรือเป็นฆราวาสก็ตาม นับว่าเป็น "พระ"ทั้งสิ้น และพระด้วยกันก็มีคุณธรรมต่างกันหลายระดับชั้น จากน้อยไปหามากดังนี้คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และย่อมเป็นเนื้อนาบุญที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้ ๖. ถวายทานแก่พระสมมุติสงฆ์ แม้จะมากกว่า ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม (ความจริงยังมีการแยกเป็นพระโสดาปัตติมรรคและพระโสดาปัตติผล ฯลฯ เป็นลำดับไปจนถึงพระอรหัตผล แต่ในที่นี้จะกล่าวแต่เพียงย่นย่อให้ได้ความเท่านั้น) ๗. ถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระสกิทาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ๘. ถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอนาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ๙. ถวายทานแก่พระอนาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระอรหันต์ แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ๑๐. ถวายทานแก่พระอรหันต์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ๑๑. ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม ๑๒. ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทาน ที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะได้ถวายสังฆทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ๑๓. การถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่า การถวายวิหารทาน แม้จะได้กระทำแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม วิหารทานได้แก่การสร้างหรือร่วมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาโรงธรรม ศาลาท่าน้ำ ศาลาที่พักอาศัยคนเดินทาง อันเป็นสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน อนึ่งการสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์หรือสิ่งที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน แม้จะไม่เกี่ยวเนื่องกับกิจในพระพุทธศาสนา เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน บ่อน้ำ แท็งก์น้ำ ศาลาป้ายรถยนต์โดยสารประจำทาง สุสาน เมรุเผาศพ ก็ได้บุญมากในทำนองเดียวกัน ๑๔. การถวายวิหารทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง (๑๐๐ หลัง) ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ธรรมทาน แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้ธรรมทานก็คือการเทศน์ การสอนธรรมแก่ผู้อื่นที่ยังไม่รู้ให้ได้รู้ ที่รู้อยู่แล้วให้รู้ยิ่งๆ ขึ้น ให้ได้เข้าใจมรรคผล นิพพาน ให้ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิได้กลับใจเป็นสัมมาทิฐิ ชักจูงผู้คนให้เข้าปฏิบัติธรรม รวมตลอดถึงการพิมพ์ การแจกหนังสือธรรมะ ๑๕. การธรรมทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ "อภัยทาน" แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้อภัยทาน ก็คือการไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรู ซึ่งได้บุญกุศลแรงและสูงมากในฝ่านทาน เพราะเป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อละ "โทสกิเลส" และเป็นการเจริญ "เมตตาพรหมวิหารธรรม" อันเป็นพรหมวิหารข้อหนึ่งในพรหมวิหาร ๔ ให้เกิดขึ้น อันพรหมวิหาร ๔ นั้น เป็นคุณธรรมที่เป็นองค์ธรรมของโยคีบุคคลที่บำเพ็ญฌานและวิปัสสนา ผู้ที่ทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ย่อมย่อมเป็นผู้ทรงฌาน ซึ่งเมื่อเมตตาพรหมวิหารธรรมได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อใด ก็ย่อมละเสียได้ซึ่ง "พยาบาท" ผู้นั้นจึงจะสามารถให้อภัยทานได้ การให้อภัยทานจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยากเย็น จึงจัดเป็นทานสูงกว่าการให้ทานทั้งปวง ศีล ๑. การให้อภัยทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๕ แม้จะได้ถือแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ๒. การถือศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๘ แม้จะถือแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ๓. การถือศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๑๐ คือการบวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา แม้จะบวชมาได้แต่เพียงวันเดียวก็ตาม ๔. การที่ได้บวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา แล้วรักษาศีล ๑๐ ไม่ให้ขาด ไม่ด่างพร้อย แม้จะนานถึง ๑๐๐ ปี ก็ยังได้บุญน้อยกว่าผู้ที่ได้อุปสมบทเป็นพระในพุทธศาสนา มีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ แม้จะบวชมาได้เพียงวันเดียวก็ตาม ภาวนา แม้จะได้อุปสมบทเป็นภิกษุรักษาศีล ๒๒๗ ข้อ ไม่เคยขาด ไม่ด่างพร้อยมานานถึง ๑๐๐ ปี ก็ยังได้บุญกุศลน้อยกว่าผู้ที่ทำสมาธิเพียงให้จิตสงบนานเพียงชั่วไก่กระพือปีก ช้างกระดิกหู ผู้ใดแม้จะทำสมาธิจนจิตเป็นณานได้นานถึง ๑๐๐ ปี และไม่เสื่อม ก็ยังได้บุญน้อยกว่าผู้ที่มองเห็นความเป็นจริงที่ว่า สรรพสิ่งทั้งหลายอันเนื่องมาจากการปรุ่งแต่งล้วนแล้วแต่มาจาก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แม้จะเห็นเพียงชั่วขณะจิตเดียวก็ตาม credit http://board.palungjit.com/f10/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B5-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%A3-19673.html ปล. ทำบุญจนหมดตัว ยังน้อยกว่า ผมให้อภัยเพื่อนเลยครับ!! จากคุณ : ChaSW เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:26:24

ความคิดเห็นที่ 61 สงสัยไหมทำไมถึงหลอกคนมีตังค์ได้ เพราะไปวัดอื่นที่ไม่เกี่ยวกับวัดนี้เขาจะบอกว่าบุญล้างบาปไม่ได้ คนก็กลัวกัน แต่ไปวัดนี้บุญล้างบาปได้ แม้จะทำชั่วมากขนาดไหนก็ยังได้ขึ้นสวรรค์ ขอเพียงบริจาคเยอะๆ กลายเป็นเงินซื้อบุญได้ ใครไม่ทำบุญด้วยเงินเยอะๆก็จะไม่ได้บุญ ทำความดีละความชั่วแค่ไหนก็ไม่เท่าทำบุญเป็นเงิน พยายามทำให้บุญเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ คนก็เลยหลง ก็เหมือนไฟฟ้า เรามองไม่เห็นแต่ก็รู้ว่ามันมีอยู่จริง จ่ายเงินแล้วก็ได้ไฟฟ้าใช้ เพียงแต่บุญที่ซื้อไปมันพิสูจน์ได้ไม่ชัดเจนเท่าไฟฟ้า จึงต้องใช้ความเชื่อเยอะๆ กลับกลายเป็นการล้างสมองให้คนเชื่อว่า "บุญซื้อได้" จากคุณ : bubblebaba เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:29:04

ความคิดเห็นที่ 62 น่าลองไปทดสอบด้วยตัวเองจริง ๆ ฟังแล้วประสาท ๆ ชอบกล ได้ยินเรื่องวัดนี้ตั้งแต่ม.ปลาย มีเพื่อนกับแม่เค้า ทุกอาทิตย์ต้องไปวัดนี้ จะบริจาค ทำอะไรก็แล้วแต่ แต่แบบศรัทธามากกก มีการชวนเพื่อน ๆ ในห้องมาด้วย แต่พอเข้ามหาลัย เจอตัวเพื่อนอีกที ก็แซวเรื่องวัด มันด่าเช็ดเลย  แต่ยังเหลือแม่อีกคนที่ยังหลงอยู่ มันกะพ่อต้องคอยยื้อไว้ อนิจจาจริง ๆ แต่คิดจริง ๆ ต้องไปให้ได้ซักที ขนลุกอ่ะ จากคุณ : nagoyalover เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:29:40

ความคิดเห็นที่ 63 ถ้าเห็นชื่อล็อกอิน "กอบบุญ" โผล่มา อย่าไปสนใจ อย่าไปเถียง อย่าเปลืองเนื้อเปลืองตัวหาข้อมูลมาแย้งเขา เพราะเขานั้นเป็นเกรียนตัวพ่อ เป็นพวกบัวใต้โคลน ไม่รับฟังเหตุผลใดๆ ไม่ว่าเหตุผลนั้นดีแค่ไหน ต่อให้ดร.ทางธรรมมาโพสก็เถอะ ที่เขาทำเป็นอย่างเดียวคือ "แถ" เขาปากถือศีล แต่มือถือน้ำร้อนสาดหมาหน้า7/11 เตือนเอาไว้ "นะ๊จ๊ะ" จากคุณ : ณัฐกร เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:33:15

ความคิดเห็นที่ 64 ดูจากพระหน้าตึงแว่นโตคนนั้นบรรยายธรรมสิ พูดสองประโยคสาวกก็ สา...ธุ เรื่องไม่น่าขำก็หัวเราะพร้อมสา...ธุ ยังกะวิทยากรแอมเวย์ โชว์การตีฟองผงซักฟอก คนฟังก็ปรบมือ...5555ไรของมันวะ ผงซักฟอกประเทศไหนไม่มีฟอง จากคุณ : สาวเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:36:26

ความคิดเห็นที่ 65 พูดถึง "สวะห่มผ้าเหลือง" กันเหรอครับ ? จากคุณ : Sorry_I can't be perfect เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:39:20

ความคิดเห็นที่ 66 ^ ^ แรว๊งงง จากคุณ : Hermisy เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:41:43

ความคิดเห็นที่ 67   DMC = Donate Money Channel ? จากคุณ : ขอกาแฟร้อนไม่ใส่น้ำแข็งแก้วนึง เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:44:07

ความคิดเห็นที่ 68 ฮาแตก  ปัดระเบิดไปลงฮิโรชิมา  ถ้าญี่ปุ่นรู้จะเกิดสงครามไหมนิ จากคุณ : Metaphysics เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:52:46

ความคิดเห็นที่ 69   องค์กรต้มตุ๋นขนาดยักษ์ ที่มีผู้มีอิทธิพลหลายฝ่ายเข้าไปร่วมแบ่งผลประโยชน์ด้วย มันก็เลยปราบปรามลำบากและอาจจะไม่ได้เลยด้วยซ้ำ จากคุณ : Kalamazoo เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:54:28

ความคิดเห็นที่ 70 จากกระทู้ก่อน.... พอดีพิมพ์ คห. ไม่ได้แล้ว 1. พิธีกรเพี้ยนสุดๆ พูดออกไปได้ว่า ดิฉันสิคะ บริจาคหมดตัว   2. เข้ากระทู้ธรรมกายทีไรต้องเจอรูปการ์ตูนแปลก ๆ คล้ายๆ จ๊ะจิงจา มีแหวนแมวหนุงหนิง ฯ สร้อยข้าวต้ม เอิร์ทเควค ฯลฯ เกิดความรู้สึกไม่อยากเข้ากระทู้ธรรมกายอีกแล้ว ความรู้สึกต่อวัดแห่งนี้ เลยความเวทนา และความรู้สึกเฉยๆ ของเราไปแล้วอ่ะ >_< คล้ายๆ แผลเป็น ที่เวลาไปเกามันจะแสบๆ นิดๆ แต่ก็คงทำให้มันจางหายไปไม่ได้ จากคุณ : Suomi เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:56:52

ความคิดเห็นที่ 71 การมีสาวกของลัทธินี้เยอะๆก็ดีนะครับ การบริจาคเยอะๆ มีเท่าไหร่บริจาคหมด เราจะได้มีแรงงานทาสเยอะขึ้นเท่านั้น มาขายแรงงานกับเรา เราจ่ายเศษเงิน ทาสก็เอาเงินไปให้พวกนี้ ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของกิจการ จงเป็นทาสต่อไป เหอะๆๆๆ จากคุณ : โลหการ4 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:59:42

ความคิดเห็นที่ 72   นะจ๊ะ นะจ๊ะ จากคุณ : แม่สตางค์ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:02:32

ความคิดเห็นที่ 73 บริจาคแล้วเงินจะไปถึงสวรรค์จริงๆรึเปล่าก็ไม่รู้ หรือเขากำลังรวบรวมเงินเพื่อสร้างยานเหาะไปสวรรค์จริิงๆ จากคุณ : น้ำโคล่าในยาดม เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:03:46

ความคิดเห็นที่ 74 ผมต่อต้านวัดนี้ตั้งแต่เรียน ม4 ได้ 10 กว่าปีแล้ว จนรู้สึกปลงแล้ว คิดได้แค่ว่าโชคดีแค่ไหนที่ญาติพี่น้องเราและเพื่อนๆไม่มีใครโง่ขนาดไปเข้าลัทธิพวกนี้จนหมดเนื้อหมดตัวก็น่าจะพอใจแล้ว คนอื่นที่เค้าจะทำยังไงก็เงินเขาอย่ามายุ่งกับเราก็พอ คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาดเสมอครับ จากคุณ : med28 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:08:05

ความคิดเห็นที่ 75 เพราะ สาเหตุเดียว คับ การทำบุญก่ะวัด พระไม่ต้องเสียภาษี รับเน้นๆๆๆไครก้ออยากเป็น ทั้งนั้น ไม่มีการตรวจสอบที่มาของเงิน สบายๆๆๆ จากคุณ : ขนมใส่ไส้...ห่อใบตอง เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:09:49

ความคิดเห็นที่ 76 ท่านทราบมั้ย วัดใดมีพระสอบได้ปธ.9 มากที่สุดในประเทศไทย ?? ท่านทราบหรือไม่พระที่สอบปธ.9 คือพระที่บรรลุซึ่งความเพียร ความเพียรที่ว่าคือการเข้าถึงคำสอนหลักพระพุทธศาสนา .. วัดที่มีพระสอบปธ.9มากที่สุด บรรลุเข้าถึงแก่นพระธรรมคำสอนมากที่สุด วัดนั้นคือธรรมกายครับ จากคุณ : กอบบุญ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:14:32

ความคิดเห็นที่ 77 ^ ^ ^ สอบเอาวุฒิมาได้แต่ยืนยันจะปฎิบัติสิ่งที่ขัดกับหลักคำสอน สอบไปก็เท่าน้านนนน จากคุณ : โลโซแมน เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:18:19

ความคิดเห็นที่ 78 เงินมา บุญไป กรรมๆๆ  - - จากคุณ : killerboss03 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:18:45

ความคิดเห็นที่ 79 คนระดับเจ้าคนนายคน ระดับเจ้าของกิจการหลายร้อยล้าน ระดับดอกเตอร์ครูบาอาจารย์ ฯลฯ และทุกระดับชนชั้นในประเทศไทย  ท่านคิดว่าเขาโง่ เขางมงาย ท่านคิดว่าคนทั้งประเทศระดับเป็นแสนๆเป็นล้านๆ เป็นคนอย่างที่ท่านคิดหรือไงครับ  อย่าดูถูกความคิดความศรัทธาคนอื่นขนาดนั้นเลย มันส่อแสดงให้เห็นความเป็นบัวที่ไม่โผล่พ้นน้ำ ... ผมพูดง่ายๆแค่นี้ ผมไม่ขอต่อความยาวมากแล้ว จากคุณ : กอบบุญ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:21:34

ความคิดเห็นที่ 80 อยู่กันไปอายุก็ไม่ถึงร้อยปี ยังทำอะไรที่ปัญญาอ่อนกันอยู่ได้วัดนี้ คิดได้ไงแต่ละอย่าง ขอโทษครับที่หยาบคาย ผมรู้สึก และคิดอย่างนี้จริงๆ จากคุณ : เถียร เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:23:36

ความคิดเห็นที่ 81 ขอต่ออีกนิดนะครับ คุณอยากศรัทธา อยากบริจาคมากมายหลายล้าน คุณอยากแฮปปี้ในแบบพวกคุณก็ทำไป ตราบใดที่พวกคุณไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ทำไปเถอะ แต่ชาตินี้ทั้งชาติ สักบาทเดียวพวกคุณก็จะไม่ได้จากผม  จำไว้ จากคุณ : เถียร เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:28:31

ความคิดเห็นที่ 82 ขอต่ออีกนิดนะครับ คุณอยากศรัทธา อยากบริจาคมากมายหลายล้าน คุณอยากแฮปปี้ในแบบพวกคุณก็ทำไป ตราบใดที่พวกคุณไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ทำไปเถอะ แต่ชาตินี้ทั้งชาติ สักบาทเดียวพวกคุณก็จะไม่ได้จากผม  จำไว้ จากคุณ : เถียร เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:29:17

ความคิดเห็นที่ 83 ^ ^ มาแล้ววววววว แล้วแก่นของพระธรรมคำสอนคืออะไรหรือครับ ทำบุญมากจนหมดตัวไม่มีกินแล้วได้ขึ้นสวรรค์.....ใครสอนเหรอครับ จากคุณ : ป๊าม้าออนเซน เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:33:56

ความคิดเห็นที่ 84 ไร้สาระ จากคุณ : fukaze เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:34:39

ความคิดเห็นที่ 85 ขอถามคุณกอบบุญ หน่อยครับ เป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาคืออะไรครับแล้วของธรรมกายคืออะไรครับ จากคุณ : -sam- เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:34:49

ความคิดเห็นที่ 86 ความคิดเห็นที่ 79     คนระดับเจ้าคนนายคน ระดับเจ้าของกิจการหลายร้อยล้าน ระดับดอกเตอร์ครูบาอาจารย์ ฯลฯ และทุกระดับชนชั้นในประเทศไทย  ท่านคิดว่าเขาโง่ เขางมงาย ท่านคิดว่าคนทั้งประเทศระดับเป็นแสนๆเป็นล้านๆ เป็นคนอย่างที่ท่านคิดหรือไงครับ  อย่าดูถูกความคิดความศรัทธาคนอื่นขนาดนั้นเลย มันส่อแสดงให้เห็นความเป็นบัวที่ไม่โผล่พ้นน้ำ ... ผมพูดง่ายๆแค่นี้ ผมไม่ขอต่อความยาวมากแล้ว จากคุณ : กอบบุญ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:21:34   ------------------------------------------------------------------------------ คนเหล่านี้อาจจะไม่โง่ครับ แต่ "โคตรงมงาย" ก็เพราะหลงแต่วัตถุนิยมไงครับ คุณค่าทางจิตใจมันถึงได้ต่ำ เอะอะก็เอาเงินซื้อ แม้แต่สวรรค์ก้คิดว่าจะไปได้ด้วยเงิน ถามจริงๆ ที่บริษัท ทำมาโกย เขาออกใบรับประกันให้ด้วยรึป่าวครับ ว่าจะได้เกิดในชั้นไหน "รับประกันทุกระดับชั้น ได้เกิดในสวรรค์แน่นอน ทำมาโกย รับประกันความพอใจ" แล้วอย่าลืมนะครับ ว่าบาปมันล้างด้วยเงินไม่ได้ ยังไงตายและต้องแวะนรกก่อนนะครับ ชดใช้กรรมแล้วค่อยไปเกิด จากคุณ : wahama เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:36:53

ความคิดเห็นที่ 87 วัดนี้คล้าย ลัทธิไรซักอย่างนึงเลย มีอย่างที่ไหน ทำบุญแบบจ่ายผ่อน เกิดมาก็เพิ่งเจอแบบนี้ด้วย  -*- จากคุณ : บราวนี่ชีสเค้กท็อปปิ้งวิคครีม เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:37:30

ความคิดเห็นที่ 88 ครั้งนึงเราเคยไปนั่งวิปัสสนาที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทองค่ะ มีพระอาจารย์รูปหนึ่งจากภาคเหนือมาเป็นวิทยากร (ขอไม่เอ่ยนามท่านนะคะ แต่ท่านเป็นพระที่เขียนหนังสือเยอะพอสมควร และค่อนข้างดังในทางสั่งสอน) เราถามท่านว่า "การที่มีพระบางวัด ออกมาอ้างว่าทำบุญแล้วจะได้สร้อยรูปข้าวต้มมัดอย่างนั้นอย่างนี้ มันจริงรึเปล่าคะ" ท่านตอบแนวๆ อย่างนี้ค่ะ "จริง หากจิตของคนๆ นั้น เกิดการกำหนดรูปลักษณ์ในสิ่งที่ตัวเองต้องการไว้ เหมือนกับคนที่ตายไปใหม่ๆ บางคนก็อาจจะกำหนดรูปของจิตให้เห็นกายตัวเองเป็นตัวตนขึ้นมาได้ ทั้งๆ ที่จริงแล้วกายของเรานั้นแยกออกจากจิตไปแล้ว ดังนั้น หากใครที่ยึดมั่นกับรูปลักษณ์ตรงนั้น ตายไปเขาก็อาจจะได้ตามที่จิตคิด เพราะจิตเขากำหนดขึ้นเอง" แต่พระอาจารย์มีเสริมค่ะ ท่านบอกว่า "เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้จิตเราไปยึดมั่นหรือเปล่า พูดง่ายๆ เราอยากเป็นคนโง่หรือคนฉลาดกันล่ะ ก็ลองตรองดูละกัน" เพียงคำพูดเท่านี้ มันทำให้เราตาสว่างเลยค่ะ เรามาคิดๆ ดู อึม การที่วัดนั้นมีคำโฆษณาว่า ทำบุญมากๆ ด้วยไก่ย่างจะได้สร้อยไก่ย่างอะไรนั่น มันอาจจะไม่ได้เป็นคำพูดที่หลอกลวงอะไร ถ้าจิตเราคิดและยึดถือสิ่งนั้น ตายไปจิตเราอาจจะกำหนดมันขึ้นมาเองก็ได้ ใครจะไปรู้ แต่สิ่งเหล่านี้ มันไม่ได้ช่วยให้เราขจัดความยึดมั่นถือมั่นในใจไปได้เลย ยิ่งเราอยากได้อยากมีอยากเป็นเท่าไหร่ จิตเราก็จะร้อนรุ่มเท่านั้น ไม่ว่าอยากจะได้เป็นเทวดา หรืออยากจะมีหน้ามีตาในสวรรค์ก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราควรมีสติในการเลือกรับข้อมูลมากกว่าค่ะ หลายหนที่เราเคยได้ยินคนไปศึกษาการนั่งวิปัสสนาที่วัดนี้ แล้วกลับมาบอกว่า การนั่งสมาธิของที่นี่ สอนค่อนข้างดีจริงๆ เราลองฟังวิธีปฏิบัติ ก็ยังสนใจเลยค่ะ ดังนั้น ที่ดีๆ เขาก็มีนะคะ แต่เขาไม่ค่อยโปรโมต ทั้งๆ ที่มันดูดีกว่าการโฆษณาจำพวกทำบุญมากๆ หรือ จัดงานเล็กๆ ไม่ แต่ใหญ่ๆ ทำ พรรค์นี้ ในจริตหกเคยมีจริตนึงที่เราอ่านแล้วรู้สึกน่ากลัวมาก คือศรัทธาจริตค่ะ ดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร คนอาจจะมองไปว่าจริตที่แย่คือโมหะจริต แต่จริงๆแล้วเราว่าตัวศรัทธาจริตมันเป็นต้นความเขลาแบบเบาปัญญา ยิ่งหากเราไปเชื่อโดยปราศจากการไตร่ตรอง ไม่ได้คิดพิจารณาให้ถ่องแท้ เชื่อเพราะตามๆ กันมา เชื่อเพราะท่านผู้นั้นเป็นครูบาอาจารย์หรือเป็นคนมีชื่อเสียง เชื่อโดยไม่ได้คิดถึงหลักที่พระพุทธเจ้าเคยสั่งสอน มันจะปิดกั้นไม่ให้เราได้รู้แจ้ง ด้วยจริตตัวนี้แหละ อย่างในกระทู้นี้ บางทีเราอาจจะมีมุมมองกันแค่ด้านบวกกับด้านลบ ซึ่งมันก็แล้วแต่ใครจะคิด หากสิ่งที่ดีที่สุดคือสติของเราค่ะ เลือกในสิ่งที่มีประโยชน์กับตัวเอง และเขี่ยทิ้งในสิ่งที่ไร้สาระ ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราเจริญงอกงาม นั่นน่าจะดีที่สุดนะคะ จากคุณ : ไกลนั้น เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:53:08

ความคิดเห็นที่ 89 แบบนี้เราทำชั่วอะไรก็ได้ ปล้น ฆ่า โกงเงิน แล้วเราก็ไปทำบุญกับวัดนี้ จองที่ดุสิตบุรี แล้วเราก็ไม่ตกนรกใช่มะ ใครทำบุญหมดตูด จะได้ชุดนี้ไปใส่เลยนะจ๊ะ...นะจ๊ะ...นะจ๊ะ...นะจ๊ะ จากคุณ : FruitChocolate เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:53:58

ความคิดเห็นที่ 90 รู้ไหมคติการบริจาคทรัพย์ให้วัดมาจากไหน? สมัยก่อนรัฐไม่ได้เก็บภาษีเพื่อเอามาเลี้ยงประชาชน ( เก็บไปเพื่อชนชั้นปกครอง แนวๆ ค่าคุ้มครองนั่นละ ) คนก็เลยนิยมบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้ศาสนสถาน แล้วศาสนสถานก็เอาไปแจกจ่ายให้คนยากไร้อีกทีหนึ่ง นึกไม่ออกไปดูวัดตามชนบทจะมีการแจกทุนการศึกษาให้เด็กยากจนนั่นละครับ สมัยก่อนวัดคือที่รวมของชุมชน สำคัญกับชาวบ้านเสียยิ่งกว่าทางการเสียอีก และวัดทั่วๆ ไปก็ไม่ได้บอกด้วยว่าต้องบริจาคมากถึงได้บุญมาก เพราะศาสนาไม่ได้สอนแบบนั้น ( อย่าว่าแต่พุทธเลย คริสต์หรืออิสลามก็ไม่เคยได้ยินว่ามีการสอนแบบที่ว่ามา ) มีแต่บอกว่าบริจาคตามศรัทธา เพราะศาสนาพุทธสอนให้ทำบุญโดยที่เราไม่เดือดร้อน เพราะถ้าทำแล้วทุกข์ ทำแล้วเดือดร้อน นั่นเป็นบาป คือเป็นทางที่ตึงเกินไป ไม่ใช่ทางสายกลาง เรื่องลัทธิจานบินนี่ก็นะ พาลให้ผมนึกถึงยุคหนึ่งที่ศาสนจักรวาติกันออก " ใบไถ่บาป " ประมาณว่าบาปน้อยจ่ายน้อย บาปมากจ่ายมากเป็นค่าล้างบาป ทั้งนี้เพื่อหาเงินมาซ่อมอาคารในวาติกัน ครั้งนั้นเป็นความอัปยศของคาทอลิกเลยทีเดียว แน่นอนละ คนที่ทุ่มทุนซื้อใบไถ่บาป ผมคงไม่ต้องบอกว่าชนชั้นไหน เป็นชนชั้นเดียวกับที่ทุ่มทุนบริจาคให้ลัทธิจานบินนี่ละครับ ถามว่าทำไมเขาทุ่มทุนขนาดนั้น? คุณเชื่อไหมว่าคนพวกนี้เชื่อเรื่องดวง โหราศาสตร์ และชาติภพมากกว่าชาวบ้านที่ขอเลขขอหวยจากสิ่งแปลกๆ เสียอีก ถามให้ลึกไปกว่านั้นว่าทำไมเขาเชื่ออะไรได้ขนาดนั้น? ไปดูที่มาที่ไปของแต่ละคนเถอะครับ ที่เห็นเก่งๆ ( ซึ่งเขาก็เก่งจริง ไม่งั้นไม่มีธุรกิจใหญ่โต ไม่มีอำนาจเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ) มีหน้ามีตาเนี่ย เขาใช้ิหนทางไหนบ้าง กว่าจะมาเป็น Elite ในสังคมได้อย่างทุกวันนี้ เมื่อพบแล้ว คุณจะเข้าใจและหนาวครับ จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:54:40

ความคิดเห็นที่ 91 เคยเห็นภาพพิธีงานศพของใครก็ไม่รู้ในธรรมกาย จัดซะยิ่งใหญ่อลังการมากๆ ถามจริงๆเถอะว่าที่นั่นเขาฉลองงานศพคนตายหรอ เห็นในรูปจุดดอกไม้ไฟ มีขบวนพาเรดด้วย อยากกับว่าดีใจที่เขาตายซะแล้วยังงั้นแหละ เหอๆ จากคุณ : .... (jajamoon) เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:58:39

ความคิดเห็นที่ 92 เบื่อมาก วัดเสื่อมวัดนี้ เคยเจอคนแจกใบปลิว ให้ไปบวชไรไม่รู้ที่วัดนี้ เราขยำทิ้งตรงหน้ามันนั่นแหละ ปัญญาอ่อน วัดยานอวกาศ จากคุณ : ข้าวขาหมู เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:02:52

ความคิดเห็นที่ 93 เอามาจากเพื่อนละกัน มันแซวเกี่ยวกับเรื่อง กู้ ผ่อน เพื่อไปทำบุญ... "การทำบุญแบบเงินกู้นั้น ได้บุญมากกว่าปกติ เพราะจะมีการคิดดอกเบี้ย เอ้ยยย บุญ ทบเงินต้นเข้าไปด้วย ทำให้เราได้บุญมากกว่าการทำบุญตามปกติ..." จากคุณ : Sweet Chin Music เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:11:54

ความคิดเห็นที่ 94 มีเรื่องเล่าของแม่ลูกคู่หนึ่งที่ลูกสาวศรัทธาทำมะโกย อยู่กันสองคนแม่กับลูกสาว ขายของที่ตลาด วันหนึ่งลูกสาวตามเพื่อนไปวัดทำมะโกยแล้วเกิดศรัทธาอย่างมาก แถมยังไปได้แฟนที่วัดด้วย หลังจากนั้นก็เอาแต่ไปวัด งานการไม่ทำ ไม่ช่วยแม่ขายของเหมือนเดิม แม่แก่มากแล้วก็ขายคนเดียวไม่ไหว  คุณแฟนของลูกสาวก็ไม่ได้ทำงานอะไร ไปวัดเป็นอาชีพเหมือนกัน  ตอนนี้ก็ผลาญเงินที่มีอยู่ไปเรื่อยๆ ไม่หาเพิ่ม ลูกสาวมาชวนเพื่อนไปสะสมบุญ  เจอเพื่อนสวนกลับว่า ถ้าทำแล้วทำให้แม่เดือดร้อนจะได้บุญยังไง เงินทองที่มีก็ร่อยหรอลงทุกวัน ลูกสาวโกรธสวนกลับว่าที่เธอทำก็เพราะกตัญญู  ทำบุญจองที่บนสวรรค์ไว้ให้แม่ด้วย 5555+ ไว้เงินหมดเมื่อไหร่ เธอคงรู้สึกเอง ไม่มีเงินมีเหรอวัดนี้จะต้อนรับ จากคุณ : FruitChocolate เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:12:54

ความคิดเห็นที่ 95 พระวัดธรรมกาก นี่อ่ะ สอนว่า "สวรรค์อยุ่ในอก นรกอยุ่ในใจ" ของท่านพระพุทธธาตุ ผิด.. เพราะสวรรค์มีจริง หลวงพ่อ ขึ้นไปดูมาแล้ว "นะจ๊ะ" แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 53 23:26:54 จากคุณ : ลูกหมูหัดกลิ้ง เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:15:49

ความคิดเห็นที่ 96 อยากรู้ว่าคนที่ใส่ชุดทองนั่นเป็นใคร ชื่ออะไร บริจาคเท่าไหร่ ถึงได้ใส่ชุดนี้ จากคุณ : ไม่บอกชื่อได้มั้ย เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:16:49

ความคิดเห็นที่ 97 คล้ายๆ โยเร ที่สระบุรี เพื่อนแม่ชวนไป ต้องเสียค่ารับพระ1000 ค่าทำบุญ ค่านู้ค่านี้ แล้วแม่ชีก็บอกว่ายิ่งทำบุญ(ด้วยเงิน)เยอะๆยิ่งได้บุญมากเรางี้ งง ไปเลย แล้วทุกคนที่ไปก็จะดูอินกันมากลย พวกนิกายพวกนี้น่ากลัวมากทำให้คนเชื่อได้เป็นจริงเป็นจัง เหมือนกับวัดนี้เลย จากคุณ : MeSa_may เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:16:52

ความคิดเห็นที่ 98 เข้ามาฟัง   เห็นด้วยทุกประการ พระอะไรโกงจนขึ้นศาลแต่ไม่โดนสึก??? จากคุณ : ข้าวเหนียวไก่ทอด เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:25:49

ความคิดเห็นที่ 99 ประมาณสิบปีที่แล้ว วัดนี้เป็นข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์ เกี่ยวกับการจาบจ้วงหลักสำคัญของพระพุทธศาสนา คือ อ้างว่า "นิพพานเป็นอัตตา" โดยหมายให้เข้าใจว่า นิพพานเป็นสิ่งที่จับต้องได้ จับจองได้ (โดยการบริจาค) ตอนนั้นมีพระธรรมปิฏก (ป.ปยุตโต) สมณศักดิ์ในขณะนั้น ได้เขียนหนังสือออกมาตอบโต้ ชื่อว่า "กรณีธรรมกาย" (ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะครับ) หนังสือเล่มนี้ ได้อธิบายประเด็นต่าง ๆ ที่ทางวัดธรรมกายได้นำมาสั่งสอนประชาชนทั่วไป ว่าผิดหรือขัดแย้งกับพระไตรปิฎกอย่างไร หรือที่ทางวัดธรรมกายมีการนำเนื้อหาเพียงบางส่วนที่ต้องการของพระไตรปิฏกมาสนับสนุนการกระทำของตัวเองอย่างไร ทำให้ประชาชนผู้รับข้อมูลเข้าใจเนื้อหาและจุดมุ่งหมายของพระไตรปิฏกผิดไปจากเดิมอย่างไร เพื่อประโยชน์อะไรและของใคร หนังสือเล่มนี้ได้อธิบายประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้อย่างชัดเจน พร้อมกับได้บอกว่าเนื้อหาที่เป็นจริงในพระไตรปิฏกนั้นคืออะไร ซึ่งมีการอ้างอิงถึงเล่มที่ และบทที่ของหนังสือพระไตรปิฏกที่อ้างถึงได้อย่างชัดเจน สามารถสืบค้นหาได้ ไม่มีการกล่าวอ้างลอย ๆ หรือยกเฆมมา   ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังจัดการอะไรได้ไม่มาก ผมก็อยากแนะนำพวกเราทุกคนที่เป็นห่วงพุทธศาสนา ให้ถือเหตุการณ์นี้เป็นโอกาสในการศึกษาศาสนาพุทธให้ละเอียดยิ่งขึ้นเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ตามกำลังสติปัญญาของแต่ละบุคคล ก็พอจะสามารถเปลี่ยนวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสได้บ้างไม่มากก็น้อยครับ ขอบคุณครับที่กรุณาสละเวลาอ่านจนจบ จากคุณ : กรณีธรรมกาย (ROTK) เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:26:54

ความคิดเห็นที่ 100 รูปที่โพสต์ใน #89 คือชุดมหาลดาปสาธน์ เป็นชุดแต่งงานของนางวิสาขา มีราคาสูงมาก เศรษฐีบางคนในสมัยนั้นยังสั่งทำไมได้  ทำมะโกยอวดอ้างทำขึ้น แต่ทำออกมาชุดอัลคาซ่าร์บางชุดยังสวยกว่า ไม่ยี่เกขนาดนี้  นางวิสาขาเป็นผู้สร้างวัดปุพพารามถวายพระพุทธเจ้า  ทำมะโกยเลยทำขึ้นมาหลอกล่อเพื่อให้คนเลียนแบบบริจาคตังค์เยอะๆ ให้วัดตัวเอง ประมาณว่าทำแล้วอาจมีวาสนาได้ชุดนี้ไว้ในครอบครอง คนใส่คือคุณศศินา วิมุตตานนท์ มีอีกคนที่ได้ใส่คือคุณน็อต ชนันภรณ์ แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 53 23:33:56 แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 53 23:38:16 จากคุณ : FruitChocolate เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:30:35

ความคิดเห็นที่ 101   เฉกมีสงฆ์ประพฤติทรามลามเสื่อมศาสน์ ฆราวาสล่วงรู้ไม่อยู่เฉย แต่กับภัยใกล้ตัวมัวละเลย รอทุกข์เกยกลบหน้าช้าเกินการณ์ จากคุณ : Golden-B เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:32:41

ความคิดเห็นที่ 102   ** ซ้ำครับ .. ขออภัย แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 53 23:35:37 จากคุณ : Golden-B เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:33:13

ความคิดเห็นที่ 103 เท่าที่เคยรู้มา   ศาสนาพุทธ  ไม่ยึดติดนิ คนเราจะทำบุญ  ตามศรัทธา  ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะมากจะน้อย บางคนไม่ได้ร่ำรวย แต่ทำบุญตามกำลังเรา  ทำแล้วไม่เดือนร้อนก็พอ ไม่ใช่ ทำมากทุ่มสุดตัว  กะได้บุญเยอะๆ แต่ตัวเองเดือนร้อน  ไม่มีเงินกินข้าว อันนั้นก็เกินไป บอกตรงๆ  รู้สึกไม่ดีเลย ได้อ่านผ่านๆ มีผ่อนบุญด้วย  ตลกมาก  เพิ่งรู้อะ  พระพุทธเจ้ายังไม่ทำแบบนี้เลย เราว่านะ  อย่าหวังอะไรชาติหน้าเลย  ไม่รู้ว่ามีจริงไหม รู้แค่ว่าชาตินี้ ตอนนี้ ทำดีเข้าไว้ดีกว่า ดูแลคนที่รัก ไม่ว่าจะพ่อแม่ หรือครอบครัวจะดีกว่า เอาให้พวกเขามีความสุข  และไ่ม่เดือนร้อนจากกระทำของเราก็พอ จากคุณ : แฟนหุ่นยนต์ > 3< (Honey_lovely) เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:49:28

ความคิดเห็นที่ 104 แค่เราทำบุญด้วยเงินก็บาปแล้ว ชาวพุทธควรศึกษาให้ดีก่อนทำบุญ เพราะเงินเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับพระครับ พระที่รับการทำบุญด้วยเงิน (คือรับเงิน) ค้องอาบัติ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ข้อที่18 (อาบัติประเภทหนึ่ง) พระที่รับเงินนั้นต้องปลงอาบัติ โดยการสละเงินนั้นออก (แต่ไม่ใช่สละโดยการนำไปฝากธนาคารหรือนำไปบริจาค) เมื่อพระรูปที่รับเอาเงินนั้นมาโดยที่กล่าวปลงอาบัติต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่สละเงินนั้นออก ก็เท่ากับกล่าวมุสาอยู่ดี เพราะฉะนั้น เราไม่ควรส่งเสริมให้พระทำผิดศีล กรุณาอย่าทำบุญด้วยเงินนะครับ ใครไม่เข้าใจหรือสงสัย ลองไปเปิดพระไตรปิฎก ฉบับ แปล เล่มปกสีแดง เล่ม3 หน้า 940 ดูได้ครับ พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสไว้อย่างชัดเจน จากคุณ : HappyDemon เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 00:00:19

ความคิดเห็นที่ 105 กรณีพิพาทระหว่างวัดพระธรรมกายกับชาวนา เสิร์ซในกูเกิ้ล จะรู้ซึ้งถึงจุดกำเนิด และความพยายามที่จะบิดเบือนของเหล่าสาวก จากคุณ : pipek (yukraider) เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 00:00:32

ความคิดเห็นที่ 106 มีพี่ที่ทำงานคนนึงเค้าดูเป็นคนธรรมะธรรมโมนะ  แล้ววันนึงเราก็ได้ยินพี่เค้าพูดว่า ผมไม่มีทางโดนโกงหรอกเพราะผมทำบุญคราวละหลายหมื่น ไอเราก็สงสัยว่าคนระดับนั้นทำไมถึงคิดแบบนี้ได้  คนทำบุญนิดหน่อยๆ อย่างเรายังรู้สึกว่ามันแปลก  วันหลังเลยมารู้ว่าแกชอบดูช่องธรรมะธรรมโมนะจ๊ะๆๆนั่นแหละ  ทำบุญเยอะนะคะ  แต่ก็ยังเบียดเบียนคนอื่นอยู่ทุกวัน  เฮ้อๆๆๆๆๆๆ ดูก็รู้ว่าเหมืนลัทธิอะไรสักอย่าง  คนเราเรียนยิ่งสูง  ฐานะยิ่งดีก็ยิ่งงมงาย  คิดว่าสิ่งที่มีอยู่สามารถแลกบุญได้ จากคุณ : kobori156_tikky เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 00:03:57

ความคิดเห็นที่ 107 เราจะปกป้องพระพุทธศาสนาได้อย่างไร พวกเราน่าจะช่วยกันได้ แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 00:26:30 จากคุณ : รามณรงค์ เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 00:25:07

ความคิดเห็นที่ 108 กระทู้ยังอยู่ไม่โดนอุ้ม สาธุ.....สาธุ.....สาธุ จากคุณ : กระเฉด เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 00:58:54

ความคิดเห็นที่ 109 ความคิดเห็นที่ 76     ท่านทราบมั้ย วัดใดมีพระสอบได้ปธ.9 มากที่สุดในประเทศไทย ?? ท่านทราบหรือไม่พระที่สอบปธ.9 คือพระที่บรรลุซึ่งความเพียร ความเพียรที่ว่าคือการเข้าถึงคำสอนหลักพระพุทธศาสนา .. วัดที่มีพระสอบปธ.9มากที่สุด บรรลุเข้าถึงแก่นพระธรรมคำสอนมากที่สุด วัดนั้นคือธรรมกายครับ จากคุณ : กอบบุญ   เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:14:32     ครับ ทราบแล้ว แล้วไงครับ??? อยากทราบว่าพระอรหันต์ในอดีตมีองค์ใดเคยสอบเปรียญไหมครับ??? หลวงปู่ชา หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้น ฯลฯ เคยสอบเปรียญไหมครับ??? สอบได้ ได้สอบมันก็เท่านั้นครับตราบใดที่ยังสอนให้มนุษย์รู้จักสงบ ปล่อยวางไม่ได้ ปล่อยวางจากการยึดติดในห้วงบาปแห่ง มิจฉาทิฐิของการทำบุญ ไม่ได้ แล้วจะเรียกว่าเข้าถึงคำสอนแห่งพุทธได้อย่างไรครับ ความคิดเห็นที่ 79     คนระดับเจ้าคนนายคน ระดับเจ้าของกิจการหลายร้อยล้าน ระดับดอกเตอร์ครูบาอาจารย์ ฯลฯ และทุกระดับชนชั้นในประเทศไทย  ท่านคิดว่าเขาโง่ เขางมงาย ท่านคิดว่าคนทั้งประเทศระดับเป็นแสนๆเป็นล้านๆ เป็นคนอย่างที่ท่านคิดหรือไงครับ อย่าดูถูกความคิดความศรัทธาคนอื่นขนาดนั้นเลย มันส่อแสดงให้เห็นความเป็นบัวที่ไม่โผล่พ้นน้ำ ... ผมพูดง่ายๆแค่นี้ ผมไม่ขอต่อความยาวมากแล้ว จากคุณ : กอบบุญ   เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:21:34     ผมไม่เคยคิดครับแบบนั้นครับ... ผมพิจารณาจากการกระทำด้วยหลักแห่งเหตุและผล หลักทางวิทยาศาสตร์แบบพุทธล้วนๆ กรรมเป็นผลแห่งการกระทำ เงินไม่เคยซื้อกรรมได้ครับ ผมจึงสรุปได้ว่าต่อให้ ยากดีมีจน รวยล้นฟ้าบารมีล้นจักรวาลยังไงก็โง่เป็นครับ ถ้ากิเลสมันบังตา ตัณหามันบังใจ แม้มันจะเป็น กิเลสและตัณหา แห่งบุญเพื่อทางไปสวรรค์ก็ตาม ผมก็ขี้เกียจพิมพ์ยาวๆ ครับ เพราะรู้ว่า พวกคนลัทธิสวะเหลืองพวกนี้ไม่มีสติเช่นกันครับ อย่ามัวเมาเอาแต่กอบบุญครับ มองดู กรรม จากการกระทำบุญของคุณบ้างนะครับ.... ว่ามันล้นบุญที่ทำไปรึยัง (ยอมบาปแบบนี้สักทีก็คงไม่ทำให้ผมต้องตกนรกนานกว่าสักเท่าใดหรอก 55555) จากคุณ : ผีเพื่อนหงส์ เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 01:00:55

ความคิดเห็นที่ 110   ความคิดเห็นที่ 109 เอาไป 1000 กิ๊ป ได้ใจผมเต็มๆ ตรง ลัทธิสวะเหลือง นี่แหละ จากคุณ : ไม่เชื่อ อย่าหดหู่ เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 01:22:31 A:58.9.151.222 X: TicketID:192928

ความคิดเห็นที่ 111 พระพุทธเจ้าตรัสไว้จริง ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนถาวรตลอดกาล ศาสนาพุทธก็เช่นกัน จากคุณ : garun studio เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 01:23:15

ความคิดเห็นที่ 112 ขนาดคุณกอบบุญ ไม่ได้เข้าข้าง ธรรมกาก นะเนี่ย รู้ดีซะ จนจะเป้น เจ้าอาวาสเองซะงั้น จากคุณ : ลูกหมูหัดกลิ้ง เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 01:24:02

ความคิดเห็นที่ 113 ปธ.9 ไม่ได้หมายความว่า พระรูปนั้นๆ จะรักษาศีลได้ 227 ข้อครบถ้วนครับ... สอบได้เยอะที่สุดดิ สาวกเยอะแยะ สอบทีนึง คนของวัดก็เป้นกรรมการซะเอง ตำแหน่ง หน้าที่ เหล่านี้ ในพุทธศาสนา ไม่มีด้วยซ้ำ ที่มีเนี่ยเพราะ คนรุ่นหลังมากำหนดเอาเสียเอง จากคุณ : ลูกหมูหัดกลิ้ง เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 01:27:18

ความคิดเห็นที่ 114   อ่าพอดีไปค้นกูเกิ้ลเล่นแล้วเจอมาน่ะครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน http://oldforum.serithai.net/index.php?topic=31147.0 จากคุณ : sayhoo เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 01:32:00 A:58.9.191.12 X: TicketID:226457

ความคิดเห็นที่ 115   ฮาแหวนไอติมearthquake คิดได้ไง 555+ จากคุณ : My everyday is la la... เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 02:02:58

ความคิดเห็นที่ 116 กอบบุญ เอ็งนี่ท่าจะโรคจิตนะ ชอบโพสหรือตอบ ล่อเป้าเหลือเกิน สงสัยอยากดังในดราม่า ความคิดแสดงออกมาแต่ละอย่างนี่โชว์ได้เลยว่าอยู่แต่ใต้กะลาของวัดนี่ สงสัยพวกโล้นๆวัดนั้นจะแบ่งตังให้เยอะนะ จากคุณ : [Duj-Dao]CM เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 02:04:46

ความคิดเห็นที่ 117 555 มีคนมาชวน ผมตอบกลับไปว่า ผมบูชาซาตาน...อึ้งไปเลยไง จากคุณ : JengisKhan เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 02:07:28

ความคิดเห็นที่ 119 ถามสาวกธรรมกาย หน่อยครับ ... เคยไหว้พระอรหันต์ ที่บ้านบ้างรึเปล่า ก่อนจะไปที่วัดอ่ะ ผมเห็นเพื่อนผม เคร่งจัด อยู่วัดนี้ อ่ะ แต่ ด่าพ่อด่าแม่ประจำ ตะหวาดใส่พ่อใส่แม่เนี่ย เคยมีพระผุ้ใหญ่ท่านนึง บอกกับผมว่า ไม่จำเป็นต้องมาไหว้พระที่วัดหรอก ที่บ้านโยม ก็มีพระอรหันต์ อยู่ที่บ้านแล้ว แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 02:18:51 แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 02:19:17 จากคุณ : ลูกหมูหัดกลิ้ง เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 02:17:55