Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
<< ดูแล้วมาคุยกัน ... The Last Airbender - ความในใจถึง มาโนช (เจ้าของหมู่บ้านที่เห็นผีและมีสัญลักษณ์ปรากฎที่ตัวสาว)>>  

  ชอบมาก ห้ามพลาด (21 คน)
  ชอบ (50 คน)
  เฉยๆ (45 คน)
  ไม่ชอบ (23 คน)
  ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (34 คน)

 12.14%
  ชอบมาก ห้ามพลาด (21 คน)
 28.90%
  ชอบ (50 คน)
 26.01%
  เฉยๆ (45 คน)
 13.29%
  ไม่ชอบ (23 คน)
 19.65%
  ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (34 คน)

จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 173 คน


เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป + อ่านความเห็นอื่นๆ + แสดงความเห็นเพิ่มเติม เก็บไว้ได้ที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=02-08-2010&group=14&gblog=231


รักคุณรักนะ มาโนช รักคุณ

... ผมเป็นแฟนหนังพี่มาโนช ขนาดเรื่องที่คนว่าห่วยที่สุดของเขาอย่าง  Lady in the water ผมก็ยังชอบอยู่ และถึงจะชอบ The happening  น้อยสุด มันก็ยังมีความสนุกตอนที่ได้ดู , พี่มาโนช จึงเป็น หนึ่งในผู้กำกับที่อยู่ในกลุ่ม ‘ดูแน่’ โดยไม่สนว่าใครจะว่ายังไง

(ความชอบหนังพี่มาโนช The Village > Unbreakable > Signs > The sixth sense > Lady in the water >The happening  )

The Last Airbender ดัดแปลงจากการ์ตูนเกี่ยวกับ ชนเผ่า 4 ธาตุ (ชวนให้คิดถึง “4 กุมารหาญกล้า ตรี คฑา จักร สังข์”) ที่เกิดการแย่งชิงอำนาจ โดยตัวร้ายเป็นธาตุไฟ เหล่าประชาชนทั่วหล้า เฝ้ารอการกลับมาของ เณรน้อยปล่อยลมปราณ ผู้สามารถผสานทั้ง 4 ธาตุไว้ด้วยกัน

ถึงจะลังเลเพราะคะแนนออกมาไม่ดีแค่ไหน แต่เรื่องนี้ก็อยู่ในเป้าหมายที่ตั้งใจว่า ดูแน่ ในฐานแฟนพันธุ์แท้พี่มาโนช



love ยกนิ้วให้เลย มาโนช love

... ผมชื่นชมใน ความกล้าของพี่มาโนช แม้จะรู้ว่า ตัวเองไปได้ดีกับหนังสยองขวัญหักมุมซุกซ่อนปรัชญา แต่ มาโนช ก็ไม่เดินย่ำรอยเดิมที่น่าจะเรียกได้ว่าของตาย(เพียงแต่ระยะหลัง บังเอิญว่าตายสนิท  ) ด้วยการหันมาดัดแปลงหนังแอนิเมชั่นให้ออกมาเป็น หนังแฟนตาซีเด็กๆ ด้วยแผนการจะสร้างไตรภาคให้ยิ่งใหญ่ปานมหากาพย์

เป็นความกล้าที่ชวนให้ตื่นเต้นเหมือนกับลุ้นให้ อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก มาทำหนังการ์ตูน , ให้ ไมเคิล เบย์  มาทำหนังพีเรียด หรือ ให้ เควนติน ทาแรนติโน่ มาทำหนังโรแมนติก คอมิดี้ ฯลฯ

ลำดับถัดมา คือ ทีมงานที่มาโนชร่วมด้วยในส่วนของงานด้านเทคนิก ต้องถือว่า แถวหน้าราคาดี

เพราะเอฟเฟคต์ ขั้นเทพ อลังสมราคาหนังเกรด A ถึงฉากส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเพราะเห็นมาเยอะ แต่ก็ยังคุ้มค่าน่าดูชมเวลาดูในจอใหญ่ การถ่ายมุมกว้างก็ดูทิวทัศน์อลังดี จะมีที่ชอบเป็นพิเศษหน่อยก็ ฉากควบคุมน้ำทั้งหลาย ที่ดูแล้วสวยดี

เอฟเฟคต์เกรด A เยี่ยงนี้ คู่ควรกับเนื้อเรื่องของหนังที่น่าสนใจ เพราะดูจบ ก็เกิดความอยากไปดูต้นฉบับที่เป็นแอนิเมชั่นต่อ เพราะถึง การต่อสู้ของธาตุทั้ง 4 จะเหมือนหนังจักรๆวงศ์ๆธรรมดา แต่ การสร้างคาแรคเตอร์ของตัวละครดูน่าสนใจมิใช่น้อย

เช่น

ตัวละครองค์ชายไฟ ที่ถูกพ่อขับไส , มีพี่เก่งกว่า , ถูกดูถูกจากคนทั่วหล้า เพียงเพราะว่า มีจิตใจอ่อนโยนไม่นิยมความรุนแรงซ่อนอยู่ แต่การถูกปฏิเสธจากคนเป็นพ่อ เป็นหมาหัวเน่าของเผ่าพันธุ์ เขาจึงพยายามพิสูจน์ตัวเองให้ชั่วช้าเพื่อให้พ่อยอมรับ เป็นตัวละครที่มีมิติ มีปมขัดแย้งในตัวที่น่าสนใจ,

แนวคิด การกลับชาติมาเกิดของ อวตาร ผู้ที่เหล่าร้ายไม่ต้องการฆ่า เพราะถึงฆ่าไปก็จะเกิดมาใหม่อีกครั้งอยู่ดี การเกิดใหม่แต่ละครั้งก็อาจจะมี สัญชาติของธาตุต่างกัน แต่ก็จะมีลักษณะร่วมที่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวสามารถจำความได้ในที่สุด บทหนังน่าจะสามารถเล่นสนุกกับการย้อนไปทบทวนการถือกำเนิดในแต่ละครั้ง เป็นการตามหาตัวตนที่แท้จริง เป็น ตัวละครที่น่าจะมีพัฒนาการหรือการเติบโตที่น่าสนุกชวนติดตาม,

การพูดถึง การปล่อยวาง การถ่ายโอนจิตวิญญาณ โยงเข้ากับเรื่องระดับ spiritual ทำให้เนื้อหาของเรื่องคงไม่ใช่แค่ การแย่งชิงอำนาจ แต่แฝงปรัชญาทางตะวันออก ร่วมด้วย

ฯลฯ

สามองค์ประกอบข้างต้น คือ สิ่งที่ผมชื่นชม และทำให้หนังเรื่องนี้มีดีที่สุดอยู่แค่ ‘หนังตัวอย่าง’ กินแห้ว



ใจสลายแต่ มาโนช นะ มาโนชใจสลาย

... จริงอยู่ ผมเป็นแฟนหนังของพี่มาโนช แต่กับเรื่องนี้ ผมพยายามลดความคาดหวังให้ต่ำที่สุดจากคะแนนวิจารณ์หลายแหล่งที่มาเป็นเอกฉันท์คือ เข้าขั้นโคม่า แม้แต่ คนดูทั่วๆไป ที่ไม่ได้สนอะไรเกินไปกว่า ความสนุก ยังพร้อมใจกันคว่ำนิ้วหัวแม่มือกันเป็นว่าเล่น

จริงอยู่ว่า หนังไม่ได้ถึงกับ ห่วยแตก  ประเภท บทมั่วซั่วเลอะเทอะ หรือ CG กากๆ แต่ สำหรับหนังฟอร์มยักษ์ ที่เต็มไปด้วยทรัพยาครคนมีฝีมือและเงินทุนหนา แล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาเกือบตลอดสองชั่วโมงของหนังให้ความรู้สึก ‘ทื่อ ทู่ และ จืดสนิท’ ได้ขนาดนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่คนส่วนใหญ่ผิดหวัง เมื่อได้ดูหนังตัวอย่างที่ตัดออกมาน่าดูระดับ น่าดูมากกกกกก

เสียงวิจารณ์ที่ผู้คนบ่นๆกัน จึงไม่ใช่เพราะ ความคาดหวังต่อตัวผู้กำกับจนเกิดอคติแต่อย่างใด เพราะผมเชื่อว่า

ต่อให้ ผู้กำกับไม่ใช่ มาโนช ชยามาลัน rocks แต่เป็น มานี ชะนีมาเลย์ woman เสียงบ่นจากคนอื่น และ ความเห็นถัดจากนี้ของผม ก็เหมือนกัน

ไล่ไปตั้งแต่

1. บทอัง หรือ อวตาร ผู้สามารถควบคุมทั้ง 4 ธาตุ ... เสียงก่นด่าของแฟนๆคือการเปลี่ยนสัญชาติจาก เอเชีย มาเป็น เณรฝรั่ง

ซึ่งผมเองนั้นก็ยังไม่เคยดูฉบับแอนิเมชั่น จึงไม่สามารถเทียบได้ว่าดีกว่าหรือไม่ แต่ไม่เข้าใจพี่มาโนช ก็ตรงตอนอ่าน บทสัมภาษณ์ที่พี่มาโนชบอกว่า เชื้อชาติไม่สำคัญเท่าความเหมาะสม การที่เลือก เด็กคนนี้ เหมาะกับบทที่สุดแล้ว

ประมาณว่า “โอ้ว ซาร่า ถึงจะพลิกจาก เก็กฮวย มาเป็น เป๊บซี่ ก็ไม่สำคัญเพราะ เขาเกิดมาเพื่อเล่นบทนี้”  แต่เอาเข้าจริง ไม่ได้รู้สึกว่า เณรน้อยปล่อยลมปราณคนนี้จะเล่นดีเลิศเลอเลย ไม่ได้รู้สึกว่าจะเป็น the one ที่ไม่มีใครดีกว่านี้อีกแล้ว

น้องอัง ไม่สามารถเป็น ตัวละครที่มีเสน่ห์หรือมีพาวเวอร์นำตัวหนังเดินหน้า หรือ เป็นศูนย์กลางที่น่าสนใจ ไม่ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการ จากความไม่อยากเป็นคนที่ใช่ ไปสู่ความน่านับถือ อย่างที่หนังอยากจะให้เป็น


2. แอคติ้ง ของนักแสดงส่วนใหญ่ในเรื่อง ออกมาระดับเดียวกับ ละครบางเรื่องในบางประเทศ ที่เราจะเห็นแอคติ้งแข็งๆแบบแสดงออกชัดเจนโจ่งแจ้งว่ารู้สึกอย่างไร และ ส่วนใหญ่ก็จะตีสีหน้าเดียวตลอดเวลา

เหมือนในเรื่องที่ ชายน้ำ -หน้าตาตื่น , หญิงน้ำ - หน้ากังวล , องค์หญิงน้ำ - หน้าเริงร่า , ชายไฟ - หน้าเคียดแค้น

พวกเขามาพร้อมคาแรคเตอร์แบนๆแอคติ้งเดียวไปจนจบเรื่อง

(เห็นหน้า Dev Patel มาแป้กกับเรื่องนี้ทั้งที่กำลังจะไปได้ดีจาก Slumdog อดลุ้นไม่ได้ว่าแฟนสาว Freida Pinto  ที่เลือกไปเล่นหนังอีกแนวด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในหนังใหม่ ของ วู๊ดดี้ อัลเลน ผลจะออกมาเป็นเช่นไร)

(ในบรรดาสหายหลายธาตุ มีท่านลุงของ ชายไฟ คนเดียว ที่ดูเป็นธรรมชาติกว่าชาวบ้าน)

นอกจากแอคติ้งเฉพาะตัวแล้ว พอดู ฉากแอคชั่นบางฉากก็ชวนให้คิดถึง หนังไทยยุคโบราณของบางประเทศ ที่ถูกซัดแล้วกระเด็นไม่เนียน ดูออกว่าตัวเองกระโดดถอยหลังเองหรือสลิงสไลด์ตัว

หรือ จังหวะที่เอฟเฟคต์เช่น เปลวไฟ ยังไปไม่ถึง บางเสี้ยววินาที เราก็เห็นคุณพี่กระเด็นไปก่อนแล้ว คือ ไม่เนียนไปกับ CG เพียงแค่ มีความอลังการ มีลีลา มี CG ที่เลิศกว่า หนังยุคโบราณบ้านเรา


3. บทสนทนาโผล่มา ทื่อๆ ท่องๆ ฟังดูทู่ๆ ทำให้ฉากที่อยากจะเรียกอารมณ์ร่วมมันไม่ได้เลย พูดเหมือนถึงคิว เหมือนท่องบท เช่น ฉาก อัง ปลุกระดมคนธาตุดิน ให้ลุกขึ้นสู้เถอะพี่น้อง อย่าปล่อยให้เขาข่มเหง  .... แกนนำสีต่างๆบ้านเรายังบิวต์อารมณ์ได้ดีกว่าอีก


4. บทหนัง เมื่อรวมกับบทสนทนา มาจนถึง การเล่าเรื่องแล้ว เข้าข่าย  – เฟล –  // yuck คือ ไม่ได้มั่ว ไม่ได้เละ แต่ ไม่ค่อยจะได้เรื่อง เมื่อเทียบกับหนังที่มีต้นทุนสูงผ่านระบบสตูดิโอ สามารถจ้างทีมเขียนบทเกรด A แถมมีพี่มาโนชมาคุมงาน

ต่อเนื่องมาจากไดอะล็อกจำนวนมากทื่อๆ มาเสริมกับ บทหนังที่มีอยู่ก็ไม่ได้ชวนให้เราเชื่อ พอเราไม่ได้เชื่อ เราก็ไม่ค่อยอิน พอเราไม่อิน เราก็เริ่มสงสัย พอเราเริ่มสงสัย เราก็จะเริ่มเบื่อๆเซ็งๆ พอเราเริ่มเบื่อๆเซ็งๆ เราก็จะเริ่มเห็น ความทื่อ ที่มากขึ้นไปอีก อาทิเช่น

ความสัมพันธ์ของ ชายน้ำ กับ องค์หญิงน้ำ >> เสียงบรรยายบอกว่า ทั้งคู่ถูกชะตาเมื่อแรกพบ ดูไปซักพักไม่กี่นาที อ้าว ฮึ สบตา เดินเล่น ตกลงว่ารักกัน แล้วเหรอ รักกันยังไง ... เอ้า รักก็รัก

ความน่ากลัวเมื่อไปแตะต้องเทพ >> ปลาตาย ฟ้าสีแดง แล้ว ... ยังไงอะ น่ากลัวยังไง

ธาตุไฟในตำนาน ส่วนใหญ่ถือสัญชาติอินเดียใช่มั้ย หรืออย่างไร

ฉากจบ ตั้งใจจะ แอนตี้ไคลแมกซ์ใช่หรือไม่ จบแบบอินดี้ คือ จบแบบไม่ชวนบิวต์อารมณ์ใดๆ เพราะ ตอนรบ รบกันยังไงก็ไม่ทันจะมันส์ พอรบกันไม่ทันจะมันส์ อีกฝ่ายที่มาเป็นกองทัพราวเป็นพันเป็นหมื่น เหมือนอยู่รบแค่หลักร้อยกว่าๆ ตอนจบจู่ๆก็หายจ้อยไปเกือบหมด

ฯลฯ

เมื่อมาเจอการเล่าเรื่องและการตัดต่อที่ไม่ค่อยสมูธต่อเนื่อง บวกองค์ประกอบที่ว่ามาทั้งหมด ก็พาลให้คนดูธาตุไฟแตกซ่าน พร้อมคิดถึง วันเก่าๆที่เคยปลาบปลื้มชื่นชม มาโนช ผู้กำกับในดวงใจ


(อ่านต่อ ที่ ความเห็น 1)

จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 11:16:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com