Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกพาเด็กเกรียนดูหนัง ตอนที่ 10 : สัมผัสกับ บลูเรย์ !!  

ตอนที่แล้ว
ตอนที่ 1 - http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9435890/A9435890.html
ตอนที่ 2 - http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9493206/A9493206.html
ตอนที่ 3 - http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9500044/A9500044.html
ตอนที่ 4 - http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9515022/A9515022.html
ตอนที่ 5 - http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9575889/A9575889.html
ตอนที่ 6 - http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9578897/A9578897.html
ตอนที่ 7 - http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9581511/A9581511.html
ตอนที่ 8 - http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9602571/A9602571.html
ตอนที่ 9 - http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9628459/A9628459.html

หมายเหตุ : มีการสปอยเรื่องเล็กน้อย
หมาย เหตุ  2 : เด็กเกรียนที่ว่านี้ก็คือเป็นเด็กที่อยู่ในช่วงม.ต้น วัยกำลังคะนอง จำอวดไปทั่ว แต่ฐานะทางบ้านไม่ดีนัก :-) บางส่วนไม่ได้ไปโรงเรียน

หนังบลูเรย์นั้นก็คือวิวัฒนาการของคุณภาพของภาพยนต์ในระดับ HD ด้วยการที่เครื่องเล่นต้องอ่านมันได้เท่านั้นและ TV ต้องซัพพอต บวกกับราคาแพงที่แพงมหาศาล แต่ภาพและเสียงรวมทั้งสเปเชี่ยวฟีเจอร์ที่ออกมานั้นคุ้ม !! (แต่ก็ยังแพงอยู่ดี) และสิ่งที่ผมอยากทดลองก็คือ เปิดหนังบลูเรย์ (แท้) ให้เด็กดู เพื่อทดลองว่าเขามีความเห็นยังไงกับคุณภาพของหนังบลูเรย์ สิ่งที่ผมอยากทดลองเพราะว่า กว่าครึ่งในกลุ่มเป้าหมาย ไม่รู้จักคำว่า บลูเรย์

โดยหนังที่ผมเอามาเปิดนั้นก็คือ อภินิหาร ตำนานแห่งนาร์เนีย ทั้งสองภาคครับ (บลูเรย์ทั้งคู่) แต่น่าเสียดายที่สถานที่ของผมมีพื้นที่จำกัด จึงขนลำโพง 5.1 มาไม่ได้ เลยได้แต่เปิดเสียงผ่าน TV เท่านั้น (โดยปกติผมจะเปิดผ่านคอม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมแบกทีวีมาด้วย)

- ครั้งแรกเด็กนึกว่า Tv เป็นจอคอม
- ครั้งแรกที่มีโฆษณาของดิสนีย์ เด็กบางคนตกตะลึงในความงามของภาพ ในขณะที่อีกบางส่วน มองแล้วเฉยๆ
- ระบบเมนูที่ทำออกมาดีกว่าแบบ DVD ทำให้เด็กอึ้ง
- เมื่อหนังเริ่มฉาย เด็กต่างคนต่างมองดูภาพ (ในช่วงที่รถไฟกำลังแล่น ซึ่งจะมีภาพต้นไม้และธรรมชาติของนิวซีแลนด์อยู่)
- หนังดำเนินไปสักพัก เด็กบางคนยื่นหน้าไปดูใกล้ๆ (ทั้งๆที่ผมเตือนเพราะสายตามันจะเสีย)
- เด็กที่มาดูใหม่ ไม่สังเกตเรื่องรายละเอียดของภาพ เด็กที่ดูอยู่ก่อนก็ช่วยกันบอกว่า เนี่ยดูดิ ภาพโคตรชัด
- เด็กบางคนคิดว่าผมเปิด VCD (เพราะยกเครื่องเล่นบลูเรย์มาด้วย)
- เป็นครั้งแรกที่ผมเปิดหนังแล้วมีผู้ใหญ่คนหนึ่งมานั่งดูด้วย (ที่ผ่านมาจะไม่ค่อยสนใจ)
- มีเกรียนบางตัวเริ่มก่อความวุ่นวาย เอาประโยคจากหนังล้อนาร์เนียมาพูด แล้วก็มีเด็กเตือนกันเองว่าเงียบดิ๊ (และลงท้ายด้วยบินฑบาตร รุมตบหัว เด็กมันเรียกกันงี้)
- ในการฉายภาคแรกเป็นการฉายตอนบ่าย ซึ่งจะมีแสงเข้ามาบ้าง เด็กบางคนยอมยืนดูเพื่อให้มองเห็น Tv ชัดๆ
- ถ้าเทียบกับแนวหนังที่ผ่านๆมา ปริมาณเด็กที่ดูเยอะเมื่อเทียบกับบลูเรย์ก็คือ แนวตลกที่ทีมพันทมิตรพากษ์
- ภาพสวยคมมากจนเด็กบางคนคิดว่าสิงโตอัสลานเป็นของจริง
- เด็กมองเห็นหน้าของสี่พี่น้องเพเวนซี่และสงสัยว่าจุดๆบนหน้าพวกเขาคืออะไร (เด็กกลุ่มพวกนี้เคยดูนาร์เนียมาก่อน แต่จะสภาพแผ่น vcd แท้หรือกอปผมไม่ทราบ)
- เด็กที่ไม่ได้สนเรื่องหนังตั้งแต่แรกๆ ไม่ได้สนใจดู และอีกส่วน (ที่ไม่ได้สนใจหนังเหมือนกัน) มองว่า ระดับภาพของบลูเรย์กับแผ่น VCD ไม่แตกต่างกัน
- เด็กบางคนจับรายละเอียดที่ภาพบางจุดได้ เป็นรายละเอียดใหม่ที่พวกเขาไม่เคยสังเกตเห็นตอนดูมาแล้ว (เช่นรูปแกะสลักรูปสิงโตตามโต๊ะหรือเก้าอี้)
- เด็กทึ่งกับภาพสถานที่ธรรมชาติในนาร์เนียภาค 2 มากกว่าภาคแรก (และคิดว่าทุกฉากในหนังของจริงหมด)
- ฉากที่เรียกเสียงฮาหน่อยก็คือตอนที่เห็นฉากไมโนทอร์และคนแคระในภาค 2 มีเด็กล้อกันว่า "นั่นนะพ่อมรึง"
- ตอนที่ตลกหน่อยก็คือ ตอนกำลังจะจบในนาร์เนียภาค 2 ตอนที่ลูซี่ไปกอดลาคนแคระทริพคิ้น เด็กคนนึงถาม "นั่งพ่อมันเหรอ"

วิเคราะห์

เด็กไม่รู้จัก ไม่น่าใช่เรื่องแปลก เพราะการกระจายข่าวความรู้เรื่องแผ่นบลูเรย์นั้นน้อยมาก ผมเห็นในปัจจุบันก็จะบอกทำนองว่า "วันนี้ ในรูปแบบ VCD DVD และบลูเรย์" เท่านั้นเอง ถ้าคุณอยากรู้ ก็ต้องไปถามที่ร้านขายแผ่นหรือค้นหาในเนตเท่านั้น แต่สำหรับเด็กที่ไม่รู้จักจริงๆก็คือ บ้านของพวกเขานั้นยังเสพกับแผ่น VCD หรือแผ่นกอปกันอยู่ ดังนั้นอย่าว่าแต่บลูเรย์เลย ขนาดแผ่น DVD ก็คงไม่สามารถแยกความแตกต่างได้นอกจากราคาแน่ๆ (ซึ่งก็เหมือนผมสมัยก่อนที่เล่นแต่ VCD และไม่สน DVD เพราะราคามันแพง)

แต่ผลที่ได้นั่นเล่นทำเอาผมดีใจ ไม่หมด ก็คือ เด็กทึ่งและตะลึงกับภาพระดับกราฟฟิก HD ของบลูเรย์ จนหลายคนอ้าปากค้าง !! และเป็นครั้งแรกที่เด็กตั้งใจดูตลอดแทบทั้งเรื่องทั้งสองภาค (มีเล่นกันบ้าง) แต่ถ้าเทียบกับตอนอื่นๆหรือหนังอื่นๆที่ผมเปิด (เป็น DVD หมด) นั้น มีแต่ครั้งนี้แหละที่เงียบและตั้งใจดูกัน ถึงกับมีบางคนจับรายละเอียดภาพที่ตนเองอาจเคยดู VCD มาแล้วไม่เคยเห็นได้ด้วย

แต่กระนั้น สำหรับคนที่ไม่สนเรื่องของหนังเลย หรือ เล่นแต่ vcd ต่อให้เอาบลูเรย์ไปล่อ พวกเขาก็ไม่สนใจ ก็ยังยึดติดกับของเดิมๆอยู่ แต่อีกส่วนก็คือ ของพวกนี้มีราคาแพงมาก ก็เลยไม่สนใจกันไปเลย (นับว่าเป็นข้อดีเพราะผมไม่ต้องการให้มีข่าวทะเลาะกันในบ้านเพราะอยากได้ "บลูเรย์") เรียกได้ง่ายๆว่า ถ้าคนไม่สน ก็คือไม่สนเลย ต่อให้ระดับภาพเป็นระดับ HD หรือเสียงดีกว่ายังไงก็ตาม

สรุปง่ายๆว่า สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ผมทดลองมาถึงตอนที่ 10 แล้ว การเปิดแผ่นหนังบลูเรย์ ช่วยทำให้พวกเขาตั้งใจมีสมาธิดูกันมากขึ้น และสำหรับภาพระดับ HD ที่อยู่ตรงหน้าเขา ทำให้เด็กๆอึ้งกับเทคโนโลยีใหม่ได้ นับได้ว่า ผมสามารถเปิดโลกทัศน์ของเด็กๆให้รู้จักเทคโนโลยีใหม่ได้ครับ

ปล. บลูเรย์ผมมีแค่ 3 เรื่องเองนะ คงซื้อไม่กี่เรื่อง หมดตรูด

จากคุณ : patiweshchan
เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 21:22:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com