Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Videodrome ...(เพิ่งได้)ดูแล้วอยากแชร์ความรู้สึก เมื่อ David Cronenberg เล่นกับคนดูด้วย"โทรทัศน์"  

ที่ผ่านมาผมเคยดูหนังของ David Cronenberg เพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นคือ Eastern Promises งานหนังดราม่าแรงๆชั้นดีในยุคหลังของลุง Cronenberg ที่เอาเฮีย Viggo "Aragorn" Mortensen มา"โชว์"ในฉากห้องอาบน้ำชายในเรื่องจน"ฉาว"ไปทั่วราชอาณาจักรมาแล้ว

ผมชอบหนังเรื่องนี้มาก อีกงานแจ้งเกิดในยุคหลังของลุง Cronenberg อย่าง A History of Violence นั้น ผมก็หมายมั่นปั้นมือจะหามาดูอยู่หลายรอบ เพียงแต่ด้วยอุปสรรคที่ว่าดีวีดี(ของแท้)ขาดตลาด กับที่ร้านเช่าหนังมีแต่วีซีดีพากย์ไทย ไอ้ที่ปั้นมือเอาไว้เลยเหลวไม่เป็นท่ามาจนถึงทุกวันนี้

พอๆ มาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่า...หลายๆคนสงสัยมั้ยว่าทำไมผมถึงให้นิยาม Eastern Promises กับ A History of Violence ว่าเป็นงานแจ้งเกิด"ในยุคหลัง"ของลุง Cronenberg? ทำไมน่ะเหรอ?

สมัยก่อนผมเองก็ไม่เคยรู้เหมือนกัน...นึกว่าลุง Cronenberg เป็นผกก.ที่เพิ่งมาแจ้งเกิดกับหนังสองเรื่องนี้...แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่

หลังจากผมได้ค้นข้อมูลเกี่ยวกับผลงานหนังเก่าๆของลุงแก ผมถึงได้รู้ความจริงว่า"ลุง Cronenberg แกแจ้งเกิดมาก่อนหน้านี้นานแล้ว" แถมหนังที่แจ้งเกิดให้ลุงแกทั้งหลาย ยังเป็นหนังที่"แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับ Eastern Promises"อีกด้วย(ดูเหมือนงานยุคหลังๆของลุง Cronenberg แกจะมุ่งไปทางหนังหวังรางวี่รางวัลมากขึ้น เห็นว่าโปรเจ็กต์ต่อไปของลุงแกจะเป็นหนังชีวประวัติซิกมันด์ ฟลอยด์ด้วยนิ)

นั่นสินะ...แล้วลุงแกจะไปเอาฉายา"เจ้าพ่อหนัง Sci-Fi ชีวภาพ"(ตามที่คุณหมื่นทิพขนานนามเอาไว้)มาจากไหน ถ้าไม่ใช่จากหนังอย่าง Scanners, Videodrome, The Fly, หรือ Naked Lunch? และวันนี้...ผมจะมาพูดถึงหนังที่แฟนานุแฟนหนัง Cronenberg ส่วนใหญ่ยกให้เป็นเรื่องที่ดีที่สุดของเขา... Videodrome


เนื้อเรื่องของหนังว่าด้วยเรื่องของ Max Renn (James Wood) ผู้อำนวยการหนุ่มของสถานีโทรทัศน์ช่อง 83 ช่องสาธารนะที่มีแต่รายการ,หนังติดเรทใต้สะดือ

วันหนึ่ง ลูกจ้างคนหนึ่งของ Max เกิดไปพบสัญญาณโทรทัศน์ของรายการที่มีการโชว์ทรมาณผู้คนออกทีวีนามว่า Videodrome เข้าโดยบังเอิญ Max เกิดความสนใจในรายการนี้เข้าอย่างจังและต้องการจะเอามันมาออกอากาศในช่อง 83 ของเขา

แต่ยิ่งเขาสืบหาที่มาและประวัติความเป็นมาของ Videodrome มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตกลงไปในวังวนของ Videodrome มากขึ้นเท่านั้น

แท้จริงแล้ว Videodrome คืออะไร? ประวัติความเป็นมาของมันเป็นยังไง? และ Max จะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง? โปรดติดตามต่อได้ใน Videodrome ...


หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่มีความยาวแค่หนึ่งชั่วโมงครึ่งเองครับ น้อยกว่าที่ผมคิดเอาไว้เยอะ แต่เชื่อได้เลยว่านี่จะเป็นหนึ่งในหนึ่งชั่วโมงครึ่งของการดูหนังที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่ผมและคุณ(อาจ)ประสบพบเจอมาเลยก็ได้...

สาเหตุจริงๆที่ผมอยากดูหนังเรื่องนี้ก็เพราะมันได้ออกเป็นดีวีดีของค่าย Criterion ครับ(ดูเหมือนช่วงนี้ Criterion จะมีผลต่อการเลือกดูหนังของผมสูงมาก) และก็ต่อยอดด้วยการที่ผมอยากชิมลางงานหนัง Sci-Fi เก่าๆของลุง Cronenberg ดูบ้าง ซึ่งเรื่องแรกหวยก็มาตกอยู่กับ Videodrome


วิเคราะห์ความคิด,ความรู้สึกตัวเองหลังดู Videodrome อย่างที่หนึ่ง...ดู Videodrome แล้วนึกถึงหนังของ David Lynch ...ผู้กำกับที่ขึ้นชื่อว่ามี"แนว"ที่"แปลก"ที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวู้ดไม่แพ้ Cronenberg

Videodrome อาจจะไม่ได้เป็นหนังที่มีบรรยากาศเนือยๆฝันๆแบบหนังของ Lynch แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือปฏิกิริยาหลังดู Videodrome จบ สำหรับผมมันแทบไม่ต่างอะไรกับปฏิกิริยาหลังดูหนังของ Lynch จบ(ยกเว้น The Elephant Man) นั่นคือความ"สับสน" and "สงสัย"บังเกิด

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงถกเถียงกันมาตลอดว่า"What really happened? (ความจริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?)" ใน Videodrome ...เหมือนที่ผู้คนถกเถียงกันว่า"What really happened?"ในหนังของ Lynch (ยกเว้น The Elephant Man)


สอง...ดู Videodrome แล้วนึกถึง Funny Games, Hidden ...หนังสองเรื่องของลุง Michael Haneke ที่เรื่องหนึ่งเล่นกับประเด็น"ความรุนแรงในสื่อ"(จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ลุง Haneke แกออกปากเองว่าไอ้ฉาก"รีโมทในตำนาน"นั่นแหละที่เป็นฉากที่สื่อถึงประเด็นที่ว่า) ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง สื่อถึงประเด็น"การปิดบังความจริง"โดยมีม้วนเทปวิดีโอเป็นตัวร้อยเรียงเรื่องราวทั้งหมด

ชวนให้นึกถึง Videodrome ตรงที่ตัวหนังเรื่องนี้เองก็มีการแฝงประเด็น"ความรุนแรงในสื่อ"กับ"การใช้สื่อเป็นเครื่องมือ"อยู่เหมือนกัน


สาม...ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึง"ความเป็น Cronenberg"ที่เคยได้ยินเสียงเล่าลือมา + The Thing ...อะไรก็ตามที่ผมหวังว่าจะได้เห็นจากหนังของลุงผกก.ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น"เจ้าพ่อหนัง Sci-Fi ชีวภาพ"...ผมได้เห็นหมดไม่มีผิดหวังใน Videodrome (ฉากที่ Max เอาหน้าตัวเอง"จูบ"กับหน้าจอโทรทัศน์,ฉาก"ปาก(ที่)ท้อง",ฉาก"ปืนฟิวชั่นกับมือ",ฉากการตายตอนท้าย ฯลฯ)

ส่วนที่นึกถึง The Thing (ไม่ใช่ The Thing ใน Fantastic Four นะ The Thing ที่เป็นหนัง Sci-Fi - สยองขวัญของลุง John Carpenter ต่างหาก) ก็ตรงเทคนิคพิเศษต่างๆที่ไม่ได้ใช้ CGI

คนดูสมัยนี้หลายๆคนที่ผ่านตา CGI จนชินตาคงมองว่าเชย แต่กับคนหัวอนุรักษ์นิยม(นิดๆ)อย่างผม ผมมองว่าเทคนิคพิเศษยุคเก่าแบบนี้ช่วยทำให้อารมณ์ของฉาก Sci-Fi ชีวภาพในหนังดูหลอน,ดิบ,และสมจริงมากๆครับ(น่าเสียดายที่ในยุค CGI ครองเมืองเช่นนี้ เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นเทคนิคพิเศษแบบเก่าๆแบบนี้กันอีกแล้ว...)


สรุปเลยนะครับ... Videodrome ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนครับ(อ้าว?) ผมไม่ได้จะโชว์ภูมิว่าข้าเก่ง ข้าแน่แต่อย่างใดนะครับ แต่มันไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนจริงๆ

ลองถามตัวเองหลังอ่านสิ่งที่ผมเขียนลงไปทั้งหมดนี้ดู ว่าคุณคิดว่าคุณจะรับหนังแบบนี้ได้มั้ย? เพราะถ้าไม่ คุณอาจจะนึกบ่นตัวเองว่าตัวเองว่าเพิ่งใช้หนึ่งชั่วโมงครึ่งในชีวิตนี้ที่ไม่มีวันได้กลับคืนมาไปกับ"หนังอะไรก็ไม่รู้"ก็เป็นได้

ลองไตร่ตรองดูดีๆนะครับ เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนจริงๆ นี่เตือนเพราะหวังดีจริงๆนะครับ...

ส่วนสำหรับผมนั้น... Scanners, The Fly, Naked Lunch, A History of Violence(?) ไม่พลาดแน่นอน...

แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 53 16:47:09

แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 53 13:26:39

 
 

จากคุณ : Apple101
เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 13:07:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com