 |
ขอบคุณผู้กำกับหนัง สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก มากครับ หนังคุณเป็นแรงบันดาลใจให้ผมมากจริงๆ
|
|
ผมไม่อยากเชื่อว่ามันตรงกับชีวิตจริงของผมมากขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าผมหล่อ และป๊อปในโรงเรียนเหมือนมาริโอ้นะครับ
ผมเหมือนตัวเอกในหนังแค่เรื่องเดียว คือ ความกลัวที่จะบอกรักครับ ซึ่งผมถือว่าผมได้พลาดโอกาสครั้งสำคัญครั้งหนึ่งไปเลยทีเดียว
ผมเคยชอบผู้หญิงคนหนึ่งสมัยมัธยมปลาย แต่เธอสวยระดับตัวท็อปของโรงเรียน อย่าว่าแต่คิดเลยครับ ฝันยังไม่กล้า
แต่แล้ววันหนึ่งคนที่ได้เธอไปเป็นแฟน คือใครรู้ไหมครับ คือ เพื่อนในกลุ่มของผมเอง
ผมไม่ได้คิดอะไร ก็แค่รู้สึกว่ามันโชคดี จนกระทั่งผมมารู้จากมันว่า ก่อนหน้านั้นเธอก็ชอบผม แต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงออก เธอเห็นผู้ชายมากมายเข้าไปจีบเธอ แต่ผมไม่เคยแสดงอะไรออกไปเลยว่าผมชอบเธอ เธอก็เลยคิดว่าผมคงไม่ได้สนใจเธอ เธอเล่าให้เพื่อนผมฟังเพราะว่าเพื่อนผมถามเธอว่า เกิดมาเคยอกหักรึป่าว อารมณ์ถามแบบขำๆ แล้วเธอก็ตอบว่า"เคยครั้งนึง" ซึ่งเพื่อนผมถามไปถามมา คนที่ทำให้เธออกหัก เธอหมายถึงผมนั่นเอง
เพื่อนผมอึ้งมาก แต่หารู้ไม่ว่าคนที่อึ้งจนโลกหยุดหมุนยิ่งกว่าคือตัวผมเอง
เมื่อเธอเป็นแฟนกับเพื่อนผม ผมก็ถึงได้มีโอกาสได้คุยกับเธอ ตอนแรกผมก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในเรื่องที่เพื่อนเล่า เพราะผมวิเคราะห์จากเหตุและผลแล้วมันทำใจให้เชื่อได้ยากจริงๆ จนตอนหลังถึงได้รู้จากปากเธอจริงๆว่าเรื่องที่เพื่อนเล่าเป็นความจริง
เชื่อไหมครับ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมเข้าใจคำว่า "สายเกินไป"เป็นอย่างดี
ทุกวันนี้หลังจากจบมัธยมปลายไป ต่างก็แยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัย ผมก็ไม่เคยเจอเธออีก แต่ก็เลิกชอบเธอไปนานแล้วครับ เลิกชอบตั้งแต่เธอเป็นแฟนกับเพื่อนผม เพราะลึกๆแล้วถ้าให้ผมต้องเลือกระหว่าง เพื่อน กับ คนที่ตัวเองชอบ ผมก็เลือกเพื่อนมากกว่า
แม้เหตุการณ์ครั้งนี้จะฝังใจผมมาจนถึงวันนี้ แต่ก็แทบไม่ได้ให้บทเรียนอะไรกับผมเลย เพราะหลังจากนี้ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก1ครั้ง ซึ่งก็คล้ายๆกัน คือ ผมไม่กล้าที่จะบอกอะไรออกไป จนอีกฝ่ายเข้าใจว่าผมไม่ได้คิดอะไรด้วย ผมรู้ว่าเขาก็รอให้ผมบอกนะ แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ผมยอมรับว่าผมผิดเองที่ไม่กล้าพูด ก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองเป็นคนแบบนี้เหมือนกัน
วันนี้หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ หนังทำให้ผมได้คิด ได้ทบทวนสิ่งที่ผ่านมาในอดีต ว่าความกลัวที่จะพูดคำว่ารักมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว อีกฝ่ายก็ไม่กล้า ฝ่ายเราก็กลัว ก็เป็นอันว่าไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ผมยอมรับว่าเหตุการณ์แรก ผมกลัวความผิดหวัง กลัวการถูกปฏิเสธ รู้สึกเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้า ส่วนเหตุการณ์หลังผมกลัวว่าบอกออกไปแล้วเขาไม่คิดเหมือนเราแล้วความเป็นเพื่อนจะหายไป แต่พอหลังจากผ่านเหตุการณ์มาแล้วมองย้อนกลับไป ค่อยรู้ว่า การถูกปฏิเสธ ,ความผิดหวัง ความน่าอาย เป็นเรื่องที่เทียบไม่ได้เลยแม้่แต่น้อย กับการที่ผมต้องสูญเสียโอกาสครั้งสำคัญไป ถ้าผมเพียงแค่กล้าบอกกับเธอว่าผมชอบเธอ เมื่อก่อนเคยคิดว่าการพูดคำๆนี้ไปมันก็คงไม่ต่างอะไรจากที่ผู้ชายคนอื่นๆที่มาจีบเธอพูดๆกัน ให้ดอกไม้เธอไป ดอกไม้ของผมก็คงไม่ได้ต่างอะไรจากดอกไม้ของหนุ่มๆคนอื่น แต่วันนี้หนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้แล้วว่ามันต่างกันมากมาย คำว่ารักจากคนอื่นนับร้อยพันมันก็ไม่มีค่าเท่าคำว่ารักเพียงคำเดียวจากคนที่เรารอให้เขาบอก ดอกไม้ล้านดอกจากคนที่เราไม่ได้ชอบ มันก็ไม่มีความหมายเท่าดอกไม้เพียงดอกเดียวจากคนที่เราอยากให้เขามอบให้กับเรา
ผมไม่รู้ว่ามีคนเป็นเหมือนผมมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าใครกำลังกลัวเหมือนที่ผมเคยกลัว ก็อยากให้ไปดูหนังเรื่องนี้ เนื้อหาของหนังคงจะให้คำแนะนำคุณได้ดีกว่าที่ผมอยากแนะนำ อย่างน้อยก็จะทำให้คุณมีความกล้า(ที่จะบอกรัก)ขึ้นมาบ้าง
แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 53 01:30:33
จากคุณ |
:
Cabriolet
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ส.ค. 53 01:23:12
|
|
|
|  |