Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ “ฟิล์ม” ในฐานะคนนอก บอกได้คำเดียว คุณ “แมน” จริงๆ  

ในฐานะที่เราเป็นคนนอก และ ได้รับข่าวมาจากทางทั้ง 2 ทาง ไม่ว่าจะทางฟิล์มและ ทาง แอนนี่ จากการให้สัมภาษณ์ตอนเช้าวันนี้ จากการวิเคราะห์ประมวลผลออกมาแล้ว ได้ผลสรุปว่า ข่าวลือที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง เพราะ ทั้งทางฟิล์มเองและทางแอนนี่เองออกมายอมรับว่า มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นจริงๆ และ ไม่ปฏิเสธทุกอย่าง ทั้ง 2 คนให้ข่าวตรงกันทุกอย่าง

จากการให้สัมภาษณ์ของทางฟิล์ม เราพอเข้าใจว่า ที่ฟิล์มบอกว่า รู้จักกัน เคยคบกันจริง แต่ไม่ได้ในฐานะแฟนนั้น คืออะไร ในสมัยปัจจุบันนี้การคบกับของ ชาย กับ หญิง ในแต่ละคู่นั้น แตกต่างกันไป บ้างก็คบกันแต่เพียงร่างกายเพียงวันเดียว  บ้างก็คบกันแต่เพียงร่างกายเป็นเวลานานแต่ไม่ได้พัฒนาเป็นแฟน บ้างก็เป็นแฟนแต่ไม่เปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้ บ้างก็คบกันเป็นแฟนโดยเปิดเผยให้ทุกคนได้รับรู้ เราคิดว่ากว่าจะไปถึงขั้นตอนสุดท้ายที่เปิดเผยให้คนอื่นรับรู้แล้วนั้น แสดงว่าทั้งคู่ต้องมั่นใจในอีกฝ่ายจนถึงระดับหนึ่ง ถึงสามารถมั่นใจ และ กล้าที่จะบอกคนอื่นว่า คนๆนี้เป็นแฟนเราจริงๆ

แต่สำหรับ เรื่องนี้ แทบจะไม่มีใครรับรู้เรื่องที่ฟิล์มคบกับ แอนนี่ มีเพียงคนในกองถ่ายบางคนที่ระแคะระคายหรือสนิทสนมกับคนทั้งคู่เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการหรืออย่างไร เพียงแค่รู้ว่า ทั้งคู่แอบคบกันเท่านั้น ฉะนั้น ที่ฟิล์มบอกว่า คบกันแต่ไม่ได้เป็นแฟนกันนั้น ก็ไม่ผิดอะไร เนื่องจาก เขาทั้งสองเคยสัญญาด้วยวาจาหรือไม่ว่าเป็นแฟนกัน หรือ เพียงแค่ไปเที่ยวด้วยกัน มีความสัมพันธ์กันครั้งคราวแล้วบอกว่าเป็นแฟน ในสมัยก่อนสังคมไทยอาจจะตีความได้อย่างนั้น แต่ สมัยนี้ค่านิยมคนไทยเปลี่ยนไปแล้ว ลองมองไปรอบกาย ดูความสัมพันธ์ ช-ญ แต่ละคู่ จะแตกต่างกันไป ความสัมพันธ์ของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรก็ได้ ตามแต่การตกลงกันของทั้ง 2 ฝ่าย ฉะนั้น หากเขาคบกันทางกายแต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ใช่เรื่องผิดปรกติอะไร สำหรับค่านิยมของคนไทยในสมัยนี้ เพราะ มันขึ้นกับ การตกลงกันทั้ง 2 ฝ่าย  สมัยนี้ คนหนุ่มสาว มักจะคบกันแบบไม่ผูกมัด อีกฝ่ายจะไปมีคนอื่นก็ได้ ดังนั้น จะสรุปว่า ทั้งสองคนอาจจะเคยคบกัน แต่อาจจะไม่ได้อยู่ในฐานะแฟน

ดังนั้น เมื่อไม่ได้คบเป็นแฟนกัน แต่เพียงมีความสัมพันธ์กันรายวัน เมื่อคุณแอนนี่ท้อง ฟิล์มมีสิทธิ์ที่จะไม่แน่ใจว่า ตัวเองเป็นพ่อของเด็กจริงหรือไม่ เพราะ กว่าแอนนี่จะมาบอกว่า ท้อง ก็ น่าจะเป็นช่วงหลังจากที่จบความสัมพันธ์กันไปแล้ว ไม่ใช่จะมาบอกว่า ฟิล์มควรจะเกียรติแอนนี่และยอมรับเป็นพ่อเด็กซะ เพราะ ตอนมีความสัมพันธ์กับเขาก็คือเรื่องจริง ทำไมพอเขาท้องแล้วไม่รับ จริงอยู่เราก็คิดว่า ฟิล์มมีความสัมพันธ์ทางกายกับแอนนี่จริง(แต่ฟิล์มไม่ตอบเพราะให้เกียรติฝ่ายหญิง) แต่ ไม่ได้ถึงขั้นจะให้ท้องหรืออะไร มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นมาเลย ดังนั้น หากพอเรารู้ว่า อีกฝ่ายท้อง จะให้ยอมรับทันทีมันก็ไม่ใช่ ยิ่ง ผญ ที่ท้องไม่ใช่แฟนเราแล้วด้วย ไม่เคยเปิดเผยต่อสื่อหรือคนรอบกายแล้วด้วย จะให้ยอมรับเป็น “พ่อ” ด้วยความบริสุทธิ์ใจมันเป็นไปไม่ได้ ความเคลือบแคลงระแวงสงสัยย่อมมีอยู่แล้ว

ฉะนั้น การเรียกร้องตรวจ ดีเอนเอ ของฟิล์ม เป็นเรื่องที่สมควรกระทำ หากต้องการรักษา ทั้ง สิทธิ์ของเด็ก และ สิทธิ์ของความเป็นพ่อ ซึ่งจะมีเรื่อง มรดก หรือ สิทธิอะไรหลายอย่างที่พ่อ สมควรต้องให้ลูก และ ลูกสมควรจะได้รับ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆแบบขายข้าวแกงแต่อย่างใด เป็นเรื่องเกี่ยวกับ อนาคตชีวิตทั้งชีวิตคนๆหนึ่ง  ฉะนั้น ความคิดในการตรวจดีเอนเอของฟิล์มนั้นเป็นทางที่ถูกต้องแล้ว เป็นความคิดที่มาจากวินิจฉัยอันรอบคอบ แม้ว่าเขาจะเคยพลาดพลั้ง ทำให้เด็กเกิดออกมาโดยไม่ตั้งใจ แต่ หลังจากนั้น เขาก็ได้ให้การรับผิดชอบเบื้องต้นในฐานะ “ผู้ต้องสงสัย” ไปแล้ว โดยการให้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ถือว่า เป็นการรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองที่ดี ถือว่ามีความเป็นสุภาพบุรุษ ต่างจาก กรณีของ เอ ที่ ผู้ชายไม่คิดแม้แต่จะมารับผิดชอบอะไรใดๆเลย และ หนีหน้าหายไป ไม่ให้การช่วยเหลือ

เราคิดว่าที่คุณ แอนนี่ให้สัมภาษณ์ โดยพูดเสมอว่า ไม่อยากทำร้ายฟิล์มนั้น ส่วนหนึ่งมีส่วนมาจากการที่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คบกันแล้ว แต่ฟิล์มก็ไม่ได้ทอดทิ้งแอนนี่ แม้จะไม่ได้รับรองว่าเป็นลูก แต่ เขาก็ได้รับผิดชอบในฐานะ “เพื่อน” (เมื่อคนเราเคยคบกันแล้วเลิกกัน หลังจากนั้นความสัมพันธ์ก็จะเปลี่ยนเป็น “เพื่อน”) ฉะนั้น แอนนี่จึงไม่ได้โกรธแค้นอะไรฟิล์ม ความคิดน้อยใจเรื่องว่า ฟิล์มมีความระแวงสงสัยว่า ใช่ลูกของตนเองหรือไม่ คงมีบ้าง แต่ คุณแอนนี่ก็คงยอมรับได้ เนื่องจาก ทั้ง 2 คน ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่าเป็นแฟนกัน หรือ อาจจะไม่เคยคบในฐานะแฟนด้วยซ้ำ การที่ ฟิล์มจะมีจิตคิดสงสัยนั้น มันเรื่องปรกติของผู้ชายอยู่แล้ว

ในกรณีนี้เรามองว่าแอนนี่ คงจะทำใจได้ระดับหนึ่ง ถึงได้ไม่คิดจะตรวจดีเอนเอ เพราะ ตัวเขาคงมั่นใจว่า นั่นคือลูกของฟิล์ม แต่ หากฟิล์มไม่มั่นใจ เขาก็คิดจะเลี้ยงดูลูกด้วยตนเอง ไม่คิดจะพึ่งใคร ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่องสำหรับ ผญ ฉะนั้น สำหรับ คู่ฟิล์มกับ แอนนี่นั้น เขาได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องสมควรทั้ง2 ฝ่าย เป็นการให้ข่าวในลักษณะไม่สาดโคลนใส่กัน ว่าร้ายกัน ในฐานะของคนที่เคยคบกันและคงไว้ในสถานะเพื่อนที่ดี

ฉะนั้น เราก็เป็นกำลังใจให้ทั้งฟิล์ม และ แอนนี่ แม้ว่า ลูกจะไม่ใช่ลูกฟิล์มหรือจะเป็นลูกของใครก็ตาม ก็อยากให้ฟิล์มช่วยเหลือแอนนี่ แม้ว่าเธอจะไม่ตรวจดีเอนเอพิสูจน์ก็ตาม มองว่าช่วยในฐานะเพื่อน ส่วนแอนนี่ การที่ไม่ออกมาแฉฟิล์มนั้น เรามองว่า คุณเป็นคนน่านับถือคนหนึ่ง ที่ไม่ว่าร้ายใครต่อหน้าสื่อ หรือ สาธารณะ เพราะ การกระทำนี้แสดงให้เห็นว่า คุณ มีความรักให้กับฟิล์มอย่างแท้จริง

คุณแอนนี่เขาไม่ต้องการพิสูจน์ดีเอนเอ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา คนนอกอย่างพวกเราๆก็อย่าไปบังคับเขาเลย เพราะ เขาไม่ได้ต้องการอะไรจากฟิล์ม แต่หาก แอนนี่ไม่พิสูจน์ การที่สังคมจะออกมาประณามฟิล์มว่าไม่รับผิดชอบลูกก็ไม่ได้อีกเช่นเดียวกัน เพราะ ไม่มีหลักฐาน

สุดท้าย คนนอกอย่างเราๆ ก็คงได้แค่คอยมองดู และ เป็นกำลังใจให้ต่อคนทั้งสอง เราจะยังคงรอคอยผลงานของทั้ง 2 คน ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง ในอนาคตจะมีการตรวจดีเอนเอหรือไม่ เราก็จะยังคงเป็นกำลังใจให้คนทั้งสองตลอดไป เพราะ พวกคุณทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างดีที่สุดแล้ว โดยเฉพาะ ความมี“มนุษยธรรม”

จากคุณ : dfh
เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 10:44:54




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com