ความคิดเห็นที่ 1 กระทู้ตอนที่แล้ว ตอน 1.1/1 http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9617558/A9617558.html ตอน 1.1/2 http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9618163/A9618163.html ตอน 1.2 http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9621447/A9621447.html ตอน 2 http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9644217/A9644217.html ตอน 3 http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9647399/A9647399.html ตอน 4 http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9668235/A9668235.html จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:01:42

ความคิดเห็นที่ 2 เข้ามารอดูค่า จากคุณ : HaKucHOu เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:17:15

ความคิดเห็นที่ 3 มารายงานตัวแบบฉิวเฉียด - -" จากคุณ : MikaRin เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:23:47

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีค่ะคุณHaKucHOu ปีบุงเคียวที่ ๒(ปี ๑๘๖๒)ฤดูหนาว โนะคาเสะขอร้องให้จินช่วยรักษายูกิริที่ป่วยเป็นกามโรคระยะสุดท้าย ยูกิริซึ้งใจที่จินเมตตามารักษาเธอ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:30:09 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:23:49

ความคิดเห็นที่ 5 โนะคาเสะบอกจินว่า “เวลาที่ถ่ายเบายูกิริจะเจ็บปวดมาก ทำไมพวกนางโลมถึงต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความกลัวโรคร้ายแบบนี้ด้วยนะ” และขอร้องจินให้ช่วยรักษายูกิริให้หายแต่จินบอกว่าฝีมือเขาไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้ ท่านหมอโองาตะบอกจินว่า “โลกนี้มีคนที่ต้องทนทุกข์กับกามโรคเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ท่านหมอสุงิตะ เก็บปะกุ เคยเขีบนเรื่องนี้ไว้ในตำรา “รูปลักษณ์แห่งราตรี” รักษาโดยการใช้ปรอททาแผลบ้าง เข้ายาอย่างอื่นบ้าง แต่ดูเหมือนว่าจะทำให้คนไข้ทรมานยิ่งขึ้น ยิ่งกว่าอาการของกามโรคเสียอีก ท่านหมอโองาตะถามจินว่าโรคนี้เกิดจากอะไรกันแน่ จินอธิบายว่า “กามโรคชนิดนี้เกิดจากเชื้อโรคซึ่งเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และแข็งแรงจนร่างกายต้านไม่ไหว มันจะทำลายผิวหนังและเยื่อบุทุกระบบ แล้วลามไปกัดกินอวัยวะภายใน กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นประสาท ไขสันหลังและอื่นๆ จนกระทั่งคนไข้ตาย หมอโองาตะถามว่ามีวิธีไหนรักษาให้หายได้ไหม แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:31:22 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:30:37 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:25:36

ความคิดเห็นที่ 6 จินตอบว่า “น่าเสียดาย ที่ยุคนี้ยังไม่มีวิธีรักษา” หมอโองาตะสงสัย “ท่านพูดเหมือนรู้จักกามโรคทุกชนิดอย่างละเอียด แถมรู้ว่าจะมีวิธีรักษาให้หายได้เมื่อไร” จินรีบปฏิเสธว่า “ไม่ใช่ เมื่อการแพทย์ก้าวหน้าขึ้นก็ต้องรักษาได้ สักวันหนึ่ง” หมอโองาตะถามว่า “ตอนนี้มีอะไรที่พวกเราสามารถจะทำได้บ้างไหม จะได้ทำเพื่อบรรเททุกข์ของประชาชนที่เห็นอยู่ตำตา” แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:31:49 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:26:20

ความคิดเห็นที่ 7 จินท่านหมอโองาตะและซากิไปที่ร้านซุสุยะที่โยชิวาระ ขอให้สาวๆที่ร้านตรวจกามโรค(ในยุดนี้คือซิฟิลิศ) เพื่อป้องกันไม่ให้มันระบาดออกไปก็ต้องเริ่มจากในแหล่งแบบนี้ แม่เล้าแย้ง ท่านหมอโองาตะเสริมว่าถ้าตรวจกามโรคอย่างถี่ถ้วนแล้วก็จะรับรองกับแขกที่มาได้ว่า เด็กๆของร้านซุสุยะปลอดภัยที่สุดในโยชิวาระ กระพือข่าวออกไปก็จะยิ่งทำให้มีแขกเยอะขึ้น แต่บรรดานางโลมไม่ยอมตรวจหาว่าจินลามกจะมาหลอกดูพวกเธอ อยู่ดีดีจะให้มาป่าวประกาศว่าใครเป็นโรค จินต่อรองขอแค่ตอบคำถามก็ได้แต่ไม่มีใครร่วมมือด้วย พร้อมทั้งบอกว่าพวกเธอน่ะได้”กรงนก”ไปนานแล้ว จินไม่เข้าใจ โนะคาเสะอธิบายว่า “ส่วนใหญ่ก็ติดกามโรคตั้งแต่ให้บริการครั้งแรก เรียกให้ไพเราะว่า “เข้ากรงนก” ครั้นหายป่วยแล้วก็ถือว่าได้เลื่อนขั้นเป็นนางโลมเต็มตัว จะติดกามโรคได้ยากตั้งครรภ์ได้ยาก ถือว่าเป็นร่างกายใหม่ของนางโลมอาชีพ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:32:33 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:27:38

ความคิดเห็นที่ 8 จินแย้งว่าเข้าใจผิดแล้ว “ฟื้นตัวครั้งแรกไม่ใช่หายแต่มันหลบใน อีกหลายปีจะป่วยหนัก” โนะคาเสะตอบกลับว่า “ข้ารู้ จุดจบของนางโลมที่เป็นกามโรคน่ะ  ข้าเคยเห็นมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว” ซากิถามขึ้นมาว่า “แล้วทำไมทุกคนดูเหมือนไม่อยากจะรักษาอย่างนั้นล่ะ” โนะคาเสะตอบกลับไปว่า “พูดว่ารักษาไม่ได้ไม่ใช่เหรอ  ถ้ารักษาให้หายได้ ทุกคนก็จะยอมเชื่อฟังท่าน แต่อย่ามาตรวจทั้งที่ไม่มีปัญญารักษา ทำให้พวกเราเสียงานเปล่าๆ เราต้องทำมาหากินนะเจ้าคะ ถ้าขายเรือนร่างไม่ได้ แล้วนางโลมจะเอาอะไรประทังชีวิตล่ะ” เจ้าของร้านขออภัยที่โนะคาเสะเสียมารยาทแต่จินกลับตอบว่าตัวเขาเองต่างหากที่คิดน้อยเกินไป เจ้าของร้านบอกว่าโนะคาเสะเคยเป็นเด็กรับใช้ของยูกิริ ตั้งแต่ยุกิริป่วยก็เป็นธุระเที่ยวหาหมอดีดีมารักษาตลอดเวลา แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:33:26 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:28:45

ความคิดเห็นที่ 9 ยุกิริป่วยมา ๓ ปีแล้ว ไม่มีใครที่จะโกรธแค้นกามโรคมากยิ่งกว่าโนะคาเสะอีกแล้ว ขอให้จินกรุณาเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นด้วย ระหว่างเดินทางกลับ ได้ยินชาวบ้านคุยกันว่ามีนางโลมถูกฆ่า โดนกรีดชำแหละทั้งตัวแล้วเอาเสื่อห่อไว้ แต่มีธูปปักไว้ขอขมาด้วย ซากิพูดว่า “ทุกคนดูจะสนใจแต่เรื่องคนอื่นนะ” หมอโองาตะตอบว่า “ชีวิตนางโลมก็เป็นแบบนี้ ถูกกักอยู่ชานเมืองไกลผู้คน แล้วจบลงอย่างน่าเศร้า เรียกร้องเอาผิดกับใครไม่ได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรนอกจากพรหมลิขิตเท่านั้น” จินรำพึงว่า “พรหมลิขิต”แล้วนึกถึงคำพูดของโนะคาเสะ “ทำไมพวกนางโลมถึงต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความกลัวโรคร้ายแบบนี้ด้วยนะ” นึกถึงคำพูดของมิกิที่บอกว่า “ฉันเกลียดคำว่า ทำไม่ได้ ที่สุดเลย” แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:34:46 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:29:40

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ ชีวิตนางโลมนี่น่าสงสารจริงๆ จากคุณ : Good night my dearest เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:31:18

ความคิดเห็นที่ 11 “ยาที่จะรักษาซิฟิลิสได้ คือเพนนิซิลิน อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่ง ชาวอังกฤษ(1881-1955) เป็นผู้ค้นพบมันในปี 1928 โดนสามารถยืนยันว่ามีอยู่ในราเขียวเป็นการเริ่มประวัติการใช้ยาปฏิชีวนะ เป็นยาที่มีฤทธิ์กำจัดจุลินทรีย์ สามารถช่วยคนจำนวนมากให้พ้นจากโรคระบาดหลายชนิด นับว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของศตวรรษที่ 20" แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:38:04 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:37:23 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:31:27

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีค่ะ คุณ Good night my dearest "ถ้าผมสามารถทำเพนนิซิลินขึ้นได้ในตอนนี้ละก็ ผมอาจจะสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของใครบางคนไปก็เป็นได้ ผมอาจจะทำให้การแพทย์ก้าวหน้าขึ้นไปสักเล็กน้อยกระมัง ถ้าเป็นอย่างนั้นชะตาของผมอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ เป็นไปได้ไหมว่า นั่นคือจุดประสงค์ของการส่งผมมาที่นี่  ใช่รึเปล่า..มิกิ” แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:38:34 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:32:09

ความคิดเห็นที่ 13 มาเป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : ก็ยัง มึน (เด็กน้อยด้อยปัญญา) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:32:18

ความคิดเห็นที่ 14 จินกำลังนึกวิธีสกัดตัวยาจากราเขียวที่ผลส้ม แม่ของซากิสงสัยท่าที่หมกมุ่นของจินจึงถามซากิ ส่วนซากิก็เหม่อเพราะมัวคิดถึงผู้หญิงในรูปของจินที่หน้าตาคล้ายโนะคาเสะ ซากิถามแม่ว่าหากมีคนรูปร่างหน้าตาเหมือนพ่อที่เสียไปท่านแม่จะหลงรักเขารึเปล่า ท่านแม่ตกใจที่ซากิถามอะไรแปลกๆ รีบตอบปฏิเสธว่า “ถึงหน้าตาจะคล้ายท่านพ่อ แต่ก็ไม่มีใครมาแทนท่านพ่อได้แน่นอน” ซากิพูดว่า “ท่านแม่รู้สึกอย่างนั้นเหรอเจ้าค่ะ”แล้วเดินจากไป แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:39:28 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:32:36

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีค่ะคุณ เด็กน้อยด้อยปัญญา สวัสดีกองหนุนMikaRinด้วยนะคะ จินกำลังนึกวิธีสกัดตัวยาจากราเขียวที่ผลส้ม แม่ของซากิสงสัยท่าที่หมกมุ่นของจินจึงถามซากิ ส่วนซากิก็เหม่อเพราะมัวคิดถึงผู้หญิงในรูปของจินที่หน้าตาคล้ายโนะคาเสะ ซากิถามแม่ว่าหากมีคนรูปร่างหน้าตาเหมือนพ่อที่เสียไปท่านแม่จะหลงรักเขารึเปล่า ท่านแม่ตกใจที่ซากิถามอะไรแปลกๆ รีบตอบปฏิเสธว่า “ถึงหน้าตาจะคล้ายท่านพ่อ แต่ก็ไม่มีใครมาแทนท่านพ่อได้แน่นอน” ซากิพูดว่า “ท่านแม่รู้สึกอย่างนั้นเหรอเจ้าค่ะ”แล้วเดินจากไป แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:41:02 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 20:36:16 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:34:41

ความคิดเห็นที่ 16 ซากิเดินมาหาจินตั้งใจจะถามพูดอะไรบางอย่างแต่เคียวทาโร่มาทักจินเข้าพอดี ซากิเลยหลบอยู่ใกล้ๆ เคียวทาโร่สงสัยว่าจินกำลังทำอะไร จินบอกว่า ในราเขียวมีตัวยาอยู่ กำลังคิดถึงวิธีสกัดออกมาตั้งแต่ต้นจนจบแต่ก็นึกไม่ออก เมื่อก่อนเคยมีคนสอนเอาไว้ เคียวทาโร่ถามว่านึกเรื่องในอดีตออกแล้วเหรอ จินรีบปฏิเสธ บอกว่านึกออกนิดหน่อย เคียวทาโร่ดีใจบอกว่านิดหน่อยก็ยังดี แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:40:14 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:36:58

ความคิดเห็นที่ 17 เคียวทาโร่ถามต่อว่า “ท่านหมออยู่ตัวคนเดียวมาตลอดเหรอ เรื่องครอบครัวนึกออกรึยัง เช่นภรรยาหรือว่าใครบางคนที่อยากจะพบ” จินนิ่งไป”ถ้าอยากจะพบไปก็ไปพบซะให้พอ มนุษย์เนี่ยจู่ๆอาจจะไม่ได้พบกันอีกเลยก็ได้” ซากิที่แอบฟังอยู่ชนขวดน้ำมันเข้ารีบแก้ตัวว่ากำลังเช็ดคราบมัน ไขมันที่พื้นต้องใช้น้ำมันละลายมันออก แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:42:00 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:37:16

ความคิดเห็นที่ 18 จินนึกอะไรบางอย่าง ขณะที่ดูซากิเช็ดพื้น “ใช้น้ำมัน" เมื่อนึกออกจินรีบวิ่งออกไปทันที จินนึกถึงที่มิกิบอกว่า”ใช้น้ำมันแยกมันออกมา เอาน้ำเลี้ยงเชื้อที่กรอง แล้วใส่น้ำมันพืชลงไปคนให้แยกชั้น” คิอิจิเห็นจินกำลังวิ่งมาก็ชวนให้ซื้อขนมที่ร้าน จินกำลังรีบเลยปฏิเสธ แต่ก็โดนลากมาเลยพบหมอโองาตะยืนต่อแถวซื้อขนมอยู่พอดี จินไปขอร้องให้หมอโองาตะช่วย บอกว่าจะทำยาที่รักษากามโรคได้ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:42:28 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:37:39

ความคิดเห็นที่ 19 จินรีบกลับไปเก็บของ ซากิคิดว่าจะไปโยชิวาระ แต่จินบอกว่าจะไปที่วิทยาลัยแพทย์เพราะมีทางรักษาได้แล้ว ซากิสงสัยว่ารักษาโรคอะไร จินบอกว่าจะลองทำยาที่รักษากามโรคได้ จินเอารูปมิกิขึ้นมาดูซากิอยากถามอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้า ซากิถามว่ามีอะไรจะให้ช่วยบ้าง จินขอให้ช่วยรวบรวมราเขียวมาให้มากที่สุด แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:42:54 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:38:25

ความคิดเห็นที่ 20 เคียวทาโร่ไปโยชิวาระหาหญิงที่จ้องมองเขา  ถามว่าเธอทำแบบนี้กับผู้ชายทุกคนหรือทำกับเขาเพียงคนเดียว หญิงสาวขออภัยบอกว่าเธอสายตาสั้น แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:43:31 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:39:21

ความคิดเห็นที่ 21 ทุกคนรวบรวมราเขียวมาให้  ยามาดะบอกว่าถ้าเป็นคำสั่งของอาจารย์โองาตะทุกคนจะรีบทำให้ทันที สะบุริถามว่ายาที่ทำจากราเขียวจะรักษากามโรคได้จริงเหรอ จินตอบว่าถ้าทำสำเร็จจะรักษากามโรคและอีกหลายโรคซึ่งตอนนี้ยังรักษาไม่หายได้ ถ้าทำยานี้สำเร็จวงการแพทย์จะต้องก้าวหน้าไปอีกเยอะแน่ หมอโองาตะถามว่ายานั้นมีชื่อว่าอะไร จินตอบว่ายานั้นมีชื่อว่า”เพนนิซิลิน” แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:44:26 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:39:43

ความคิดเห็นที่ 22 ท่านหมอโองาตะถามว่าแล้วต้องทำอย่างไรถึงจะปรุงยานี้ได้ จินบอกให้เพิ่มจำนวนรานี้ก่อน นำน้ำต้มมันเทศกับน้ำซาวข้าวมาผสมกันเพื่อทำน้ำเลี้ยงเชื้อ เอาราเขียวใส่ลงไปแล้วรอ 1 สัปดาห์ เพื่อให้เชื้อแบ่งตัวเพิ่มขึ้นมากพอที่จะทำเป็นยาได้ ขณะที่จิน อาจารย์โองาตะและลูกศิษย์ขะมักเขม้นเตรียมทำเพนนิซิลิน อีกด้านหนึ่งก็มีกลุ่มคนที่ไม่พอใจคิดว่าอาจารย์โองาตะใช้วิทยาลัยแพทย์ราวกับเป็นโรงเรียนของตัวเองคนเดียว ยุยงอาจารย์อิโต้ให้ทำอะไรบางอย่าง แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:45:21 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:40:23

ความคิดเห็นที่ 23 ซากิมายืนด้อมๆมองๆที่หน้าวิทยาลัย สะบุริเห็นเข้าจึงชวนให้เข้าไปข้างใน ซากิถามถึงจิน สะบุริตอบว่าไปที่โยชิวาระ ซากิตกใจมาก สะบุริรีบแก้ความเข้าใจผิดโดยบอกว่าจินและหมอโองาตะไปเอาของที่จะใช้ทำยา ซากิจึงฝากของให้แบ่งให้ทุกคน แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:46:53 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:41:23

ความคิดเห็นที่ 24 ทุกคนดีใจที่ได้อาหารกล่องปรากฏว่าเป็นราเขียวที่ซากิเก็บมาได้ โนะคาเสะเหน็บแนมจินที่มาที่โยชาระอีกทั้งๆที่รักษาไม่ได้ จินจึงบอกว่าตอนนี้กำลังทำยารักษา หมอโองาตะขอความร่วมมือโดยการขอเก็บหนองที่แผลของยูกิรินำไปทดลองยา โนะคาเสะดีใจมาก ยูกิริมีอาการเพ้อซึ่งเป็นอาการระยะสุดท้าย จินตั้งใจจะรีบทำยาให้เร็วที่สุด แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:47:31 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:43:30

ความคิดเห็นที่ 25 จินสอนวิธีสกัดยาเพนนิซิลินออกมา โดยใช้กรวยไม้กรองน้ำเลี้ยงเชื้อก่อน จากนั้นเทน้ำมันพืชลงไปในน้ำเชื้อที่กรองแล้วคนให้ทั่ว การคนแบบนี้จะทำให้ของเหลวแยกตัวเป็น 3 ชั้น แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:48:21 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:43:49

ความคิดเห็นที่ 26 ชั้นบนสุดจะเป็นน้ำมันกับสารที่ละลายในไขมัน  ชั้นกลางเป็นสารที่ไม่ละลายทั้งในน้ำและไขมัน  ชั้นล่างจะเป็นน้ำกับสารที่ละลายในน้ำ เพนนิซิลินเป็นของที่ละลายในน้ำ  จึงอยู่ในน้ำชั้นล่างของถัง จากนั้นเอาน้ำนี้ไปสกัดเอาแต่เพนนิซิลิน  แยกสารเจือปนอื่นๆออกไปให้หมด โดยใช้ผงถ่านที่ผ่านการต้มฆ่าเชิ้อในน้ำร้อนเรียบร้อยแล้ว เอาสารละลายเพนนิซิลินที่ได้เมื่อกี้เทลงไปแล้วคนอีกครั้งหนึ่งจนกระทั่งผงถ่านดูดซับเพนนิซิลินเอาไว้หมด จากนั้นตักผงถ่านใส่ลงในกระบอกจนแน่นแล้วค่อยๆเอาน้ำกลั่นเทลงไป  สิ่งเจือปนจะถูกชะลงไปด้วย ขั้นต่อไปนำน้ำกรดที่ทำจากน้ำส้มสายชูเทลงไป เพนนิวิลินนั้นมีสภาพเป็นกรด จึงไม่ละลายออกมาเมื่อเจอกรด แต่สิ่งเจือปนอื่นๆที่มีฤทธิ์เป็นด่างจะถูกกำจัดออกไป แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:49:27 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:44:30

ความคิดเห็นที่ 27 ขั้นสุดท้ายเอาน้ำด่างที่มีความเข้มข้นสูงเทลงไป จะทำให้เพนนิซิลินละลายออกจากผงถ่าน ไหลลงมาเป็นน้ำเพนนิซิลินที่มีความบริสุทธิ์มาก เป็นอันเสร็จกระบวนการสกัด ต่อไปทำการแบ่งเพนนิซิลินที่สกัดได้จากแต่ละกระบอกมาเท่าๆกันเพื่อทดสอบการออกฤทธิ์ ที่ต้องแบ่งจากแต่ละกระบอกเพราะเพนนิซิลินที่ได้มีความเข้มข้นไม่เท่ากัน เราจะใช้เฉพาะที่มีความเข้มข้นพอที่จะทำยาได้ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:50:21 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:44:59

ความคิดเห็นที่ 28 ขั้นต่อไปนำกระดาษชุบด้วยเพนนิซิลินที่สกัดได้แปะลงไปตรงกลางวุ้นที่ใช้เลี้ยงเชื้อกามโรค ที่เก็บมาจากหนองของคนไข้ปิดฝาและรออีกหลายวัน(กี่วันล่ะท่านหมอ) หลังจากนั้นถ้าผิวหน้าวุ้นไม่เปลี่ยนแปลงเลยแสดงว่าเพนนิซิลินกระบอกนั้นใช้ไม่ได้ ตรงกันข้ามหากที่ผิวหน้าวุ้นเกิดวงกลมแผ่กระจายออกไปแสดงถึงการขับไล่เชื้อกามโรคได้ หมายถึงเพนนิซิลินจากกระบอกนั้นออกฤทธิ์เป็นยารักษาโรคได้ ทีนี้ก็เหลือแต่ภาวนาเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:51:03 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:45:44

ความคิดเห็นที่ 29 อากาซากะ บ้านคัทสึ เคียวทาโร่ถือพัดมีข้อความเขียนว่า”ดุจวาฬรับใช้ทะเล” เป็นสัญญาสั้นๆ หมายความว่าซากาโมโตะพ้นสถานะถูกเนรเทศแล้ว ท่านคัทสึบอกว่าตอนไปที่แคว้นชิโมดะท่านเจ้าแคว้นคนก่อนของโทสะมาเยี่ยมจึงขอให้เขียนอภัยโทษให้ เรียวมะบอกว่า”พ้นโทษเนรเทสแล้วก้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆแล้วก็มีนายคุ้มหัวแล้ว เรียนเป็นทหารเรือไอย่างเปิดเผยแล้ว ” เรียวมะถามถึงหมอจินว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่เคียวทาโร่จึงบอกว่าจินไปพักในวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันตก เพื่อทำยาเพนนิซิลิน เพื่อรักษากามโรค ทำตามขอร้องของโอยรันโนะคาเสะ ท่านคัทสึบอกว่ายาแบบนั้นทำได้ยากมากแทบจะเป็นไปไม่ได้ เคียวทาโร่ตอบว่าจินมักจะทำในสิ่งที่ทำให้คนตกตะลึง แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:51:50 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:46:15

ความคิดเห็นที่ 30 เรียวมะซึมไปบอกว่านึกว่าตนพัฒนาไปก้าวหนึ่งแล้วเชียวนะ แต่จินก็ยังล้ำหน้าไป 2-3 ก้าวทุกที ตั้งแต่โนะคาเสะได้พบกับจินเสน่ห์ของเรียวมะก็ไม่เข้าตาโนะคาเสะเลย จินคร่ำเคร่งกับการทำเพนนิซิลิน โนะคาเสะคอยดูแลยูกิริ โนะคาเสะนึกถึงความหลัง “เขาลือกันว่ารอยยิ้มของพี่เหมือนกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ สมัยพี่ยังเฟื่องแม้เพียงได้เห็นแค่แวบเดียว แขกที่เดินกลางทางยังเดินตามดูอย่างหลงใหล พี่น่ะ ..เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของข้า แต่ว่าพอพี่ลงไปรับแขกที่ร้านไม่ได้อีกต่อไป บรรดาแขกที่เคยทุ่มเทอุปการะพี่ ก็ส่งเทียบเชิญมาเรียกข้าไปบริการแทนพี่ ข้าคิดว่าลึกลึกแล้ว พี่คงจะรู้สึกชังน้ำหน้าข้าไม่มากก็น้อยแน่ๆเชียว ” ยูกิริมอบกล้องสลับลายให้ บอกกับโนะคาเสะว่า “เจ้าทำได้ดีมากแล้วล่ะ ข้าไม่มีเงินออมมีแต่ของให้เจ้าอันเดียวเท่านั้นเอง” แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:53:35 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:46:57

ความคิดเห็นที่ 31 โนะคาเสะบอกยุกิริว่า “ถ้าอยากพูดอะไรก็พูดออกมาเถอะ ถ้าคับแต้นใจแล้วไม่พูดสักคำ กล้ำกลืนมันลงไปจะทำให้ร่างกายของพี่แย่นะ” ยูกิริจึงบอกว่า “ฟังนะ  ชีวิตมันก็มีร้องไห้บ้างหัวเราะบ้างเป็นธรรมดา งั้นตอนนี้เลือกไม่ร้องไห้ก็แล้วกัน เท่านี้ล่ะ จำไว้แล้วเอาไปใช้นะ” โนะคาเสะ “เจ้าค่ะ” โนะคาเสะที่ดุแลยูกิริอยู่ “งั้นก็ยิ้มให้ข้าหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ท่านพี่ ท่านเป็นคนบอกเองนะว่าให้หัวเราะไว้” ซากิรวบรวมราเขียวต่อไป แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:54:59 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:47:26

ความคิดเห็นที่ 32 จินได้แต่รอผลการทดลองในวันพรุ่งนี้ “ถ้าใช้ทำยาได้จะเกิดวงกลมบนผิววุ้นใช่ไหม” สะบุริถามจิน จิน “ถูกแล้ว ถ้าไม่มีความเปี่ยนแปลงอะไรเลย แปลว่าใช่ไม่ได้” ยามาดะเริ่มเปิดดูผลการทดลอง สะบุริจดผลการทดลอง ยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดใดเลย แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:57:47 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:48:36

ความคิดเห็นที่ 33 ซากิขนราเขียวมาให้ “พระเจ้าโปรดให้พลังแก่ผมด้วยเถอะ” จินภาวนา แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:58:40 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:49:21

ความคิดเห็นที่ 34 เปิดไป 17 อันเพนนิวิลินยังไม่ออกฤทธิ์ จนกระทั่ง...อันที่ 18 ยามาดะเอามาให้จินดู เกิดวงกลมบนผิววุ้น การทดลองสำเร็จใช้ทำยาได้ ทุกคนดีใจมาก ท่าหมอโองาตะชม “ทำได้ดีมากท่านหมอมินาคาตะ” แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 22:59:13 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:50:26

ความคิดเห็นที่ 35 จิน ”ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่ามีเพนนิซิลินอยู่เลย แต่ฉันได้ทำให้มันเกิดขึ้นแล้ว ด้วยมือของฉันเอง แต่เรื่องนี้พระเจ้าทรงอนุญาตจริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้” มีคนมาแจ้งข่าวว่ายูกิริแย่แล้ว จินขอให้ทุกคนช่วยกันทำเพนนิซิลินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และขอร้องให้หมอโองาตะไปโยชิวาระกับเขา แต่หมอโองาตะไม่สามารถไปได้เพราะติดธุระอื่น สะบุริจะตามไปด้วยแต่จินบอกว่าสะบุริต้องอยู่ดูแลการผลิตเพนนิซิลินเลยตัดสินใจจะไปคนเดียว จังพวะเดียวกันซากิก็พรวดออกมา.. แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:00:44 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:52:35

ความคิดเห็นที่ 36 ซากิจึงเสนอตัวจะไปด้วย แต่ติดที่ต้องไปขออนุญาตที่ประตูใหญ่ถึงจะเข้าไปในนั้นได้ แต่ซากิว่าตัวเองก็มีใจเป็นหมอเหมือนกัน แล้วดึงปิ่น ปล่อยผมออก ซากิขอยืมกิโมโนของใครสักคน แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:01:55 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:53:32

ความคิดเห็นที่ 37 31 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:54:27

ความคิดเห็นที่ 38 ซากิปลอมเป็นผู้ชายไปช่วยจินรักษา จินบอกว่าถ้ายูกิริฟื้นขึ้นมาก็พอจะมีทางรอดได้ จินให้ซากิเตรียมเพนนิซิลินฉีดต่อเนื่อง “ฟื้นขึ้นมาเถอะ กลับมาสิ กลับมาเถอะนะ คุณยูกิริ” แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:04:09 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:54:59

ความคิดเห็นที่ 39 ในที่สุดยูกิริก็ฟื้น “ใครน่ะ ท่านที่อยู่ตรงนั้นเป็นใครกัน” “คุณยุกิริได้ยินเสียงผมไหม ผมเป็นหมอนะครับ” แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:03:39 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:02:36 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:56:12

ความคิดเห็นที่ 40 ทุกวันหลังจากนั้นวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันตกเร่งผลิตเพนนิซิลิน ทั้งวันทั้งคืนแล้วนำมาส่งให้ที่โยชิวาระ ยูกิริมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแปลว่าเพนนิซิลินที่ทำขึ้นรักษาซิฟิลิสได้ผลจริงๆ แต่..เพนนิซิลินที่ส่งมาให้ก็มีมากบ้างน้อยบ้าง ผลการรักษาจึงขึ้นๆลงๆตามปริมาณยา และแล้ว เช้ามืดของวันที่ ๕ “ท่านพี่ ได้ยินเสียงข้ารึเปล่าเจ้าคะ” “เสียงนี้คือโนะคาเสะใช่ไหม "เจ้าค่ะ" "รู้สึกว่าผื่นแผลมันลดลง" "เพราะได้ยาดีนะเจ้าคะ ข้าจะไปเอากระจกมาให้ดูเดี๋ยวนี้" แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:05:00 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:57:26

ความคิดเห็นที่ 41 ซากิเห็นภาพวาดของยูกิริสมัยที่ยังรุ่งโรจน์จึงขออนุญาตแต่งหน้าให้ยูกิริ แต่แม่เล้าบอกว่าธิดาซามูไรไม่ควรลดตัวมาทำเช่นนี้ จินตอบว่าเขาเองก็อยากขอเหมือนกัน เพราะเขาทำได้เท่านี้และขอโทษ ซากิแต่งหน้าให้ยูกิริ โนะคาเสะยืนรออยู่หน้าห้อง "หน้าตาท่านสวยงามมากเลย" "จริงๆเหรอเจ้าคะ" โนะคาเสะเข้ามา "ท่านพี่กระจกมาแล้วเจ้าค่ะ" โนะคาเสะเอากระจกมาส่งให้ยูกิริดู “สวยจริงๆนะเจ้าคะ” “จริงรึเปล่านะ” "ยิ้มให้ข้าหน่อยสิเจ้าคะ ชีวิตมันก็มีร้องไห้บ้างหัวเราะบ้างเป็นธรรมดา งั้นตอนนี้" โนะคาเสะหยุดไป ยูกิริพูดต่อว่า" ไม่ร้องไห้แล้วกัน" แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:05:48 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:58:45

ความคิดเห็นที่ 42 โนะคาเสะกลั้นน้ำตา ยูกิริ"ขอบคุณทุกทุกท่าน แต่ข้าทนทรมานต่อไปไม่ไหวแล้ว ได้โปรดอโหสิกรรมทั้งปวงแก่ข้า .. ลาก่อนนะ.." "เจ้าค่ะ ลาก่อนนะ" แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:06:34 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:00:33

ความคิดเห็นที่ 43 อ้าว ... หลับยาวซะงั้น เศร้าใจ T^T จากคุณ : เด็กน้อยด้อยปัญญา เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:01:19

ความคิดเห็นที่ 44 โนะคาเสะ "ขอบพระคุณสำหรับทุกอย่าง ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านหมอ" .... แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:07:24 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:02:00

ความคิดเห็นที่ 45 จินบอกซากิว่า"ความตายก็ช่วยได้เหมือนกัน คนเป็นหมอไม่ควรพูดแบบนี้" ซากิตอบว่า"คุณยูกิริจากไปด้วยรอยยิ้มได้ เพราะฤทธิ์เพนนิซิลินนะเจ้าคะ ยาขนานนี้ใครในอนาคตเป็นคนทำขึ้นหรือเจ้าคะ" จินหยิบรูปให้ซากิดู “คล้ายคุณโนะคาเสะมากใช่ไหม” “จริงด้วยเจ้าค่ะ” แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:08:27 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:03:09

ความคิดเห็นที่ 46 “เค้าชื่อโทโมนางะ มิกิ เป็นคนสอนวิธีทำยานี้ให้ผม” ตอนที่ผมยังเป็นนักเรียนแพทย์อยู่" จินคุยกับเพื่อนว่าพระเอกในหนัง(หรือละคร)กำลังรวบรวมราเขียวเพื่อมาทำเพนนิซิลิน เพื่อในกลุ่มบอกว่าไม่มีทางทำได้หรอก จินเองก็คิดเช่นนั้น บังเอิญมิกิที่เป็นรุ่นน้องนั่งฟังอยู่ใกล้ๆนั้น  หลังจากนั้นไม่นานเท่าไร  มิกิก็ขอคุยกับจิน จินคิดว่ามิกิจะมาสารภาพรักคิดว่ามิกิชอบตัวเอง แต่มิกิกลับยื่นรายงาน การผลิตเพนนิซิลินจากธรรมชาติมาให้ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:09:01 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:04:09

ความคิดเห็นที่ 47 บอกว่าตอนนั้นได้ยินจินกับเพื่อนคุยกัน จินสงสัยว่าเอามาให้เค้าทำไม มิกิตอบว่า “เพราะฉันเกลียดคำว่า”ทำไม่ได้”ที่สุดเลยเท่านั้นแหล่ะ” มิกิทดลองโดยใช้น้ำมันแยกไขมันออกมา ซากิถามว่าจินเลยได้แต่งงานกับมิกิเหรอ จินตอบว่าเกือบจะได้แต่ง แต่ว่ามิกิป่วยหนักขึ้นมา มิหนำซ้ำยังผ่าตัดผิดพลาดให้มิกิเหลือแต่ลมหายใจแต่ยังไม่ฟื้น “ท่านเลยมาที่นี่โดยทิ้งเขาไว้แบบนั้นเหรอ” แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:09:52 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:04:55

ความคิดเห็นที่ 48 “ตอนแรกก็นึกว่ามันเป็นเพราะบาปกรรม แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าการได้มาที่นี่ก็เป็นโอกาสดีนะ” ถ้าสามารถผลักดันให้การแพทย์ก้าวหน้าไปเร็วขึ้น ในอนาคตการแพทย์ก็น่าจะเจริญกว่านี้มาก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมอาจจะผ่าตัดให้เขาสำเร็จก็ได้นะ” "ท่านถึงได้ทำเพนนิซิลินเหรอ" จินตอบว่า"เหตุผลไม่ใช่แค่นี้ " แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:10:15 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:06:26

ความคิดเห็นที่ 49 จินเอารุปออกมาดู รูปภาพเปลี่ยนไปอีกแล้ว “ขณะที่คิดว่าทุกอย่างกำลังก้าวหน้าไปได้ดี แต่กำลังจะมีเรื่องร้ายแรงมากเกิดขึ้น ผมไม่รู้สักนิดเลยว่า  อาจารย์ อิโต้ เก็นโบะขุ  ผู้ก่อตั้งวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันตก ผิดหวังจากการชิงตำแหน่งหัวหน้าตณะแพทย์ประจำตัวโชกุน ในวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันตก ลูกศิษย์และสาวกสายอาจารย์อิโต้รู้สึกเสียหน้า กลัวหมดความสำคัญและเริ่มไม่พอใจ “ ศิษย์อาจารย์อิโต้ไปได้ยินข่าวว่าเห็นสะบุริไปที่โยชิวาระ คืนนั้นนางโลมที่เขาไปหาถูกฆ่าตาย ศพโดนกรีดชำแหละยับ แต่ไม่มีเบาะแสจึงยังจับคนร้ายไม่ได้ ตั้งใจจะใส่ร้ายสะบุริโดยการเอามีดผ่าตัดของสะบุริไปทิ้งไว้ในห้องนั้น แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:11:19 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:07:29

ความคิดเห็นที่ 50 ท่านคัทสึและเรียวมะไปที่โรงเพาะเลี้ยงเพนนิซิลิน อีกด้านมีคนพบมีดผ่าตัดของสะบุริในห้องของนางโลมที่ถูกฆ่า สะบุริทำจานเพราะเชื้อที่ได้ผลดีตกแตกเหมือนจะเป็นลางร้าย แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:11:39 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:08:24

ความคิดเห็นที่ 51 โอ้ว กำลังมันส์เลย ตอนหน้าพวกแพทย์แผนจีนเริ่มออกฤทธิ์ละ จากคุณ : *~Moku`Moku~* เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:10:29

ความคิดเห็นที่ 52 สะบุรินี่คนไหนเรอครับ จากคุณ : Good night my dearest เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:12:13

ความคิดเห็นที่ 53 วันนี้พี่MikaRinจะมาบรรยายให้นะคะ ถ้าอยากอ่านบรรยายแยกก่อน ส่วนบรรยายเข้ารูปจะมาใส่พรุ่งนี้ค่ำๆนะคะ ตอนหน้า ...หมอจินกำลังจะถูกปองร้าย จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:12:23

ความคิดเห็นที่ 54   วันนี้ประทับใจกับ "ฉันเกลียดคำว่าทำไม่ได้ที่สุดเลย" T_T จากคุณ : เย็นสิทธิ์ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:12:56

ความคิดเห็นที่ 55 #52 คนแรกที่เจอจินเลยค่ะ คนที่เข้าไปตรวจแม่คิอิจิคนแรก หมอเอโดะที่ได้ดูจินผ่าตัดให้ทาเอะตอนแรกเลย จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:13:38

ความคิดเห็นที่ 56 โอยรัน...ทำฉันร้องไห้ จากคุณ : thatah_449 เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:13:38

ความคิดเห็นที่ 57 สะบุริคนนี้ค่ะ ออกมาตั้งแต่ตอนแรกเลยคนที่ไปดูหมอจินรักษาทาเอะแม่ของคิอิจิน่ะค่ะ จากคุณ : MikaRin เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:14:19

ความคิดเห็นที่ 58 งานเข้าซะแล้ว คุณหมอจิน ว่าแต่ คนที่ไปลองกับศพเนี่ย ใครกันนะ น่าสงสัยจริงๆ จากคุณ : เด็กน้อยด้อยปัญญา เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:14:59

ความคิดเห็นที่ 59 ไม่ได้ดูตอนแรกอ่ะเหมือนในการ์ตูนรึเปล่า -.-* จากคุณ : Mr.Adults เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:16:43

ความคิดเห็นที่ 60 #59 เหมือนแค่บางส่วนครับ คนไข้ในเรื่อง ลำดับการรักษาและวิธีการ รวมทั้งตัวละครหลักๆ เหมือนๆกันครับ แต่เรื่องของหมอมิกิ ความสัมพันธ์ระหว่างโนะคาเสะกับหมอมิกิและเรื่องรูปของหมอมิกิที่จินมานั่งดูตอนจบทุกครั้ง อันนี้ไม่เหมิอน พึ่งเติมเข้ามา ผมว่า เรื่องของหมอมิกินี่ถือเป็นแกนสำคัญในการดำเนินเรื่องของเวอร์ชั่นซีรี่ย์เลย และก็เป็นตัวที่ทำให้ซีรี่ย์กับการ์ตูนมีจุดต่างกัน แต่กลับเพิ่มอรรถรสมากขึ้น ทำให้ดูสนุกขึ้น ได้ลุ้นมากขึ้น ^_^ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 21:28:24 จากคุณ : Echoes ACT III เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:26:21

ความคิดเห็นที่ 61   ชอบฉากสุดท้ายของตอน ที่หมอจินคุยกะซากิซัง ที่หน้าผาอะค่ะ ภาพสวยมากเลย ดูแผ่นจบไปสองรอบแล้วยังคิดว่าอยากดูอีกอยู่เลย แล้วก็ลุ้นเรื่องหมอจินกับซากิซังมากเลย แต่ก็....นะ ได้แค่ลุ้น 555 +++ จากคุณ : นาชิตะคุง เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:45:35 A:183.89.131.192 X: TicketID:285505

ความคิดเห็นที่ 62 มาช่วยหนุนด้วยเจ้าค่ะ ^^ ขอบคุณสำหรับรูปแคปนะคะ ตอนนี้เราชอบมากๆเลยค่ะ ชอบคนที่แสดงเป็นยูกิริค่ะ แสดงดีจัง ถ้าอ่านในการ์ตูนจะรู้ว่า สภาพของคนป่วยกามโรคระยะสุดท้ายจะน่ากลัวมากๆเลยค่ะ เพราะเชื้อมันจะลามไปกัดกินผิวหนังหมด (ในละครเค้าคงทำน่ากลัวขนาดนั้นไม่ได้อ่ะ แต่ขนาดนี้ก็แย่แล้วเนอะ) ดังนั้นฉากที่ซากิแต่งหน้าให้ยูกิริสวยอีกครั้ง ตอนอ่านการ์ตูนจะซึ้งมากๆเลยค่ะ ส่วนเพนนิซิลินเดี๋ยวนี้ก็ยังใช้กันอยู่เลยค่ะสำหรับรักษาโรคติดเชื้อทางแบคทีเรียต่างๆ แต่คุณหมอ เล่นคิดค้นซะแล้วแล้วประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนมั้ยเนี่ย -*- แถมยังถูกปองร้ายซะอีก (อินจัด) เฮ้อไม่อยากให้จบเลย จากคุณ : กรวดสีฟ้า เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:47:01

ความคิดเห็นที่ 63 นอกเรื่องหน่อยนะคะ ตื่นเต้นมากเลยยย บทมาแล้ว คงถ่ายทำแล้วสินะ ดูจากขากางเกง ชุดผ่าตัดแน่ๆ >w< เดือนหน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ credit : watfc.com จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:49:58

ความคิดเห็นที่ 64 มาเชียร์เรื่องนี้ด้วย สนุกดีเหมือนอ่านการ์ตูน ตามดูตลอดเลย เทพมากอ่ะ ทำpenicillinเองด้วย จากคุณ : Littleเจ๊ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 22:05:06

ความคิดเห็นที่ 65 และอีก 1 ข่าวดี สำหรับแฟนท่านเรียวมะ เตรียมพบกับเรียวมะเวอร์ชั่นอาแปะมาชา(จะอาแปะบังไงก็เด็กกว่าหมอจิน 55)ได้ ประมาณกลางปีหน้า แทบจะกรี๊ด~ รักทีวีไทยจริงๆ ข่าวจาก http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9672333/A9672333.html แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 22:14:29 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 22:13:23

ความคิดเห็นที่ 66 ปีบุงเคียวที่ ๒(ปี ๑๘๖๒)ฤดูหนาว โนะคาเสะขอร้องให้จินช่วยรักษายูกิริที่ป่วยเป็นกามโรคระยะสุดท้าย ยูกิริซึ้งใจที่จินเมตตามารักษาเธอ โนะคาเสะบอกจินว่า “เวลาที่ถ่ายเบายูกิริจะเจ็บปวดมาก ทำไมพวกนางโลมถึงต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความกลัวโรคร้ายแบบนี้ด้วยนะ” และขอร้องจินให้ช่วยรักษายูกิริให้หายแต่จินบอกว่าฝีมือเขาไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้ ท่านหมอโองาตะบอกจินว่า “โลกนี้มีคนที่ต้องทนทุกข์กับกามโรคเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ท่านหมอสุงิตะ เก็บปะกุ เคยเขีบนเรื่องนี้ไว้ในตำรา “รูปลักษณ์แห่งราตรี” รักษาโดยการใช้ปรอททาแผลบ้าง เข้ายาอย่างอื่นบ้าง แต่ดูเหมือนว่าจะทำให้คนไข้ทรมานยิ่งขึ้น ยิ่งกว่าอาการของกามโรคเสียอีก ท่านหมอโองาตะถามจินว่าโรคนี้เกิดจากอะไรกันแน่ จินอธิบายว่า “กามโรคชนิดนี้เกิดจากเชื้อโรคซึ่งเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และแข็งแรงจนร่างกายต้านไม่ไหว มันจะทำลายผิวหนังและเยื่อบุทุกระบบ แล้วลามไปกัดกินอวัยวะภายใน กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นประสาท ไขสันหลังและอื่นๆ จนกระทั่งคนไข้ตาย หมอโองาตะถามว่ามีวิธีไหนรักษาให้หายได้ไหม จินตอบว่า “น่าเสียดาย ที่ยุคนี้ยังไม่มีวิธีรักษา” หมอโองาตะสงสัย “ท่านพูดเหมือนรู้จักกามโรคทุกชนิดอย่างละเอียด แถมรู้ว่าจะมีวิธีรักษาให้หายได้เมื่อไร” จินรีบปฏิเสธว่า “ไม่ใช่ เมื่อการแพทย์ก้าวหน้าขึ้นก็ต้องรักษาได้ สักวันหนึ่ง” หมอโองาตะถามว่า “ตอนนี้มีอะไรที่พวกเราสามารถจะทำได้บ้างไหม จะได้ทำเพื่อบรรเททุกข์ของประชาชนที่เห็นอยู่ตำตา” จินท่านหมอโองาตะและซากิไปที่ร้านซุสุยะที่โยชิวาระ ขอให้สาวๆที่ร้านตรวจกามโรค(ในยุดนี้คือซิฟิลิศ) เพื่อป้องกันไม่ให้มันระบาดออกไปก็ต้องเริ่มจากในแหล่งแบบนี้ แม่เล้าแย้ง ท่านหมอโองาตะเสริมว่าถ้าตรวจกามโรคอย่างถี่ถ้วนแล้วก็จะรับรองกับแขกที่มาได้ว่า เด็กๆของร้านซุสุยะปลอดภัยที่สุดในโยชิวาระ กระพือข่าวออกไปก็จะยิ่งทำให้มีแขกเยอะขึ้น แต่บรรดานางโลมไม่ยอมตรวจหาว่าจินลามกจะมาหลอกดูพวกเธอ อยู่ดีดีจะให้มาป่าวประกาศว่าใครเป็นโรค จินต่อรองขอแค่ตอบคำถามก็ได้แต่ไม่มีใครร่วมมือด้วย พร้อมทั้งบอกว่าพวกเธอน่ะได้”กรงนก”ไปนานแล้ว จินไม่เข้าใจ โนะคาเสะอธิบายว่า “ส่วนใหญ่ก็ติดกามโรคตั้งแต่ให้บริการครั้งแรก เรียกให้ไพเราะว่า “เข้ากรงนก” ครั้นหายป่วยแล้วก็ถือว่าได้เลื่อนขั้นเป็นนางโลมเต็มตัว จะติดกามโรคได้ยากตั้งครรภ์ได้ยาก ถือว่าเป็นร่างกายใหม่ของนางโลมอาชีพ จินแย้งว่าเข้าใจผิดแล้ว “ฟื้นตัวครั้งแรกไม่ใช่หายแต่มันหลบใน อีกหลายปีจะป่วยหนัก” โนะคาเสะตอบกลับว่า “ข้ารู้ จุดจบของนางโลมที่เป็นกามโรคน่ะ  ข้าเคยเห็นมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว” ซากิถามขึ้นมาว่า “แล้วทำไมทุกคนดูเหมือนไม่อยากจะรักษาอย่างนั้นล่ะ” โนะคาเสะตอบกลับไปว่า “พูดว่ารักษาไม่ได้ไม่ใช่เหรอ  ถ้ารักษาให้หายได้ ทุกคนก็จะยอมเชื่อฟังท่าน แต่อย่ามาตรวจทั้งที่ไม่มีปัญญารักษา ทำให้พวกเราเสียงานเปล่าๆ เราต้องทำมาหากินนะเจ้าคะ ถ้าขายเรือนร่างไม่ได้ แล้วนางโลมจะเอาอะไรประทังชีวิตล่ะ” เจ้าของร้านขออภัยที่โนะคาเสะเสียมารยาทแต่จินกลับตอบว่าตัวเขาเองต่างหากที่คิดน้อยเกินไป เจ้าของร้านบอกว่าโนะคาเสะเคยเป็นเด็กรับใช้ของยูกิริ ตั้งแต่ยุกิริป่วยก็เป็นธุระเที่ยวหาหมอดีดีมารักษาตลอดเวลา ยุกิริป่วยมา ๓ ปีแล้ว ไม่มีใครที่จะโกรธแค้นกามโรคมากยิ่งกว่าโนะคาเสะอีกแล้ว ขอให้จินกรุณาเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นด้วย แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 22:56:23 จากคุณ : MikaRin เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 22:37:49

ความคิดเห็นที่ 67 ^ ^ คห. 65 กรี๊ดดด ด้วยคน กำลังบ่นๆอยู่เลยว่า ทีวีไทยน่าจะเอาเรื่องนี้มาฉายเนอะ รัก tpbs จัง ^o^ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 22:40:19 จากคุณ : กรวดสีฟ้า เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 22:39:08

ความคิดเห็นที่ 68 ตกลงได้มาฉายทีวีไทยเหรอ ดีจัง แฟนคลับป๋าเตรียมตัวนะคะ เรื่องนี้เราคงไม่รายงานสดเองน่ะค่ะ เพราะไม่ได้เก็บไฟล์เรื่องนี้ไว้ ^^" จากคุณ : MikaRin เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 22:41:41

ความคิดเห็นที่ 69   คห.65 ท่านเรียวมะ >.< จริงเหรอเนี่ย กะลังคิดว่าจะโหลดมาดู แต่ดูท่าจะยาว แต่ถ้า TPBS ได้มาแล้ว รอดูเลยค่ะ เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจมากๆ แต่เรื่องต่อจากหมอจิน ขอเป็น Boss ก่อนละกัน ชอบเรื่องนี้อยากให้มาฉายที่ไทย จากคุณ : นาชิตะคุง เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 22:55:32 A:183.89.131.192 X: TicketID:285505

ความคิดเห็นที่ 70 ท่านทาจิบานะไปคุยกับไมโกะคนที่สายตาสั้นน่ะ จะมีซัมติงรองอ้ะป่าว   แต่อีหน้าตาจิ้มล้มดีนะกลัวท่านทาจิบานะจะติดเชื้อซะงั้น  จะว่าไปอยากได้คอมเม้นท์จากคนที่ทำงานด้านสาธารณสุขบ้างนะ ในยุคเดียวกันในเรื่องกรุงเทพก็เจอโรคระบาดเหมือนกันนี่นา  แต่ถ้า เรื่องแบบนี้เป็นบ้านเรา  อีตาหมอจินคงโดนทางการจับไปสอบสวน แน่เลย  หาว่าเป็นสายพวกล่าอาณานิคม เหอ ๆๆ จากคุณ : Kongtham เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 23:47:45

ความคิดเห็นที่ 71 ***ต่อ*** ระหว่างเดินทางกลับ ได้ยินชาวบ้านคุยกันว่ามีนางโลมถูกฆ่า โดนกรีดชำแหละทั้งตัวแล้วเอาเสื่อห่อไว้ แต่มีธูปปักไว้ขอขมาด้วย ซากิพูดว่า “ทุกคนดูจะสนใจแต่เรื่องคนอื่นนะ” หมอโองาตะตอบว่า “ชีวิตนางโลมก็เป็นแบบนี้ ถูกกักอยู่ชานเมืองไกลผู้คน แล้วจบลงอย่างน่าเศร้า เรียกร้องเอาผิดกับใครไม่ได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรนอกจากพรหมลิขิตเท่านั้น” จินรำพึงว่า “พรหมลิขิต”แล้วนึกถึงคำพูดของโนะคาเสะ “ทำไมพวกนางโลมถึงต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความกลัวโรคร้ายแบบนี้ด้วยนะ” นึกถึงคำพูดของมิกิที่บอกว่า “ฉันเกลียดคำว่า ทำไม่ได้ ที่สุดเลย” “ยาที่จะรักษาซิฟิลิสได้ คือเพนนิซิลิน อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่ง ชาวอังกฤษ(1881-1955) เป็นผู้ค้นพบมันในปี 1928 โดนสามารถยืนยันว่ามีอยู่ในราเขียวเป็นการเริ่มประวัติการใช้ยาปฏิชีวนะ เป็นยาที่มีฤทธิ์กำจัดจุลินทรีย์ สามารถช่วยคนจำนวนมากให้พ้นจากโรคระบาดหลายชนิด นับว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของศตวรรษที่ 20 ถ้าผมสามารถทำเพนนิซิลินขึ้นได้ในตอนนี้ละก็ ผมอาจจะสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของใครบางคนไปก็เป็นได้ ผมอาจจะทำให้การแพทย์ก้าวหน้าขึ้นไปสักเล็กน้อยกระมัง ถ้าเป็นอย่างนั้นชะตาของผมอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ เป็นไปได้ไหมว่า นั่นคือจุดประสงค์ของการส่งผมมาที่นี่  ใช่รึเปล่า..มิกิ” แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 00:39:37 จากคุณ : MikaRin เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 00:38:27

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : โควี เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 00:48:03

ความคิดเห็นที่ 73 ตอนทำเพนนิซิลินนึกถึงเจ้าตัวนี้ขึ้นมาเลย ^^ เพิ่งเห็นเวลาโพส พรุ่งนี้ตายแน่เลย ขอมาต่อทีหลังนะคะ - -"" แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 06:57:33 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 01:39:18 จากคุณ : MikaRin เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 01:37:29

ความคิดเห็นที่ 74 หมอจินคนนี้ ใช่คนที่เล่นเรื่อง สวรรค์ลำเอียงรึเปล่าครับ จากคุณ : DarkJomega เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 02:56:31

ความคิดเห็นที่ 75 ใช่ค่ะ ชื่อ Osawa takao จากคุณ : MikaRin เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 06:44:03

ความคิดเห็นที่ 76 ทำไม เวลา มองคุณหมอจิน  มักจะเห็น ลูกกะเดือก พุ่งเข้าตา ทุกที 5555 แล้ว เวลายิ้ม  ก็ คล้าย คุณเอกราช เก่งทุกทาง 555 (อันนี้ ลูกชาย บอกมา ) จากคุณ : อู๋ซ่า เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 08:56:34

ความคิดเห็นที่ 77   มารออ่านคำพูดที่ยูกิริบอกกับโนกาเสะอยู่คะ ชอบมาก ขอบคุณที่มารีวิวอีกครั้งจ้า จากคุณ : ตะโก้สาคู เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 10:16:00

ความคิดเห็นที่ 78 #63 Iryu ไม่มีฉายในไทยหรอครับอยากดูมากมายเคยดูสมัยอยู่ญี่ปุ่น รู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง แต่สนุกจริงๆ จากคุณ : Mr.Adults เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 12:55:45

ความคิดเห็นที่ 79 Iryu ฉายในไทยมา 2 ภาคแล้วค่ะ ที่โพสใน #63 คือIryu3 ที่จะฉายที่ญี่ปุ่นเดือนตุลาคมค่ะ ^^ จากคุณ : MikaRin เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 13:15:07

ความคิดเห็นที่ 80 เป็นอีกเรื่องที่สนุกจังเลย การดำเนินเรื่องดีมาก จากคุณ : mg (byj) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 13:16:39

ความคิดเห็นที่ 81 สนุกลุ้นเหงื่อตก ตั้ง 18 อันถึงจะเจอ ตัวยาที่รักษาได้  ขนาดผลิตยาได้นี่เก่งจัง เลยนะหมอจิน เวลา จินยิ้ม น่าร้ากกกกก ตาหยี๋ๆ อร๊ายยย ขอบคุณ คุณ momo lawleit มากค่ะ อยากดูท่านเรียวมะเวอร์ชั่นหนุ่มๆอยู่ อิๆ สรุป หมอจิน อายุเท่าไหร่คะ เค้าบอกว่าเป็นหมอมา 14 ปีก็น่าจะ 38-39 หรือเปล่า (เรียนแพทย์ 6 ปีหรือเปล่าคะ) ส่วนหมอ มิกิ เป็นรุ่นน้องก็น่าจะอ่อนกว่า ซัก 2-3 เนอะ  เราว่าเค้าแคสนักแสดง ได้เหมาะกับบทดีค่ะ  ไม่ใช่ละครบางเรื่อง อายุ40- 50ปี เอาคน 20 ต้นๆ ปลายๆ มาเล่น เฮ้อ ปล.ท่านเรียวม่า หึงที่จินหรือโนะคาเสะกันแน่ ฮ่าๆ จากคุณ : ท่านชายทัด เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 14:29:00

ความคิดเห็นที่ 82 ถ้าจำไม่ผิดในการ์ตูนบอกว่าจินอายุ 34 ค่ะ(ปี 2000) แก่กว่าซากิ 17ปี จินเคยบอกว่าตัวเองแก่เป็นพ่อของซากิได้เลย แต่จำไม่ได้ว่าในการ์ตูนจินทำงานมากี่ปีแล้วต้องไปหาอีกที ในละครไม่ได้บอกไว้แต่คาดว่าน่าจะใกล้ 40 ค่ะ ***************************** จินกำลังนึกวิธีสกัดตัวยาจากราเขียวที่ผลส้ม แม่ของซากิสงสัยท่าที่หมกมุ่นของจินจึงถามซากิ ส่วนซากิก็เหม่อเพราะมัวคิดถึงผู้หญิงในรูปของจินที่หน้าตาคล้ายโนะคาเสะ ซากิถามแม่ว่าหากมีคนรูปร่างหน้าตาเหมือนพ่อที่เสียไปท่านแม่จะหลงรักเขารึเปล่า ท่านแม่ตกใจที่ซากิถามอะไรแปลกๆ รีบตอบปฏิเสธว่า “ถึงหน้าตาจะคล้ายท่านพ่อ แต่ก็ไม่มีใครมาแทนท่านพ่อได้แน่นอน” ซากิพูดว่า “ท่านแม่รู้สึกอย่างนั้นเหรอเจ้าค่ะ”แล้วเดินจากไป ซากิเดินมาหาจินตั้งใจจะถามพูดอะไรบางอย่างแต่เคียวทาโร่มาทักจินเข้าพอดี ซากิเลยหลบอยู่ใกล้ๆ เคียวทาโร่สงสัยว่าจินกำลังทำอะไร จินบอกว่า ในราเขียวมีตัวยาอยู่ กำลังคิดถึงวิธีสกัดออกมาตั้งแต่ต้นจนจบแต่ก็นึกไม่ออก เมื่อก่อนเคยมีคนสอนเอาไว้ เคียวทาโร่ถามว่านึกเรื่องในอดีตออกแล้วเหรอ จินรีบปฏิเสธ บอกว่านึกออกนิดหน่อย เคียวทาโร่ดีใจบอกว่านิดหน่อยก็ยังดี เคียวทาโร่ถามต่อว่า “ท่านหมออยู่ตัวคนเดียวมาตลอดเหรอ เรื่องครอบครัวนึกออกรึยัง เช่นภรรยาหรือว่าใครบางคนที่อยากจะพบ” จินนิ่งไป”ถ้าอยากจะพบไปก็ไปพบซะให้พอ มนุษย์เนี่ยจู่ๆอาจจะไม่ได้พบกันอีกเลยก็ได้” ซากิที่แอบฟังอยู่ชนขวดน้ำมันเข้ารีบแก้ตัวว่ากำลังเช็ดคราบมัน ไขมันที่พื้นต้องใช้น้ำมันละลายมันออก จินนึกอะไรบางอย่าง ขณะที่ดูซากิเช็ดพื้น “ใช้น้ำมัน" เมื่อนึกออกจินรีบวิ่งออกไปทันที จินนึกถึงที่มิกิบอกว่า”ใช้น้ำมันแยกมันออกมา เอาน้ำเลี้ยงเชื้อที่กรอง แล้วใส่น้ำมันพืชลงไปคนให้แยกชั้น” คิอิจิเห็นจินกำลังวิ่งมาก็ชวนให้ซื้อขนมที่ร้าน จินกำลังรีบเลยปฏิเสธ แต่ก็โดนลากมาเลยพบหมอโองาตะยืนต่อแถวซื้อขนมอยู่พอดี จินไปขอร้องให้หมอโองาตะช่วย บอกว่าจะทำยาที่รักษากามโรคได้ จินรีบกลับไปเก็บของ ซากิคิดว่าจะไปโยชิวาระ แต่จินบอกว่าจะไปที่วิทยาลัยแพทย์เพราะมีทางรักษาได้แล้ว ซากิสงสัยว่ารักษาโรคอะไร จินบอกว่าจะลองทำยาที่รักษากามโรคได้ จินเอารูปมิกิขึ้นมาดูซากิอยากถามอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้า ซากิถามว่ามีอะไรจะให้ช่วยบ้าง จินขอให้ช่วยรวบรวมราเขียวมาให้มากที่สุด เคียวทาโร่ไปโยชิวาระหาหญิงที่จ้องมองเขา  ถามว่าเธอทำแบบนี้กับผู้ชายทุกคนหรือทำกับเขาเพียงคนเดียว หญิงสาวขออภัยบอกว่าเธอสายตาสั้น จากคุณ : MikaRin เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:26:24

ความคิดเห็นที่ 83 ทุกคนรวบรวมราเขียวมาให้  ยามาดะบอกว่าถ้าเป็นคำสั่งของอาจารย์โองาตะทุกคนจะรีบทำให้ทันที สะบุริถามว่ายาที่ทำจากราเขียวจะรักษากามโรคได้จริงเหรอ จินตอบว่าถ้าทำสำเร็จจะรักษากามโรคและอีกหลายโรคซึ่งตอนนี้ยังรักษาไม่หายได้ ถ้าทำยานี้สำเร็จวงการแพทย์จะต้องก้าวหน้าไปอีกเยอะแน่ หมอโองาตะถามว่ายานั้นมีชื่อว่าอะไร จินตอบว่ายานั้นมีชื่อว่า”เพนนิซิลิน” ท่านหมอโองาตะถามว่าแล้วต้องทำอย่างไรถึงจะปรุงยานี้ได้ จินบอกให้เพิ่มจำนวนรานี้ก่อน นำน้ำต้มมันเทศกับน้ำซาวข้าวมาผสมกันเพื่อทำน้ำเลี้ยงเชื้อ เอาราเขียวใส่ลงไปแล้วรอ 1 สัปดาห์ เพื่อให้เชื้อแบ่งตัวเพิ่มขึ้นมากพอที่จะทำเป็นยาได้ ขณะที่จิน อาจารย์โองาตะและลูกศิษย์ขะมักเขม้นเตรียมทำเพนนิซิลิน อีกด้านหนึ่งก็มีกลุ่มคนที่ไม่พอใจคิดว่าอาจารย์โองาตะใช้วิทยาลัยแพทย์ราวกับเป็นโรงเรียนของตัวเองคนเดียว ยุยงอาจารย์อิโต้ให้ทำอะไรบางอย่าง ซากิมายืนด้อมๆมองๆที่หน้าวิทยาลัย สะบุริเห็นเข้าจึงชวนให้เข้าไปข้างใน ซากิถามถึงจิน สะบุริตอบว่าไปที่โยชิวาระ ซากิตกใจมาก สะบุริรีบแก้ความเข้าใจผิดโดยบอกว่าจินและหมอโองาตะไปเอาของที่จะใช้ทำยา ซากิจึงฝากของให้แย่งให้ทุกคน ทุกคนดีใจที่ได้อาหารกล่องปรากฏว่าเป็นราเขียวที่ซากิเก็บมาได้ โนะคาเสะเหน็บแนมจินที่มาที่โยชาระอีกทั้งๆที่รักษาไม่ได้ จินจึงบอกว่าตอนนี้กำลังทำยารักษา หมอโองาตะขอความร่วมมือโดยการขอเก็บหนองที่แผลของยูกิรินำไปทดลองยา โนะคาเสะดีใจมาก ยูกิริมีอาการเพ้อซึ่งเป็นอาการระยะสุดท้าย จินตั้งใจจะรีบทำยาให้เร็วที่สุด จินสอนวิธีสกัดยาเพนนิซิลินออกมา โดยใช้กรวยไม้กรองน้ำเลี้ยงเชื้อก่อน จากนั้นเทน้ำมันพืชลงไปในน้ำเชื้อที่กรองแล้วคนให้ทั่ว การคนแบบนี้จะทำให้ของเหลวแยกตัวเป็น 3 ชั้น ชั้นบนสุดจะเป็นน้ำมันกับสารที่ละลายในไขมัน  ชั้นกลางเป็นสารที่ไม่ละลายทั้งในน้ำและไขมัน  ชั้นล่างจะเป็นน้ำกับสารที่ละลายในน้ำ เพนนิซิลินเป็นของที่ละลายในน้ำ  จึงอยู่ในน้ำชั้นล่างของถัง จากนั้นเอาน้ำนี้ไปสกัดเอาแต่เพนนิซิลิน  แยกสารเจือปนอื่นๆออกไปให้หมด โดยใช้ผงถ่านที่ผ่านการต้มฆ่าเชิ้อในน้ำร้อนเรียบร้อยแล้ว เอาสารละลายเพนนิซิลินที่ได้เมื่อกี้เทลงไปแล้วคนอีกครั้งหนึ่งจนกระทั่งผงถ่านดูดซับเพนนิซิลินเอาไว้หมด จากนั้นตักผงถ่านใส่ลงในกระบอกจนแน่นแล้วค่อยๆเอาน้ำกลั่นเทลงไป  สิ่งเจือปนจะถูกชะลงไปด้วย ขั้นต่อไปนำน้ำกรดที่ทำจากน้ำส้มสายชูเทลงไป เพนนิวิลินนั้นมีสภาพเป็นกรด จึงไม่ละลายออกมาเมื่อเจอกรด แต่สิ่งเจือปนอื่นๆที่มีฤทธิ์เป็นด่างจะถูกกำจัดออกไป ขั้นสุดท้ายเอาน้ำด่างที่มีความเข้มข้นสูงเทลงไป จะทำให้เพนนิซิลินละลายออกจากผงถ่าน ไหลลงมาเป็นน้ำเพนนิซิลินที่มีความบริสุทธิ์มาก เป็นอันเสร็จกระบวนการสกัด ต่อไปทำการแบ่งเพนนิซิลินที่สกัดได้จากแต่ละกระบอกมาเท่าๆกันเพื่อทดสอบการออกฤทธิ์ ที่ต้องแบ่งจากแต่ละกระบอกเพราะเพนนิซิลินที่ได้มีความเข้มข้นไม่เท่ากัน เราจะใช้เฉพาะที่มีความเข้มข้นพอที่จะทำยาได้ ขั้นต่อไปนำกระดาษชุบด้วยเพนนิซิลินที่สกัดได้แปะลงไปตรงกลางวุ้นที่ใช้เลี้ยงเชื้อกามโรค ที่เก็บมาจากหนองของคนไข้ปิดฝาและรออีกหลายวัน(กี่วันล่ะท่านหมอ) หลังจากนั้นถ้าผิวหน้าวุ้นไม่เปลี่ยนแปลงเลยแสดงว่าเพนนิซิลินกระบอกนั้นใช้ไม่ได้ ตรงกันข้ามหากที่ผิวหน้าวุ้นเกิดวงกลมแผ่กระจายออกไปแสดงถึงการขับไล่เชื้อกามโรคได้ หมายถึงเพนนิซิลินจากกระบอกนั้นออกฤทธิ์เป็นยารักษาโรคได้ ทีนี้ก็เหลือแต่ภาวนาเท่านั้น อากาซากะ บ้านคัทสึ เคียวทาโร่ถือพัดมีข้อความเขียนว่า”ดุจวาฬรับใช้ทะเล” เป็นสัญญาสั้นๆ หมายความว่าซากาโมโตะพ้นสถานะถูกเนรเทศแล้ว ท่านคัทสึบอกว่าตอนไปที่แคว้นชิโมดะท่านเจ้าแคว้นคนก่อนของโทสะมาเยี่ยมจึงขอให้เขียนอภัยโทษให้ เรียวมะบอกว่า”พ้นโทษเนรเทสแล้วก้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆแล้วก็มีนายคุ้มหัวแล้ว เรียนเป็นทหารเรือไอย่างเปิดเผยแล้ว ” เรียวมะถามถึงหมอจินว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่เคียวทาโร่จึงบอกว่าจินไปพักในวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันตก เพื่อทำยาเพนนิซิลิน เพื่อรักษากามโรค ทำตามขอร้องของโอยรันโนะคาเสะ ท่านคัทสึบอกว่ายาแบบนั้นทำได้ยากมากแทบจะเป็นไปไม่ได้ เคียวทาโร่ตอบว่าจินมักจะทำในสิ่งที่ทำให้คนตกตะลึง เรียวมะซึมไปบอกว่านึกว่าตนพัฒนาไปก้าวหนึ่งแล้วเชียวนะ แต่จินก็ยังล้ำหน้าไป 2-3 ก้าวทุกที ตั้งแต่โนะคาเสะได้พบกับจินเสน่ห์ของเรียวมะก็ไม่เข้าตาโนะคาเสะเลย จินคร่ำเคร่งกับการทำเพนนิซิลิน โนะคาเสะคอยดูแลยูกิริ โนะคาเสะนึกถึงความหลัง “เขาลือกันว่ารอยยิ้มของพี่เหมือนกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ สมัยพี่ยังเฟื่องแม้เพียงได้เห็นแค่แวบเดียว แขกที่เดินกลางทางยังเดินตามดูอย่างหลงใหล พี่น่ะ ..เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของข้า แต่ว่าพอพี่ลงไปรับแขกที่ร้านไม่ได้อีกต่อไป บรรดาแขกที่เคยทุ่มเทอุปการะพี่ ก็ส่งเทียบเชิญมาเรียกข้าไปบริการแทนพี่ ข้าคิดว่าลึกลึกแล้ว พี่คงจะรู้สึกชังน้ำหน้าข้าไม่มากก็น้อยแน่ๆเชียว ” ยูกิริมอบกล้องสลับลายให้ บอกกับโนะคาเสะว่า “เจ้าทำได้ดีมากแล้วล่ะ ข้าไม่มีเงินออมมีแต่ของให้เจ้าอันเดียวเท่านั้นเอง” โนะคาเสะบอกยุกิริว่า “ถ้าอยากพูดอะไรก็พูดออกมาเถอะ ถ้าคับแต้นใจแล้วไม่พูดสักคำ กล้ำกลืนมันลงไปจะทำให้ร่างกายของพี่แย่นะ” ยูกิริจึงบอกว่า “ฟังนะ  ชีวิตมันก็มีร้องไห้บ้างหัวเราะบ้างเป็นธรรมดา งั้นตอนนี้เลือกไม่ร้องไห้ก็แล้วกัน เท่านี้ล่ะ จำไว้แล้วเอาไปใช้นะ” โนะคาเสะ “เจ้าค่ะ” โนะคาเสะที่ดุแลยูกิริอยู่ “งั้นก็ยิ้มให้ข้าหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ท่านพี่ ท่านเป็นคนบอกเองนะว่าให้หัวเราะไว้” ซากิรวบรวมราเขียวต่อไป จินได้แต่รอผลการทดลองในวันพรุ่งนี้ “ถ้าใช้ทำยาได้จะเกิดวงกลมบนผิววุ้นใช่ไหม” สะบุริถามจิน จิน “ถูกแล้ว ถ้าไม่มีความเปี่ยนแปลงอะไรเลย แปลว่าใช่ไม่ได้” ยามาดะเริ่มเปิดดูผลการทดลอง สะบุริจดผลการทดลอง ยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดใดเลย ซากิขนราเขียวมาให้ “พระเจ้าโปรดให้พลังแก่ผมด้วยเถอะ” จินภาวนา เปิดไป 17 อันเพนนิวิลินยังไม่ออกฤทธิ์ จนกระทั่ง...อันที่ 18 ยามาดะเอามาให้จินดู เกิดวงกลมบนผิววุ้น การทดลองสำเร็จใช้ทำยาได้ ทุกคนดีใจมาก ท่าหมอโองาตะชม “ทำได้ดีมากท่านหมอมินาคาตะ” จิน ”ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่ามีเพนนิซิลินอยู่เลย แต่ฉันได้ทำให้มันเกิดขึ้นแล้ว ด้วยมือของฉันเอง แต่เรื่องนี้พระเจ้าทรงอนุญาตจริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้” จากคุณ : MikaRin เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:34:38

ความคิดเห็นที่ 84 พาร์ทสุดท้าย เสร็จเสียที ^^ ****************** มีคนมาแจ้งข่าวว่ายูกิริแย่แล้ว จินขอให้ทุกคนช่วยกันทำเพนนิซิลินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และขอร้องให้หมอโองาตะไปโยชิวาระกับเขา แต่หมอโองาตะไม่สามารถไปได้เพราะติดธุระอื่น สะบุริจะตามไปด้วยแต่จินบอกว่าสะบุริต้องอยู่ดูแลการผลิตเพนนิซิลินเลยตัดสินใจจะไปคนเดียว ซากิจึงเสนอตัวจะไปด้วย แต่ติดที่ต้องไปขออนุญาตที่ประตูใหญ่ถึงจะเข้าไปในนั้นได้ ซากิจึงขอยืมกิโมโนของใครสักคน ซากิปลอมเป็นผู้ชายไปช่วยจินรักษา จินบอกว่าถ้ายูกิริฟื้นขึ้นมาก็พอจะมีทางรอดได้ จินให้ซากิเตรียมเพนนิซิลินฉีดต่อเนื่อง “ฟื้นขึ้นมาเถอะ กลับมาสิ กลับมาเถอะนะ คุณยูกิริ” ในที่สุดยูกิริก็ฟื้น “ใครน่ะ ท่านที่อยู่ตรงนั้นเป็นใครกัน” “คุณยุกิริได้ยินเสียงผมไหม ผมเป็นหมอนะครับ” “ท่านหมอหรือเจ้าคะ” “ผมอยู่ที่นี่เพื่อช่วยชีวิตคุณให้ได้ สู้ด้วยกันนะ คุณยูกิริ” “เจ้าค่ะ” ทุกวันหลังจากนั้นวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันตกเร่งผลิตเพนนิซิลิน ทั้งวันทั้งคืนแล้วนำมาส่งให้ที่โยชิวาระ ยูกิริมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแปลว่าเพนนิซิลินที่ทำขึ้นรักษาซิฟิลิสได้ผลจริงๆ แต่..เพนนิซิลินที่ส่งมาให้ก็มีมากบ้างน้อยบ้าง ผลการรักษาจึงขึ้นๆลงๆตามปริมาณยา และแล้ว เช้ามืดของวันที่ ๕ “ท่านพี่ ได้ยินเสียงข้ารึเปล่าเจ้าคะ” “เสียงนี้คือโนะคาเสะใช่ไหม "เจ้าค่ะ" "รู้สึกว่าผื่นแผลมันลดลง" "เพราะได้ยาดีนะเจ้าคะ ข้าจะไปเอากระจกมาให้ดูเดี๋ยวนี้" ซากิเห็นภาพวาดของยูกิริสมัยที่ยังรุ่งโรจน์จึงขออนุญาตแต่งหน้าให้ยูกิริ แต่แม่เล้าบอกว่าธิดาซามูไรไม่ควรลดตัวมาทำเช่นนี้ จินตอบว่าเขาเองก็อยากขอเหมือนกัน เพราะเขาทำได้เท่านี้และขอโทษ ซากิแต่งหน้าให้ยูกิริ โนะคาเสะยืนรออยู่หน้าห้อง "หน้าตาท่านสวยงามมากเลย" "จริงๆเหรอเจ้าคะ" โนะคาเสะเข้ามา "ท่านพี่กระจกมาแล้วเจ้าค่ะ" โนะคาเสะเอากระจกมาส่งให้ยูกิริดู “สวยจริงๆนะเจ้าคะ” “จริงรึเปล่านะ” "ยิ้มให้ข้าหน่อยสิเจ้าคะ ชีวิตมันก็มีร้องไห้บ้างหัวเราะบ้างเป็นธรรมดา งั้นตอนนี้" โนะคาเสะหยุดไป ยูกิริพูดต่อว่า" ไม่ร้องไห้แล้วกัน" โนะคาเสะกลั้นน้ำตา ยูกิริ"ขอบคุณทุกทุกท่าน แต่ข้าทนทรมานต่อไปไม่ไหวแล้ว ได้โปรดอโหสิกรรมทั้งปวงแก่ข้า .. ลาก่อนนะ.." "เจ้าค่ะ ลาก่อนนะ" โนะคาเสะ "ขอบพระคุณสำหรับทุกอย่าง ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านหมอ" .... จินบอกซากิว่า"ความตายก็ช่วยได้เหมือนกัน คนเป็นหมอไม่ควรพูดแบบนี้" ซากิตอบว่า"คุณยูกิริจากไปด้วยรอยยิ้มได้ เพราะฤทธิ์เพนนิซิลินนะเจ้าคะ ยาขนานนี้ใครในอนาคตเป็นคนทำขึ้นหรือเจ้าคะ" จินหยิบรูปให้ซากิดู “คล้ายคุณโนะคาเสะมากใช่ไหม” “จริงด้วยเจ้าค่ะ” “เค้าชื่อโทโมนางะ มิกิ เป็นคนสอนวิธีทำยานี้ให้ผม” ตอนที่ผมยังเป็นนักเรียนแพทย์อยู่" จินคุยกับเพื่อนว่าพระเอกในหนัง(หรือละคร)กำลังรวบรวมราเขียวเพื่อมาทำเพนนิซิลิน เพื่อในกลุ่มบอกว่าไม่มีทางทำได้หรอก จินเองก็คิดเช่นนั้น บังเอิญมิกิที่เป็นรุ่นน้องนั่งฟังอยู่ใกล้ๆนั้น  หลังจากนั้นไม่นานเท่าไร  มิกิก็ขอคุยกับจิน จินคิดว่ามิกิจะมาสารภาพรักคิดว่ามิกิชอบตัวเอง แต่มิกิกลับยื่นรายงาน การผลิตเพนนิซิลินจากธรรมชาติมาให้ บอกว่าตอนนั้นได้ยินจินกับเพื่อนคุยกัน จินสงสัยว่าเอามาให้เค้าทำไม มิกิตอบว่า “เพราะฉันเกลียดคำว่า”ทำไม่ได้”ที่สุดเลยเท่านั้นแหล่ะ” มิกิทดลองโดยใช้น้ำมันแยกไขมันออกมา ซากิถามว่าจินเลยได้แต่งงานกับมิกิเหรอ จินตอบว่าเกือบจะได้แต่ง แต่ว่ามิกิป่วยหนักขึ้นมา มิหนำซ้ำยังผ่าตัดผิดพลาดให้มิกิเหลือแต่ลมหายใจแต่ยังไม่ฟื้น “ท่านเลยมาที่นี่โดยทิ้งเขาไว้แบบนั้นเหรอ” “ตอนแรกก็นึกว่ามันเป็นเพราะบาปกรรม แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าการได้มาที่นี่ก็เป็นโอกาสดีนะ” ถ้าสามารถผลักดันให้การแพทย์ก้าวหน้าไปเร็วขึ้น ในอนาคตการแพทย์ก็น่าจะเจริญกว่านี้มาก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมอาจจะผ่าตัดให้เขาสำเร็จก็ได้นะ” "ท่านถึงได้ทำเพนนิซิลินเหรอ" จินตอบว่า"เหตุผลไม่ใช่แค่นี้ " จินเอารุปออกมาดู รูปภาพเปลี่ยนไปอีกแล้ว “ขณะที่คิดว่าทุกอย่างกำลังก้าวหน้าไปได้ดี แต่กำลังจะมีเรื่องร้ายแรงมากเกิดขึ้น ผมไม่รู้สักนิดเลยว่า  อาจารย์ อิโต้ เก็นโบะขุ  ผู้ก่อตั้งวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันตก ผิดหวังจากการชิงตำแหน่งหัวหน้าตณะแพทย์ประจำตัวโชกุน ในวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันตก ลูกศิษย์และสาวกสายอาจารย์อิโต้รู้สึกเสียหน้า กลัวหมดความสำคัญและเริ่มไม่พอใจ “ ศิษย์อาจารย์อิโต้ไปได้ยินข่าวว่าเห็นสะบุริไปที่โยชิวาระ คืนนั้นนางโลมที่เขาไปหาถูกฆ่าตาย ศพโดนกรีดชำแหละยับ แต่ไม่มีเบาะแสจึงยังจับคนร้ายไม่ได้ ตั้งใจจะใส่ร้ายสะบุริโดยการเอามีดผ่าตัดของสะบุริไปทิ้งไว้ในห้องนั้น ท่านคัทสึและเรียวมะไปที่โรงเพาะเลี้ยงเพนนิซิลิน อีกด้านมีคนพบมีดผ่าตัดของสะบุริในห้องของนางโลมที่ถูกฆ่า สะบุริทำจานเพราะเชื้อที่ได้ผลดีตกแตกเหมือนจะเป็นลางร้าย ********************* ป.ล.พิมพ์ผิดเยอะเลย ขอโทษด้วยนะคะ   แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 20:27:07 จากคุณ : MikaRin เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 20:25:31

ความคิดเห็นที่ 85 ลงบรรยายเข้ารูปเรียบร้อยแล้วนะคะ ขอโทษที่มาช้ามาก วันนี้ธุระมากมาย = ='' #81 จินในหนังสืออายุประมาณ 34ค่ะ ซากิอายุ 16 ถ้าจำไม่ผิด อายุห่างกันประมาณ 18 ปี ส่วนตัวจริง คุณโอซาวะอายุ 42 ค่ะ ส่วนอายาเสะ 25 ก็ 17 ปี พอๆกันแหละ ^ ^'' จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 23:16:42

ความคิดเห็นที่ 86 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 14:22:58

ความคิดเห็นที่ 87 ู^ เพิ่งเห็นว่าคุณฟิวแกเข้ามาดูด้วยแฮะ ^^~ จากคุณ : กรวดสีฟ้า เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 53 21:44:58