ความคิดเห็นที่ 1 |
Q มาถึงตัวละคร “น้ำ” ที่ถือเป็นตัวละครที่จะนำพาคนดูไปสัมผัสถึงความรักอีกครั้ง มีการวางโจทย์กับตัวละครตัวนี้อย่างไรบ้าง
เสนาเพชร : ก็คุยกับน้องที่เป็นเจ้าของเรื่องมากขึ้น ให้เขาช่วยเขียนความในใจมาซักหนึ่งอัน แล้วก็ขอรูปเขาสมัยเรียนมัธยมมาดู คือหน้าไม่สวยเลย ผมเรียกว่าความรักหน้าเหี่ยง คือน้องเขาเอารูปมาให้ดูหน้าเขาเหี่ยงจริงๆอะ ดำๆอ้วนๆ หัวฟูๆ แล้วก็เอารูปเพื่อนเขามา เราก็เอาคาแรกเตอร์ตัวเขาเป็นหลัก กับเพื่อนๆตัวจริงที่เขามีอยู่ เราก็เริ่มเปิดแคสติ้ง
วศิน : ซึ่งตัวเขาจริงก็เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งเลย ที่ไม่สวยด้วย ผมคิดว่ามีคนเยอะแยะเลยที่มีคาแรกเตอร์แบบนี้ เป็นคนธรรมดาเลย แต่วันหนึ่งที่เขาจะทำมัน เขาก็จะทำมันให้สำเร็จให้ได้ ผมคิดว่ามันก็คล้ายๆกับใครหลายๆคน ผมเองก็เป็นแบบนั้นแหละตอนที่เราไปชอบผู้หญิงที่สวยมากในโรงเรียน
Q ความยากลำบากในการแคสติ้งเด็กผู้หญิงที่จะมารับบทเป็นน้ำเป็นอย่างไรบ้าง
เสนาเพชร : ตอนที่เราเปิดแคสติ้ง คือผมต้องการคนไม่สวยมาก คือไม่อยากสวยสุดๆ เพราะอยากเห็นพัฒนาการ ฉะนั้นเราก็เลยคัดเอาคนสวยมาร้อยกว่าคนที่อยู่ในวัย 15-17 คือเราเอามาแทบครบทั้งนางแบบนางเอกมิวสิค หรือแฟชั่นแมกกาซีน ดาวทุกโรงเรียนในวัยมัธยม ความสวยเยอะนะ แต่ที่เราต้องเลือกใบเฟิร์นเพราะว่ามีความสวยที่ไม่สวยอ่ะ บางคนเขาสวยที่พร้อมจะเป็นสตาร์ มีแอ๊คติ้งคือพร้อมที่จะเป็นนางเอกละครไปแล้ว
วศิน : และ ใบเฟิร์นไม่รู้ด้วยว่าตัวเองสวย เขาจะรู้สึกว่าหนูแย่หรือไอ้นั่นไอ้นี่ ไม่รู้ว่าพี่เขาจะเลือกไหม คือใบเฟิร์นมีอาการของคนไม่สวยอยู่ คือคนสวยจะดูออกว่าจะเชิดหยิ่งว่าตัวเองสวย แต่นี่เขาไม่มีอาการนั้นเลย แล้วพอให้ลองแสดงเขาก็เล่นได้ดีเลยครับ
เสนาเพชร : ก็เลยเลือกใบเฟิร์น แล้วหน้าเขาคือมันไม่มีการทำ คือไม่รู้ว่าเคยผ่านการจัดฟันมารึเปล่า แต่เวลาลักษณะของปากเวลาพูดคุยคือบางคนเด็กจัดฟันบางทีมันจะเสียส่วนการพูด การจา คือเราก็บอกไม่ถูก ฟันมันถูกถอนไป 4 ซี่ มันอาจจะทำให้กรามมันเบี้ยวไปได้
วศิน : แต่เขา น่าสนใจตั้งแต่ลองแคสแล้ว คือลองให้เล่นอะไรก็ตาม เขาก็น่าสนใจอยู่แล้ว แต่กว่าจะเลือกเขาได้ ก็เลือกมาเป็น 100 เหมือนกัน สุดท้ายคือใบเฟิร์นคือเราเลือกมารับบทสำคัญที่สุดของเรื่องนี้
Q หลังจากนั้นมีการพูดคุยกับใบเฟิร์นอย่างไรบ้าง
เสนาเพชร : คือเราก็อยากดูอาการเข าเวลาบอกว่าไม่สวยเขาจะมีอาการอย่างไร เราอยากจับแอ๊กติ้งเขาก่อน แล้วหน้าอย่างนี้ไหวเหรอ เราก็จะดูเขาเวลาที่มีแต่คนพูดกรอกหูว่าไม่สวยเขาจะมีอาการอย่างไร
วศิน : แต่สุดท้ายก็เอาบทให้เขาอ่าน เขาก็ชอบมาก อยากเล่น แล้วแม่ของใบเฟิร์นก็อ่าน เขาก็ชอบมาก
Q มาที่พระเอกสุดหล่อ “มาริโอ้” ที่มารับบทเป็นหนุ่มสุดหล่อขวัญใจสาวๆ ในเรื่องนี้
วศิน : คือตัวมาริโอ้เป็นภาพที่อยากได้มาตั้งแต่แรกเลย มาตั้งแต่ยังไม่มีบท มาตั้งแต่ฟังเรื่องของน้องคนที่ว่าอยู่เลยก็คิดถึงมาริโอ้แล้ว
เสนาเพชร : เรา ก็มองถึงตัวละครที่ว่าถ้าโผล่ขึ้นมาแล้วผู้หญิงมองก่อนเลย ความป๊อปปูล่าให้คนเขาชื่นชอบได้ ถ้าเป็นผมไปเดินก็คงไม่มีใครมอง คือมาริโอ้มองแวบแรกก็จะรู้สึกว่าหล่อ หน้าตาดี แล้วในวัยเท่าๆ กันมันก็มีไม่กี่คนที่ดูแล้วหล่อเทพอ่ะ
วศิน : แล้วเขามีความอบอุ่นอยู่ในสายตาเขาอ่ะ คือแทบจะไม่ต้องบอกเวลาที่เขามองมันแบบอบอุ่นเป็นมิตร เราถึงเลือก
Q คือตั้งใจเลือกมาริโอ้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีคู่แข่งเลย
เสนาเพชร : คือเราไปเจอเขาตั้งแต่แรกแล้ว เราก็เล่าบทบาทให้เขาฟัง เขาก็บอกว่าบทบาทแบบนี้เป็นบทที่เขาไม่เคยรับมาก่อน เซอร์นิดๆ ทะลึ่งหน่อยๆ เขาก็บอกเลยว่าอาจะให้โอ้เล่นอย่างไรบอกเลยนะครับ จะให้เล่นใหม่ก็บอกได้เลย โอ้เล่นได้ทุกอย่าง เพราะเขาอยากเปลี่ยนคาแรกเตอร์ตัวเองอยู่แล้ว
Q ถือว่าเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของโอ้ไปเลย
วศิน : ใช่คือเขาเห็นอะไรก็เฮฮาไปหมด เป็นคนจิตใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น คือเขาเป็นคนด้านบวกอยู่แล้วอ่ะ ในคาแรกเตอร์นะ เพียงแต่เขาจะคิดอะไรที่มันนอกกรอบหน่อย
เสนาเพชร : อย่างท่าเต้นในหนังเขาเป็นคนคิดเองนะ เราบอกว่าให้โอ้เต้นท่าอะไรที่มันหลุดโลก เราก็พยามทำท่าให้ดู หรือถามว่าโอ้มีท่าอะไรมั้ย เขาก็คิดท่าของเขามาก็น่ารักดี จริงๆแล้วโอ้เขาเป็นเด็กซนนะ แต่ด้วยความหล่อความเป็นซุปเปอร์สตาร์ทำให้ความซนเขาออกมากไม่ได้ แต่พอเราไปถึงที่กองถ่ายบรรยากาศของกองถ่าย หรือเพื่อนๆรอบข้างด้วยวัยที่ไกล้เคียงกันก็ซี้กันไปหมดเลย เดินกอดคอกันไป แทบไม่ได้มาอยู่กับพวกเรา
Q แล้วกับตุ๊กกี้ ที่มารับบทเป็นคุณครูสวยๆ ในเรื่อง
เสนาเพชร : คือ ตัวละครตัวนี้ คือเรามีเด็กแล้ว เราก็ควรจะมีครูซักคู่นึงเพื่อเป็นการเปรียบเทียบ มันมีครูสวย ครูไม่สวย เด็กสวย เด็กไม่สวย เรื่องราวมันก็ขนานกันไปเป็นเส้นนึง
วศิน : คือครูก็คอยผลักดันเด็กให้ก้าวหน้าต่อไป ได้เล่นละครได้ทำนั่นทำนี่ เพราะว่า ครูตุ๊กกี้เขาก็มีปัญหาของเขาเหมือนกัน คือเขาไปชอบครูพละคนนึงซึ่งคู่แข่งของเขาคือครูเจี๊ยบ พิจิตรา แต่ว่ามุกของเขาคือตุ๊กกี้จะบอกว่าเรื่องความสวยนั้นสูสี มาแข่งกันที่ผลงานดีกว่า ฉะนั้นทั้ง 2 คนเลยมาแข่งกันที่ผลงาน เพื่อให้ครูพละสนใจ แต่ว่าการที่จะทำผลงานดังกล่าวมันก็เป็นการผลักดันนางเอกให้ก้าวหน้าต่อไป
Q สำหรับตุ๊กกี้เรื่องมุกเขาดีไซน์ของเขาเองรึเปล่า
เสนาเพชร : ใช่เขาช่วยเราคิดเยอะเลย เราบอกไปเขาเติมมา
วศิน : บางทีก็นึกไม่ถึงนะ เห็นตรงนั้นเลยอ่ะ คือแบบเฮ้ยไปอย่างนั้นเลยเหรอ คือขำกันทั้งกองอ่ะ
Q หนังเรื่องนี้ได้มีการหยิบเอาตำรารักพิชิตใจหนุ่มที่สาวๆ ต้องรู้จักในสมัยเด็กมาเป็นตัวเล่าเรื่องด้วย
เสนาเพชร : ชื่อ หนังสือมันคือ 9 สูตรรักฉบับนักเรียน สิ่งที่ใช้กันบ่อยที่สุดที่เราถามเด็กนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ ใช้บ่อยจริงๆ ก็คือสะกดจิต คืออยู่ใกล้ๆ กันก็แบบ หันมาๆๆๆๆ เฮ้ยเค้าหันแล้ว ก็แสดงว่าจิตมันสัมพันธ์กัน คือส่วนใหญ่เด็กทุกคนใช้อ่ะ
วศิน : แล้ว มันก็มีเด็กนักเรียนที่โรงเรียนนั้นอ่ะครับ เขาก็อ่านบทแล้วเขาก็ไปพูดกันว่าเฮ้ยเราลองดูแล้วอ่ะ พี่เขาหันจริงๆด้วย คือเป็นพี่ที่เขาชอบจริงๆ อ่ะ แล้วมาแสดงอยู่ในหนังด้วย
เสนาเพชร : อีกวิธีหนึ่งก็คือแอบเอาของไปให้ ช็อกโกแลต ก็เป็นสูตรที่เขาใช้กันจริงๆ แล้วก็จะมีเช่นเขียนไดอะรี่ด้วย
วศิน : มีแบบเดินสวนกันและบอกเบาๆ คือบอกความรู้สึกไปเลย คือพูดออกไปเลยแต่ให้เบาที่สุด มันก็จะมีที่มาจากหลายๆที่ ที่เขาใช้กันจริงๆ
เสนาเพชร : คือ เด็กอ่ะไม่รู้จะทำอย่างไรให้ผู้ชายเขาสนใจ แต่พอเจอหนังสือนี้ มันได้ผลก็เอามาลอง เหมือนทำแบบฝึกหัดอ่ะ เหมือนเป็นคู่มืออ่ะ จะลองดีมั้ยว่ะ วศิน : แต่จริงๆแล้วฮา มันเป็นเรื่องอารมณ์ขันในหนังอ่ะครับ
Q สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารักมันส่งผลอย่างไรกับตัวเราในมุมมองของผู้กำกับ
เสนาเพชร : เรา รู้สึกว่ามันเป็นการตัดสินใจบางอย่างว่าถ้าเรารู้สึกอย่างนี้กับเขาแล้ว เราจะทำอย่างไรต่อไป รักเขา อยากทะนุถนอมเขา หรืออยากทำลายเขา ฉะนั้นรักเขาเราก็ควรจะทำในสิ่งที่ดี เขาก็จะเห็นเราดีไปด้วย ผมว่าเด็กสมัยนี้ความรักมันแปลก มันเป็นการมุ่งทำลายมากกว่ารักที่เรามีในวัยนี้ วัยใสที่เราอยากทะนุถนอม แต่เด็กสมัยนี้คือมีรักและอยากทำลายอย่างเดียว คนดูถ้าดูหนังเรื่องนี้จะรู้สึกว่าถ้ามีรักในวัยนี้มันน่าทะนุถนอมมาก
วศิน : ผมได้รู้ว่าความรักมันมีพลังมากแค่ไหน และจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังเห็นคุณค่าของมันอยู่ คือบางทีเราโกรธมาก แต่รอยเชื่อมที่เป็นความรักมันทำให้เราดูเบาลงหมดเลย คือโกรธแป๊บเดียว แต่พอเราเอาพลังตรงนี้มาใช้เราก็จะคิดว่าเราโกรธทำไมว่ะเนี่ย นี่คือสิ่งที่เราได้ตอนนั้น
Q คนดูเมื่อดูหนังเรื่องนี้จะได้อะไรกลับไป
เสนาเพชร : ยิ้มครับ ผมอยากให้เขามาดูอะไรที่มันสบายๆ ดูความน่ารักของเด็ก ความคิดของเด็กที่มันใสและบริสุทธิ์ในการทำอะไรบางอย่างออกไป ทั้งการพูดการจา คือเห็นแล้วจะนึกดูว่าเออ ฉันก็เคยมีเรื่องแบบนี้เหมือนกันนะ ตอนนั้นฉันอยู่ม.1 แอบชอบพี่ที่เป็นนักตะกร้อ และอาจจะมีบางอย่างที่เขานึกและย้อนกลับไปได้ และคุยกับคนข้างๆว่าฉันก็มีว่ะ พี่เขาเป็นประธานเชียร์ แล้วก็เล่ากันไปแลกกันไปคุยกันไป น่าจะทำให้คนรู้สึกแบบนี้ออกมาได้ อมยิ้มออกมาแล้วนึกถึงความรักของตัวเองสมัยมัธยม
วศิน : อยากให้เขายิ้ม และคิดถึงความรู้สึกตรงนั้น คือเราเคยมีความรู้สึกนั้นอยู่นะ มันอาจจะหายเป็นเป็นสิบปี แต่คิดว่าถ้าทุกคนที่ไปดูแล้วคงจำความรู้สึกเหล่านั้นได้อ่ะ
เสนาเพชร : สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดคือ ถามผู้หญิงคนหนึ่งว่า จำได้มั้ยว่าเคยแอบรักใคร ผู้หญิงก็ตอบด้วยสายตาที่ใสปิ๊งเลย พี่เขาชี่อนี่ๆๆ ถ้าผู้ชายคนนี้กลับมาจีบเราเป็นแฟน จะยอมรับเขาเป็นแฟนมั้ย เขาตอบว่าไม่ อ้าวเราถามว่าทำไมอ่ะ เขาบอกว่า พี่หนูนึกถึงเขามันเป็นความรู้สึกที่แปล๊บๆอยู่ในหัวใจ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันดีมากเลย เหมือนเราไปสปาร์คหัวใจให้มันฟื้นขึ้นมา แต่ถ้ามาจีบหนูมันก็อาจจะนึกถึงความไม่ดีของเขา มีหึงหวงกัน จะทะเลาะกัน และมันจะทำลายทุกอย่างที่เก็บไว้ ไอ้สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักจะถูกทำลายอยู่ในหัวใจ เขาจึงรู้สึกว่าเก็บไว้จี๊ดๆในหัวใจดีกว่า ก็แสดงว่าอารมณ์นี้ต้องมีในหัวใจผู้หญิง ถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้มันก็ยังจี๊ดๆต่อไป
จากคุณ |
:
มะโหน่ง (ma-hnong)
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ส.ค. 53 13:08:49
|
|
|
|