 |
ความคิดเห็นที่ 6 |
|
ที่เดือนร้อนจริงๆคือ วงการหนังไทย กับ วงการหนังฝรั่งฟอร์มกลางๆ กับ หนังฝรั่งฟอร์มเล็กๆครับ
เนื่องจากค่าตั๋วที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้คนดูเลือกดูแต่หนังฟอร์มใหญ่ๆ เอฟเฟคแพงๆ ลงทุนสูงๆ อลังการๆ ซึ่งหลายๆเรื่องไม่ใช่หนังดี แต่คนก็เลือกไปดู เพราะเห็นว่ามีเอฟเฟคเยอะ ฉากอลังการดี จึงรู้สึกว่าคุ้มเงิน
หนังไทยซึ่งไม่มีเงินลงทุนสร้างแบบนั้น รวมทั้งหนังฝรั่งฟอร์มกลางๆถึงเล็ก ก็เลยตายกันหมด เพราะคนดูรู้สึกว่า ในเมื่อลงทุนสร้างไม่เยอะ ก็ไม่น่าต้องจ่ายเงิน 140 - 200 ให้กับหนังเหล่านี้ หนังไทยดีๆ บทดีๆ หลายๆเรื่องจึงต้องเจ๊ง เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่ดู เพราะมองว่าไม่คุ้มเงิน
มีคนดูไม่กี่คนเท่านั้น ที่มองว่า ถึงหนังลงทุนน้อย แต่ถ้าเป็นหนังดี ก็คุ้มค่าตั๋ว ขณะที่คนดูส่วนใหญ่ จะมองว่า หนังต้องลงทุนสูงๆเท่านั้น ถึงจะคุ้มกับค่าตั๋ว
อธิบายเปรียบเทียบง่ายๆก็คือ
"ต่อให้คุณทำส้มตำอร่อยเด็ดแค่ไหนก็ตาม คุณก็ต้องขายในราคาไม่เกิน 30 บาท ถ้าคุณขึ้นราคาส้มตำ ไปเทียบเท่ากับโคลสลอว์เมื่อไหร่ คุณก็ขายไม่ออกเมื่อนั้น"
ทางรอดของวงการหนังไทย และ วงการหนังฝรั่งฟอร์มเล็กๆ คือ
ต้องปล่อยให้หนังฟอร์มใหญ่ๆ ขายตั๋วราคา 140 - 200 บาทไปตามนั้น แต่ให้หนังไทยกับหนังฟอร์มเล็กๆ ขายตั๋วในราคา 100 - 120 เท่าเดิม
สูตรที่ว่านี้ก็คือ
หนังไทย ขายตั๋ว 140 บาท มีคนมาดู 100,000 คน เท่ากับ 14,000,000 บาท หนังไทย ขายตั๋ว 100 บาท มีคนมาดู 200,000 คน เท่ากับ 20,000,000 บาท
ประเด็นนี้ก็ถูกพูดถึงบ่อยมากๆ ในกลุ่มผู้สร้าง และผู้กำกับหนังไทย แต่ทว่า การชักจูงให้ทางโรงภาพยนตร์คล้อยตามนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขาดผู้หลักผู้ใหญ่ หรือ ภาครัฐเข้ามาให้ความช่วยเหลือในส่วนนี้
ปล. ขนาดหนังไทยค่ายดังค่ายหนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยนาม) แม้จะได้เงินเยอะ แต่กว่าจะได้เงินเยอะ ก็ต้องลงทุนจ่ายค่าโปรโมทเกือบเท่ากับรายได้หนัง! พูดง่ายๆคือ แม้จะได้เงินเยอะ แต่เมื่อหักรายจ่ายแล้ว เหลือกำไรแค่นิดนึง!
จากคุณ |
:
แมลงปิศาจ_director
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ส.ค. 53 21:41:23
|
|
|
|
 |