PANTIP.COM : A9701614 ชำแหละ ประกาศ Boom โดย pinkman .... [การ์ตูน]

ชำแหละ ประกาศ Boom โดย pinkman ....

ขอบคุณนะครับที่แก้คำผิดให้ ^_^

ก่อนกดอ่านตามลิ้ง ขอออกตัวเลยนะครับภาษาใช้เป็นไปในแนวทางสื่อสารกันในลักษณะเป็นกันเอง อาจมีข้อความที่หยาบคายบ้าง ก็เพือจะเขียนสื่อให้เห็นถึงภาพที่ผมจะกล่าว ..... และหาพิมพ์ผิดอย่างไรก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย

http://niceoppai.net/viewtopic.php?f=2&t=11254 ภาค 1 (ประกาศ Boom)

http://niceoppai.net/viewtopic.php?f=2&t=11302 ภาค 2 (ประกาศของ เฮีย บก)

http://niceoppai.net/viewtopic.php?f=2&t=11348 บทสรุปไตรภาค

และภาษที่จะใช้ในกระทู้นี้จะเป็นภาษาที่ไม่หยาบคาย ไม่กระแนะกระแหนบุคคลใคด เป็นเพียงความเห็นทางกฎหมายล้วนๆ ที่จะนำเสนอ

ก่อนอื่นต้องเรียนให้ทราบในเบื้องต้นว่า ผมเป็นนักกฎหมายที่ไม่ได้ส่งเสริมให้คนทำผิด ยุให้คนเอาตัวรอดใจช่องว่างของกฎหมาย ที่เขียนถึงเรื่องราวเหล่านี้ก็เพราะเห็นเป็นปกติแล้ว การบังคับใช้สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา ของเจ้าของลิขสิทธิ์ ของผู้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ นั้น ใช้เกินสมควรแก่เหตุ ใช้สิทธิกันในลักษณะธุรกิจซื้อขายหนังสือมอบอำนาจจับกุมดำเนินคดี (ที่พวกคุณเห็นเป็นข่าวจับซีดีเรียกเงิน จับโดราเอมอน จับคิดตี้ ฯลฯ เพื่อเรียกค่ายอมความ ที่เป็นข่าวออกรายการทีวี มันคือ "ธุรกิจซื้อขายหนังสือมอบอำนาจ" ซึ่งไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ทั้งสิ้น .....

และผมจำเป็นต้องปูพื้นให้ความรู้กฎหมายเบี้องต้นที่ถูกต้องซะก่อน ก่อนที่จะเข้าเนื้อหาจริงๆ ของประกาศ

!! หากผมสะกดตัวอักษรใดผิดหรือตกหล่นก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ !!

สิทธิ (สิด-ทิ) หมายถึง ประโยชน์ที่กฎหมาย รับรอง และ คุ้มครองให้มีขึ้น

ทรัพย์สินทางปัญญาก็เป็น สิทธิ อย่างนี้ที่เกิดโดยผลของกฎหมายและสูญสิ้นไปโดยผมของกฎหมาย ทรัพย์สินทางปัญญา จะแตกต่างกับ กรรมสิทธิ์ ซึ่งเป็น ทรัพย์ อย่างสิ้นเชิง เพราะ มันไม่มีรูปร่าง แต่กรรมสิทธิ์มีรูปร่าง ไม่เพียงเท่านั้น การบังคับและการคุ้มครองจะแตกต่างกันด้วย เช่น นาย ก. วาดภาพนกเป็ดน้ำ โดยใช้กระดาษ A4 หนึ่งแผ่น ถามว่า ตามกฎหมาย นาย ก. มีสิทธิอะไรบ้างที่กฎหมายรับรอง ตอบได้ว่า 1. มีกรรมสิทธิ์ในกระดาษ A4 และ 2. มีลิขสิทธิ์ในภาพวาด ศิลปกรรม ต่อมา นาย ก. ขาย ภาพน้ำเป็ดน้ำดังกล่าวให้ นาย ข. นาย ข. ย่อมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในกระดาษ A4 แต่ นาย ข. ไม่ได้ลิขสิทธิ์ในภาพนกเป็นน้ำ เพราะ นาย ก. ไม่ได้โอนลิขสิทธิ์ให้ นาย ก. เพียงแต่โอนกรรมสิทธิ์ใน นาย ข. เท่านั้น นาย ข. จะนำภาพในกระดาษ A4 ซึ่งตนเป็นเจ้าของไปทำเป็นโปตการ์ด สคส. แจกจ่าย จำหน่าย ให้ฟรี ก็ไม่ได้ คงมีกรรมสิทธิ์แต่เพียงกระดาษ A4 เท่านั้น

จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่า ทรัพย์สินทางปัญญาจะแตกต่างกับเรื่องที่เราๆ ท่านๆ รับรู้รับทราบ

มาเข้าเรื่อง ประกาศของ Boom ผมจะสรุปให้อ่าน ดังนี้

1. Boom ขณะนี้จะอยู่ในสถานะ "ผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิที่ให้ดัดแปลงผลงาน" จากเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ประเทศญี่ปุ่น เท่านั้น เจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง คือ ญิ่ปุ่น(อย่าเพิ่งงง มาดูข้อต่อไป)

2. แต่ตามกฎหมายไทย พรบ.ลิขสิทธิ์ 2537 มาตรา 11 บัญญัติไว้สรุปได้ใจความว่า "ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์จากเจ้าของลิขสิทธิ จะมีลิขสิทธิ์ในงานดังกล่าว แต่ต้องไม่เป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิทีมีอยู่เดิมของเจ้าของลิขสิทธิ์" เมื่อ Boom ได้ดัดแปลงตามสัญญาที่ตนได้ตกลงกับเจ้าของลิขสิทธิ์แล้ว Boom จะได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในเวอร์ชั่น ภาษาไทย ทันที แต่ !! สามารถใช้สิทธิได้เท่าที่ตกลงกันไว้ในสัญญา เรียกง่ายๆ ว่า ใช้สิทธิ์ตามมาตรา 15 ของ พรบ.ลิขสิทธิ์ นั้นแทบจะไม่ได้เลย (หลักกฎหมายข้อนี้ ขอให้ท่านโปรดอ่าน ฎีกที่ 8452/2547 ซึ่งนำไปออกเป็นข้อสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการในตำแหน่งผุ้ช่วยผู้พิพากษา วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2550 ข้อ 6 (กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา) ซึ่ง ธงคำตอบจะอ้าง คำพิพากษาฎีกาดังกล่าวข้างต้น)

3. Boom มีอยู่สิทธิแค่ไหนใน พรบ.ลิขสิทธิ์ 2537 ตอบ เหนือสิ่งอื่นใด ขอให้ทุกๆ ท่านอ่าน กระทู้นี้ รวมถึง Boom ด้วย เปิดอ่าน พรบ. ดูว่า มีตรงไหนไหมที่บอกว่า "ผู้ได้รับอนุญาต" หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ผู้ถือลิขสิทธิ์" มีสิทธิใดๆ ใน พรบ. คงเห็นแต่เพียง "เจ้าของลิขสิทธิ์" เท่านั้น ดังปรากฏไว้ในมาตรา 15 (สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์) มาตรา 27-31 (บทละเมิด)

4. ด้วยเหตุตามข้อ 3 เมื่อ Boom เข้าทำสัญญาและญี่ปุ่นส่งต้นฉบับที่ตนได้วาดขึ้นตามสัญญามาให้ Boom แต่ Boom ยังไม่ได้ลงมือสร้างสรรค์ (ดัดแปลง) Boom ก็ยังจะบังคับใช้สิทธิตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ไม่ได้

5. ทางแก้คือ เมื่อได้รับต้นฉบับมาปุ๊บ Boom ก็ต้องรีบเเปลทันที ส่วนจะตีพิมพ์หรือไม่นั้นเป็นอืกเรื่องหนึ่ง

6. สำหรับเด็กที่แปลแล้วละเมิด ข้อจริงของบูม เป็นไปดังข้อที่ 4 แล้ว การละเมิดที่เกิดขึ้นนั้น Boom จะไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายตามกฎหมาย เพราะเป็นเพียง "ผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์" แต่ยังไม่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ จะฟ้องร้องดำเนินคดีได้ก็แค่ กฎหมายแพ่งมาตรา 420 เท่านั้น (ตั้งเรื่องฟ้องยากมากๆ นะกรณีนี้)

7. คำว่าอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ ซึ่ง Boom เอง ณ ขณะนี้ อยู่ในฐานะเช่นนี้ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ นั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ระดับ กล่าวคือ
7.1 ระดับทั่วไป หรือ ระดับธรรมดา หมายความว่า เจ้าของลิขสิทธิ์อนุญาตให้ Boom แต่ไม่ตัดสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่จะอนุญาตให้แก่บุคคลอื่นและไม่ตัดสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์
7.2 ระดับอนุญาตให้แต่ผู้เดียว หมายความว่า เจ้าของลิขสิทธิ์ตกลงอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ในงานของตนให้แก่ Boom แต่ผู้เดียวในประเทศไทย แต่ไม่ตัดสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่จะใช้สิทธิของตน และ
7.3 ระดับอนุญาตให้แต่ผู้เดียวและเด็ดขาด หมายความว่า เจ้าของลิขสิทธิ์ ตกลงอนุญาตให้ Boom แต่ผู้เดียวและเด็ดขาดโดยในข้อสัญญาระบุไว้ชัดเจนว่า เจ้าของลิขสิทธิ์จะไม่อนุญาตให้บุคคลอื่นและจะไม่บังคับใช้สิทธิ์ของตนภายใต้ระยะเวลาหนึ่งในสัญญา
ซึ่งคำว่า "เด็ดขาด" ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ หมายถึง แม้แต่เจ้าของลิขสิทธิ์เองจะใช้สิทธิของตนตามกฎหมายก็ไม่สามารถทำได้ เช่น การฟ้งร้องดำเนินคดี การอนุญาตให้บุคคลอื่น เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องรับผิดตามสัญญาทั้งสิ้น ซึ่งกรณีนี้พบเห็นได้ตามสัญญาระหว่างเขียนกับสำนักพิมพ์ นักแต่งเพลงกับค่ายเพลง ที่ คนแต่งยังมีความต้องการที่จะเป็นเจ้าของอยู่เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของสัญญา

"1.สัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ไม่เด็ดขาด (non-exclusive copyright licensing agreement) เป็นสัญญาที่ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิ์ที่จะอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ของตนได้โดยไม่จำกัดครั้งและจำนวนบุคคล รวมทั้งเจ้าของลิขสิทธิ์ยังมีสอทธิดังกล่าวอยู่
2.สัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์แต่ผู้เดียว(sole copyright licensing agreement) เป็นสัญญาที่เจ้าของลิขสิทธิ์อนุญาตให้ผู้ใดผู้หนึ่งใช้งานอันมีลิขสิทธิ์แต่ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เองก็ไม่มีสิทธิที่จะใช้งานของตน
3.สัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์เด็ดขาด (exclusive copyright licensing agreement) เป็นสัญญาที่กำหนดให้ผู้รับอนุญาตแต่เพียงผู้เดียวมีสิทธิใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ แต่ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เองก็ไม่มีสิทธิที่จะใช้งานของตนในตะหว่างอายุสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์"

ดังนี้ เมื่อพิจารณาจากประกาศและสภาพความเป็นจริงแล้ว Boom เป็นเพียงผู้ได้รับอนุญาตในระดับที่ 2 เท่านั้น แต่ผู้เดียวในประเทศไทย แต่ไม่ตัดสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์

8. เมื่อพิจารณาจากบทละเมิดของกฎหมายลิขสิทธิ์ มาตรา 21-31 แล้ว เห็นว่า Boom ไม่อยู่ในฐานะ เจ้าของลิขสิทธิ์ แต่อยู่ฐานะ ผู้ได้รับอนุญาตใช้สิทธิ์ จึงไม่สามารถบังคับใช้สิทธิของตนตามมาตราดังกล่าวได้

9. แต่การที่ Boom จะดำเนินคดีนั้นหากข้อเท็จจริงที่ดังกล่าวมา Boom ต้องดำเนินคดีในฐานะตัวแทนผู้รับอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น ไม่สามารถกล่าวอ้างได้เลยว่าเป็นการดำเนินคดีในสิทธิของ Boom เพราะ พรบ.ลิขสิทธิ์ ให้อำนาจ แต่แก่เจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้นที่จะฟ้องร้องดำเนินคดี

10. แล้ว Boom เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หรือไม่ ตอบว่า เป็น แต่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในเวอร์ชั่นที่ตนเองไดสร้างสรรค์เท่านั้นและต้องใช้สิทธิของตนเองภายใต้ขอบเขตของสัญญา ไม่เช่นนั้น Boom จะตกเป็นฝ่ายละเมิดลิขสิทธิ์ญิ่ปุ่นเสียเอง

11. หากมีข้อแย้งว่าในเมื่อ Boom ได้ลิขสิทธิ์งานการ์ตูนแปลทางกฎหมายตามาตรา 11 ก็ย่อมสามารถใช้สิทธิตามาตรา 15 ได้ด้วยไม่ไชหรอ ตอบ ไม่ได้เพราะ จะเป็นการใช้สิทธิที่เป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่มีอยู่เดิม ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นการละเมิดข้อสัญญาอีกด้วย

ขอให้นึกตามตัวอย่างต่อไปนี้หาก Boom จะใช้สิทธิของตนเองตามกฎหมายในมาตรา 15 ....ในเมื่อ Boom ได้ลิขสิทธิ์โดยการแปล Boom ก็แปลจากเวอร์ชั่นภาษาไทย เป็นภาษา ลาว ภาษาเวียดนาม ภาษาเขมร เป็นต้น ซึ่งในมาตรานี้ กำหนดสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ไว้.... เมื่อพิจารณาการใช้สิทธิตามมาตรา 15 ตามตัวอย่างแล้ว เห็นไหมครับว่า มันจะเป็นกระทบกระเทือนถึงสิทธิที่มีอยู่เดิมของเจ้าของลิขสิทธิ์ในประเทศญิ่ปุ่นทันที (เรื่องนี้ขอให้กลับไปอ่านในฎีกาที่ให้เลขไปสืบค้น)

12. สำหรับสิทธิของผู้ได้รับอนุญาตมาในแบบที่ 3 นั้น ศาลสูงของไทยวางหลักกฎหมายไว้ชัดเจนแล้วว่าอยู่ในสถานะ "ผู้เสียหาย" ตามกฎหมาย และสามารถดำเนินคดีโดยบังคับใช้สิทธิตามมาตรา 21-31 ได้ (ท่านสามารถสืบค้นได้เองอยู่แล้ว โดยเข้าไปที่เว็บของศาลฎีกา พิมพ์คำว่า ลิขสิทธิ์ ต่อด้วยคำว่า ได้รับอนุญาตแต่ผู้เดียว แล้วก็จะเจอคำพิพากษ ย่อสั้น ของ บริษัท โรสีมีเดีย ที่จำเลยต่อสู้ว่า บ.โรสมีเดียฯ ไม่ใช่ผู้เสียหายเพราะไม่ใช้เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นเพียงผู้ได้รับอนุญาต แต่เมื่อได้พิจารณาในข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้วเห็นว่า บ.โรสมีเดียฯ ได้รับอนุญาตในลักษณะแต่ผู้เดียวและเด็ดขาด)

13. สำหรับความเห็นของ บก. นั้นที่ตั้งเป็นกระทู้ มันก็ต้องเชียร์ตัวเองอยู่แล้ว แล้วที่สำคัญ กฎหมาย IP ของไทย ไม่เหมือนต่างประเทศ ห่างกันคนละซีกโลกมากมายนะครับ ถึงกฎหมายบ้านเขาจะบังคับได้ แต่บ้านเราตอนนี้ยังบังคับใช้ทันบ้านเขาไม่ได้

14. การที่ผมเขียนข้อกฎหมาและกล่าวถึงกรณีของ Boom ผมเองไม่ได้มีเจตนาส่งเสริมให้คนกระทำความผิด แต่ เขียนเพื่อเตือนให้ Boom รู้ว่า อย่าสิทธิของตนเกินกว่าสิทธิที่ได้รับ

15. ใครคิดว่าการได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ต้องจดทะเบีย หรือไม่ (คำตอบอยู่ด้านล่าง)

---------------------------------

เดี๋ยวมาต่อให้จบนะครับ พักสักเเป๊บ

----------------------------------

ปล. id นี้ไม่ใช่ของผม และผมไม่มี id ในเว็บพันทิบ ก่อนมาต่อให้จบ ใครอยากศึกษากฎหมายตัวนี้ต่อ ผมแนะนำเข้าไปที่ www.googel.com พิมพ์คำว่า ลิขสิทธิ์ ไมตรี แล้วท่านก็จะเจอเว็บ สยามจูริส คลิ้กเข้าไป เป็นกระทู้ที่เอา สรุป กฎหมายลิขสิทธิ์ มาลงไว้ให้อ่าน และคนที่สรุป เป็น อ.พิเศษที่บรรยายที่เนติฯ และเป็นเคยผู้พิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ปัจจุบัน หากจำไม่ผิด ท่าน อาจารย์ไมตรี น่าจะประจำอยู่ที่ ศาลฎีกาแล้ว (หากข้อมของอาจารย์ผิด ขออภัยด้วยนะครับ)

ตอบ ข้อ15. ลิขสิทธิ์ไม่ต้องจดทะเบียน เป็นสิทธิที่มีอยู่แล้วตามกฎหมาย ดังนั้นหากใครตอบว่า ต้องไปจดทะเบียน ต้องไปเผยแพร่ก่อนถึงจะมีลิขสิทธิ์ คนตอบแบบนี้ คือ คนไม่ยังไม่เข้าใจกฎหมายลิขสิทธิ์เลย

-------------------------------------------------------

ต่อนะครับ

16. การที่ Boom ออกมากล่าวในกระทู้ B1 ว่าไง B2 ว่าอย่างนั้นก๊าฟ ที่กล่าวว่า สปอยทุกประเภทผิดหมด นั้นเป็นคำตอบที่ผิดอย่างมหันต์ เพราะ ในมาตรา 6 วรรสอง นั้น บัญญัติไว้อ่านได้ใจความว่า ลิขสิทธิ์ไม่ครอบคลุมถึง แนวคิด ขั้นตอน กระบวนการ วิธีการ หลักการ การค้น ฯลฯ สรุป ง่ายๆ สั้นๆ ว่า ลิขสิทธิ์ ไม่คลุมครอง ไอเดีย นั่นเอง ดังนี้ การสรุปเนื้อหาของการ์ตูนแล้วเอาทำเป็น สปอย อ่านได้ใจความเหมือนกัน ย่อมไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างแล้ว ตัวอย่าง นาย ก. ตั้งใจฟังอาจารย์ บรรยายกฎหมายลิขสิทธิ์ ตลอดสองชั่วโมง จากนั้น นาย ก. สรุป คำบรรยายจากอาจายร์ ออกมาเป็นหนังสือขาย ถามว่า นาย ก. ละเมิดลิขสิทธิ อาจารย์หรือไม่ ตอบ ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ ถึงแม้การสองของอาจารย์ตามกฎหมายจะถือว่า เป็นลิขสิทธิ์ ลักษณะงาน วรรณกรรม ก็ตาม

ดังนี้ การทำสปอยต จึงไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิแต่อย่าง

17. แต่หาทำเป็น สปอยที่มีลักษณะ แปลคำต่อคำ ประโยคสนทนาแบบเรียงรูปประโยค อย่างนี้จะเข้าข่ายการดัดแปลงงานวรรณกรรมของผู้อื่น

18. ผมเขียนถูกแล้ว สปอยคือ งานวรรณกรรม ไม่ใช่งานศิลปกรรม ถามว่า Boom ได้สิทธิอะไรมา การแปลการ์ตูน แล้ว Boom แปลหรือยัง ตอบ ยังไมได้แปล แล้ว Boom จะฟ้องร้องอะไรละ ข้อหาอะไร ละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องถามย้อนกลับว่า มีมาตราไหนที่อนุญาตให้ "ผู้ได้รับอนุญาตใช้ลิขสิทธิ์หรือ ผู้ถือลิขสิทธิ์" อย่าง Boom ใช้สิทธิบ้าง ............ ตอบ ไม่มีเลย ตั้งแต่มาตรา 15 และ 27-31 กล่าวถึงแต่ เจ้าของลิขสิทธิ์ แล้ว Boom เป็นใคร ย้ำ คุณอยุ่ในฐานะอะไรตามกฎหมาย

19. อ่านจากบทสนทนา "เฮ้ย B1 ว่าไงว่ะ B2 ตอบ ชิลๆ เพื่อน" แล้วยิ่งได้ความว่า boom ได้รับอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์โดยการดัดแปลง ในระดับขั้นที่ 2 ชัดเจนมากๆ ในประโยคที่ว่า

"ตรงนี้ บก.อธิบายเพิ่มเติมให้ทราบว่า ลิขสิทธิที่ NED ได้นั้น คือ
สิทธิในการแปลและพิมพ์จำหน่ายในไทย 2 รูปแบบ คือ รายสัปดาห์และรวมเล่ม

มิได้เป็นลิขสิทธิแบบซื้อขาดอย่างที่หลายๆคนเข้าใจกัน

[คอมเมนท์จาก Azemag : นั่นหมายความว่า ถ้าจะทำรวมเล่ม NED ก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิใหม่อีกรอบอยู่ดี มีต้นทุนเพิ่มขึ้นอีกในการทำแบบรวมเล่ม ไม่ใช่ซื้อลิขสิทธิมาลงรายสัปดาห์แล้วจะสามารถทำรวมเล่มได้อีกฟรีๆ]

บก.บอกว่า NED ได้ลิขสิทธิในการแปลและพิมพ์จำหน่ายฉบับการ์ตูนเท่านั้น
แต่ลิขสิทธิอื่นๆก็อยู่กับเจ้าอื่นๆ เช่น ฉบับอนิเม ฉบับนิยาย หรือโปรดักส์อื่นๆอย่างฟิคเกอร์ โปสเตอร์

หากมีคนบอกว่าตรงนี้ไม่ได้เอามาจาก Boom งั้นก็จะมาฟ้องร้องไม่ได้
บก.เตือนมาว่า ระวังเจ้าของลิขสิทธิเจ้าอื่นเค้าด้วยนะครับ ด้วยความเป็นห่วง"

20 ชัดเจนยิ่งกว่า กะทิค้างคืนแล้วเหม็นเปรี้ยวว่า ตกลง Boom กำลังจะแสดงสิทธิอะไรตามกฎหมายลิขสิทธิ B1 ส่งให้ B2 ยิงประตู แต่พลาด เพราะลูกมันไซต์ก้อยออกข้างทาง เพราะ ตกลง คุณมีลิขสิทธิ์ในเวอร์ชั่นภาษาไทย Boom ยังไม่กล้าฟันธงตัวเองเลย อ้างแต่เพียงว่า....

"ตรงนี้ บก.อธิบายเพิ่มเติมให้ทราบว่า ลิขสิทธิที่ NED ได้นั้น คือ
สิทธิในการแปลและพิมพ์จำหน่ายในไทย 2 รูปแบบ คือ รายสัปดาห์และรวมเล่ม

มิได้เป็นลิขสิทธิแบบซื้อขาดอย่างที่หลายๆคนเข้าใจกัน"

21. Shiftหายแล้วครับ Boom อยู่ในฐานะผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์

22. จริงๆ Boom เคยศึกษา พรบ.ลิขสิทธิ์ ตัวนี้มาบ้างหรือไม่ครับ Boom มีสิทธิตามกฎหมายแค่ไหน และ สิทธิที่ตนเองได้มานั้น อยู่ในระดับใด

23. ทั้งหลายทั้งปวงที่ผมชำแหละนี้ สามารถอ้างกฎหมาย อ้างคำพิพากษา แหล่งมีมาของข้อมูลได้อย่างชัดเจนและแน่นอน

24. Boom กำลังทำตัวเหมือนกับ บริษัท อาร์เอสฯ ที่ได้สิทธิแต่เพียงเผยแพร่เท่านั้น แต่ไม่สิทธิ์ในการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ในการรับชมแบบ เรียวไทม (รับมาแล้วส่งต่อ) ทุกวันนี้ อาร์เอส ก็อ้างแต่เพียงฝ่ายเดียวเหมือน Boom ว่ามีสิทธิ์

25. ความผิดตาม พรบ. ลิขสิทธิ์เป็นความผิดต่อส่วนตัว ดังนี้ เมื่อมีการละเมิดเกิดขึ้น ผู้เสียหายเท่านั้นถึงจะมีสิทธิมาดำเนินคดี คนไม่ไม่เกี่ยว .... (ดูตามตัวอย่างนะ)

ตัวอย่าง นาย ก. มากล่าวหาพูดจาด่าท่อมารดาของพูดจาดหมิ่นประมาท นาย ข. ต่อหน้าน นาย ข. นาย ข. เกิดความโกรธที่ นาย ก. มาพูดจาหมิ่นประมาณมาดราของตนเอง จึงนำเรื่องเป็นแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ถามว่า นาย ข. ร้องทุกข์ได้หรือไม่ ตอบ ร้องไม่ได้ ถึงแม้ นาย ก. จะมีความผิดฐานหมิ่นประมาทก็ตาม แต่ นาย ข. ก็ร้องทุกข์ไม่ได้เพราะ นาย ข. ไม่ใช่ผู้เสียหาย และความผิดนั้นเป็นความผิดต่อส่วนตัว พนักงานสอบสวนไม่สามารถดำเนินการสอบสวนได้หากผู้เสียหานในความผิดต่อส่วนตัวยังไม่มีการร้องทุกข์

26 อ่านตามตัวอย่างแล้ว ผิดศีลธรรมไหม ตอบว่า ผิด ก็เล่นไปด่าแม่เค้าอ่ะ จะไม่ผิดได้ไง ไม่ต่อยปากก็บุญแล้ว แต่ถามว่า ผิดกฎหมายไหม ตอบว่า ก็ผิด สิครับ ใส่ความผู้อื่นต่อหน้าบุคคลที่สามซึ่งเป็น นาย ข. แต่ดำเนินคดีได้ไหมล่ะ ในกรณีประสงค์ดำเนินคดีเอง ตอบ ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย

27. แล้วสิทธิของ Boom ล่ะ ถือเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายไหมครับ ?? ทางศีลธรรมผมเห็นว่า Boom เสียหายนะ เพราะไปทำสัญญามาเสียเงินมา แต่มาขาดรายได้ แต่ถามนิดหนึ่ง คุณกำลัง เคลมสิทธิของคุณตามกฎหมายใช่ไหม ถ้าใช้ คุณมีสิทธิตามนั้นรึป่าว .....

28. เมื่อพิจารณาถึงข้อกฎหมายและกฎเกณฑ์ของสังคม ถามจริงๆ ใครที่ใช้สิทธิของตนเองเกินส่วนที่กฎหมายและกฎของสังคมให้ไว้

29. Boom เรียกร้องตามสิทธิกรณีไหน ศีลธรรม หรือ กฎหมาย

แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 23:13:58

แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 22:46:58

แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 21:54:56

แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 21:54:21

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 21:39:09

ความคิดเห็นที่ 1

มาปูเสื่อรออ่านครับ ^ ^
ได้ความรู้ดีอย่างนี้ชอบ หุหุ

ปล. ครอบครับผมน้องชายก็เด็กเนฯ พ่อก็ทนาย พี่ชายก็ผู้พิพากษา ตัวผมเองก็เคยลงเรียนนิติตั้งเทอมนึง ... แต่ความรู้เรื่องกฏหมายจริง ๆ แทบไม่กระดิกเลย เหอ ๆ - -.

จากคุณ : Delclaw

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:05:08

ความคิดเห็นที่ 2

อทินนาทานา เวรมณี คือ เว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ด้วยอาการขโมย ความมุ่งหมายในการบัญญัติสิกขาบทนี้ เพื่อให้ทุกคนเคารพในกรรมสิทธิ์ของผู้อื่น เว้นจากการทำมาหากินในทางทุจริต ประกอบอาชีพในทางมิจฉาชีพ ไม่เบียดเบียนผู้อื่นในทางเลี้ยงชีพ

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงอธิบายว่า ข้อห้ามหรือขอบเขตของสิกขาบทนี้ มีทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ซึ่งผู้รักษาศีลจะต้องเว้น เพื่อรักษาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ คือ

๑. โจรกรรม
๒. อนุโลมโจรกรรม
๓. ฉายาโจรกรรม

๑. โจรกรรมมี ๑๔ อย่างคือ

๑. ลัก ถือเอาทรัพย์เมื่อเจ้าของไม่เห็น ที่เรียกว่า ขโมยและตัดช่องย่องเบา
๒. ฉก ชิงเอาทรัพย์ต่อหน้าเจ้าของ ที่เรียกว่า ตีชิง วิ่งราว
๓. กรรโชก ขู่ให้เขากลัวแล้วให้ทรัพย์ ที่เรียกว่า จี้ ในปัจจุบันนี้
๔. ปล้น รวมหัวกันหลายคน มีศรัตราอาวุธเข้าแย่งทรัพย์
๕. ตู่ อ้างหลักฐานพยานเท็จ หักล้างกรรมสิทธิ์ของผู้อื่น เช่น ที่ดิน เป็นต้น ซึ่งไม่อยู่ใน
ปกครองของตน
๖. ฉ้อ โกงเอาทรัพย์ของผู้อื่นที่ตนปกครอง เช่น โกงของฝาก โกงที่ดินที่ตนอยู่อาศัย
เป็นต้น
๗. หลอก ปั้นเรื่องให้เขาเชื่อแล้วให้ทรัพย์
๘. ลวง ใช้เล่ห์เอาทรัพย์เครื่องมือลวง เช่น โกงตาชั่ง เป็นต้น
๙. ปลอม ทำหรือใช้ของปลอม เช่น ธนบัตรปลอม ยาปลอม เป็นต้น
๑๐. ตระบัด ยืมของคนอื่นมาใช้แล้ว ยึดเอาเสีย กู้หนี้แล้วไม่ใช้ดอก เป็นต้น
๑๑. เบียดบัง กินเศษกินเลย เช่น เลี้ยงสัตว์ กินค่าอาหารสัตว์ เป็นต้น
๑๒. สับเปลี่ยน แอบสลับเอาของผู้อื่น ซึ่งมีค่าสูงกว่า
๑๓. ลักลอบ หลบหนีภาษีของหลวงหรือลอบนำสิ่งที่ต้องห้าม เช่น เหล้าเถื่อน เป็นต้น
๑๔. ยักยอก ยักเอาทรัพย์ของคนที่ถูกริบไว้ ยักยอกภาษี ยักยอกทรัพย์ที่ถูกฟ้องล้ม
ละลายไว้

๒. อนุโลมโจรกรรม ทำโจรกรรม คือ กิริยาที่ไม่ทำให้โจรกรรม ๑๔ อย่าง แต่ทำงานคล้ายโจรกรรม พออนุโลมเข้ากับโจรกรรมได้ เรียกว่า อนุโลมโจรกรรมมี ๓ อย่าง คือ

๑. สมโจร สนับสนุนโจร เช่น ให้ที่พักและอาหารและรับซื้อของโจร เป็นต้น
๒. ปอกลอก คบหาเพื่อปลอกลอกเอาทรัพย์
๓. รับสินบน รับสินจ้างแล้วทำผิดหน้าที่ เพราะเกรงใจเขา

ทั้ง ๓ อย่างนี้ ศีลไม่ขาดแต่ด่างพร้อย เฉพาะการรับสินบนนี้ ถ้าผู้รับมีเจตนาร่วมกับผู้ให้ในการทำลายกรรมสิทธิ์ของผู้อื่น ก็เป็นการร่วมโจรกรรมโดยตรง ศีลขาด

๓. ฉายาโจรกรรม คือ การกระทำที่ไม่ทำอนุโลมโจรกรรม แต่ทำพัสดุของผู้อื่นให้สูญเสียและเป็นสินใช้ตกอยู่แก่ตน เรียกว่าฉายาโจรกรรม มี ๒ อย่าง คือ

๑. ผลาญ ทำลายทรัพย์ของผู้อื่นให้เสียหาย (ไม่เอามาเป็นของตน) เช่น เผาบ้านเสีย
หาย เป็นต้น
๒. หยิบฉวย ถือวิสาสะเกินขอบเขต เช่น ลูกหลานเอาของพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย โดยไม่
ได้รับอนุญาต หรือถือเอาของญาติมิตรมากกว่าที่เขาอนุญาตให้ เอาโดยไม่ต้องซื้อ ทั้ง ๒ อย่างนี้ ศีลไม่ขาดแต่ด่างพร้อย

#############################################

ในอัฏฐสาลินี ได้แสดงถึงองค์ประกอบของอทินนาทานว่า ต้องพร้อมด้วยองค์ประกอบ ๕ ประการ คือ

๑. ของนั้นมีเจ้าของหวงแหน
๒. รู้ว่าของนั้นมีเข้าของหวงแหน
๓. ตั้งใจลักสิ่งของนั้น
๔. พยายามลักสิ่งของนั้น
๕. ได้สิ่งของนั้นมา ด้วยความพยายามนั้น

##########################################

เมื่อพร้อมด้วยองค์ประกอบ ๕ นี้ ศีลขาด ถ้าไม่ครบองค์ศีลไม่ขาดเป็นเพียงแต่ด่างพร้อยไม่บริสุทธิ์ ทำเอาหรือใช้ให้ผู้อื่นทำศีลขาด
ในการวินิจฉัยว่า การทำอทินนาทาน จะมีโทษมากหรือน้อยนั้น ในอัฏฐสาลินีได้อธิบายเกณฑ์ในการพิจารณาคือ

๑. กำหนดด้วยวัตถุ คือ ของมีค่ามากมีโทษมาก มีค่าน้อยมีโทษน้อย
๒. กำหนดด้วยเจตนา คือ ความตั้งใจที่เจือด้วยกิเลสมาก มีโทษมาก ที่เจือด้วยกิเลสน้อยมีโทษน้อย
๓. กำหนดด้วยประโยค คือความพยายามที่จะได้สิ่งของนั้น ถ้าพยายามมากมีโทษมาก พยายามน้อยมีโทษน้อย

ข้อยกเว้นการถือเอาของผู้อื่นโดยวิสาสะ คือ ของญาติหรือมิตรหรือคนที่คุ้นเคยกันเคยช่วยเหลือกัน เคยอนุญาตไว้ก่อน แม้จะถือเอาโดยไม่บอกก็ไม่เป็นอทินนาทาน แต่ประกอบด้วยลักษณะการถือวิสาสะในอัฏฐสาลินี ที่ท่านอธิบายว่าต้องประกอบด้วยองค์ ๕ ประการ

๑. เจ้าของเป็นผู้สนิทกับตน
๒. เจ้าของเคยอนุญาตไว้ก่อน
๓. เมื่อถือเอาแล้วไม่มีคนสนเท่ห์
๔. ของนั้นเป็นของที่เจ้าของไม่หวงแหนสำหรับเราหรือพอให้ได้
๕. เมื่อเจ้าของรู้แล้วก็พอใจไม่ว่าอะไร

######################################33333

อ้างอิงจาก http://www.dhammathai.org/articles/human.php

จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอทุกชาติ

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:09:11

ความคิดเห็นที่ 3

เยอะ!!! เดี๋ยวตามอ่านทีหลัง ขอบคุณมากครับ
ชอบอะไรที่ยาวๆ แต่ขี้เกียจอ่านอ่า

จากคุณ : lucaman

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:11:26

ความคิดเห็นที่ 4

อยากหาอ่าน spoil การ์ตูนญี่ปุ่นล่วงหน้าขนาดหนักจนถึงขั้นต้องตีความทางกฎหมายเลยเหรอ? เสี้ยนกันถึงขนาดนี้เลยหรือครับ?

ป.ล.
ผมยังไม่ได้อ่านที่ จขกท. เขียนและจะไม่อ่านจนกว่า จขกท. จะแก้คำผิดทั้งหมด เพราะในเมื่อ จขกท. อ้างไปถึงกฎหมาย ก็หมายความว่า จขกท. ต้องทราบอยู่แล้วว่าถ้าเขียนผิดแม้แต่คำเดียวความหมายก็จะเปลี่ยนไปและจะทำให้ข้อความหรือบทความนั้นๆ ขาดความน่าเชื่อถือทันที ดังนั้นผมก็ขอให้ จขกท. กลับแก้ไขคำผิดให้หมดซะก่อนนะครับ

และถ้าใครไม่พอใจในสิ่งที่ผมเขียน ผมก็ขอ "ตรงนี้" หรือไม่ก็ "หลังไมค์" ก็ได้แต่ห้ามลับหลังผมเด็ดขาดครับ

##EDIT##
แก้คำผิด
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 22:16:22

จากคุณ : I'AM

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:15:20

ความคิดเห็นที่ 5

ไม่ทราบว่าเจ้าของกท. ได้เห็นสัญญาที่ทาง ned ทำกับญี่ปุ่นด้วยหรือเปล่า มันมีประเด็นอื่นๆ นอกเหนือประเด็นเรื่อง "ลิขสิทธิ์" หรือเปล่า

บางที กฎหมายลิขสิทธิ์อย่างเดียวอาจจะไม่พอ ต้องลากกฎหมาย "สัญญา" มาด้วย

หรือถ้าไม่ลากมา ก็อาจจะโดย 420 ละเมิดอีก

จากคุณ : c5;q Foho

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:15:58 A:61.90.103.38 X: TicketID:265702

ความคิดเห็นที่ 6

ประเด็นอยู่ที่ว่า ข้อสัญญาของทางเนชั่นฯที่ทำกับทางญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง แน่นอนว่าเราไม่สามารถดูได้ครับถ้าไม่ได้รับข้อยกเว้นประการใดๆ เพราะเป็นสิทธิ์ของบริษัท

หากเป็นอย่างที่ จขกท.ว่ามาตามนั้นคือ
"8. เมื่อพิจารณาจากบทละเมิดของกฎหมายลิขสิทธิ์ มาตรา 21-31 แล้ว เห็นว่า Boom ไม่อยู่ในฐานะ เจ้าของลิขสิทธิ์ แต่อยู่ฐานะ ผู้ได้รับอนุญาตใช้สิทธิ์ จึงไม่สามารถบังคับใช้สิทธิของตนตามมาตราดังกล่าวได้

9. แต่การที่ Boom จะดำเนินคดีนั้นหากข้อเท็จจริงที่ดังกล่าวมา Boom ต้องดำเนินคดีในฐานะตัวแทนผู้รับอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น ไม่สามารถกล่าวอ้างได้เลยว่าเป็นการดำเนินคดีในสิทธิของ Boom เพราะ พรบ.ลิขสิทธิ์ ให้อำนาจ แต่แก่เจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้นที่จะฟ้องร้องดำเนินคดี"

ทางเนชั่นก็ไม่อาจฟ้องร้องได้ เว้นเสียแต่ว่า "จะได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนฟ้องคดี ตามหลักกฎหมายว่าด้วยตัวการ-ตัวแทน ดังมาตรา 801 อนุมาตรา 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ครับ" ครับ (ตรงนี้ก็ต้องดูข้อสัญญาดังที่ผมกล่าวข้างต้น)

ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์นั้น จขกท. ได้กล่าวไว้ชัดเจนดีครับว่า "ลิขสิทธิ์ไม่ต้องจดทะเบียน เป็นสิทธิที่มีอยู่แล้วตามกฎหมาย ดังนั้นหากใครตอบว่า ต้องไปจดทะเบียน ต้องไปเผยแพร่ก่อนถึงจะมีลิขสิทธิ์ คนตอบแบบนี้ คือ คนไม่ยังไม่เข้าใจกฎหมายลิขสิทธิ์เลย" ...ดังนี้จะขอเสริมต่ออีกซักเล็กน้อยครับว่าการจดทะเบียนให้ได้หนังสือรับรองเรื่องลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรต่างๆนั้น ไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าได้ลิขสิทธิ์ เพราะลิขสิทธิ์ได้คุ้มครองผู้สร้างสรรค์ผลงานมาตั้งแต่การสร้างสรรค์ผลงานเริ่มต้นขึ้น (แต่ไม่คุ้มครองความคิดในหัวหรือลมปาก)
แต่หนังสือดังกล่าวใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องดำเนินคดีได้ครับ

จากคุณ : บีเค01

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:29:34

ความคิดเห็นที่ 7

ไม่เกี่ยวกัยเสี้ยนไม่เสี้ยน (เพราะผมไม่ได้อ่านสปอยในบูมแม้แต่เรื่องเดียว) แต่เรื่องที่ทางบูมจะเอากฎหมายมาเล่นงาน ก็ต้องว่าตามตัวบท ไม่ใช่ตัวคน บูมจึงไม่มีสิทธิ์ตั้งกฎขึ้นมาเอง อันนี้เป็นสัจจนิรันดร์ กรณีละเมิดก็ต้องว่ากันไปตามตัวบท

ไม่ใช่ว่ายกหางตัวเอง แล้วพลิกถูกเป็นผิดมั่วซั่ว
ใครจะบอกว่าการเล่นแง่แบบนี้เป็นศรีธรญชัยก็ว่าไป ในเมื่อการเล่นกับกฎหมาย เป็นการจับจุดหาช่องโหว่ในกฎหมายต่างหากล่ะเหวย

พวกลูกเจี๊ยบก็อ่านๆเอาความรู้ไว้ซะบ้างนะ ไม่ใช่ อ่านแต่สำรอกมั่วๆของกองบก.การ์ตูน

จากคุณ : ผมเสียโสดให้หญิงร้าย

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:30:27

ความคิดเห็นที่ 8

เอาสั้น ๆ ละกันขี้เกียจพิมพ์ยาว

ลิขสิทธิ์ มันเป็นกฏหมายสากล มีสนธิสัญญาลงนามเพื่อคุ้มครองไม่ใช่รึ

เมื่อมีสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ดังนั้น ลิขสิทธิ์ของทางญี่ปุ่นก็ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมายไทยด้วยแน่นอน (แน่นอน ลิขสิทธิ์ของไทยก็ต้องได้รับความคุ้มครองตามกฏหมายญี่ปุ่นเช่นกัน) ในวงเล็บพิมพ์ข้อดีไว้ซักนิดเดี๋ยวโดนหาว่าเป็นทาสญี่ปุ่น ฮ่าฮ่าฮ่า

เท่านี้น่าจะพอตอบเจ้าของกระทู้ได้แล้วล่ะ
ขยายหน่อยก็คือ ไม่ว่า N จะได้รับสิทธิมาแค่ไหนแต่ถ้าทาง J เขาเกิดหมันไส้ขึ้นมาข้อความหัวกระทู้นั่นโยนทิ้งไปได้เลย เขาจะมอบอำนาจมาเมื่อไรก็ได้(มันพิมพ์วันที่ย้อนหลังได้นี่) หรืออาจได้รับมาแล้วก็ได้ มันไม่จำเป็นต้องเปิดเผยเป็นเอกสารนี่แค่ประกาศในหนังสือนั่นก็พอแล้ว

ส่วนใครอยากจะเสี่ยงก็ตามสบาย ไปชี้แจงให้ศาลฟัง ถ้าศาลเข้าใจว่าสิ่งที่ทำอยู่ในข้อยกเว้นทั้งหลายแหล่ก็รอดนะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

ง่าย ๆ ดี ไม่ยุ่งยาก ใช่มะ ๆ
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 22:47:34

จากคุณ : Autumn2reason

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:39:29

ความคิดเห็นที่ 9

ยาวจัง ขี้เกียจอ่านอ่ะ

จากคุณ : โลมาจิ๋ว

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:45:14

ความคิดเห็นที่ 10

อย่าเอาลิงค์เว็บมาโพสเลยครับ...

จากคุณ : Merlinz

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:50:38

ความคิดเห็นที่ 11

อย่างยาวอ่ะ
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 22:53:26

จากคุณ : EITHER

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:53:06

ความคิดเห็นที่ 12

โพสท์ลิงค์ไว้ก็ดีนี่ครับ จะได้รู้กันไปเลยว่าใครจะอยู่ใครจะไป

ถ้าเนชั่นไร้น้ำยาจนบังคับใช้สิทธิ์ที่มีในมือไม่ได้ รักษาผลประโยชน์ของตัวเองไม่ได้ ก็ให้บริษัทมันเจ๊งๆไป
ถ้ากฏหมายมันสนับสนุนให้เนชั่นสามารถรักษาสิทธิ์และผลประโยชน์ของตัวเองไว้ได้ ก็ให้มีคนโดนโยนเข้าตะรางไป

ง่ายและชัดเจน

จากคุณ : Lethe

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:54:03

ความคิดเห็นที่ 13

ถ้าเอาตามข้างบนจะแถกให้มันถูกล่ะก็
Pirate ที่ขายๆกันก็ไม่ผิดนะครับ
เพราะเขาแปลมาจากภาษาญี่ปุ่น
ไม่ได้ละเมิดฉบับภาษาไทยซะหน่อย

ตึ่งโป๊ะ มาก

จากคุณ : โทมาเระ

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:54:14

ความคิดเห็นที่ 14

http://niceoppai.net/viewtopic.php?f=2&t=11254 ภาค 1 (ประกาศ Boom)
http://niceoppai.net/viewtopic.php?f=2&t=11302 ภาค 2 (ประกาศของ เฮีย บก)
http://niceoppai.net/viewtopic.php?f=2&t=11348 บทสรุปไตรภาค

ช่วย

จากคุณ : โทมาเระ

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:54:57

ความคิดเห็นที่ 15

ไม่ต้องคิดมากครับ ไม่ว่า N จะเขียนผิดเขียนถูกยังไงก็แล้วแต่ หาก N คิดว่ากระทบสิทธิเกินสมควร ไปขอใบมอบอำนาจจาก J คงได้หายเสี้ยนกันล่ะงานนี้

จากคุณ : silverspider

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 22:56:34

ความคิดเห็นที่ 16

เข้ามาอ่านความเห็นทางกฎหมายครับ

จากคุณ : Nexus

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:02:00

ความคิดเห็นที่ 17

ขอตอบแบบเหมารวมนะ

ความคิดเห็นที่ 4 ตอบ ครับ ผมไม่ได้เสี้ยน และคงจะพยามแก้ไขในการพิมพ์ให้ครบถ้วย ส่วนคุณจะอ่านรึไม่ ไม่สำคัญครับ

ความคิดเห็นที่ 5 ตอบ สัญญาผมไม่เห็นแน่นอนครับ .... แต่สิทธิที่จะเคลมกันตามกฎหมายคือ พรบ.ลิขสิทธิ์ ในส่วนเรื่องของสัญญา ตามกฎหมายลิขสิทธิ์แล้ว ไม่มีแบบกำหนดไว้ ดังนั้นการอนุญาตกระทำด้วยวาจาก็ได้ เมื่อขึ้นในคดีแพ่งสามารถนำบุคคลเข้าสืบได้อยู่แล้ว ส่วนคดีอาญานั้น นำสืบได้ไม่ต้องห้าม สำหรับสิทธิตามกฎหมายแพ่ง 420 นั้น หากเป็นกรณีนี้ ตั้งเรื่องฟ้องยากมากๆ ครับ เพราะต้องพิสูจน์ถึงมูลเหตุแห่งการละเมิด มูลค่าความเสียหาย ซึ่ง ถ้าจะฟ้องเกรงว่าจะเป็นการฟ้องในลักษณะ ฟ้องเพื่อให้เดือนร้อนรำคาญซะมากกว่า

ความคิดเห็นที่ 6 หนังสือที่คุณไปแจ้งข้อมูลต่อกรมทรัพยสินทางปัญญาในเรื่องของลิขสิทธิ์ ไม่ใช่หลักฐานก่อให้เกิดสิทธิใดๆ ตามกฎหมายครับ ตัวอย่างฏีกาดัง ฎีกา จตุคามรามเทพ ของ ท่าน พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ดังนี้ แทบไม่มีความหมายใดๆ ในชั้นศาลครับ ลองสืบค้นได้นะครับ

ความคิดเห็นที่ 8 การคุ้มครองในทีนี้หมายถึง คุ้มครองตามกฎหมายในประเทศนั้นๆ ญิ่ปุ่นสร้างสรรค์มีลิขสิทธิ์ที่ญิ่ปุ่น เมื่อประเทศไทยเป็นประเทศภาคีสมาชิก ก็ถือว่า เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์เช่นกัน แต่การคุ้มครองและการบังคับใช้ ก็ต้องใช้กฎหมายประเทศไทย ไม่ใช่กฎหมายญิปุ่น ในทางกลับกันหาก บ้านเราเป็นมีลิขสิทธิ์ แล้ว บ้านญิ่ปุ่นก็ต้องมีด้วย เว้นแต่ กฎหมายญิ่ปุ่นจะกำหนดไว้ว่าไม่เป็นลิขสิทธิ์

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:03:11

ความคิดเห็นที่ 18

ความเห็นที่ 15 ตอบ การขอหนังสือมอบอำนาจมีค่าใช้จ่ายนะครับ และเกรงว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย เพราะมันคือ ธุรกิจซื้อขายหนังสือมอบอำนาจ หากยังไม่เห็นภาพ อธิบายดังนี้

การฟ้องคดีย่อมมีเสียหาย ค่าเสียหายตรงนี้เรียกว่า ค่ายอมความ นั้นเอง

ตัวอย่าง หาก Boom ฟ้องคดี จำเลยขอยอมความ ต้องจ่ายค่าเสียหายถูกไหม คุณคิดว่า จะเข้าประเป๋าใคร ตอบ ก็ Boom สิ คิดแบบนี้เป็นตัวตั้งนะ หลับ แล้วมองย้อนกับไป .....ภาพในธุรกิจการจับกุมก็เป็นดังนี้

เจ้าของลิขสิทธิ์ ทำสัญญาให้เป็นตัวแทนดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ในข้อสัญญาต้องระบุถึงค่าเสียหายจะถือว่า เจ้าของลิขสิทธิ์ได้รับการเยียวยาในมูลละเมิด หมายถึง การชำระค่าเสียหายให้แก่ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจให้ถือว่า ผู้มอบอำนาจ (เจ้าของลิขสิทธิ์) ได้รับค่าเสียหายแล้ว หากยังไม่เห็นภาพก็ ลองจินตนาการว่า ตัวแทนไปจับกุม เรียกค่ายอมความ ถามว่า ต้องส่งให้เจ้าของลิขสิทธิ์ใช่หรือไม่ ตอบ ใช่ เพราะคุณเป็นตัวแทน เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นตัวการ คุณมีหน้าที่ทำแทนเท่านั้น

แต่ !!

หากคุณจะเก็บไว้เองล่ะ เจ้าของลิขสิทธิ์ก็ต้องตกลงก่อนทำหนังสือมอบอำนาจว่า "เฮ้ย เองจะไปจับแล้วได้ค่าเสียหายแล้วไม่ส่งข้าก็ได้นะ แต่เองจะให้ค่าเท่าไรล่ะ สำหรับอำนาจที่ค่ามีอยู่ เอ็งจะเอาอำนาจจากข้าไป ตีเป็นมูลค่ามาสิ...."

เห็นภาพยังว่า ธุรกิจการซื้อขายหนังสือมอบอำนาจในบ้านเราน่ากลัวแค่ไหน

เรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับการดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์คือ การซื้อขายหนังสือมอบอำนาจที่เห็นเป็นข่าวกันนั้นแหละครับ เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริง ขายหนังสือมอบอำนาจให้ออกไปเที่ยวไล่จับแม่ค้า พ่อค้า แล้วก็ขึ้นข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ไงครับ "คนเก็บขยะ กทม." ก็ถูกวงการ ขายหนังสือมอบอำนาจเล่นงาน เรื่องนี้ หาดูคลิปต่างๆ ได้ใน ยูทุบ เยอะแยะ

ฉายาเรียกว่า นักบิน หมานำจับ อะไรต่ออะไรสารพัด

ขอหนังสือมอบอำนาจจากต่างประเทศสักใบ ก็หนักเอาการนะครับ
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 23:25:21

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:10:22

ความคิดเห็นที่ 19

#18 แล้วถ้าทาง J กดดันแกมบังคับ N มาเองด้วยคิดว่าจะ N ต้องจ่ายให้ J เยอะไหมล่ะครับ

จากคุณ : silverspider

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:17:35

ความคิดเห็นที่ 20

ปาดขวา

จากคุณ : แต๋วแหน่ว

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:19:34

ความคิดเห็นที่ 21

ตกลงแล้วคุณเจ้าของกระทู้ต้องการสื่อว่าอะไรครับ
จะบอกว่าให้พวกเราลงScanกันต่อไปแล้วอ่านกันให้เต็มที่ตามเดิมงั้นรึ
จะบอกว่าสิ่งนี้สมควรทำสินะ
ถ้างั้นผมขอยืนคนละฝ่ายกับคุณล่ะ
สาเหตุไม่ต้องมาก แค่ผมไม่ชอบแค่นั้น
คุณจะไปยกข้อกฏหมายจากหนังสือรวมกฏหมายฉบับพ่อหรือะไรก็เชิญเถิด
ผมแค่รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องก็แค่นั้นเอง

จากคุณ : Sunnicof

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:23:08

ความคิดเห็นที่ 22

เชื่อว่าจะไม่เกิดกรณีแบบ คห.19 ครับ (หรือถ้าเกิดก็เกิดน้อยมาก)

...แต่มันอาจจะร้ายแรงกว่าคือในอนาคตหากยังมีการลงสปอยแบบเป็นล่ำเป็นสันกันอยู่อย่างเดิม (อ้างอิงจากกระทู้ก่อน ...หลักทั่วๆไป สปอยคือ"การทำให้เสียอรรถรสในการรับรู้ เพราะเป็นการเผยจุดสำคัญในเรื่องนั้น") แถมด้วยการลง scan
เกิดทำให้ รายสัปดาห์ขายไม่ดี ทำให้รายรับน้อยลง ถ้าโชคร้ายก็อาจทำให้การ์ตูนเรื่องนั้นโดนลอยแพไป

การคำนึงถึงหลักกฎหมาย ก็ใช่อยู่ครับ แต่บางครั้งก็ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ด้วย เพราะเขาเป็นบริษัทเอกชนซึ่งแสวงหาผลกำไรจากการค้าขาย ดังนั้นหากทำให้เขาเสียประโยชน์สุดท้ายเราก็จะเสียประโยชน์ด้วย

เข้าใจครับว่าอยากอ่านไวๆชนิดหายใจรดต้นคอญี่ปุ่น แต่ก็ต้องทำใจบ้างครับเนื่องมาจาก สิทธิ์ในสัญญาและระยะเวลาการพิมพ์ ผมไม่ทราบหรอกครับ แต่คาดเดาว่าทางญี่ปุ่นคงเป็นคนกำหนด (ก็ต้องดูข้อระบุในตัวสัญญาอีกที)

จากคุณ : บีเค01

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:37:02

ความคิดเห็นที่ 23

#12 ตรงใจ

ทีแรกผมก็อยากจะให้อยู่กันแบบอลุ้มอล่วยเหมือนที่ผ่านมา ตีความแบบใจเขาใจเรา ไม่ขัดผลประโยชน์จนมองหน้ากันไม่ติด

แต่ถ้าทำแล้วมันลำบากวุ่นวายนัก ก็แลกหมัดกันไปเลยดีกว่าครับ

จากคุณ : Vladimir Putan

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:38:12

ความคิดเห็นที่ 24

ูคห.21 แรงจริงๆๆ

ความถูกต้องของคุณ ตั้งอยู่บนอารมณ์เหลือเกิน

ไม่ชอบก็ไม่จำเป็นต้องแสดงอารมณ์ และพูดจาแบบนี้เลย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จขกท. มาให้ความรู้ด้านกฎหมาย เป็นเรื่องที่ดีนะคะ

อย่าหลับหูหลับตาเชื่อคนอื่นไปหมด ศึกษาหาความรู้ในเรื่องแบบนี้ไว้บ้างจะได้ทันคนอื่นเขา

ส่วนเรื่องที่ไม่ดี ไม่ควรทำ เราๆ ท่านๆ ใช้วิจารณญาณเลือกไม่ทำได้นะ
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 23:43:20

จากคุณ : สาวกุมภ์

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:39:55

ความคิดเห็นที่ 25

อนึ่งผมไม่เข้าข้างบริษัทนะครับ เพียงแต่บอกให้ฟังว่า จะทำอะไรก็ควรคิด"ถึงเราถึงเขา" ...ผมบอกทั้งคนทำสปอยและบริษัทนะครับ ไม่ได้บอกว่าบริษัททำถูกเสมอไป ในบางครั้งทางบริษัทก็สมควรที่จะมาตกลง หรือมีมาตรการใดๆที่ยอมรับกันให้เป็น"บรรทัดฐาน"...พวกเราที่เป็นทั้งคนอ่านและหาข้อมูลในการ์ตูนเรื่องนั้นๆจะได้ยึดตามหลักที่พวกคุณ(บริษัท)พอใจ

จากคุณ : บีเค01

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:42:33

ความคิดเห็นที่ 26

ผมแค่พูดตามความคิดเห็นของผมครับ ตามมุมมองที่ผมแสดงออกนั้น ผมเป็นทั้งนักศึกษาด้านกฎหมาย และทำการค้าขายไปด้วย หากคุณจะอ่าน คห.25 ประกอบจะเป็นเห็นว่าผมไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด และไม่ได้ใช้อารมณ์ครับ เพียงแต่ตามหลักเกณฑ์และความเป็นจริง มันเป็นเช่นนั้นเองครับ

/แก้ๆ ผมมองผิดเองครับ ขออภัย
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 23:49:53

จากคุณ : บีเค01

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:46:47

ความคิดเห็นที่ 27

#22 ผมก็คิดว่าน่าเกิดน้อยเช่นกันครับ และจะเน้นพวกเว็บแสกนซะมากกว่า แบบเดียวกับที่ J ไล่ปิดเว็บนอกนั่นแหละ

จากคุณ : silverspider

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:48:45

ความคิดเห็นที่ 28

ความคิดเห็นที่ 21 ตอบ พ่อผมเสียชีวิตแล้วครับ ด่ายังไงท่านก็ไม่ฟื้น อย่าด่าบุพการีกันเลยเพียงเพราะอ่านแล้วไม่ตรงใจ "ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ" เป็นกรณีใช่ไหมครับ

สิ่งที่ผมจะสื่อก็คือ หาก Boom จะเคลมสิทธก็ขอให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามสิทธิที่พึงมาตามกฎหมาย ไม่ใช่กรณีสิทธิทางศีลธรรม หากเป็นสิทธิทางศีลธรรม Boom ควรเลือกดำเนินการเหมือน ค่ายหนังต่างๆ ที่ทำหนังสือขอความร่วมมือเว็บบิทว่า ขอนะภาพยนตร์ ของให้ออกมาสเตอร์ก่อน แล้วค่อยปล่อยบิทกัน ขอนะครับ ภาพยนตร์ไทย อย่าปล่อยบิทเลย ซึ่งทางบริษัทค่ายหนังฯ ก็รู้อยู่แล้วว่า ดำเนินการเอาผิดเว็บบิทในตากฎหมายไทยไมได้ จึงได้ทำหนังสือถึงเว็บมาสเตอร์ต่างๆ ว่า ห้ามได้ไม่ก็ขอล่ะกันว่า ให้เค้าจำหน่ายแผ่นก่อน

ความคิดเห็นที่ 22 ตอบ โดยส่วนตัวผมว่า boom ไม่ดำเนินการตามวงการซื้อขายหนังสือมอบอำนาจหรอกครับ เพราะ มันได้ไม่คุ้มเสีย ส่วนเรื่อง เสียหายทางบริษัทนั้น เห็นด้วยนะครับ เพียงแต่ ต้องทำความเข้าใจถึงแก่นของธุรกิจว่า ขณะ boom ทำสัญญา ก็ไม่นึกว่า จะมีเหตุการณ์ แบบนี้เกิดขึ้นแล้วกระทบยอดขาย ครั้นจะต่อสัญญาใหม่ก็เสียเงินเอาการ เรียกว่า ฉีกสัญญาเก่าทิ้งแล้ว ทำสัญญาฉบับใหม่ แน่นอนครับ มูลค่าของการ์ตูนที่เด่นๆ ใน Boom มันสูงกว่าเมื่อครั้งทำสัญญามากมาย Boom จึงตัดสินใจเลือกในแนวทางนี้ก่อนเพื่อหยั่งเชิงว่า หากปราบได้ น่าจะทำให้ยอดขายดีขึ้น
--------------------------------------------------

ยืนยันครับว่า ผมไม่ได้ส่งเสริม ให้เด็กๆ ทำผิดกฎหมาย ประเด็นคือ Boom มีสิทธิที่จะดำเนินคดีไหม ผมเลยเอาข้อมูลเท่าที่ Boom นำเสนอและกล่าวอ้างมาปรับเข้ากับหลักกฎหมายเพื่อหาว่า ส่วนใดที่ Boom สิทธิ ซึ่งผมก็ระบุไว้ชัดเจนว่า Boom มีลิขสิทธิ์แน่นอน ตามมาตรา 11 แต่ ต้องลงมือสร้างสรรค์ ซึ่งในสัญญาที่ Boom ทำกับญิปุ่นอาจไมได้ระบุเรื่องนี้เลยก็ได้ แล Boom อาจยังไม่รู้เลยว่า ตนเองมีลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ มาตราใด ถึงได้เขียนประกาศว่า "เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์" ซึ่งความจริงควรจะใช้คำว่า "เป็นผู้มีลิขสิทธิ์ตามกฎหมายในเวอร์ชั่นภาษไทย"

ย้ำนะครับ ไม่ได้เสี้ยนอยากเสพสปอย แต่เห็นการบังคับให้สิทธิของ Boom แล้ว มันขัดกับสิทธิที่ตัวเองได้รับมา จึงนำมาอธิบายให้ทราบ

ไม่เคยสักเกตหรอครับว่า เว็บบิท ก็ไม่ต่างอะไรกับ สปอย เค้ามีปัญหาไม่ต่างจาก Boom แต่เลือกที่จะใช้วิธีการ นุ่มนวลกว่า
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 00:23:44
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 23:54:18

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:52:00

ความคิดเห็นที่ 29

พูดตามตรงผมว่ายาก การที่จะปิด Internet เพราะต้องปิดทั้ง Google ปิดทั้ง Isp ทั่วโลก ทางแก้ที่ง่ายกว่าคือญี่ปุ่นต้องเลิกกั้กตอน ให้มันออกพร้อมกันทั่วโลกนั่นแหละ แล้วปัญหามันจะเบาบางลง (ไม่หมดไปหรอก)

จากคุณ : Nexus

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:53:26

ความคิดเห็นที่ 31

ขอถามเป็นสรุปเลยดีกว่าครับ เผื่อบางคนไม่เข้าใจ

1. ว่าการเล่าเรื่องในพื้นที่สาธารณะอย่างเวบบอร์ด โดยมีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ (spoil) และมีการนำสำเนาต้นฉบับจากภาษาต่างประเทศ (raw หรือ scanlation) ที่ได้มาโดยชอบด้วยกฏหมายหรือไม่ก็ตามมามาเผยแพร่ร่วมด้วย (เช่นเรื่อง Naruto, Onepiece ในเวบบอรดพันทิพ) นั้นผิดกฏหมายรึเปล่าครับ?

2. และถ้าเป็นการเล่าเรื่องในเวบบอร์ด โดยมีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ แต่ไม่มีการนำสำเนาหรือเอกสารใดๆ มาเผยแพร่ร่วมด้วย (เช่นที่คุณ Drake ทำ) นั้นถือว่าผิดกฏหมายรึเปล่า?

เรื่องกฏหมายยังงี้มันเป็นกลไกลของสังคมครับ ถ้าเจ้าของลิขสิทธิที่ญี่ปุ่น เค้าเห็นว่ากฏหมายลิขสิทธิเมืองไทยไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของเค้าได้ เค้าก็ไม่มาค้าขายกับเราแค่นั้นเองครับ (กรณีนี้เกิดกับธุรกิจซอฟท์แวร์ในประเทศไทยครับ)
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 00:01:43

จากคุณ : powwy

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:53:34

ความคิดเห็นที่ 32

ผมว่า 1 ผิด แต่ไม่ทุกกรณี
มีบางกรณีที่เข้าข่าย Fair Use เพราะไม่อย่างนั้นการ Review จะทำไม่ได้เลย ผมว่าถ้าเอารูปมาลงไม่เกิน 5% ของทั้งตอนและรับรู้ในความเป็นเจ้าของลิขสิทธิน่าจะอยู่ใน Fair Use (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ศาลจะตัดสินยังไง เพราะ Fair use ก็ยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน)

ส่วน 2 ไม่ผิด

จากคุณ : Nexus

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:58:05

ความคิดเห็นที่ 33

คือ... เอาเท่าที่ผมเข้าใจแบบชาวบ้านๆ เลยนะ...

ถ้ากองบรรณาธิการ NED จะผิด ก็ที่ใช้คำว่าสปอยล์ทุกรูปแบบมันผิดกฎหมาย และความผิดแค่นั้น เค้าขอโทษก็จบ อย่างมากก็ออกหนังสือขอโทษ (ว่าแต่ขอโทษใคร...?) หรือตั้งกระทู้เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน...

แต่ฝ่ายที่นำเอารูปจากเรื่องของสำนักพิมพ์ที่เค้าพิมพ์ขายอยู่มาเล่าเรื่องนั้นผิดอยู่เต็มประตูอยู่แล้ว รวมถึงการอีดิทเอาตัวหนังสือไทยใส่ลงไปในภาพ ฝ่ายนี้ผิดไม่ใช่เหรอ ถึงอาจจะมีช่องโหว่ทางกฎหมายอะไรมาทำให้เอาผิด ลงโทษไม่ได้ แต่มันก็ผิดไม่ใช่เหรอ...?

แต่เค้าก็บอกมาแล้วว่าถ้าทำในขอบเขตที่ไม่กระทบต่อรายได้ของเค้ามาก มันก็หยวนๆ กันไปได้ (เรื่องของขอบเขตที่ว่านี่ ผมว่าที่ทำมาแต่เดิม ลดทอนลงไปหน่อย มันก็น่าจะโอเคแล้ว แบบที่เค้าบอกมา...)

มันน่าจะจบไปได้ด้วยดีแล้วนี่นา...

จากคุณ : Sydt

เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:59:58

ความคิดเห็นที่ 34

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบครับ ไม่ละเมิดครับ ครับ ไม่คลุมถึง ไอเดีย กรณีเอาเนี้อหามาเปิดเผยก็ไม่ต่างอะไรกับผม ที่อ่านตำราหลายๆ เล่ม ฟังอาจารย์ผู้สอน แล้วนำมาแสดงออกทางความคิดเป็นหนังสือจำหน่าย ....

หนังสือที่ผมหาข้อมูล ใจความจะเหมือนกับ หนังสือที่ผมเขียนจำหน่าย

ไอเดียเหมือนกัน อ่านแล้วรู้เรื่องเหมือนกัน ว่าอะไรคือะไร นั้นคือการ เอาไอเดียของงานลิขสิทธิ์มาใช้ เป็นหลักสากลนะครับ ทั่วโลกไม่ถือว่าเป็นละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ ละเมิดศีลธรรมและความรู้สึก ตัวอย่างก็คือ หนังดังๆ แล้วมีคนทำหนังชื่อเดียวกัน เนื้อเรื่องคล้ายๆ กัน นั่นแหละครับ ขโมยไอเดีย ไมละเมิดลิขสิทธิ์ ฟังแล้วดูโหดร้านนะครับ แต่กฎหมายเป็นอย่างนี้

2. ผมอาจจะเคยอ่านของคุณ Drake นะครับ หากเป็นเรื่อง บลิช ที่บรรยายไว้แบบ เห็นภาพชัดเจนผ่านตัวอักษร อย่างนั้น เรียกว่า งานวรรณกรรมชิ้นหนึ่งดีๆ นี้เองครับ ถามว่า ละเมิดไหม ตอบว่า ละเมิดครับ ถ้า !! การแปลบทสนทนานั้นเป็นการแปลแบบ ประโยคต่อประโยค และละเมิดอะไร ตอบครับ ละเมิดงานวรรณกรรม และ ละเมิดญี่ปุ่นครับ ไม่ได้ละเมิด boom เพราะ อย่าลืมนะครับ Boom ไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ และการ์ตูนที่อ่านกัน มีงานลิขสิทธิ์ 2 ตัวแฝง อยู่ก็คือ งานวรรณกรรม (บทการ์ตูน) และ งานศิลปกรรม ลักษณะ จิตรกรรม (ภาพการ์ตูน)

สำหรับเรื่องกฎหมายและการบังคับใช้สิทธิข้ามประเทศนั้น ค่อนข้างเป็นเรื่องเสียเปรียบพอสมควรสำหรับชาวต่างชาติที่ไม่มีตัวแทนซึ่งมีลักษณะเป็นบริษัทลูกในเมืองไทย กรณี จั๊ม ก็เช่นกันครับ เห็นว่า ไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์ในเรื่องนี้ได้เลยแบบในญี่ปุ่น

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:03:17

ความคิดเห็นที่ 35

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบ ไม่เข้าหลัก Fair Use และตัดเรื่องกี่เปอร์เซ็นตัดทิ้งไปเลยไม่มีกฎหมายกำหนดเกณฑ์เอาไว้ เพราะ คนที่แปลนั้น ไม่ได้แปลเพื่อตัวเองคือ แปลแล้วอ่านเอง อย่างนี้ เข้าข้อยกเว้นในมาตรา 32 วรรคสอง (1)

-----------------------------------
แหม๋ความเห็นพอกับมาตราเลยนะครับ

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:06:10

ความคิดเห็นที่ 36

#34

ต่อจากข้อ 1. นะครับ สมมติว่าผมเป็นสำนักพิมพ์ NED ผมสามารถฟ้องคนลง spoil (อาจจะใช้ scan ร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้) ในข้อหาประมาณว่า ทำให้เสียทรัพย์ได้มั้ยครับ (มันมีมั้ยอะ?) โดยถ้าหากผมสามารถหาหลักฐานแบบเป็นรูปธรรมมาได้ เช่น อาจจะเป็นยอดขายของบริษัท ก่อนที่จะมีการลง spoil และหลังที่จากที่มีการลง spoil มาเทียบกันดู อะไรประมาณนี้ (ประมาณว่าจะฟ้องให้ได้อะ)
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 00:11:12

จากคุณ : powwy

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:09:38

ความคิดเห็นที่ 37

ทำให้เสียทรัพย์... ไม่น่าได้มั้ง เพราะมันมีหลายเงื่อนไขอยู่ แต่ฟ้่องละเมิดอาจจะได้อยู่แล้วเรียกค่าเสียหายจากการละเมิด

จากคุณ : Nexus

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:14:04

ความคิดเห็นที่ 38

ความคิดเห็นที่ 33 ตอบ ผมไม่ได้ต้องการให้ boom ออกมาขอโทษหรอกครับ เพื่ออะไร แล้วจะขอโทษใคร .... ผมต้องการให้ Boom เห็นว่า ก่อนบังคับใช้สิทธิของตนเอง ศึกษากฎหมายลิขสิทธิ์ก่อนว่าจะบังคับใช้ได้ตามสัญญาที่ตนได้มามากน้อยเพียงใด เพราะการออกมาของ boom ประหนึ่ง ตนเองเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ และ ตามกฎหมาย ให้อำนาจแก่เจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น หรือไม่ก็ให้อำนาจแก่ผู้ได้รับอนุญาตในลักษณะเด็ดขาดและแต่ผู้เดียว (ซึ่งผมก็ได้อธิบายไว้แล้วว่า หลักเกณฑ์ที่กฎหมายแม้แต่กระทั่งศาลมอง วางหลักเกณฑ์ทางกฎหมายไว้เป็นเช่นไร)

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:14:16

ความคิดเห็นที่ 39

ความคิดเห็นที่ 31

เรื่องกฏหมายยังงี้มันเป็นกลไกลของสังคมครับ ถ้าเจ้าของลิขสิทธิที่ญี่ปุ่น เค้าเห็นว่ากฏหมายลิขสิทธิเมืองไทยไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของเค้าได้ เค้าก็ไม่มาค้าขายกับเราแค่นั้นเองครับ (กรณีนี้เกิดกับธุรกิจซอฟท์แวร์ในประเทศไทยครับ)

แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 00:01:43

จากคุณ : powwy

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑/

จึงเป็นที่มาว่าทำไม Ned ถึงไม่สนับสนุนการ Spoil ไงล่ะ...

แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 00:17:17

จากคุณ : A...

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:16:44

ความคิดเห็นที่ 40

ความคิดเห็นที่ 37 ตอบ ฟ้องละเมิด 420 ก็ได้นะครับ แต่ตั้งเรื่องฟ้องลำบาก ร่างฟ้องลำบากครับ มีแต่เสียกับเสีย รณีนี้ ส่วนทำให้เสียทรัพย์นั้น ไม่ได้แน่นอนครับ เพราะ ทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา ต้องมีรูปร่างจับต้องได้เท่านั้น

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:17:22

ความคิดเห็นที่ 41

ความคิดเห็นที่ 20

ปาดขวา

จากคุณ : แต๋วแหน่ว
เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:19:34

----------------------------

ผมชอบปาดขวา ทำไงอ่ะครับ
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 00:19:02

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:18:47

ความคิดเห็นที่ 42

ให้ กีฟในฐานะ พิมพ์ ยาวมากครับ

จากคุณ : Ice-man

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:19:15

ความคิดเห็นที่ 43

ความคิดเห็นที่ 42

ให้ กีฟในฐานะ พิมพ์ ยาวมากครับ

จากคุณ : Ice-man
เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:19:15

----------------------
ขอบคุณครับ

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:24:19

ความคิดเห็นที่ 44

ปาดขวา เลือกตรงจัดรูปแบบ จัดชิดขวา

จากคุณ : goliza24

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:24:33

ความคิดเห็นที่ 45

#38

#33 เขาพูดถึงคนอื่นจากกระทู้อื่นด้วยน่ะ

เหมือนแกไม่พอใจที่บูมพูดทำนองเหวี่ยงแห

จากคุณ : HotSmile

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:28:30

ความคิดเห็นที่ 46

เวงกำ ดันกลายเป็น ยาวขวา ซะงั้น T_T

ปล. ผมอยากเป็นทั้งกระทู้ผม และ กระทู้ สัมภาษณื บก. Boom เป็นกระทู้เปรียบเทียบในกระทู้แนะนำ ผมต้องส่งหา เอดมิน รึป่าวครับ แล้วทำไง เพื่อจะได้ให้เห็นกับแบบข้างต่อข้าง

ปล. วันนี้เป็นวันแรกและครั้งแรกที่ ตั้งกระทู้ และ id ยืนยันว่า ไม่ใช้ตัวผม ผมไม่เคยสมัครเว็บนี้ แต่ตอนนี้ทราบแล้วว่า ต้องสมัครยังไง ขอบคุณครับ
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 00:32:08

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:31:34

ความคิดเห็นที่ 47

#40

ผมไปอ่านมาตรา 420-437 เกี่ยวกับการละเมิดมาแล้ว

อ่ะ งั้นถ้าผมจะฟ้องละเมิด โดยมีมูลและหลักฐานอันน่าเชื่อได้ว่าการ spoil นั้นมีผลเสียหายแก่ทรัพย์สินได้จริงๆ โดยมีหลักฐานเป็น statement ของบริษัท โดยแสดงความสัมพันธกับกระทู้ในพันทิบ ตั้งแต่ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีการลง spoil เกิดขึน จนถึงปัจจุบัน พบว่ารายได้ของบริษัทลดลงจริงๆ อันนี้ ก็คงฟ้องได้สินะครับ 55

จากคุณ : powwy

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:35:47

ความคิดเห็นที่ 48

สงสัยนะครับ เลยอยากจะถามว่า ในกรณีเดียวกัน แต่เกิดกับเพลงฝรั่งของค่ายดังอย่างเช่น sony ที่มีการไปหาโหลด mp3 จากในเวปแล้วนำมาแจกจ่ายแบบฟรีๆให้โหลดกันได้ตามเวปทั่วไป หรือการโหลด dvd หนังต่างประเทศทั้งโซน 1 2 หรือ 3 จากในเวปต่างๆที่มีคนเอามาลงแล้วนำมาแจกฟรี

ถ้าอ้างอิงตามหลักของจขกท. แปลว่ากรณีเหล่านี้ทั้งหมด ที่มีผู้นำเข้าเพื่อจัดจำหน่ายในไทยนั้น บริษัทเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรได้เลยหรือครับ คือมีสิทธิในการจัดจำหน่าย แต่ไม่มีสิทธิฟ้องร้อง เพราะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ...... คือมันฟังดูแปลกๆน่ะครับ

แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าทางเจ้าของผลงานเค้ามอบสิทธิการฟ้องร้องให้แก่บริษัทที่นำเข้ามาจัดจำหน่าย ก็แก้ไขปัญหาทั้งหมดได้แล้วใช่ไหมครับ

ถามเพราะสงสัย และอยากให้อธิบายด้วยครับ เพื่อเป็นความรู้

จากคุณ : MLTransform

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:37:01

ความคิดเห็นที่ 49

มีหลักฐานอะไรมายืนยันอย่างมีน้ำหนักว่าการสปอยทำให้เสียทรัพย์
การสมมติฐานอย่างเลื่อนลอยโดยการคาดประมาณไม่มีน้ำหนักเพียงพอในชั้นศาล

Bank Statement ไม่ได้สะท้อนผลกระทบเชิงสัมพันธใดๆเพียงแต่บอกถึงกระแสเงินเข้าและออกในบัญชี แสดงถึงการรับมาจ่ายไปตามปกติธุรกิจ

แม้คุณจะอ้างว่าเพราะการสปอยในพันทิพทำให้ยอดขายลดอันส่งผลสะท้อนมาดังข้อมูลใน statement

คำถามต่อไปคือแล้วอะไรคือหลักฐานที่มีมูลพอจะชี้ถึงผลกระทบและความเป็นไปได้จากความสัมพันธ์ดังกล่าวหละครับ

แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 00:42:34

จากคุณ : Carcare@Mariah

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:37:49

ความคิดเห็นที่ 50

ผมว่า ในเมื่อ NED เขาไม่อยากให้เราคุยเกี่ยวกับหนังสือเขาขนาดนั้น
ก็เลิกคุยซะก็สิ้นเรื่อง ใช่ว่าไม่มีเรื่องอื่นๆ ที่ NED ไม่ตีพิมพ์ แล้วจะไม่น่าสนใจซะหน่อย
ไปคุยของสำนักพิมพ์ๆ ที่เขาไม่กวดขันยังดีกว่า
เลิก คุย เลิก spoil ลิกพูดถึง ก็ไม่มีอะไรมาจับคุณได้แล้วง่ายๆ แค่นี้

จากคุณ : คนอ่านชาว จ.ป.ท.

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:38:32 A:58.9.111.195 X: TicketID:244559

ความคิดเห็นที่ 51

คห.49ครับ สปอยของห้องการ์ตูนมักจะเข้าใจผิดว่าคือการลงเนื้อหาภาพทั้งหมดครับ ซึ่งมันผิด

จากคุณ : Black Water

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:44:20

ความคิดเห็นที่ 52

ความคิดเห็นที่ 48

สงสัยนะครับ เลยอยากจะถามว่า ในกรณีเดียวกัน แต่เกิดกับเพลงฝรั่งของค่ายดังอย่างเช่น sony ที่มีการไปหาโหลด mp3 จากในเวปแล้วนำมาแจกจ่ายแบบฟรีๆให้โหลดกันได้ตามเวปทั่วไป หรือการโหลด dvd หนังต่างประเทศทั้งโซน 1 2 หรือ 3 จากในเวปต่างๆที่มีคนเอามาลงแล้วนำมาแจกฟรี

ถ้าอ้างอิงตามหลักของจขกท. แปลว่ากรณีเหล่านี้ทั้งหมด ที่มีผู้นำเข้าเพื่อจัดจำหน่ายในไทยนั้น บริษัทเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรได้เลยหรือครับ คือมีสิทธิในการจัดจำหน่าย แต่ไม่มีสิทธิฟ้องร้อง เพราะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ...... คือมันฟังดูแปลกๆน่ะครับ

แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าทางเจ้าของผลงานเค้ามอบสิทธิการฟ้องร้องให้แก่บริษัทที่นำเข้ามาจัดจำหน่าย ก็แก้ไขปัญหาทั้งหมดได้แล้วใช่ไหมครับ

ถามเพราะสงสัย และอยากให้อธิบายด้วยครับ เพื่อเป็นความรู้

จากคุณ : MLTransform
เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:37:01

ไม่ใช่ครับ กรณีนี้เปรียบเทียบไม่ได้กับเรื่องนี้ ในวงการเพลง จะมีการมอบอำนาจในการดำเนินคดีอยู่แล้ว เรื่องการดำเนินคดีแทบจะตัดไปได้เลยครับ วงการเพลง กับวงการหนังสือ แตกต่างกันมาก .... แต่ผิดแน่นอน 100% และปัจจุบันมีการดำเนินคดีกันอยู่อย่างเนื่องๆ

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:46:35

ความคิดเห็นที่ 53

ความคิดเห็นที่ 49 MsgStatus(Msv[49], 49);

มีหลักฐานอะไรมายืนยันอย่างมีน้ำหนักว่าการสปอยทำให้เสียทรัพย์
การสมมติฐานอย่างเลื่อนลอยโดยการคาดประมาณไม่มีน้ำหนักเพียงพอในชั้นศาล

แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 00:42:34

จากคุณ : Carcare@Mariah

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เรียกว่า เสียรายได้ จะถูกกว่านะ

จากคุณ : A...

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:47:09

ความคิดเห็นที่ 54

การลงเนื้อหาแต่เพียงตัวหนังสืออันมีลักษณะในเชิงเล่าสู่กันฟังโดยมิได้ถอดความคำต่อคำเกรงว่าไม่เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์นั้นนะ

แต่การลงภาพประกอบใดๆ หรือการดัดแปลงแก้ไขส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวผลงานอันได้แก่รูปภาพต้นฉบับ นั้นแลถึงจะเข้าข่ายอย่างชัดเจน

จากคุณ : Carcare@Mariah

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:47:57

ความคิดเห็นที่ 55

Correlation does not imply causation ครับอันนี้เป็นหลุมพรางสำคัญที่คนชอบตกบ่อยๆ และทำให้เหตุผลฟังไม่ขึ้น
http://en.wikipedia.org/wiki/Correlation_does_not_imply_causation

ถ้าจะฟ้องจริงๆต้องพิสูจน์ให้ได้ครับไม่ใช่ว่าแค่มันสัมพันธ์กัน แต่มันเป็นสาเหตุ ลองดูรูปข้างล่างแล้วจะเข้าใจครับว่า Correlation does not imply causation มันเป็นยังไง

จากคุณ : Nexus

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:49:42

ความคิดเห็นที่ 56

ตาม คห.54 แหละครับ
ดังนั้นพวกสแกนเลชั่น กับพวกสปอยที่ลงรูปประกอบเยอะๆเป็นหน้าๆ ผิด

จากคุณ : Black Water

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:50:27

ความคิดเห็นที่ 57

#49 เสียรายได้เพราะถูกสปอย โอ้ววววว

เราว่ามันก็มีส่วนนะ แต่ทุกอย่างมันก็มีปัจจัยตัวอื่นที่ทำให้รายได้จากยอดขายตกลง

คุณภาพกระดาษบ้าง คุณภาพในการแปล ราคาหนังสือต่อเล่ม ล้วนแต่เป็นปัจจัยเสริมนะ

กระทู้นี้เขาเถียงกันเรื่องลิขสิทธิ์อยู่ ซึ่ง จขทก เขาแย้งว่าทางผู้ถือลิขสิทธิ์เขาใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือเปล่า เราเองก็แตะๆประเด็นนี้มาบ้างเลยขอตั้งวงมุงตามประสา

จากคุณ : Carcare@Mariah

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:52:00

ความคิดเห็นที่ 58

#49, #55

เพราะฉะนั้นถึงจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ไม่ถึงกับต้องเป็นศาล ก็ควรจะทราบได้แล้วใช่มั้ยครับ ว่า "การเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของ manga โดยมีการนำสำเนาต้นฉบับบางส่วนมาประกอบการเล่าเรื่อง" นั้น ผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิในประเทศไทย สามารถดำเนินคดีข้อหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้รึเปล่า

หรือหากจะดำเนินคดีทางกฏหมายข้อหาละเมิดให้เกิดการเสียทรัพย์หรือรายได้นั้น เป็นไปได้แค่ไหน :)
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 00:57:10

จากคุณ : powwy

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:55:27

ความคิดเห็นที่ 59

ชิดขวา ปูเสื่อ รอชม

จากคุณ : TrainnerGoki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:59:19

ความคิดเห็นที่ 60

จะฟ้องก็ฟ้องได้(เรื่องงี่เง่ากว่านี้ก็มีคนฟ้องมาแล้ว) แต่จะชนะหรือเปล่า? ผมว่ายาก และถ้าไม่ชนะคราวนี้คนฟ้องตายเลยในหลายๆด้าน

จากคุณ : Nexus

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 01:01:45

ความคิดเห็นที่ 61

ที่จริงแล้วกฎหมายเรื่องลิขสิทธิถ้าเราจำไม่ผิดเขาจะจำแนกระดับขั้นของการได้มาซึ่งการถือครองสิทธิดังกล่าวด้วยนะ

เขาจะแบ่งจำพวกของผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ใช้ผลงานตามลิขสิทธิได้ในระดับใด และถ้ากรณีมีการละเมิดเกิดขึ้น ก็อาจถูกเจ้าของลิขสิทธิ์ดำเนินคดีไปตามลำดับ

วานผู้ที่เชี่ยวชาญมาทวนความจำให้ที เรื่องนี้มันจำมานานมากแล้วเกรงว่าความจะเคลื่อน

ส่วนเรื่องผู้ถือลิขสิทธิจะเป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้องด้วยตนเองหรือไม่ คงต้องไปดูสัญญาการให้ใช้ซึ่งลิขสิทธิ์นั้นๆแล้วแหละ

ปล. เพื่อนๆมัวแต่คร่ำเคร่งกับเรื่องสปอยไม่สปอยมากเข้าหน้าจะดำเข้าฝ้านะเออ

---------------------------------------------------------------------------------

ขอเสริมหน่อยนะ ที่จริงน่ะถึงแม้เขาอาจจะเอาผิดทางด้านกฎหมายได้หรอไม่ก็ตาม
หากการสปอยทำกันเป็นล่ำเป็นสัน ลงรูปกันประเจิดประเจ้อ เจ้าของผลงานย่อมไม่พอใจ
การที่เราจะขอผลงานใหม่ๆมาจัดจำหน่ายในไทยก็จะทำได้ยากขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต
คิดดีๆกันก่อนแล้วกัน อาจจะได้ไม่คุ้มเสียนะเพื่อนๆ
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 01:11:38
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 01:06:10

จากคุณ : Carcare@Mariah

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 01:02:31

ความคิดเห็นที่ 62

นั่นสินะ
แล้วถ้าดึงJapan Digital Comic Association ของญี่ปุ่น
มาเอี่ยวผลักดันเป็นศูนย์กลางตัวแทน จัดการเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง
แม้ว่าจะได้หรือไม่ได้ลิขสิทธิ์ในระดับไหนก็ตาม

ไอ้กรณีนี้มันทำให้เกิดการฟ้องร้อง
และมีสิทธิ์ชนะคดีขนาดไหนน่ะ

จากคุณ : Robonin S.knight

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 01:11:59

ความคิดเห็นที่ 63

ถ้าเจ้าของสิทธิมาเอี่ยวถึงที่กันเอง
ทางพันทิพคงต้องได้หนังสือเตือนกันบ้างแหละงานนี้

ที่แน่ๆการลงรูปประกอบจากต้นฉบับแม้เพียงเสี้ยว
ก่อนที่จะได้รับการเผยแพร่ผ่านตัวแทนจะถูกเพ่งเล็ง
เป็นกรณีพิเศษโดยทันที
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 01:18:26

จากคุณ : Carcare@Mariah

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 01:15:41

ความคิดเห็นที่ 64

อนึ่ง ที่มาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อถกเถียงแลกเปลี่ยนความเห็นอะไรกับท่านเจ้าของกระทู้นะครับ

เพียงแต่ข้องใจเล็กน้อย ว่าการที่ท่านเอา "ลิงก์ซึ่งเชื่อมไปถึงเวบไซต์เสนอของผิดลิขสิทธิ์" มาโพสโต้งๆ ในพันทิพให้ประชาชีเห็นไปทั่วแบบนี้นี่ จะไม่อันตรายหรือครับ?

จากคุณ : Drake

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 01:20:13

ความคิดเห็นที่ 65

ขึ้นอยู่กับว่าจะหาความสัมพันธ์ระหว่าง Spoil กับยอดขายได้ยังไงให้สมเหตุสมผล เพราะปัญหามันมีปัจจัย 108 เช่นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ การขึ้นราคา เวบ Scanlate ทั้งหลาย แม้กระทั่งการ์ตูนที่ได้มาห่วย (เหมือนที่ C-Kid สมัยหนึ่งเคยเจอ)

ทนายโจทย์ต้องหาหลักฐานมาให้ได้ว่า การ Spoil ในพันทิพนั้นส่งผลกระทบต่อยอดขายจริงไม่ได้เกิดจากปัจจัยข้างต้น(หรือมากกว่านั้น) อาจจะต้องใช้การศึกษาทางเศรษฐศาสตร์แยกผลกระทบต่างๆออก ว่าปัจจัยไหนมีผลกระทบเท่าไหร่ (ทำยังไง? ก็ต้องมีการวิจัยอีก) เอาล่ะสมมติว่ามีการวิจัยผลกระทบอยู่ในมือเรียบร้อย นักวิจัยแต่ละจ้าวอาจจะให้ Factor ที่ต่างกันอีก (ควรมีการวิจัยอิสระอย่างน้อย 2 กลุ่ม) ปวดหัว...

จากคุณ : Nexus

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 01:23:04

ความคิดเห็นที่ 66

ถึงกับทำวิจัยกันเลยทีเดียว
ต้นทุนท่วมเสียแล้วกระมังงานนี้
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 01:33:18

จากคุณ : Carcare@Mariah

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 01:26:28

ความคิดเห็นที่ 67

ไม่ว่าจะผิดในแง่กฎหมายหรือไม่ก็ตาม แต่เราๆท่านๆก็รู้โดยสำนึกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่ามันไม่ถูกต้อง

เพียงแต่ว่าที่ผ่านมา ไม่มีใครเค้าอยากมีเรื่องกันเพราะเรื่องแค่นี้ มันไม่คุ้มกับค่าเสียเวลา

ในเมื่อเค้าลองตะโกนดังๆมาแล้วว่าชักจะมากไปแล้วนะ เราเองก็น่าจะรู้ตัวกันนะ ไม่ใช่พยามหาเหตุผลร้อยแปดว่าที่ทำอยู่ไม่ได้ผิด

เห็นแบบนี้แล้วก็อยากให้ฝ่าย N ฟ้องร้องให้เป็นเรื่องเป็นราวเลยเหมือนกัน แล้วจะได้เอามาเป็นบรรทัดฐานในอนาคตต่อไป ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะในทางกฎหมายก็ตาม

จากคุณ : Paladay

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 02:11:20

ความคิดเห็นที่ 68

สิ้นหวังแล้ว สิ้นหวังกับผลการศึกษาที่สรุปว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ลดลงทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นแล้ว :P

อุ๊ย เสกลแกน X ทำไมมันลดลงเรื่อย ๆ ล่ะเนี่ย ทำมาหลอกกันนี่
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 02:24:37

จากคุณ : HotSmile

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 02:12:06

ความคิดเห็นที่ 69

อ่าน Scale ยังไงอ่ะ อุณหภูมิที่สูงขึ้นในขณะที่จำนวน Pirate ลดลง ต่างหาก

จากคุณ : Nexus

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 02:22:01

ความคิดเห็นที่ 70

สรุปมีอำนาจฟ้อง แต่อาจฟ้องแล้วไม่คุ้ม
ฟ้องแล้วอาจไม่ชนะคดี ประมาณนี้หรือป่าว?

สรุปลงกันต่อไป

ปล. #55 รายละเอียดตามนี้
With a decrease in the number of pirates, there has been an increase in global warming over the same period.Therefore, global warming is caused by a lack of pirates.
โจรสลัดลดลง สัมพันธ์กับ โลกร้อนขึ้น ซึ่ง.มัน.สัม.พันธ์...กันจริงๆนะ

แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 02:33:47

จากคุณ : เรนฮอค

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 02:28:16

ความคิดเห็นที่ 71

ที่ไม่คุ้มคือแบบสรุปหรือเล่าเรื่องกันฟังครับ แต่ถ้าลง Scan กับ แปลตรงๆน่ะผิดแน่ๆแบบไม่ต้องสืบกันเลย ดังนั้นใครเคยลง Scan เคยลง Translate ก็เลิกซะ เพราะเจ้าของเขาเอาเรื่องแล้ว ส่วนใครที่ไม่ได้ทำอย่างนั้นผมมีความเห็นว่าไม่ผิด(แต่ยังไม่เคยมีคำตัดสินนะ) หรือถ้าต้องฟ้องจริงมันก็ยุ่งยากมากถ้าจะเอาให้ชนะ

ป.ล. ถึงบอกว่า Correlation does not imply causation ยังไงล่ะครับ การที่มันมี Correlation กันไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสาเหตุ เหมือนการที่โลกร้อนไม่ได้เป็นสาเหตุที่โจรสลัดลดลง
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 02:37:27

จากคุณ : Nexus

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 02:35:40

ความคิดเห็นที่ 72

#65

5555555555
หัวข้อใหญ่พอจะเป็น thesis ระดับ ป.โท หรือเอกได้เลยมั้งเนี่ย
"ผลกระทบจากการละเมิดลิขสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา ในแง่มุมสังคม กฏหมาย เศรษฐศาสตร์ และศีลธรรม" อะไรประมาณนี้

จากคุณ : powwy

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 02:58:48

ความคิดเห็นที่ 73

ยาวมากไว้มาอ่านทีหลัง

จากคุณ : NJ_kung

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 03:14:10

ความคิดเห็นที่ 74

คิดว่าดีก็สปอยล์ไปเหอะ ให้เต็มกระทู้เลย วันหลัง มีขโมยขึ้นบ้านคุณ ก็รอตีความไปละกัน

จากคุณ : mootomoosun

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 04:11:08

ความคิดเห็นที่ 75

อ่านแล้ว ให้อารมณ์ประมาณ

ต่อให้ออกมาห้าม ตูก็จะพยายามชักแม่น้ำทั้ง5 เพื่อให้ตูได้อ่านต่อไป

มิน่า เกมส์online ญี่ปุ่น ถึงแบนไอพีคนไทย

ไม่เขียนจดหมายไปเลยล่ะครับ ถึงท่านอาจารย์นักเขียนที่เราเคารพรัก ว่าเขาจะคิดยังไงกับสปอยแบบพันทิบๆ

สักแต่จะอ่านกัน พยายามหาช่องโหว่ทางกฎหมายมาใช้ประโยชน์

สำหรับผม มีก็อ่าน ไม่มีก็ไม่อ่าน

จากคุณ : sakza

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 04:13:42

ความคิดเห็นที่ 76

บัตรผ่าน แจก raw ซะทุกอาทิตย์ ก็หมดเรื่อง
แบนก็แบนไป หาใหม่
กลับมา text spoil ในนี้ แบบไม่ใช่ช่องต่อช่อง
(ละเอียดแค่ไหน ก็ยังถือว่าเป็นการสรุป)

ปัญหากับสนพ.ก็จะหมดไป
เพราะทุกคนเข้าถึง raw ได้หมด
เอาผิดก็คงต้องไปเอาผิดกับประเทศอื่นแล้วทีนี้

จากคุณ : goodnightcry

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 04:28:32

ความคิดเห็นที่ 77

ความคิดเห็นที่ 76
ทำแบบนั้น เขาก็ แจ้ง ICT ปิดพันทิบสิครับ คิดได้เนอะ

จากคุณ : sakza

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 05:39:53

ความคิดเห็นที่ 78

พันทิปไม่มีทางโดนปิดง่ายๆขนาดนั้นหรอกครับ
จริงๆไม่จำเป็นต้องเอาสำนักพิมพ์มาเกี่ยวข้อง ให้มันเยิ้นเย้อ ยืดยาด
ไม่เห็นต้องมาตีความกฏหมายให้เสียเวลา

กรณีนี้เอาเวปมาสเตอร์มาเกี่ยวข้องดีที่สุด
เอาปัญหาทั้งหมดไปให้ ถามจุดยืนเวปมาสเตอร์ไปเลย ฮ่าฮ่าฮ่า
ผมว่าได้ผลลัพธ์เร็วกว่ากันเยอะ
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 05:57:20

จากคุณ : Robonin S.knight

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 05:52:09

ความคิดเห็นที่ 79

หึ ๆ ๆ เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้80%

เรานึกถึงกระทู้ หัตถาครองพิภพ ที่มีคนแคปภาพละครมาลง แล้วใส่ข้อความเอาไว้ ตอนนั้นมีคนโวยวายว่าละเมิดลิขสิทธิ์พยายามหาเรื่องคนเอามาลง แต่...ทางช่อง7มาเห็นบอกว่าไม่เป็นไร ละเมิดแต่เค้าไม่เดือดร้อน ถ้ามันดังและมีคนอยากดูมากเค้าอาจจัดให้ละครฉายซ้ำอีกรอบ 5555

จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 06:24:42

ความคิดเห็นที่ 80

ได้ความรู้มากค่ะ

จากคุณ : inxni

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 06:51:03

ความคิดเห็นที่ 81

#77

แล้วลิงค์ในข้อความคห.0 คิดว่าไงครับ?

จากคุณ : goodnightcry

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 07:05:18

ความคิดเห็นที่ 82

เห็นความพยายามขนาดนี้เเล้วตูจัดไปเลย 3 กิฟ

จากคุณ : Fate Linegod

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 07:12:47

ความคิดเห็นที่ 83

รู้สึกจะมีอวตาร มาเยอะเหมือนกันนะเนี่ย สนุกจริงๆ แปลงร่างเป็นผู้ชายเลยทีเดียว

จากคุณ : Ex-Sentinel

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 07:49:40

ความคิดเห็นที่ 84

เรียนย้ำอีกครั้งนะครับผมไม่ได้บอกว่า

"เฮ้ยแปลกันเลยพวกเรา"

ผมต้องการสื่อให้ฟังว่า

"เฮ้ยจะฟ้องร้องใคร จะห้ามใครดูสิทธิตามกฎหมายของตัวเองรึยัง"

-----------------------------

การแปล นะผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่ในเมื่อมันเป็นความผิดต่อส่วนตัว ย้ำ ความผิดต่อส่วนตัว ก็ต้องให้ ผู้เสียหายที่แท้ ตามกฎหมายเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ

เพราะ Boom กำลังอ้างว่า ตนมีสิทธิตามกฎหมาย ผมก็เลยเอากฎหมายลิขสิทธิ์มาอธิบายให้อ่าน
---------------------------

เนื้อหาของกฎหมายลิขสิทธิ์แตกต่างจากที่พวกท่านๆ เข้าใจนะครับ ไม่ว่าลักษณะการคุ้มครอง ลักษณะของผลงานที่สร้างสรรค และไม่ใช่คิดอะไรออกเป็นลิขสิทธิ์หมด

--------------------------

ผมยังเรียนย้ำอีกครั้งว่า "หากใครคิดว่า ลิขสิทธิ์ต้องไปจดทะเบียน ต่อมาตอบกระทู้นี้ ก็แสดงว่า ท่านนั้นยังไม่เข้าใจในกฎหมายลิขสิทธิ์เลยมาแต่น้อย

--------------------------

กฎหมายลิขสิทธิ์ หากพวกท่านอยากเข้าใจในเบื้องต้น ก็หาอ่านได้ตาม ลิ้งนี้นะครับ http://www.siamjurist.com/forums/1595.html ถ้าจะละเอียดลึกซึ้งก็ต้องสั่งซื้อ สรุปคำบรรยายเนติฯ ภาค หนึ่ง
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 08:27:08

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 08:25:12

ความคิดเห็นที่ 85

ทำการวิจัยกันเลยทีเดียว แต่ว่า ต้นทางเว็ปนั่นมัน ผิดกันเห็นๆ ชัดๆ พออ่านจบเหมือนจะเนียนบอกว่าตูไม่ผิดเลย รึว่าคิดไปเองหว่า

จากคุณ : RXF91

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 08:29:18

ความคิดเห็นที่ 86

ความคิดเห็นที่ 85

ทำการวิจัยกันเลยทีเดียว แต่ว่า ต้นทางเว็ปนั่นมัน ผิดกันเห็นๆ ชัดๆ พออ่านจบเหมือนจะเนียนบอกว่าตูไม่ผิดเลย รึว่าคิดไปเองหว่า

จากคุณ : RXF91
เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 08:29:18

--------------------------------------------

ผิดสิครับ แต่ผิดกับผู้เสียหายที่แท้จริงเท่านั้น

------------------------------------------

ผมกำลังสื่อให้เข้าใจว่า ผิด แต่ อาจจะไม่ผิดต่อ Boom เพราะ Boom อาจจะไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายตามกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่ทางศีลธรรม นะเป็นผู้เสียหายแน่นอน

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 08:42:34

ความคิดเห็นที่ 87

อยากให้สรุปสั้นๆในภาษาคนธรรมดาน่ะ

ภาษานักกฏหมายงง ขี้เกียจอ่าน..ยาว

ยังกะนั่งเรียนกฏหมาย...

ขอสั้นๆได้ใจความดีกว่าครับ

จากคุณ : ลุงต้นไม้

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 08:50:18

ความคิดเห็นที่ 88

ขออภัยเพิ่งกลับมาดู ขอย้อนกลับไปตั้งกะคห.ที่21ของตัวเองก่อนนะครับ
ผมไม่ได้ตั้งใจจะด่าถึงบุพการีของท่านเจ้าของกระทู้แม้แต่น้อยนะครับ
ไอ้คำว่ากฏหมายฉบับพ่อที่ว่านั่นผมหมายถึงตัวบทกฏหมายทั่วทุกสารบบของเราต่างหากครับ
ถ้าทำให้เจ้าของกระทู้รู้สึกไม่ดีตรงนี้ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ

กลับมาว่าเรื่องเนื้อหาในกระทู้ต่อ
ที่ผมขึ้นข้อความไว้แบบนั้นเพราะผมมองว่าเจ้าของกระทู้มีเจตนาไม่ค่อยจะดีครับ
ทั้งที่ตัวเจ้าของกระทู้บอกว่าไม่ได้สนใจไม่ได้อยากอ่านScan
ถ้าคุณเจ้าของกระทู้ไม่ได้สนใจหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับการScanจริงๆ
ถึงทางสำนักพิมพ์จะออกมาสั่งระงับการScanแล้วก็ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนอะไรนี่นา
แต่นี่กลับไปยกเอาข้อกฏหมายมากมายมาตั้งให้พวกเราดูกันเพื่อบอกว่าจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ผิดก็ได้นะ
ผมมองว่ายังไงเจ้าของกระทู้ก็ไม่ค่อยจะจริงใจเท่าไหร่น่ะครับ
ของมันง่ายๆแค่เค้าสั่งห้ามมา เรารู้กันอยู่แล้วว่ามันผิด ก็แค่เลิกไปเท่านั้น จบ
ผมยังไม่เห็นสาเหตุที่เ้จ้าของกระทู้ต้องไปชักแม่น้ำทั้งแปดมาโน้มน้าวให้พวกเราเห็นว่ามันครุมเคลือตรงไหนเลย
นอกซะจากว่าเจ้าของกระทู้เองก็ต้องการอ่านScanเหมือนกัน

จากคุณ : Sunnicof

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 08:56:28

ความคิดเห็นที่ 89

ผมรู้สึกทั้งเจ้าของกระทู้ ทั้งคนที่ปั่นให้เรื่องมันเป็นกระแสให้มีมวลชน หรือแม้แต่ บก. เนชั่นเอง

อยากจะดึงตัวเองเข้าไปอยู่ในจุดแตกหักนะครับ

อ้างกฎหมายก็น่าจะรู้จักคำว่า ไกล่เกลี่ย กับ ประณีประนอมด้วยนะ

จากคุณ : SNE

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 09:09:28

ความคิดเห็นที่ 90

#89

แตกหักกันไปเลยก็ดีนะครับ ก็เห็นมีหลายคนบอกนี่ครับ ถ้าห้ามกันนักกรูไม่อ่านของไทยมันซะเลย

เวลาเกิดเรื่องจริง ๆ ขอให้ทำจริงนะครับ

จากคุณ : alcalshel

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 09:25:04

ความคิดเห็นที่ 91

คห. 88
คือจขกท.เค้าต้องการสื่อว่าความจริงตามกฎหมายแล้ว สแแกนเนี่ยมันผิดกฎหมายแน่นอนครับ แต่สปอยล์เนี่ยมันไม่ได้ผิดกฎหมายทุกกรณีเหมือนที่บก.เนชั่นบอกน่ะครับ

จากคุณ : gusjoong

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 09:44:34

ความคิดเห็นที่ 92

^
เดี๋ยวๆ ผมตกหล่นอะไรไปรึ บก.เนชั่นออกมาบอกแล้วหรือครับว่าสปอยล์ผิด?

จากคุณ : Sunnicof

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 09:59:59

ความคิดเห็นที่ 93

เห็นด้วยว่าให้มันแตกหักกันไปเลยก็ดีเหมือนกัน เราจะได้ชัดเจนกันไปว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้

เห็นหลายคนไม่เข้าใจว่าสิ่งที่กระทู้นี้พยายามสื่อคือ "มีคนพยายามบอกว่าคุณกำลังทำผิดกฏหมายด้วยการเปิดเผยเนื้อหาการ์ตูนที่เขาได้ลิขสิทธิ์ แต่เขามีเมตตาไม่อยากฟ้องคุณเพราะกลัวคุณเสียอนาคต แต่เราอยากบอกว่าถึงเราเปิดเผยเนื้อหาจริงแต่เราไม่ได้ลงรูป เพราะงั้นเราไม่ได้ทำผิดกฏหมาย อย่าพยายามมายัดข้อหาเรา"

คนที่เข้าใจกฏหมายก็จะรู้สึกว่า "บูมปกป้องสิทธิ์ของตัวเองน่ะถูกแล้ว แต่การอ้างกฏหมายแบบเหวี่ยงแหเป็นการละเมิดสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย ควรจะระบุเป็นประเด็นๆดีกว่าไม๊"

คนที่ไม่เข้าใจกฏหมายก็จะรู้สึกว่า "บูมเขามีสิทธิ์เขาทำถูกแล้ว ไอ้ที่พวกเราทำกันมันผิดกฏหมายจริงๆ แต่เขาใจดีไม่เอาความเรา เพราะงั้นน่าจะสำนึกกันได้แล้ว มีศีลธรรมกันบ้างไม๊พวกเธอ"

เรื่องทุกอย่างมันเริ่มจากประโยคแค่ "การเปิดเผยเนื้อหาไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ถือว่าผิดกฏหมายในตัวมันอยู่แล้ว"

จากคุณ : omega.

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 10:05:18

ความคิดเห็นที่ 94

ชักเซ็งจนต้องเขียน #18 ในนี้เลยทีเดียว
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9702279/A9702279.html

จากคุณ : akinis

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 10:37:40

ความคิดเห็นที่ 95

ความคิดเห็นที่ 88 MsgStatus(Msv[88], 88);

ขออภัยเพิ่งกลับมาดู ขอย้อนกลับไปตั้งกะคห.ที่21ของตัวเองก่อนนะครับ
ผมไม่ได้ตั้งใจจะด่าถึงบุพการีของท่านเจ้าของกระทู้แม้แต่น้อยนะครับ
ไอ้คำว่ากฏหมายฉบับพ่อที่ว่านั่นผมหมายถึงตัวบทกฏหมายทั่วทุกสารบบของเราต่างหากครับ
ถ้าทำให้เจ้าของกระทู้รู้สึกไม่ดีตรงนี้ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ

กลับมาว่าเรื่องเนื้อหาในกระทู้ต่อ
ที่ผมขึ้นข้อความไว้แบบนั้นเพราะผมมองว่าเจ้าของกระทู้มีเจตนาไม่ค่อยจะดีครับ
ทั้งที่ตัวเจ้าของกระทู้บอกว่าไม่ได้สนใจไม่ได้อยากอ่านScan
ถ้าคุณเจ้าของกระทู้ไม่ได้สนใจหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับการScanจริงๆ
ถึงทางสำนักพิมพ์จะออกมาสั่งระงับการScanแล้วก็ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนอะไรนี่นา
แต่นี่กลับไปยกเอาข้อกฏหมายมากมายมาตั้งให้พวกเราดูกันเพื่อบอกว่าจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ผิดก็ได้นะ
ผมมองว่ายังไงเจ้าของกระทู้ก็ไม่ค่อยจะจริงใจเท่าไหร่น่ะครับ
ของมันง่ายๆแค่เค้าสั่งห้ามมา เรารู้กันอยู่แล้วว่ามันผิด ก็แค่เลิกไปเท่านั้น จบ
ผมยังไม่เห็นสาเหตุที่เ้จ้าของกระทู้ต้องไปชักแม่น้ำทั้งแปดมาโน้มน้าวให้พวกเราเห็นว่ามันครุมเคลือตรงไหนเลย
นอกซะจากว่าเจ้าของกระทู้เองก็ต้องการอ่านScanเหมือนกัน

จากคุณ : Sunnicof

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 08:56:28

สำหรับเรื่องนั้น ผมไม่โกรธหรอกครับ สบายใจได้

เข้ากันที่ประเด็นนะครับ

หากจะตั้งว่า แปลไทย ผิดไหม ผมตอบเลยว่า "ผิด" 101% ครับ

ยังไงก็ผิด เพียงแต่ ผิดต่อใครมันอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้ต้องพิจาณา 2 อย่างประกอบกัน อย่างแรก จริยธรรมหรือศีลธรรม และอย่างที่ 2 กฎหมาย

กรณีแรก คนที่แปลนะผิดแน่นอนเพราะไปละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น อันนี้น่าจะเข้าใจตรงกัน

มาประเด็นที่ 2 คือ ผิดกฎหมายไหม ตอบ ผิด ครับ เพียงแต่ ต้องรับผิดต่อใคร Boom หรือ เจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง เพราะเรื่องนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัว ไม่ใช่ความผิดต่อแผ่นดิน

หากไม่เข้าใจภาพผมจะยกตัวอย่างดังนี้

นาย ก. ตั้งโต๊ะขายจำหน่ายหนังสือเถื่อน ที่หน้า สน.พญาไท เจ้าพนักงานตำรวจจึงเข้าจับกุม

ถามว่า จับได้ไหม ตอบเลยว่า ตามกฎหมาย จับได้แต่ไม่มีอำนาจสอบสวน เพราะเป็นความผิดต่อส่วน เมื่อไม่มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ ก็ไม่สามารถสอบสวนได้ เรื่องนี้ปรากฏในกฎหมายชัดเจน จับแล้วก็ต้องปล่อย (ผมกล่าวถึง กฎหมายลิขสิทธิ์นะครับ ไม่แตะกฎหมายตัวอื่น)

เอาล่ะ หาก Boom จะไปร้องทุกข์ ก็ต้องร้องทุกข์ในฐานะผู้เสียหายในกฎหมายลิขสิทธิ์ ปัญหามันจึงอยู่ตรงที่ว่า "Boom อยู่ในฐานะ ผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้งานอันมีลิขสิทธิ์จากเจ้าของลิขสิทธิ์" .......

แต่ในทางกลับกัน หาก Boom มีหนังสือมอบอำนาจอีกหนึ่งฉบับ แยกออกมาจากสัญญาอนุญาต อย่างนี้ Boom จะอยู่ในฐานะ ตัวแทนจากเจ้าของลิขสิทธิ์ และการดำเนินการต่างๆ จะดำเนินการอย่างตัวการ ตัวแทน .... (ซึ่งเรื่องนี้ ต้องดูในสัญญาอย่างละเอียดและรอบคอบ)

ผมจึงตั้งคำถามในกระทู้และในทางกลับกันก็บอกทางออกให้หากประสงค์ดำเนินการ ไม่ว่าทางกฎหมายหรือทางศีลธรรม

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:10:29

ความคิดเห็นที่ 96

เอาง่ายๆดีกว่านะครับ นายก.อ่านจั๊มป์ แล้วมาพิมพ์สรุปๆสั้นๆว่าบลีชตอนนี้เป็นยังไงในpantip เช่น "สตรอว์เบอร์รี่มีโซ่พันแขน เอามือรับมีดท่านผู้นำ" นี่มันก็สปอยล์นะครับ แต่แค่นี้มันยังไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของจัมป์เลยครับ แล้ว ned จะมาทำอะไรได้ ประเด็นจริงๆของทุกกระทู้ที่เกี่ยวข้องเนี่ยมันคือว่านักกฎหมายที่เล่นบอร์ดนี้นะครับ เค้าจะมาบอกพวกคุณทุกคนที่ไม่ใช่นักกฎหมายว่า สปอยล์เนี่ยมันทำได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะมาแปะรูปหรือแปลทุกบทสนทนา เขียนสั้นๆ สรุปๆแค่นี้เนี่ยมันไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของจั๊มป์หรอก ที่บก.ned บอกว่าสปอยล์ทุกรูปแบบมันผิดเนี่ยมันเป็นการพูดเกิดขอบอำนาจทางกฎหมายที่เค้ามี แล้วมันจะพาลทำให้คนที่ไม่รู้กฎหมายเข้าใจผิดว่ามันเป็นอย่างนั้นไปเท่านั้นเองครับ นักกฎหมายทุกคนที่ออกมาแย้งบก. ned เนี่ยก็เพื่อผลประโยชน์ของทุกคนในบอร์ดในการสนทนากันเกี่ยวกับการ์ตูนที่แต่ละคนชื่นชอบมันก็เท่านั้นเองครับ จบมั้ยครับ แล้วแฟร์ยูสอะไรเนี่ยก็ไม่ต้องพูดถึงนะครับ ของไทยเนี่ยมันไม่มีครับ มันต่างจากหลักของต่างประเทศครับ ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธ์ก็คือข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ครับ มันไม่ใช้แฟร์ยูสอะไรซักทีเดียวหรอก จบเถอะครับ

จากคุณ : gusjoong

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:41:36

ความคิดเห็นที่ 97

เป็นการสอนให้รู้ว่า จะอ้างสิทธิอะไรควรรู้สิทธิที่มีอยู่ของตน ให้ดีซะก่อนว่ามีสิทธิไหม

จากคุณ : สมอง

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 12:30:13 A:115.87.105.63 X: TicketID:287560

ความคิดเห็นที่ 98

ผิดสิครับ แต่ผิดกับผู้เสียหายที่แท้จริงเท่านั้น

------------------------------------------

ผม กำลังสื่อให้เข้าใจว่า ผิด แต่ อาจจะไม่ผิดต่อ Boom เพราะ Boom อาจจะไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายตามกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่ทางศีลธรรม นะเป็นผู้เสียหายแน่นอน

จากคุณ : fujiwara taiki
เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 08:42:34

เมื่อใช้คำว่าอาจจะ ก็หมายถึงยังฟันธงไม่ได้ 100% ว่าผิดต่อทาง NED หรือไม่ เพราะต้องดูตามสัญญาที่ทาง NED ทำกับทางญี่ปุ่นว่าครอบคลุมถึงการเป็นตัวแทนจากเจ้าของลิขสิทธิ์ในการดำเนินการอื่นๆหรือไม่

แล้วหากทาง NED มีหนังสือนั้นก็สามารถดำเนินการกับทางเว็ปต้นเรื่องนั่นได้ถูกหรือไม่?

แล้วหากเป็นตามนั้นแล้วทางเว็ปต้นทางนั้นจะมีมาตรการอะไรหรือไม่ หรือก็ยังเหมือนเดิม?

ขอไม่พูดถึงกรณีสปอยในพันทิปนะเพราะน่าจะได้ข้อสรุปกันแล้ว

จากคุณ : RXF91

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 12:37:24

ความคิดเห็นที่ 99

ถ้าบอกว่าตอนนี้ NED ไม่มีอำนาจ การสปอยล์ผิดต่อชูเอย์ฉะ แล้วถ้าชูเอย์ฉะมอบกระบี่อาญาสิทธิ์ให้ NED ก็ลงดาบได้สินะ...?

ผมเข้าใจถูกรึเปล่าครับ...?

(จะได้โทรบอกพี่อุ๊...)

จากคุณ : Sydt

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 13:47:55

ความคิดเห็นที่ 100

คคห. นี้ไม่มีอะไร แต่อยากได้ คคห. 100 เฉยๆ...

จากคุณ : Sydt

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 13:48:33

ความคิดเห็นที่ 101

4. ด้วยเหตุตามข้อ 3 เมื่อ Boom เข้าทำสัญญาและญี่ปุ่นส่งต้นฉบับที่ตนได้วาดขึ้นตามสัญญามาให้ Boom แต่ Boom ยังไม่ได้ลงมือสร้างสรรค์ (ดัดแปลง) Boom ก็ยังจะบังคับใช้สิทธิตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ไม่ได้

ตรงนี้เคลีย

เรื่องนี้ผมไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่

ขอดูเงียบๆ ครับ

จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 13:59:34

ความคิดเห็นที่ 102

ผมอยากได้ 101 บ้าง

จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอทุกชาติ

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 14:12:04

ความคิดเห็นที่ 103

ไม่ได้แฮะ.....เข้าเรื่องแล้วกัน

คนสปอยด์หรือสแกน ผมไม่รู้นะ ไปเครียร์กับศาลเองแล้วกันครับ
และก็จ้าง จขกท. เป็นทนายเลย เขาน่าจะเก่งนะ ช่วยได้แน่....
มาบ่นตรงนี้ก็แก้กฎหมายไม่ได้ ถูกผิดยังไง เรามานั่งเอากฎหมายมากาง
แล้ววิเคราะห์เอง ไม่ได้หรอก ...เขาถึงให้มีศาลตัดสินงัย

ส่วนคนอ่าน ....ดูพฤติกรรมตัวเองครรับ
ตัดสินเอง ไม่ต้องเอากฎหมาย หรือให้ใครมาตัดสินให้ อ่านเอง คิดเอง

ตัดสินใจเอง ......

จากคุณ : ผู้ชายที่ตามรักเธอทุกชาติ

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 14:18:08

ความคิดเห็นที่ 104

อ่านถึงตรงนี้ผมว่าคนที่มาคัดค้านก็เข้าใจว่า บูม ห้ามคือแสกนรูปกับแปลบรรทัดต่อบรรทัดนะครับ แต่ที่เค้ามาทัดทานเพราะคิดว่าบูมใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือเปล่า ซึ่งบางคนอาจคิดว่าก็เราไม่ได้ทำไรผิดทำไมต้องขออนุญาตด้วย เลยต้องการให้เคลีย ซึ่งผมว่า บก.Ned ก็คงพลาดเหมือนกันเพราะคงไม่รู้รายละเอียดตัวบทกฏหมายเท่าทนายหรอกครับ ซึ่งถ้าเป็นผมๆก็อยากให้เรื่องมันจบเร็วๆ ไม่งั้นเสียหายหนักกว่านี้ครับ

ปล.ไม่ได้ว่า ned นะครับ แต่ทำไมรายได้มันลดลงทั้งทีมีเรื่องดังอยู่ในมือเพียบขนาดนี้ ถ้าเป็น ค่ายอื่นได้ไปจะมีปัญหาแบบนี้ไหม แค่สงสัยเท่านั้นนะครับ

จากคุณ : อยากจะบินตามฝัน

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 14:43:59

ความคิดเห็นที่ 105

คห.99
คือประเด็นมันมีอยู่ว่าไม่ใช่ทุกกรณีที่สปอยล์ผิดกฎหมายน่ะครับ เจ้าของลิขสิทธิ์ยังทำอะไรไม่ได้ แล้ว ned จะทำได้ยังไง

จากคุณ : gusjoong

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 14:55:46

ความคิดเห็นที่ 106

กำไรของ NED

กำไร(ขาดทุน)สุทธิ

2551: 2,932,809

2550: (549,216)

2549: (2,031,175)
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 15:27:07

จากคุณ : KC_CRUSH

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 15:26:25

ความคิดเห็นที่ 107

บริษัทมีกำไรเพิ่มมากขึ้นหลักๆเป็นผลมาจากภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง

ถ้าเทียบ Margin แล้วกิจการมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นปกติธุรกิจ

ส่วนไอ้ตอนขาดทุนเมื่อปี 49 นี่เป็นผลมาจากดอกเบี้ยจ่ายหลักๆเลย

อย่างไรก็ตามข้อมูลมันไม่เป็นปัจจุบันเท่าใดนะ ถ้าบริษํทปิดรอบ YD ปกติ 31/12/xx
ต้องรอดูงบเปรียบเทียบปี 53 และ 52 หรือปี 52 และ 51 ถึงจะพอวิเคราะห์อะไรได้

จากคุณ : Carcare@Mariah

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 16:30:02

ความคิดเห็นที่ 108

34

ต่อจากข้อ 1. นะครับ สมมติว่าผมเป็นสำนักพิมพ์ NED ผมสามารถฟ้องคนลง spoil (อาจจะใช้ scan ร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้) ในข้อหาประมาณว่า ทำให้เสียทรัพย์ได้มั้ยครับ (มันมีมั้ยอะ?) โดยถ้าหากผมสามารถหาหลักฐานแบบเป็นรูปธรรมมาได้ เช่น อาจจะเป็นยอดขายของบริษัท ก่อนที่จะมีการลง spoil และหลังที่จากที่มีการลง spoil มาเทียบกันดู อะไรประมาณนี้ (ประมาณว่าจะฟ้องให้ได้อะ)

แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 00:11:12

จากคุณ : powwy
เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:09:38

โทษครับผมลืมตอบ ตอบได้ว่าน่าจะทำได้ ที่ใช้คำว่าน่าจะเพราะ หาก Boom จะเคลมสปอย คือ งานวรรณกรรม ตามความเป็นจริง Boom ก็ต้องพ่วงงานศิลปกรรม คือ รูปการ์ตูนด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้น Boom ก็ต้องเคลมในฐานะตัวแทนผู้รับมอบอำนาจดำเนินคดี

แต่..ผมเป็น Boom ผมจะเคลมตามมาตรา 11 หมายถึง เมื่อต้นฉบับส่งมาแล้ว ผมแปล จากนั้นก็เก็บไว้ แล้วก็ไปเคลมกับเว็บเลย เพราะ Boom สร้างสรรค์งานแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องยากในชั้นนำสืบ หลักสำคัญก็คือ ต้องเอาสัญญามาดูประกอบว่า จริงๆ Boom เมื่อดัดแปลงแล้วทำไมต้องตกอยู่ในภายใต้ของสัญญาขออนุญาตในการร่วมเล่มอีก

เมื่อมองข้อสัญญาดังกล่าวแล้วยิ่งทำให้เข้าใจว่า Boom แทบจะขยับตัวอะไรไม่ได้เลยหากไม่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญา หรือ หากอยากจะร่วมเล่มของตัวเองที่แปลไทยลงรายสัปดาห์ ก็ต้องกลับไปขออนุญาตทางญี่ปุ่นอีกครั้ง เรียยกได้ว่า "จะทำอะไรต้องขอหมด" ....ข้อจำกัดในการบังคับใช้สิทธิ์ของ Boom ยิ่งถูกจำกัด

-----------------------------

ผมว่า ปัญหาจริงๆ คือ ร้านเช่าหนังสือต่างหากที่ทำให้ยอดขายของ Boom ลดลง แต่ Booท ไม่สามารถดำเนินการหรือจัดการในเรื่องนี้ได้เพราะ การให้เช่างานที่ไม่อยู่ใน มาตรา 28 และ 30 จะไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ และงานวรรณกรรม และ ศิลปกรรม ก็ไม่อยู่ภายใต้มาตรา 28 30 ดังนี้ การนำหนังสือนิตยาสาร Boom ที่ซื้อมาแล้วออกให้เช่าจึงไม่ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ...

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 18:54:51

ความคิดเห็นที่ 109

ความคิดเห็นที่ 98เมื่อใช้คำว่าอาจจะ ก็หมายถึงยังฟันธงไม่ได้ 100% ว่าผิดต่อทาง NED หรือไม่ เพราะต้องดูตามสัญญาที่ทาง NED ทำกับทางญี่ปุ่นว่าครอบคลุมถึงการเป็นตัวแทนจากเจ้าของลิขสิทธิ์ในการดำเนินการอื่นๆหรือไม่

แล้วหากทาง NED มีหนังสือนั้นก็สามารถดำเนินการกับทางเว็ปต้นเรื่องนั่นได้ถูกหรือไม่?

แล้วหากเป็นตามนั้นแล้วทางเว็ปต้นทางนั้นจะมีมาตรการอะไรหรือไม่ หรือก็ยังเหมือนเดิม?

ขอไม่พูดถึงกรณีสปอยในพันทิปนะเพราะน่าจะได้ข้อสรุปกันแล้ว

จากคุณ : RXF91
เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 12:37:24

------------------------------------------------

ถูกต้องครับ นั่นก็เป็นสาเหตุหลักที่ผมไม่สามารถฟันธงให้ได้ว่า ตกลง Boom มีสิทธิเคลมในฐานที่ตนเองได้รับอนุญาตตามสัญญามาหรือไม่ เพราะผมไม่เห็นสัญญา ....

แต่ สิ่งที่นำมาคบคิดพิจารณาก็คือ ประกาศของ Boom ถ้อยคำของ บก. และ กระทู้บทสัมภาษณ์ (ที่ผมอ่านแล้วเห็นว่า ชงกันมา)

และผมก็ไม่เล่นวิธีฉีกคำ ฉีกประโยค นะครับ อ่านทั้งหมด แล้วปรับเข้ากับข้อกฎหมาย ....

--------------------------------

ถ้ามีหนังสือมอบอำนาจมาจากทางญิ่ปุ่น ก็ทำได้แน่นอนครับ แต่อาจจะไปบังคับซ้ำซ้อนกับเจ้าอื่นที่ญิ่ปุ่นให้สิทธิมา ตรงนี้น่ากลัว (เพราะจะมีการจับมั่ว จับข้ามสิทธิ เป็นข่าวอีก) คล้ายๆ กับกรณี บ.โรสมีเดียฯ ตัวแทนรับมอบอำนาจในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง โคนัน แล้วไปจับ ร้านหนังสือเช่า ที่เอา หนังสือ โคนัน เถื่อน ย้ำครับว่า เถื่อน ...... สุดท้ายทาง บ.โรสมีเดีย ก็ต้องถอย เพราะ สิทธิที่จะจับกุมได้ต้องเป็น ภาพยนตร์เท่านั้น ....

-----------------------

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 19:06:32

ความคิดเห็นที่ 110

ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ขอบคุณทุกกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกฏหมายและราย
ละเอียดต่างๆถึงแม้ไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย

จากคุณ : kaws

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 20:25:30

ความคิดเห็นที่ 111

_ถามง่ายๆ (จขกท.)นายเอาสปอยเค้ามาแปล ใจนายรู้หรือไม่ว่าเค้าเดือดร้อน
ประการที่1 นายรู้ แต่เพื่อความสุขทางการอ่านเสพของตรู จึงหาช่องที่จะ
ได้มาซึ่งความถูกต้องงั้นใช่มั้ย

ประการที่2 ถ้านิตยสารเค้าเจ๋งไปเหมือนค่ายเพลงบางค่าย นายก็จะแค่บอกกับตัวเองว่า ถึงเราไม่สปอย ก็มีคนอื่นทำ โลกมันเป็นไปของมันเอง ที่อยากจะบอกก็คือไม่มีกรอบหรือคอกอะไรจะมาขังความอยากที่จะทำของนายได้หรอก อยู่ที่ใจนายเองจะรู้ผิดรู้ชอบ มันก็แค่นั้น ยังไงกฎหมายมันก็ต้องมีช่องว่างของมัน แต่นายควรจะเรียนรู้การอยู่ในสังคมแบบมีคุณธรรมให้มากขึ้นนะ เราว่าทุกอย่างมันอยู่ทีเจตนา แค่นั้น นะเกรียนซัง

จากคุณ : Lost Fish

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 20:41:15

ความคิดเห็นที่ 112

คิดว่าไม่ผิดก็ ก็แปล ก็แสกนกันต่อไปละกัน

แบบนั้นสำนักพิมพ์ยังก็เสียรายได้แน่นอน ซึ่งถ้าทางนั้นหาทางออกไม่ได้นอกจากขู่ก็คงเสียผลประโยชน์ต่อไปเอง เรื่องผิดถูกนี่พิสูจน์กันไม่ยาก

แต่ในแง่ความรู้สึก ผมรู้สึกเหมือนตอนช่วงนึงทีมีประเด็นเรื่อง MP3 เลย พวกที่แจกๆกับชอบโหลดนี่หาเหตุผลแต่ละอย่าง แพงไปบ้าง ไร้คุณภาพบ้าง สิ่งที่เราทำเรียกว่าแจกบ้าง ไม่ใช่การนำไปทำการค้าบ้าง(แต่ไอเวปที่แจกๆนี่คนทำมันได้เงินอ่ะ) เเล้วเหตุผลพวกนี้ก็มีโผล่มาในกรณีแบบนี้ด้วย ผิดถูกว่ากันไปแต่บางคนเอามาบังหน้า ลึกๆก็คืออยากอ่านฟรีน่ะแหละ

จากคุณ : Lick-My-L-Ball

เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 22:07:36

ความคิดเห็นที่ 113

รู้ทั้งรู้ว่าผิด รู้ทั้งรู้ว่ามีโอกาสโดน ก็ยังไม่หยุด ผมอ่านคำตอบคุณได้มาประมาณนี้ ถ้าเข้าใจผิดก็ขออภัยด้วย
ว่าแต่ เวลาขึ้นศาลจริงๆ หลักฐานจากคำพูดน้ำหนักมันน้อยนะครับ ถ้าเกิดเจอเป็นอกสารจริงๆ ก็ขอให้โชคดี

จากคุณ : RXF91

เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 00:22:47

ความคิดเห็นที่ 114

ไม่เข้าใจ พวกความเห็นแบบ #111 เลยจริงๆ
จขกท ก็บอกอยู่แล้วว่า spoil มันผิด แล้วจะมาประชดเขาทำไม ที่เขาตั้งกระทู้แย้ง Boom ขึ้นมา
ก็เพราะกลัว Boom ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุไม่ใช่เหรอ(ลองไปอ่านให้หมดทุกกระทู้ดู)

โดยส่วนตัวผมก็คิดว่า spoil ผิดแน่นอน ผมก็อ่าน spoil ไม่กี่เรื่องส่วนใหญ่ก็เป็น ของค่าย V ด้วย
ช่วยไม่ได้ก็ค่ายนี้ไหแตกยากนี่น่า = =" (Boom ที่ตามซื้ออยู่ก็อ่านแค่ มีดที่ 13 กับอภัยมณีซาก้า)
ืแต่พอผมมาเห็นประกาศของ Boom ผมก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน เพราะถึงมันจะสุภาพ แต่แผงทำนองคุกคามและข่มขู่ชัดๆ

แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 53 02:47:21
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 53 02:45:27
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 53 02:43:06

จากคุณ : My.Doll

เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 02:34:02

ความคิดเห็นที่ 115

งง กับความเห็น 111 เหมือนกัน เขามาอธิบายให้เข้าใจความหมาย ระหว่างสิทธิที่ควรจะมีของ บูม และสิทธิของเรา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะประชดทำไม เหมือนไม่พอใจที่เขามาอธิบายซะงั้น

ตอนแรกผมก็มั่นใจเหมือนกันว่า การที่บูมมาบอกข้อห้ามของตัวเองแบบเหมารวมอย่างนี้มันผิด ตอนนี้ยิ่งมั่นใจกันไปใหญ่ ถ้ามันผิดตามอย่างที่บูมบอกจริงคือห้ามทุกอย่าง การสปอยในพันทิปที่ชาวพันทิปเข้าใจว่ารวมทั้งหมด นั่นก็หมายถึงทุก ๆ คำพูดเลยนะครับ กล่าวคือ ทุก ๆ เรื่องในการ์ตูนที่บูมลง "ห้าม ทำการพูดคุยในทุกกรณีโดยเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นการสปอย และผิดกฏหมาย แต่ทางบูมจะพิจารณาเป็นราย ๆ ไปว่าความผิดมากน้อยเท่าไหร่" ชาวพันทิปเข้าใจว่าอย่างนี้ล่ะ (ผมก็คนหนึ่งเพราะอ่านแล้วได้ใจความอย่างนี้ ไม่ว่าคุยเรื่องอะไรที่บูมลง บูมถือว่าผิด)

สำหรับผู้ที่บอกว่า การสปอยในพันทิปหมายถึงรวมทั้งหมด ใช้แต่ในพันทิปเท่านั้น อันนั้นทางคุณและผมก็เข้าใจ แล้วทาง บูมล่ะครับ เขาเล่นในพันทิปรึเปล่า เขาเข้าใจความหมายของการสปอยในพันทิป เหมือนกับที่เข้าใจความหมายของการสปอยหรือ Scan ในเวปอื่น ๆ หรือไม่ ถ้าให้ชัวร์จริง ๆ ไม่ใช่ต่างคนต่างเข้าใจกันไปเอง (เพราะทางบูมกล่าวคลุมเคลือเหลือเกิน)ผมว่าบูมต้องมาอธิบายให้ละเอียดกว่านี้นะครับ ถ้าจะมาบอกในพันทิปว่าห้าม ก็ต้องอธิบายถึงคำว่าห้ามให้ละเอียดกว่านี้หน่อย

ปล. ผมว่าเรื่องการถกเถียงเรื่องนี้จะไม่เกิดเลย หรือเกิดข้อสงสัยน้อยมาก ถ้าบูมจะอธิบายความหมายถึงสิทธิที่ควรจะมีของตนเองมากกว่านี้ ไม่ใช่กล่าวเหมารวม

จากคุณ : แมวสามขากับหมาตาบอด

เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 10:37:16

ความคิดเห็นที่ 116

ชอบอ่านสปอยล์ แต่ไม่เถียงแทนให้สปอยล์ เขามีสิทธิ์คุณมีอะไรกันบ้าง มาลักเขาอ่าน

หรือจะบอกว่าลิขสิทธิ์ญี่ปุ่นที่คุณเอามาแปลให้สปอยล์กัน คุณขอจากทางญี่ปุ่นมาสปอยล์ ??

สงบปากสงบคำกันบ้างเถอะครับ

ทาง Boom เขายังไม่โวยวายหรือด่าทอด้วยถ้อยคำที่ท้าทายเลย
เห็นใจ และเข้าใจว่ายอดขายตก

จากคุณ : PridePenguin

เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 18:13:20

ความคิดเห็นที่ 117

แล้วที่เอาสแกนการ์ตูนหน้าหนึ่งมาใส่คำพูดเอาเอง โดยที่ไม่เกี่ยวกับเนื่อหาในเรื่อง (Sub นรก) ผิดหรือไม่

จากคุณ : nakaraj

เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 18:40:33

ความคิดเห็นที่ 118

ผิด ตรงดัดแปลงภาพครับ

จากคุณ : Nexus

เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 22:47:31

ความคิดเห็นที่ 119

ผมว่ากระทู้มันเป็นกระทู้เชิงวิชาการนะครับ
อย่าใส่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีให้มันมากนัก

เบื่อเหลือเกินประเภทที่ออกมาเถือ ออกมาประชดประชัน จขกท.
อ่านหน่อยว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร
ไม่ใช่แค่ตามกระแส นึกอยากด่า ก็เลยด่า สนุกดี

พอกันทีกับความเห็นประเภท
"สรุปคืออยากอ่านฟรีว่างั้น" หรือ
"รู้ๆอยู่แก่ใจว่าผิดแต่ก็ยังทำ แล้วยังชักแม่น้ำทั้งหมื่นมาให้ตัวเองถูก"

อยากรู้จริงๆว่าอ่านหรือเปล่า ที่เขาอธิบายมาน่ะ !!! ???

เขาออกมาให้คุณรู้ถึงสิทธิ์ที่คุณใช้ปกป้องตนเองได้
ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็ผ่านๆไป ไม่ต้องวิจารณ์ประหนึ่งว่ารู้เรื่องดีนัก
มันน่ารำคาญครับ

แล้วถ้าตั้งใจอ่านหน่อย จะเข้าใจว่า scan กับ spoil น่ะ
ผลทางกฎหมายมันต่างกัน เพราะรูปแบบการนำเสนอ มันต่างกัน

พวก "อยากสปอย อยากสแกนกันต่อ ก็เชิญ ไปสู้ในศาลเองแล้วกัน"
หรือพวก "ใครสแกน ใครสปอย ก็จ้าง จขกท.ไปเป็นทนายนะ ท่าทางเก่ง"

มันเหมือนแสดงออกมาว่า คุณไม่ได้อ่านเลย หรืออ่านแล้วไม่ได้เข้าใจเลย
แต่แค่อยากด่า
จะพิมพ์ทำไมครับ ไม่จรรโลงโลกเลย ??

ถ้าจะวิจารณ์ จะต่อว่า จะแสดงความคิดเห็น
ผมว่าเราควรจะอ่านให้เข้าใจเสียก่อน ว่าเรื่องที่เราจะกำลังจะวิจารณ์นั้น คือเรื่องอะไร เนื้อหาคืออะไร
ไม่ใช่มั่วไปหมด อย่างนี้เสียแรงอุตส่าห์วิจารณ์ หน้าแตกเปล่าๆ

ปล. ไม่ได้เข้าข้าง จขกท. แค่เข้ามาอ่าน แล้วรำคาญ เลยบ่น
ขอโทษนะครับถ้าไม่สุภาพ แจ้งลบได้ ผมไม่ว่าอะไร แต่จะตามมาอ่านประเด็นกฎหมายต่อไปครับ
แค่หวังว่าความเห็นของผมจะทำให้บรรดานักเลงคีย์บอร์ดทั้งหลาย กลับไปนอนเสียที

จากคุณ : ไฟแช่แข็ง

เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 00:12:13

ความคิดเห็นที่ 120

ถูกใจ ความเห็น 119 แต่ไม่มีกีฟจะให้ ฮ่าๆ

จากคุณ : สมอง

เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 01:29:21 A:124.120.87.143 X: TicketID:287560

ความคิดเห็นที่ 121

น่าเศร้านะ คุณเรียนกฎหมายเพื่ออะไรกันแน่ เพื่อคิดเพื่อตัดสินสิ่งต่างๆตามตัวอักษรที่ได้เรียนมาเหรอไง ผมว่าใจความหลักที่คุณต้องคิดมากกว่าการมองตามช่องว่างกฎหมายก็คืออะไรคือตรงไหนคือความถูกต้อง คิดแบบคนไม่ต้องรู้กฎหมายก็ได้ สมมุติ จขกท. เอาของเขามาให้อ่านฟรีๆ ในขณะที่อีกฝ่ายเค้าเสียตังค์ลงทุนซื้อมา แค่นี้มันก็ผิดแล้ว ฟังแล้วเศร้า แล้วแบบนี้จะไปฝากฝังความยุติธรรมอะไรกะคุณได้เนี่ย

จากคุณ : Lost Fish

เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 09:06:18

ความคิดเห็นที่ 122

คห. 117 กับ 118
ต้องตีกันก่อนว่าซับนรกนี่มันเป็น parody รึเปล่าอ่ะครับ ถ้าเป็น parody นี่โดยสากลแล้วจะไม่ผิดนะครับ อย่าลืมว่าข้อยกเว้นมันไม่ใช่ว่าจะมีแต่เฉพาะในกฎหมายนะครับ

จากคุณ : gusjoong

เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 15:53:02

ความคิดเห็นที่ 123

ด้วยความเคารพในความเห็นของคุณ pinkman ผมในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่งขอแสดงความเห็นแย้งต่อความเห็นของคุณดังนี้ครับ

ในประเด็นที่คุณกล่าวว่าการ Spoil ซึ่งไม่ได้ Scan มาจากต้นฉบับในนิตยสารแต่ไปดาวโหลดข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ท มาทำการแปลแล้วเผยแพร่ จึงมิใช่การทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่นั้น

ใน ข้อกฎหมายที่ สนพ.ไทย ที่ได้รับอนุญาตให้ ทำซ้ำ , ดัดแปลง , เผยแพร่ จาก สนพ.ญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ตามมาตรา 15 อนุมาตรา 1, 2, 5 เมื่อนำงานต้นฉบับมาแปล (ซึ่งตามกฎหมายคือการดัดแปลง ตามคำนิยาม มาตรา 4) ก็จะได้ลิขสิทธิ์ตามมาตรา 11 ในงานแปลนั้น

เมื่อเป็นเจ้าของ ลิขสิทธิ์แล้วนั้นจึงมีสิทธิตามมาตรา 15 เหมือนเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ญี่ปุ่น (แต่เฉพาะในเวอร์ชั่นภาษาไทย) ตรงนี้ผมเห็นด้วยกับคุณ pinkman ครับ

แต่ เมื่อมีผู้ไปดาวโหลดข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ท (ไม่ว่าจะจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาอะไรก็ตาม) มาทำการแปลแล้วเผยแพร่ นั้นเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่

ตรงนี้ผมขอแสดงความเห็นแย้งครับ

เนื่องจากการแปลถือเป็นการดัดแปลงตามมาตรา 4

“ดัดแปลง” หมายความว่า ทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม
หรือจำลองงานต้นฉบับในส่วนอันเป็นสาระสำคัญโดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่ ทั้งนี้
ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
(๑) ในส่วนที่เกี่ยวกับวรรณกรรม ให้หมายความรวมถึง แปลวรรณกรรม
เปลี่ยนรูปวรรณกรรมหรือรวบรวมวรรณกรรมโดยคัดเลือกและจัดลำดับใหม่

ซึ่งตามมาตรา 4 เช่นกันได้บัญญัติถึงการทำซ้ำไว้คือ

“ทำซ้ำ” หมายความรวมถึง คัดลอกไม่ว่าโดยวิธีใดๆ เลียนแบบ ทำสำเนา ทำ
แม่พิมพ์ บันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกเสียงและภาพ จากต้นฉบับ จากสำเนา หรือจากการ
โฆษณาในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน สำหรับในส่วนที่เกี่ยวกับ
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้หมายความถึง คัดลอกหรือทำสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากสื่อ
บันทึกใด ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ โดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่
ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

จะเห็นได้ว่าการ "ทำซ้ำ" ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์นั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นการทำซ้ำจาก "ต้นฉบับ" เพียงอย่างเดียว จะทำซ้ำจาก "สำเนา" ก็ได้

และในส่วนของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ยังระบุไว้ครอบคลุมถึงกรณีการคัดลอกหรือทำสำเนาโปรแกรมทั้งหมดอีกด้วย

คือผมตีความตรงนี้ว่า ไม่ ว่าจะนำสำเนามาจากไหน หากในสาระสำคัญ (ภาพ) ทั้งหมดหรือบางส่วนเหมือนกันแล้วนำมาดัดแปลง (ตัดข้อความในช่องคำพูดออกแล้วนำคำแปลมาใส่) ผมเห็นว่าเป็นการดัดแปลง ซึ่งเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์แล้วครับ

ดังนั้นการที่จะอ้างว่า การไปดาวโหลดข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ท มาทำการแปลแล้วเผยแพร่ ไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของ สนพ.ในไทยจึงไม่ถูกต้อง

ส่วนประเด็นการอ้างสิทธิเกินส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 421 นั้นบัญญัติไว้ว่า

"มาตรา ๔๒๑ การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย"

ผม เห็นว่า สนพ.ไทยก็รักษาสิทธิของตัวเองและไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นนี่ ครับ เพราะพวก Spoil มิได้รับการคุ้มครองในลิขสิทธิ์แต่แรกอยู่แล้ว

ส่วนคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 8452/2547 นั้นผมก็ได้ไปค้นคว้าแล้วที่เว็บไซต์ของศาลฎีกา

ข้อ เท็จจริงก็ไม่ตรงกันครับ เพราะในกรณีดังกล่าวมีการกำหนดไว้ในสัญญาจำกัดสิทธิให้ฉายตามโรงภาพยนตร์ เท่านั้น แต่จำเลยกลับนำไปบันทึกเทปขายคนอื่นด้วย เลยถูกโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ฟ้องเอา

ต่างกับกรณีนี้ที่ สนพ.ไทยได้สิทธิจากการดัดแปลงตาม มาตรา 11 แล้ว และพยายามใช้สิทธิของตนในการยับยั้งการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งสามารถทำได้ตามกฎหมาย (มาตรา 15) ไม่เป็นการกระทบกระเทือนสิทธิของทาง สนพ.ญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์

อีกทั้งกฎหมายไทยไม่ได้ใช้ระบบ Common Law ซึ่งคำพิพากษาของศาลถือเป็นกฎหมาย แต่ใช้ระบบ Civil Law ที่คำพิพากษาของศาลถือเป็นเพียงบรรทัดฐานในการตีความกฎหมายเท่านั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องตัดสินเหมือนกันเสมอไป หากข้อเท็จจริงแตกต่างกันแล้ว ศาลก็สามารถพิพากษาคนละทางได้ครับ

ที่คุณอ้างว่า "เด็กมันแปลจากเว็บต่างประเทศ และไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับสิทธิ์ของคุณเลย" นั้นผมได้อธิบายไปเบื้องต้นแล้วว่าการดัดแปลง , ทำซ้ำ ไม่ได้ครอบคลุมเพียงแค่การกระทำกับต้นฉบับเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึงการกระทำกับสำเนาหรือการโฆษณาอย่างอื่นด้วย

ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าจะไปเอามาจากที่ไหน ก็ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งนั้น

ส่วนประเด็นที่ว่าทาง สนพ.ไทย ยังไม่ได้แปล ทาง Spoil แปลออกมาก่อน สิทธิของ สนพ. ยังไม่เกิดนั้นจริงครับ

แต่ว่า

เมื่อ ทางสนพ.ไทย แปลเสร็จวางแผงขาย สิทธิของ สนพ. ก็เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นครับ การ Spoil คือการดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตย่อมไม่ได้รับการคุ้มครอง เมื่อ สนพ. มีสิทธิดีกว่า ก็ย่อมมีสิทธิที่จะให้ทางคนที่ Spoil ระงับการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ตั้งแต่เริ่มมีสิทธิคือเริ่มวางแผงครับ เพราะตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์จะเริ่มคุ้มครองเมื่อได้โฆษณา หรือเผยแพร่งานดังกล่าว

ประเด็นระดับลิขสิทธิ์
การได้รับอนุญาตที่แบ่งเป็นระดับ 1, 2, 3 นั้น เป็นการจัดระดับเพื่อความเข้าใจในการอธิบายกันเองมากกว่า
ปกติแล้วสัญญาลิขสิทธิก็เป็นหนังสือข้อตกลงว่าจะให้สิทธิในส่วนไหนอะไร และตกลงผลประโยชน์กันอย่างไร

การที่คุณ pinkman กล่าวว่า "จะ เอาผิดพวกแปลไทย Boom ต้องเข้า 2 กรณีเท่านั้น คือ 1 ได้รับอนุญาตระดับที่ 3 ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้น บ.โรสมีเดียฯ จะปั๊มแผ่นขายหรอ หรือ 2 ได้หนังสือมอบออำนาจให้ดำเนินคดีแทนเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานต้นฉบับภาษา ญี่ปุ่น เท่านั้น (ถ้าเป็นผม ผมจะเลือกทางที่ 2 ชัวร์สุด ได้ผลสุด)" นั้น

ผมขอแสดงความเห็นแย้งว่าลิขสิทธิ์ในการ์ตูนเรื่องหนึ่งนั้นแบ่งได้เป็นหลายประเภท
สมมติ ว่าการ์ตูนเรื่องหนึ่งตอนแรกมีแต่เป็นหนังสือการ์ตูน ปกติแล้ว ลิขสิทธิ์ก็จะอยู่กับสนพ.ญี่ปุ่น ถ้าจะขอมาแปลเป็นภาษาอื่น ก็ต้องไปขอกับทาง สนพ.ญี่ปุ่น อันนี้ใช่

แต่ถ้าการ์ตูนเกิดดังมีการ ทำเป็นอนิเมะขึ้นมา ตรงนี้แหละ ปกติบริษัทที่ผลิตอนิเมะก็ยื่นคำเสนอไปขอซื้อสิทธิในการดัดแปลงมาเป็นอนิเมะ กับทาง สนพ.ญี่ปุ่น (ตาม Bakuman ตอนปัจจุบันนี่แหละครับ) ถ้า สนพ. OK ก็จะมีการตกลงกันว่าลิขสิทธิ์ของอนิเมะนั้นจะเป็นของใคร จะเป็นของสนพ. หรือของบริษัทผลิตอนิเมะ หรือเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ร่วมกัน และจะแบ่งผลประโยชน์กันอย่างไร ตรงนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลง
อนิเมะมีเพลง เปิด เพลงปิด ตรงนี้มีค่ายเพลงเข้ามาเกี่ยว ก็ต้องมีการตกลงลิขสิทธิ์และผลประโยชน์กันว่าลิขสิทธิ์ในเพลงเป็นของใคร แบ่งผลประโยชน์กันอย่างไร
พออนิเมะดัง มีบริษัทผลิตตุ๊กตาสนใจทำตุ๊กตาขาย ก็จะติดต่อไปยัง สนพ.อีก ว่าสนใจจะทำตุ๊กตา ขอสิทธิในการดัดแปลงเอาตัวละครมาทำตุ๊กตา ตกลงผลประโยชน์และสิทธิในตุ๊กตากันว่าทำออกมาแล้วขายได้จะแบ่งกันอย่างแล้ว แล้วจะให้สิทธิในการทำตุ๊กตากี่ตัว แล้วพอครบแล้วจะให้ใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์

สินค้าแต่ละตัวในการ์ตูน เรื่องเดียวกันอาจจะมีผู้ถือสิทธิต่างกันก็ได้ และบางครั้ง สนพ.ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ส่วนใหญ่อาจจะแยกขายเฉพาะสิทธิในบางส่วนไม่จำ เป็นต้องขายหมดก็ได้

เช่น สนพ.ไทย ต้องการซื้อสิทธิในการพิมพ์หนังสือก็ไม่จำเป็นจะต้องไปเสียเงินซื้อสิทธิในการปั๊มแผ่น VCD อนิเมะมาด้วยก็ได้

ส่วน สิทธิในการฟ้องร้องดำเนินคดีนั้น ถ้าไม่ได้ระบุอะไรเป็นพิเศษในสัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ สนพ.ไทยก็มีสิทธิในฐานะเจ้าของสิทธิในงานที่ดัดแปลงอยู่แล้วสามารถดำเนินคดี ได้โดยไม่จำเป็นต้องให้ สนพ.ญี่ปุ่นอนุญาต

และการอนุญาตให้ฟ้องร้อง ดำเนินคดีในกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับสิทธิขาดหรือ สิทธิระดับที่ 3 จากญี่ปุ่นเสมอไป มันขึ้นอยู่กับข้อตกลงในสัญญาว่าระบุห้ามหรือไม่ ถ้าไม่ได้ระบุห้ามไว้ สนพ.ไทยก็มีสิทธิที่จะดำเนินการรักษาสิทธิของตนเองได้ตามพระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์ หรือในข้อตกลงการให้สิทธิอาจจะมอบสิทธิการดำเนินคดีรวมไว้แล้วก็ได้ ในเมื่อคุณ pinkman ยังไม่เห็นตัวสัญญาระหว่าง สนพ.ไทย กับ ญี่ปุ่นแล้วนั้น คุณ pinkman กล้าออกมายืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างไรครับว่า ไม่มีข้อตกลงเช่นนั้นในสัญญา หรือว่ามีข้อตกลงห้ามดำเนินคดีกับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ไว้

นักกฎหมายที่ดีต้องพิจารณาจากพยานหลักฐาน และตัวบทกฎหมายที่ชัดเจนถูกต้องสิครับ ไม่ใช่เกิดจากข้อสันนิษฐานของตัวเอง

อะไรที่ไม่แน่ใจก็ควรระบุว่า ไม่แน่ใจ หรือเป็นแค่ความเห็นส่วนตัว

ส่วนข้อกฎหมายนั้น ก็ควรจะศึกษาให้ละเีอียดรอบคอบ โดยเฉพาะ "บทนิยามศัพท์" ซึ่งจะระบุถึงของเขตของกฎหมายนั้น ๆ ว่าครอบคลุมในกรณีใดบ้าง

และ การอ้างตัวบทกฎหมายใดต่อผู้ที่ไม่ได้ศึกษาวิชากฎหมายควรยกเอาตัวบทมาประกอบ การอธิบายเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ไม่ควรนำการตีความตัวบทตามที่ตนเองเข้าใจมากล่าวอ้างแต่อย่างเดียว

อีกทั้งการกล่าวอ้างคำพิพากษาอย่างน้อยควรลงบทย่อไว้เพื่อให้พิจารณาด้วยว่าเป็นกรณีที่มีข้อเท็จจริงเดียวกันหรือไม่

ที่ มาแสดงความเห็นแย้งไม่ใช่ต่อต้านการ Spoil แต่อย่างใด หากเป็นแต่การแสดงความเห็นทางด้านกฎหมายในอีกมุมมองหนึ่งให้เพื่อน ๆ ได้ทราบและรับฟังอย่างเป็นกลางมากขึ้น

ผมได้แนบตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องและคำพิพากษาของศาลฎีกาที่อ้างถึงไว้ท้ายความเห็นนี้ด้วยแล้ว

หาก เพื่อน ๆ คิดว่ากระผมตีความตัวบทกฎหมายผิดพลาดหรือขัดแย้งต่อแนวคำพิพากษาของศาลสูง ประการใด ขอได้โปรดชี้แจงเพื่อเป็นวิทยาทานแก่กระผมต่อไป

ด้วยความเคารพ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4

“ทำซ้ำ” หมายความรวมถึง คัดลอกไม่ว่าโดยวิธีใดๆ เลียนแบบ ทำสำเนา ทำ
แม่พิมพ์ บันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกเสียงและภาพ จากต้นฉบับ จากสำเนา หรือจากการ
โฆษณาในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน สำหรับในส่วนที่เกี่ยวกับ
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้หมายความถึง คัดลอกหรือทำสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากสื่อ
บันทึกใด ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ โดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่
ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

“ดัดแปลง” หมายความว่า ทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม
หรือจำลองงานต้นฉบับในส่วนอันเป็นสาระสำคัญโดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่ ทั้งนี้
ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
(๑) ในส่วนที่เกี่ยวกับวรรณกรรม ให้หมายความรวมถึง แปลวรรณกรรม
เปลี่ยนรูปวรรณกรรมหรือรวบรวมวรรณกรรมโดยคัดเลือกและจัดลำดับใหม่
(๒) ในส่วนที่เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้หมายความรวมถึง ทำซ้ำโดย
เปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ โดยไม่มี
ลักษณะเป็นการจัดทำขึ้นใหม่
(๓) ในส่วนที่เกี่ยวกับนาฏกรรม ให้หมายความรวมถึง เปลี่ยนงานที่มิใช่
นาฏกรรมให้เป็นนาฏกรรม หรือเปลี่ยนนาฏกรรมให้เป็นงานที่มิใช่นาฏกรรม ทั้งนี้ ไม่ว่าในภาษา
เดิมหรือต่างภาษากัน
(๔) ในส่วนที่เกี่ยวกับศิลปกรรม ให้หมายความรวมถึง เปลี่ยนที่เป็นรูปสอง
มิติหรือสามมิติ ให้เป็นรูปสามมิติหรือสองมิติ หรือทำหุ่นจำลองจากงานต้นฉบับ
(๕) ในส่วนที่เกี่ยวกับดนตรีกรรม ให้หมายความรวมถึง จัดลำดับเรียบเรียง
เสียงประสานหรือเปลี่ยนคำร้องหรือทำนองใหม่

“เผยแพร่ต่อสาธารณชน” หมายความว่า ทำให้ปรากฏต่อสาธารณชน โดยการ
แสดง การบรรยาย การสวด การบรรเลง การทำให้ปรากฏด้วยเสียงและหรือภาพ การก่อสร้าง
การจำหน่าย หรือโดยวิธีอื่นใดซึ่งงานที่ได้จัดทำขึ้น

มาตรา ๑๑ งานใดมีลักษณะเป็นการดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ตาม
พระราชบัญญัตินี้โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้ผู้ที่ได้ดัดแปลงนั้นมีลิขสิทธิ์ในงานที่ได้
ดัดแปลงตามพระราชบัญญัตินี้ แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่มีอยู่ในงาน
ของผู้สร้างสรรค์เดิมที่ถูกดัดแปลง

มาตรา ๑๕ ภายใต้บังคับมาตรา ๙ มาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๔ เจ้าของลิขสิทธิ์
ย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียวดังต่อไปนี้
(๑) ทำซ้ำหรือดัดแปลง
(๒) เผยแพร่ต่อสาธารณชน
(๓) ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ
ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง
(๔) ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น
(๕) อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิตาม (๑) (๒) หรือ (๓) โดยจะกำหนดเงื่อนไข
อย่างใดหรือไม่ก็ได้ แต่เงื่อนไขดังกล่าวจะกำหนดในลักษณะที่เป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็น
ธรรมไม่ได้

อ้างอิงจาก พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 จากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... /059/1.PDF

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8452/2547

โจทก์ เป็นผู้ประพันธ์และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในนวนิยายเรื่องดาวพระศุกร์ ทำสัญญาอนุญาตให้จำเลยร่วมที่ 2 นำนวนิยายเรื่องดังกล่าวไปสร้าง

เป็น ภาพยนตร์ได้ 1 ครั้ง เพื่อจัดฉายตามโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศภายใน 7 ปี ดังนี้ แม้จำเลยร่วมที่ 2 จะมีลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์ที่ได้ดัดแปลง

ขึ้น ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 9 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะที่ทำสัญญาก็ตาม แต่สิทธิในลิขสิทธิ์สำหรับงานภาพยนตร์ดังกล่าว

ของจำเลยร่วมที่ 2 มีจำกัดอยู่เพียงสิทธิในการโฆษณาหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งภาพยนตร์นั้นด้วยการฉายตามโรงภาพยนตร์ภายใน 7 ปี

ตามสัญญาเท่านั้น จำเลยร่วมที่ 2 ไม่มีสิทธิในการทำซ้ำหรือดัดแปลง นำออกโฆษณา หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนด้วยวิธีอื่น ดังนี้ การที่จำเลย

ร่วม ที่ 2 นำภาพยนตร์เรื่องดาวพระศุกร์ที่ตนสร้างขึ้นไปบันทึกเป็นวีดีโอเทปในรูปของ งานโสตทัศนวัสดุหรือภาพยนตร์แล้วนำวิดีโอเทปนั้นออก

จำหน่ายและให้ เช่า จึงเป็นการทำซ้ำงานวรรณกรรมนวนิยายเรื่องดาวพระศุกร์อันเป็นงานอันมี ลิขสิทธิ์ของโจทก์ซึ่งมีอยู่ในภาพยนตร์นั้นโดยไม่มี

สิทธิที่จะทำได้ตามสัญญา และโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมของโจทก์ ตาม

พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 24 (1) หรือ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 27 (1) ส่วนวิดีโอเทปที่จำเลยร่วมที่ 2 ทำซ้ำขึ้นแล้วนำออก

จำหน่ายและ ให้เช่านั้นเป็นสิ่งที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ เมื่อจำเลยร่วมที่ 2 รู้อยู่แล้วว่าวิดีโอเทปนั้นตนได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์

ของโจทก์ยังนำออกจำหน่ายให้เช่าเพื่อหากำไร การกระทำในส่วนนี้ของจำเลยร่วมที่ 2 ยังเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมของโจทก์ตาม

พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 27 (1) หรือ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31 (1) อีกด้วย

จำเลยร่วมที่ 1 เป็นบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการซื้อขายลิขสิทธิ์ทั้งในรูปของภาพยนตร์หรือ ภาพยนตร์วิดีโอเทปเพื่อ

นำมาผลิตหรือบันทึกเป็นวิดีโอเทปและนำออกขาย ให้เช่า หรือให้ใช้สิทธิแก่บุคคลทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ การเข้าทำสัญญาซื้อขายลิขสิทธิ์

นั้นจึงควรอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจ สอบถึงสิทธิของคู่สัญญาเสียก่อนว่ามีสิทธิอนุญาตหรือไม่เพียงใดเพื่อป้องกัน ปัญหาที่จำเลยร่วมที่ 1 อาจต้องรับ

ผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมนั้นได้ การที่จำเลยร่วมที่ 1 เข้าทำสัญญากับจำเลยร่วมที่ 2 โดยมิได้ทำการตรวจสอบถึงสิทธิดังกล่าว

ของ จำเลยร่วมที่ 2 ก่อน เมื่อจำเลยร่วมที่ 2 ไม่มีสิทธิตามสัญญาที่จะอนุญาตให้จำเลยร่วมที่ 1 นำภาพยนตร์เรื่องดาวพระศุกร์ซึ่งมีงานวรรณกรรม

นวนิยายเรื่องดัง กล่าวอันเป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์รวมอยู่ด้วยไปทำซ้ำโดยบันทึกเป็นวิดีโอเทป แล้วนำม้วนวิดีโอเทปนั้นออกจำหน่าย จำเลยร่วมที่ 1

จึงไม่อาจอ้างว่าตนมีสิทธิตามสัญญาที่จะทำซ้ำงานภาพยนตร์นั้นเป็นวิดีโอเทปภาพยนตร์และนำม้วนวิดีโอเทปนั้นออกจำหน่ายได้ เมื่อจำเลย

ร่วมที่ 1 ทำซ้ำงานภาพยนตร์นั้นซึ่งมีงานวรรณกรรมของโจทก์รวมอยู่ด้วยโดยทำเป็นวิดีโอเทปและนำม้วนวิดีโอเทปที่ทำขึ้นนั้นออกจำหน่ายโดย

ไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมนวนิยายเรื่องดาวพระศุกร์ การกระทำของจำเลยร่วมที่ 1 ดังกล่าวจึงเป็นการ

ละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมของโจทก์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 24 (1) และมาตรา 27 (1) หรือตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.

2537 มาตรา 27 (1) และมาตรา 31 (1)

จากเว็บไซต์ศาลฎีกา
http://deka2007.supremecourt.or.th/deka/web/search.jsp

จากคุณ : เพิ่งเห็นกระทู้นี้ครับ (Windforce)

เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 17:11:09

ความคิดเห็นที่ 124

ความคิดเห็นที่ 123 ตอบ...

ข้อ1. ฎีกา นั้น มันแปลหลักกฎหมายลิขสิทธิ์ว่า "การได้ลิขสิทธิ์ตามมาตรา 11 ต้องตกอยู่ภายใต้การบังคับสิทธิตามมาตรา 15 ภายในข้อกำหนดของสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ"

การที่ผมอ้างฎีกา คือ ผมอ้างหลักกฎหมาย เพื่อชี้ให้เห็นว่า ต้องยึดสัญญาระหว่าง Boom กับ ญี่ปุ่น เป็นหลัก เท่านั้น

ถึงแม้ Boom จะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ตามมาตรา 15 ก็ตาม แต่จะใช้สิทธิ์ของตนเองใน มาตรา 15 อย่างเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานต้นฉบับเดิม ไม่ได้และจะใช้ได้เพียงสัญญาที่ตกลงอนุญาตกันเท่านั้น

คุณอ่านฎีกา แล้ว คุณอ่านข้อสอบผู้ช่วยผุ้พิพากษา ประกอบกันรึยังครับ ฎีกานั้น กต. เอาไปออก สนามผู้ช่วยปี 50

ในส่วนข้อเท็จจริงผมไม่คิดจะอ้างอยู่แล้วครับ ผมอ้างหลักกฎหมายที่ศาลฎีกาใช้แปลความ การบังคับใช้สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ได้มาตามมาตรา 11 ย้ำว่า ให้คุณอ่านข้อสอบ ผู้ช่วยฯ

ฎีกาที่ผมให้นั้นผมใช้เพื่อแสดงหลักกฎหมายเรื่องความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตามมาตรา 11 เท่านั้น

(ฎีกามีไว้สำหรับ เอาไว้ศึกษาหลักกฎหมายไม่ใช่ศึกษาในข้อเท็จจริง)

-------------------------------------------------------------

2. Boom เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่น (คุณเห็นตรงกับผม) ให้ใช้โดยการ ดัดแปลง (คุณก็เห็นตรงกับผม)

ถามว่า Boom ยังไม่ได้ลงมือสร้างสรรค์ตามสัญญาอนุญาต Boom มีลิขสิทธิ์ รึยังครับ ตอบ ยังไม่มี สถานะเป็นเพียงผู้ได้รับอนุญาตตามสัญญา

ในขณะเดียวกัน มีการละเมิดลิขสิทธิ์ในสิทธิ์ที่ Boom ได้รับมา Boom จะไปเคลมสิทธิ ในฐานะอะไร... ตอบ ต้อง เคลมในฐานะตัวแทนเท่านั้น เพระสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ แตสิทธิของ Boom อยู่ในระดับสอง ไม่ใช่ ระดับสาม จึงไปเคลมสิทธิในเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะการทำละเมิดได้กระทำต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของเจ้าของลิขสิทธิ์ และไม่ได้กระทำต่องานที่ Boom ได้สร้างสรรคขึ้น ที่ไม่ได้ละเมิด Boom เพราะ Boom ยังไม่ได้ลงมือสร้างสรรค์ใดๆ เลย

แต่ถ้าอยากเคลมในฐานะของ Boom ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ตามที่ จขกท. กล่าวอ้าง ถามว่า Boom ลงมือสร้างสรรค์ รึยังซึ่ง คุณก็ตอบได้เลยว่า "ยัง"

สมมุติต่อไปอีกว่า Boom ลงมือสร้างสรรค์ แล้ว ถามต่อไปว่า อะไรคืองานลิขสิทธิ์ที่ Boom ได้สร้างสรรค์ซึ่งก็คือ เวอร์ชั่นภาษาไทย ที่ Boom แปล แต่คุณกลับไปดู มูลเหตุที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ว่า ผู้ละเมิดกระทำต่องานลิขสิทธิ์ของบุคคลใด แน่นอน ยังไงก็ไม่ใช่ Boom

--------------------------------------------------------------

ขอให้อ่านให้ข้อมูลที่ผมเอามาลงให้ครบก่อนครับ

--------------------------------------------------------------

แต่ก่อนผมก็เคยคิดเหมือนคุณว่า ได้ลิขสิทธิ์ตามมาตรา 11 มาแล้ว สิทธิเต็มตามมาตรา 15 แต่ความจริงไม่ใช่ และหากเกิดการละเมิดในขณะที่ได้สิทธิการดัดแปลงมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงมือสร้างสรรค์ (แสดงออกซึ่งความคิด ตามมาตรา 6 วรรคหนึ่งตอนท้าย) ผู้เสียหายคือ เจ้าของลิขสิทธิ์ ไม่ใช่ผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ แต่หากเกิดการละเมิดภายหลังการสร้างสรรค์แล้ว ต้องกลับไปพิจารณาดังนี้

1. หาก Boom เป็นผู้ได้รับอนุญาตในระดับที่ 3 Boom ฟ้องได้ทันที ถือเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ย้ำนะครับ ตามกฎหมายลิขสิทธิ์

2. แต่ความจริง Boom เป็นผู้ได้รับอนุญาตระดับที่ 2 เท่านั้น (คุณกับผมก็เห็นตรงกัน) จึงต้องพิจารณาต่อไปอีกว่า การละเมิดนั้น ผู้ละเมิด ละเมิดต่องานลิขสิทธิ์ของใคร ซึ่งแยกพิจารณาได้อีก 2 กรณี คือ

2.1 ผู้ละเมิด ละเมิดต่องานที่ Boom ได้ลงมือสร้างสรรค์ขึ้นตามสัญญา คือ งานที่ Boom ได้แปล

2.2 ผู้ละเมิด ละเมิดต่องานที่ Boom ได้รับอนุญาตมาให้แปล

เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงและมูลเหตุของการละเมิดแล้ว ....

ผู้ละเมิดละเมิดต่อ 2.2 คือ ละเมิดต่องานที่ Boom ได้รับอนุญาตให้แปล ซึ่งหมายถึง Boom อยู่ในฐานะ "ผู้ได้รับอนุญาต" และการสิทธิที่ได้รับอนุญาตมานั้น ไม่อยู่ใน ฐานะ ผู้เสียหายตามกฎหมายสิทธิ์

--------------------------------------------------

ผู้จะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ คือ ผู้ลงมือสร้างสรรค์เท่านั้น และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ในงานที่ตนเองได้สร้างสรรค์

จู่ๆ Boom จะเป็นฟ้องการละเมิดในงานที่เจ้าของลิขสิทธิ์คือ ญิ่ปุ่นได้สร้างสรรค์ ในนามตนเองเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ มันทำไม่ได้หรอกครับ .....

---------------------------------------------------

น่าจะชัดนะครับ

-------------------------------------------------

คุณรู้รึป่าวว่า สิ่งที่ผมไม่ได้กล่าวอีกเรื่องในกฎหมายลิขสิทธิ์คืออะไร

คุณลองไปอ่านมาตรา 9 นะครับ ลูกจ้างของ Boom รึป่าวที่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หาก Boom จ้างคนแปลซึ่งเป็นพนักงานบริษัทแล้วไม่ได้ทำหนังสือตกลงกันไว้ว่า ลิขสิทธิ์ให้เป็นของนายจ้าง

Boom ยิ่งเจ๊งนะครับ ผมยังไมแน่ใจเลยว่า สำนักงานอารักขากฎหมายและการบัญชี ที่ Boom ใช้บริการนะ อ่านมาตรา 9 ของ พรบ.ลิขสิทธิ์ไหม ....

หากอ่านแล้วแนะนำให้ Boom กับ ลูกจ้าง คนแปล ทำหนังสือ ตามมาตรา 9 ก็ดีไป หากไม่แนะนำให้ทำ ....

"ผมว่าให้ Boom มาจ้างผมดีกว่า"

เพราะขึ้นศาล ผมเป็นทนายจำเลย ผมต่อสู้เรื่องมาตรา 9 แน่นอน ....

-----------------------------

ปล.

ผมไม่อยากเขียนมาตรา 9 ประกอบด้วย กลัววว่า คนที่ไม่รู้แล้วมาอ่านจะเอาไปพูดว่า "จริงๆ แล้ว พนักงานบริษัทของ Boom ต่างหากที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตามมาตรา 9"

------------------------------
แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 53 22:00:42
แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 53 21:59:49
แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 53 21:57:55
แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 53 21:54:16

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 21:51:12

ความคิดเห็นที่ 125

#122 ผิดสิครับแต่เขาเลือกที่จะไม่เอาเรื่องเท่านั้นเอง ผิดแต่ไม่เอาเรื่องกับไม่ผิดมันต่างกันโขเลยนะครับ ถ้ามันไม่ผิดอย่างนั้นพวก MAD คงไม่โดนลบหรอก

#124 สรุปภาษาง่ายๆคือ การแปลจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น(ไม่ว่าจะเอา Raw มาจากไหน) นั้นละ้เมิดสิทธิของญี่ปุ่น ถ้าจะฟ้องต้องให้ทางญี่ปุ่นฟ้องหรือไม่งั้นก็ต้องให้ทางญี่ปุ่นมอบหมายมาให้ฟ้อง อย่างนี้ใช่ไหม?

จากคุณ : Nexus

เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 22:30:03

ความคิดเห็นที่ 126

ผมอธิบายเหนื่อยแล้วครับ ....

ขอปาดขวานะ

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 22:40:46

ความคิดเห็นที่ 127

"การได้ลิขสิทธิ์ตามมาตรา 11 ต้องตกอยู่ภายใต้การบังคับสิทธิตามมาตรา 15 ภายในข้อกำหนดของสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ"

ลองพิจารณาประเด็นข้อกฎหมายตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 2572/2548 ดูนะครับ

เห็นได้ชัดว่า ผู้ที่ได้ลิขสิทธิ์ตามมาตรา 11 นั้น มีสิทธิครบถ้วนตามมาตรา 15 ตราบใดที่ไม่ขัดต่อสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์

เพราะขนาดในกรณีดังกล่าวมิได้ระบุว่าให้ผู้อื่นนำไปทำซ้ำและเผยแพร่ ยังสามารถทำได้เลย

และในกรณีดังกล่าวก็มิได้ระบุถึงด้วยว่าเป็นการให้สิทธิเด็ดขาดหรือสิทธิในระดับที่ 3 อย่างที่คุณกล่าวมา เพียงแต่ให้สิทธิในการดัดแปลงเท่านั้น

กลับมายังประเด็นของเราในกรณีนี้

สมมติว่าการ์ตูนที่ญี่ปุ่นออกวันที่ 3 กันยายน 2553 ปุ๊ป มีคนหา Scan มาจัดการทำ Spoil เสร็จวันที่ 10 กันยายน 2553 แล้วนำมาเผยแพร่ทาง Internet ในประเทศไทย ในวันเดียวกัน
ระหว่างนั้นทาง สนพ.ญี่ปุ่นก็ส่งต้นฉบับมาให้ สนพ.ไทย ซึ่งทาง สนพ.ไทยก็ได้ทำการแปลและจัดพิมพ์วางจำหน่ายในวันที่ 17 ก.ย.2553

ถามว่าในขณะวันที่ 10 กันยายน 2553 ละเมิดต่อใครบ้าง และใครเป็นผู้เสียหาย
ก็ต้องตอบว่าละเมิดต่อ สนพ.ที่ญี่ปุ่น และ สนพ.ญี่ปุ่นเสียหาย

ถามว่า สนพ.ไทยจะฟ้องคน Spoil ในประเทศไทยได้ไหม
ถ้าโดยหลักทั่วไปก็ต้องตอบว่า "ไม่ได้" เพราะขณะนั้น สนพ. ยังไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามที่คุณ pinkman กล่าว

แต่ถ้า

ในข้อตกลงเรื่องลิขสิทธิ์ที่ทำกันไว้มีข้อความใด ๆ ที่ระบุให้ สนพ.ไทยมีอำนาจดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์แทน สนพ.ญี่ปุ่นได้ด้วย หรือข้อความในทำนองดังกล่าว

สนพ.ไทยก็สามารถดำเนินคดีในฐานะตัวแทนของ สนพ.ญี่ปุ่นในประเทศไทยได้

โดยไม่จำเป็นต้องได้รับสิทธิเด็ดขาด

ถามต่อว่า ในวันที่ 17 ก.ย.2553 เมื่อนิตยสารของ สนพ.ไทย ออกวางจำหน่ายแล้ว ผู้ Spoil กระทำละเมิดต่อ สนพ.ไทย ไหม ?

ในประเด็นนี้คุณ pinkman พิจารณาแล้วเห็นว่า

"ผู้ละเมิดละเมิดต่อ 2.2 คือ ละเมิดต่องานที่ Boom ได้รับอนุญาตให้แปล ซึ่งหมายถึง Boom อยู่ในฐานะ "ผู้ได้รับอนุญาต" และการสิทธิที่ได้รับอนุญาตมานั้น ไม่อยู่ใน ฐานะ ผู้เสียหายตามกฎหมายสิทธิ์"

ซึ่งตรงนี้ผมไม่เห็นด้วย

ถึงแม้ข้อเท็จจริงจะชัดเจนว่า ผู้ Spoil ไม่ได้นำสำเนามาจากงานที่ สนพ.ไทย แปลมาก็ตามแต่จากคำนิยามของคำว่า "ทำซ้ำ" นั้นระบุไว้ว่า

“ทำซ้ำ” หมายความรวมถึง คัดลอกไม่ว่าโดยวิธีใดๆ เลียนแบบ ทำสำเนา ทำ
แม่พิมพ์ บันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกเสียงและภาพ จากต้นฉบับ จากสำเนา หรือจากการ
โฆษณาในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน สำหรับในส่วนที่เกี่ยวกับ
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้หมายความถึง คัดลอกหรือทำสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากสื่อ
บันทึกใด ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ โดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่
ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

ในเมื่อวันที่ 17 ก.ย.2553 สนพ.ไทยได้วางขายนิตยสารดังกล่าวถือได้ว่ามีการเผยแพร่งาน นั่นก็คือลิขสิทธิ์ในงานดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้วโดยแจ้งชัด

การที่มี Spoil ซึ่งมีเนื้อหาและสาระสำคัญของการ Spoil คือรูปภาพนั้น เหมือนกับของที่ทาง สนพ. ไทยแปล ในสาระสำคัญ (เพราะนำมาจากต้นฉบับเดียวกัน) เผยแพร่อยู่ทั่วไปใน Internet

ถึงแม้ว่าผู้ Spoil จะอ้างว่าตนมิได้ทำสำเนามาจาก ต้นฉบับหรือสำเนาของ สนพ.ไทยเลย แต่นำมาจากต้นฉบับหรือสำเนาของ สนพ.ญี่ปุ่นตามที่คุณ pinkman กล่าวอ้าง มาต่อสู้เพื่อทำให้ สนพ.ไทยไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องคดีนั้น

ก็ต้องย้อนกลับมาดูนิยามของคำว่า "ดัดแปลง" , "ทำซ้ำ" และ "เผยแพร่" ว่า

การ "ทำซ้ำ" นั้น จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องนำ "ต้นฉบับ" หรือ "สำเนา" มาจาก "ต้นฉบับ" หรือ "สำเนา" เวอร์ชั่นภาษาไทย ก็ต้องพิจาณาซ้ำอีกครั้งกับคำนิยาม (กรุณาดูตัวบท ท้าย คห.ที่ 123)

เมื่อพิจารณาจากหลักกฎหมายแล้วย่อมเห็นได้ว่าเป็นการดัดแปลง, ทำซ้ำ และเผยแพร่งานอันมีลิขสิทธิ์โดยมิได้รับอนุญาต

สนพ.ไทย ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานที่ดัดแปลง เมื่อได้รับความเสียหายจากการกระทำดังกล่าว ย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำการละเมิดต่อตนเองได้

สรุปง่าย ๆ นะครับ

สมมติว่า
ญี่ปุ่นออก 3 ก.ย. 53
Spoil ออก 10 ก.ย. 53
ไทยออก 17 ก.ย. 53

ญี่ปุ่นเริ่มมีลิขสิทธิ์ตั้งแต่ 3 ก.ย.53 ในตัว Original ภาษาญี่ปุ่น
Spoil ละเมิดลิขสิทธิ์ในตัว Original ภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. 53 เป็นต้นไป

ไทยเริ่มมีลิขสิทธิ์ในตัวแปลภาษาไทยตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 53
Spoil ละเมิดลิขสิทธิ์ในตัวแปลภาษาไทยตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 53 เป็นต้นไป

เหตุผลตามที่ได้อธิบายด้านบน และตามหลักกฎหมายในคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 2572/2548 ด้านท้าย

ส่วนมาตรา 9 ก็มีสิทธิที่จะยกขึ้นกล่าวอ้างได้ครับ แต่ผมไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นชี้ขาดในการพิจารณานี้

ด้วยความเคารพ

-------------------------------------------------------------------------------

คำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 2572/2548

จำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตจากโจทก์ตามสัญญาให้ใช้ลิขสิทธิ์ให้นำงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์เรื่อง ผีเสื้อและดอกไม้ ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ภายใน 5 ปี นับแต่วันทำสัญญาดังกล่าว และจำเลยที่ 1 ได้นำงานวรรณกรรมนั้นไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง ผีเสื้อและดอกไม้เมื่อปี 2528 ซึ่งเป็นการสร้างภาพยนตร์ภายใน 5 ปี นับแต่วันทำสัญญาดังกล่าวในปี 2527 แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ที่ได้ทำไว้กับโจทก์ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมนั้นแล้ว

จำเลยที่ 1 นำงานวรรณกรรมของโจทก์มาสร้างเป็นภาพยนตร์ เป็นการดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์โดยได้รับอนุญาตจากโจทก์ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ จำเลยที่ 1 จึงมีลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์ เรื่อง ผีเสื้อและดอกไม้ที่ได้ดัดแปลงขึ้น จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำซ้ำ หรือดัดแปลง หรือนำออกโฆษณาซึ่งงานภาพยนตร์ หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานภาพยนตร์นั้น ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์นั้นแก่ผู้อื่น และอนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิในการทำซ้ำหรือดัดแปลงหรือนำออกโฆษณาหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานภาพยนตร์นั้นตามมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2521 ทันทีที่สร้างสรรค์งานภาพยนตร์นั้นเสร็จ และมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานภาพยนตร์นั้นเพิ่มขึ้นอีกตามมาตรา 15 (3) และมาตรา 78 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ในวันที่ 22 มีนาคม 2538 อันเป็นวันที่ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ใช้บังคับ โดยมีอายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์เป็นเวลา 50 ปี นับแต่ปี 2528 อันเป็นปีที่จำเลยที่ 1 ได้สร้างสรรค์งานภาพยนตร์นั้นขึ้นตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2521 มาตรา 18 ประกอบมาตรา 16 วรรคท้าย

อย่างไรก็ตามสิทธิที่จำเลยที่ 1 มี นั้น ต้องไม่กระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่มีอยู่ในงานวรรณกรรมเรื่อง ผีเสื้อและดอกไม้ เดิมที่ถูกดัดแปลงนั้น ตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2521 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่จำเลยที่ 1 ดัดแปลงวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ และสิทธิแต่ผู้เดียวของโจทก์ในงานวรรณกรรมคงมีอยู่ตลอดอายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมของโจทก์ซึ่งมีอยู่ตลอดชีวิตของโจทก์ผู้สร้างสรรค์และมีอยู่ต่อไปอีก 30 ปีนับแต่โจทก์ถึงแก่ความตาย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม พ.ศ.2474 มาตรา 5 (ข) และมาตรา 14 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์สร้างสรรค์งานวรรณกรรมเรื่อง ผีเสื้อและดอกไม้ โดยโจทก์ไม่มีลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์ เพราะเป็นงานอันเป็นลิขสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ดัดแปลงงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์โดยได้รับอนุญาตจากโจทก์ ดังนั้น จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานภาพยนตร์มีลิขสิทธิ์เรื่องผีเสื้อและดอกไม้ เป็นงานในรูปแบบใดก็ได้ อันเป็นสิทธิที่จำเลยที่ 1 ได้มาโดยผลของกฎหมาย แม้ในสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จะระบุให้จำเลยที่ 1 สามารถนำภาพยนตร์ที่สร้างไว้ออกทำซ้ำและเผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ โดยไม่ได้ระบุถึงการทำในรูปแบบวิดีโอซีดี ก็ไม่ทำให้สิทธิแต่ผู้เดียวของจำเลยที่ 1 ในการทำซ้ำหรือดัดแปลงภาพยนตร์ดังกล่าว อันเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและได้มาโดยผลของกฎหมายนั้นเสียไป เพราะโจทก์มีสิทธิที่จะกำหนดเงื่อนไขในสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ของตนได้เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ของตนเท่านั้น ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 อนุญาตให้บริษัทจำเลยที่ 7 นำภาพยนตร์เรื่อง ผีเสื้อและดอกไม้อันมีลิขสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ไปทำซ้ำและนำออกจำหน่ายในวัสดุรูปแบบวิดีโอซีดีจึงไม่ใช่การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานวรรณกรรมเรื่องผีเสื้อและดอกไม้ซึ่งโจทก์มีลิขสิทธิ์ จึงไม่เป็นความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมของโจทก์ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 69 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 (1) และมาตรา 70 วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 (1)

จากคุณ : Windforce

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 11:19:35

ความคิดเห็นที่ 128

สมมติว่า
ญี่ปุ่นออก 3 ก.ย. 53
Spoil ออก 10 ก.ย. 53
ไทยออก 17 ก.ย. 53

ญี่ปุ่นเริ่มมีลิขสิทธิ์ตั้งแต่ 3 ก.ย.53 ในตัว Original ภาษาญี่ปุ่น
Spoil ละเมิดลิขสิทธิ์ในตัว Original ภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. 53 เป็นต้นไป

ไทยเริ่มมีลิขสิทธิ์ในตัวแปลภาษาไทยตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 53
Spoil ละเมิดลิขสิทธิ์ในตัวแปลภาษาไทยตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 53 เป็นต้นไป

เหตุผลตามที่ได้อธิบายด้านบน และตามหลักกฎหมายในคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 2572/2548 ด้านท้าย

-------------------------------------------

คนแสกนละเมิดงานลิขสิทธิ์ของใคร ??

-------------------------------------------

มาตรา 9 คือ ความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง ...

ไม่เกี่ยวกับประเด็นในเรื่องหรอก แต่ หาก Boom ได้ตกลงกับลูกจ้างรายนั้นๆ ไว้

เป็นหนังสือ ตามมาตรา 9 Boom จะไม่อยู่ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ พูดแล้วเรื่องมันจะเป็นกันใหญ่ คนไม่รู้จะเอาไปพูดต่อ

ผมก็เลยไม่นำมาพูดไง แต่ในเมื่อพูดถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ... จะได้อ้างเลยก็ดูขาดๆ ไป แต่ถ้าอ้าง คนไม่รู้ก็ไปพูดต่อไม่ตรงกับความเป็นจริง

จะว่าไม่เกี่ยวในข้อพิจารณาก็คงเห็นจะไม่ได้ เพียงแต่เลี่ยงที่จะไม่กล่าวถึง

-------------------------------------------

ประเด็นของกระทู้คือ

1. เราสองคนมองตรงกันว่า Boom มีลิขสิทธิ์ในงานที่ตนได้สร้างสรรค์ขึ้นตามมาตรา 11

2. เราสองคนมองตรงกันตามที่ตุณสรุปว่า คนละเิมิดแสกน ละเมิดแปล นั้น ละเมิดในต้นฉบับของญิ่ปุ่น

3. Boom อยู่ในฐานะผู้ได้รับอนุญาตระดับที่สอง เราสองคนก็เห็นตรงกัน (กรุณากลับไปอ่านเรื่องสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ด้วย) ไม่ถือเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายลิขสิทธิ์

------------------------------------------

ผมถามคุณกลับว่า ...

1. ฎีกาที่คุณนำมาอ้างประกอบความเห็นนั้น คุณต้องการจะใช้หลักกฎหมายใดในฎีกานั้น?

2. คนทำแสกน และ คนละเมิด ตามข้อเท็จจริงที่ คุณสรุป ในความเห็นข้างบน ละเมิดญิปุ่น ไม่ใช่ ละเมิดสิ่งที่ Boom แปล ใช่หรือไม่

------------------------------------------------

หากข้อที่เห็นผมสรุปไม่ตรงกันก็แย้งได้นะครับ

และข้อคำถามคุณเห็นว่า หลักกฎหมายลิขสิทธิ์ ว่าอย่างไร ??

จากคุณ : pinkman

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 14:52:17 A:10.9.11.255 X:110.164.177.219 TicketID:287873

ความคิดเห็นที่ 129

และคำถามข้อสุดท้าย

สมมติว่า
ญี่ปุ่นออก 3 ก.ย. 53
Spoil ออก 10 ก.ย. 53
ไทยออก 17 ก.ย. 53

ญี่ปุ่นเริ่มมีลิขสิทธิ์ตั้งแต่ 3 ก.ย.53 ในตัว Original ภาษาญี่ปุ่น
Spoil ละเมิดลิขสิทธิ์ในตัว Original ภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. 53 เป็นต้นไป

ไทยเริ่มมีลิขสิทธิ์ในตัวแปลภาษาไทยตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 53
Spoil ละเมิดลิขสิทธิ์ในตัวแปลภาษาไทยตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 53 เป็นต้นไป

จากคุณ : pinkman

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 15:01:39 A:10.9.11.255 X:110.164.177.219 TicketID:287873

ความคิดเห็นที่ 130

คำถาม .....

3. การละเมิดเกิดขึ้นก่อน Boom สร้างสรรค์ผลงาน ใช้หลักกฎหมายลิขสิทธิ์ เรื่องใดมาปรับใจข้อเท็จจริงดังกล่าว ?

4. นาย ก. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหนังสือการ์ตูน แต่ถูก นาย ข ขโมยไป นาย ก จึงบอกกับ นาย ค ว่ายกกรรมสิทธิ์ในหนังสือการ์ตูนเล่มที่ถูกขโมยไปให้ และให้ไปดำเนินการฟ้องร้อง ข้อหาลักทรัพย์เอง (ฟ้องคดีเอง) ถามว่า นาย ค ฟ้องคดีข้อหา นาย ข ลักทรัพย์ นาย ค ได้หรือไม่ อย่างไร ?

จากคุณ : pinkman

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 15:43:35 A:10.9.11.255 X:110.164.177.219 TicketID:287873

ความคิดเห็นที่ 131

Scan ละเมิดลิขสิทธิ์ของใคร
ละเมิดลิขสิทธิ์ในตัว Original ภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. 53 เป็นต้นไป
และ
ละเมิดลิขสิทธิ์ในตัวแปลภาษาไทยตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 53 เป็นต้นไป

1. ผมเห็นต่างกับคุณว่า คน Scan นั้น ละเมิดในต้นฉบับของญิ่ปุ่น และละเมิดในตัวแปลของไทยด้วย

2. สนพ.ไทย ไม่ได้รับ Exclusive Right ถามว่า Exclusive คืออะไร มันมาจากรากคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เป็น Verb คือ Exclude ที่แปลว่าแยก , ไม่รวม มันคือสิทธิที่เจ้าของสิทธิแยกตัวเองออกมาจากสิทธินั้น คือจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับสิทธิที่มอบให้แล้วเลย ตามเงื่อนไขที่กำหนด , ปล่อยให้ผู้รับโอนสิทธิจัดการได้ทั้งหมด (ผมอ่านเรื่องสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์แล้วครับ แต่ขออธิบายให้กับผู้อื่นที่ไม่ได้ศึกษากฎหมาย) แต่ได้รับความเสียหายจากการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานที่ดัดแปลงตามมาตรา 11 จากคน Scan จึงเป็นผู้เสียหายโดยตรงตามกฎหมายลิขสิทธิ์ครับ

ตอบคำถาม

1.1 การดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์โดยได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้ดัดแปลงจึงมีลิขสิทธิ์ในงานที่ได้ดัดแปลงขึ้น ผู้ดัดแปลงย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำซ้ำ หรือดัดแปลง หรือนำออกโฆษณาซึ่งงานดัดแปลง หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานดัดแปลงนั้น ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์ในงานดัดแปลงนั้นแก่ผู้อื่น และอนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิในการทำซ้ำหรือดัดแปลงหรือนำออกโฆษณาหรือเผย แพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานดัดแปลงนั้น ทันทีที่สร้างสรรค์งานนั้นเสร็จ และมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานนั้นเพิ่ม ขึ้นอีกตามมาตรา 15 (3) หลักนี้ตามมาตรา 11

1.2 สิทธิที่ผู้ดัดแปลงมีนั้น ต้องไม่กระทบกระเทือนสิทธิของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่มีอยู่ในงานเดิมที่ถูกดัดแปลงนั้น หลักนี้ตามมาตรา 11 เช่นกัน

1.3 สิทธิตามมาตรา 11 เป็นการได้สิทธิโดยผลของกฎหมาย แม้ในสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ระหว่างผู้เป็นเจ้าของและผู้ดัดแปลง จะไม่ได้กำหนดให้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 15 ไว้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้สิทธิแต่ผู้เดียวของผู้ดัดแปลง ในการใช้สิทธิตามมาตรา 15 ในงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและได้มาโดยผล ของกฎหมายนั้นเสียไป เพราะเจ้าของลิขสิทธิ์เดิมมีสิทธิที่จะกำหนดเงื่อนไขในสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ของตนได้ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับงานดั้งเดิมอันมีลิขสิทธิ์ของตนเท่านั้น

ต้องการใช้ตรงนี้ครับ คือ ถึงแม้ว่าในสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์จะมิได้กำหนดไว้ว่าให้สิทธิในการ ทำซ้ำ , ดัดแปลง , เผยแพร่ , ให้ประโยชน์ ก็ตาม

แต่ตราบใดที่ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์เดิม ตามมาตรา 11

เจ้าของงานที่ดัดแปลงก็มีสิทธิในงานที่ดัดแปลงของตนที่จะใช้สิทธิของตนตามมาตรา 15 ได้

ซึ่งเมื่อมีคนละเมิดสิทธิในผลงาน ก็ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้เช่นกัน

2. คน Scan ละเมิดทั้ง สนพ.ญี่ปุ่นและ สนพ.ไทย ครับ

หลักกฎหมายลิขสิทธิ์ ผมเปรียบเทียบง่าย ๆ มันคือเรื่องทรัพย์น่ะแหละครับเปลี่ยนจากทรัพย์สินทั่วไป เป็น ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) เท่านั้นเอง

หลักกฎหมายก็ต้องการคุ้มครองผู้สร้างสรรค์ที่ควรจะได้ผลประโยชน์จากงานที่ตนสร้างสรรค์ขึ้น ไม่ให้ต้องถูกขโมยผลงาน ชื่อเสียง รายได้ที่ควรจะมีควรจะได้จากผลงานนั้น ๆ ไปเสีย

การ Scan นั้นถ้าเปรียบเทียบก็คือลักทรัพย์นั่นแหละครับ ไปเอาความคิด ไปเอาผลงานของเขามาใช้ประโยชน์โดยไม่บอก หาชื่อเสียง หารายได้จากการ Scan นั้น ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์เสียประโยชน์ที่ควรมีควรได้ไป

แต่บังเอิญที่ว่าในกรณีนี้สิทธิมันซ้อนกันอยู่ครับ เพราะ สนพ.ญี่ปุ่นก็มีลิขสิทธิ์ใน Original ภาษาญี่ปุ่น สนพ.ไทยก็มีลิขสิทธิ์ในงานแปลภาษาไทย

มันซ้อนทับกันที่ ทั้ง Original และงานแปลนั้น ใช้ภาพเดียวกัน

จุดสำคัญมันอยู่ตรงนี้ครับ คือทั้งญี่ปุ่นและไทยจุดซ้อนกันของลิขสิทธิ์คือใช้ภาพการ์ตูนเดียวกันต่างแค่ตัวอักษรที่บรรยาย

การ Scan นั้นจึงละเมิดทั้งญี่ปุ่นและไทยเพราะเป็นการดัดแปลง , ทำซ้ำในส่วนภาพเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นของ Original หรืองานดัดแปลง

แล้วพยายามจะอ้างว่าไม่ได้ขโมยจากไทย ขโมยจากญี่ปุ่น อ้างข้อกฎหมาย

ผมขอถามบ้างนะครับ
ตัว Scan นี้ภาพเหมือนภาพในนิตยสารไทยไหมครับ ?
เหมือน ใช่ไหม ?

คำแปลใน Scan ที่เป็นปัญหาอยู่นี้ แปลเป็นภาษาอะไร ครับ
ภาษาไทย ใช่ไหม ?

คำแปลใน Scan นี้ ความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงกับคำแปลในนิตยสารไทย ไหมครับ ?
ใกล้เคียง ใช่ไหม ?

แปลให้ใครอ่านครับ คนไทยหรือคนญี่ปุ่น ?
คนไทยใช่ไหม ?

แล้วใครเสียประโยชน์มากกว่ากัน สนพ.ญี่ปุ่น หรือ สนพ.ไทย ?
สนพ.ไทยใช่ไหม ?

เสียหายอย่างไร ? เสียหายที่ นิตยาสารญี่ปุ่นยอดขายลดลง หรือเสียหายที่ นิตยาสารไทยยอดขายลดลง ?
นิตยาสารไทยยอดขายลดลงใช่ไหม ?

เมื่อ สนพ.ไทย ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานดัดแปลง เขาเสียหาย จากการกระทำของคน Scan แล้วทำไมเขาถึงจะไม่มีสิทธิฟ้องร้องให้ดำเนินคดีล่ะครับ ?

คุณพยายามตีความกฎหมายให้ใช้บังคับไม่ได้ เพื่อประโยชน์อะไรครับ ?
กฎหมายต้องตีความให้บังคับใช้ได้มิใช่หรือ ? มันเป็นหลักกฎหมายทั่วไป
การตีความก็ตีความตามตัวอักษร ตามตัวบทกฎหมาย ตามมาตรา 4 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มิใช่หรือ ?

แล้วถ้ามิเช่นนั้น จะให้ สนพ.ไทยทำอย่างไรครับ ต้องไปทำเรื่องให้ญี่ปุ่นมีหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีมาก่อนใช่ไหมครับ ถึงจะดำเนินการได้ ?

แล้วลิขสิทธิ์ในงานดัดแปลงของตัวเองมีไว้ทำอะไรล่ะครับ บังคับใช้อะไรไม่ได้เลย ?

มันก็เห็น ๆ อยู่ว่าเหมือนกันภาพต่อภาพ กรอบต่อกรอบ ต่างกันแค่คำแปล ถ้าจะอ้างอย่างที่คุณว่าคือ

"ผมไม่ได้ Scan มาจากนิตยาสารไทย ผม Scan มาจากนิตยาสารญี่ปุ่น (หรือผมเอามาจากเว็บนอก) ผมไม่ได้ละเมิด สนพ.ไทย ผมละเมิด สนพ.ญี่ปุ่น
สนพ.ไทยได้รับสิทธิในระดับที่ 2 ไม่มีอำนาจฟ้องผม ต้องให้ สนพ.ไทย นั่งเครื่องบินไปญี่ปุ่นให้เขาเซ็นหนังสือมอบอำนาจมาก่อนถึงจะมีสิทธิฟ้องผมได้"

ก็ลองพิจารณาดูแล้วกันนะครับว่าศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงนี้ไหม

คดีแบบนี้

โจทก์นำสืบไม่ยากหรอกครับ แค่เอานิตยสารที่วางขายมาเล่มนึง แล้วก็ปริ๊นท์ภาพในเว็บมาเปิดเทียบหน้าต่อหน้า

จำเลยไปสืบเถอะครับ ว่าโหลดมาจากเว็บไหน เมื่อไร ไปขอ log การ download จาก ISP มา ว่าเอามาจากเว็บไหน เวลาไหน ตัดต่อเมื่อไร เผยแพร่เมื่อไร
จะเอามาจากไหนก็ตาม ถ้ามันเหมือนกันเป๊ะ ๆ แบบนั้น ไม่เรียกว่า ดัดแปลง , ทำซ้ำ , เผยแพร่ แล้วจะเรียกอะไร

สนพ.ไทย ยอดขายลดลงจะเรียกว่าไม่เสียหายได้อย่างไร ?

ถ้าเสียหายแล้วไม่เรียกว่า ผู้เสียหายแล้วจะให้เรียกว่าอะไร ?

ผมเดาว่าคุณคงจะตอบว่าเป็น "ผู้รับโอนสิทธิ์ของผู้เสียหาย" สินะครับ

แล้วผมถามคำถามสุดท้ายว่า ถ้าศาลตีความตามความเห็นของคุณ pinkman นี้

ต่อไป Scan ก็ทำกันได้หน้าตาเฉย ผิดกฎหมายจริง แต่ไม่มีคนเอาผิดได้ เพราะผู้เสียหายอยู่ญี่ปุ่น คงไม่บินหรือมอบอำนาจมาดำเนินคดีที่ไทย แล้ว สนพ. ไทย เสียหายขาดรายได้ที่ควรจะได้

มันยุติธรรมแล้วเหรอครับ ?

ขอจบคำถามแต่เพียงเท่านี้ครับ

ด้วยความเคารพ

ปล. ไม่เข้าใจคำถามใน คห.129 ครับ

จากคุณ : Windforce

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 16:53:01

ความคิดเห็นที่ 132

เพิ่งจะเห็น คห.130 ขอต่อครับ

3. การดัดแปลง , ทำซ้ำ เป็นการกระทำกรรมเดียวจบ เกิดขึ้นก่อนมีการสร้างสรรค์จริง
แต่การเผยแพร่เป็นการกระทำต่อเนื่องไม่มีการขาดตอน

เมื่อ สนพ.ไทยได้สร้างสรรค์เสร็จ (วางแผงขาย) ก็ต้องถือว่า Scan ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่ตั้งแต่เวลานั้น

4. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๕๒๓ การให้นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้
เมื่อ นาย ก. ยังมิได้ส่งมอบทรัพย์ นาย ค. จึงยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ จึงไม่สามารถฟ้องนาย ข. ได้

ถ้าจะเปรียบเทียบกรณีนี้กับการ Scan ตรงนี้ ผมเห็นว่าเป็น False Analogy นะครับ
เพราะทรัพย์สินทางปัญญามีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวไม่เหมือนสังหาริมทรัพย์ทั่วไป

เพราะลิขสิทธิ์นี้ เมื่อให้ไปแล้ว ตัวเจ้าของลิขสิทธิ์เดิมก็ยังคงสิทธิของตนเองอยู่ด้วย และที่สำคัญคือ ไม่จำเป็นต้องส่งมอบทรัพย์สินใด ๆ ก็สมบูรณ์ได้ตามกฎหมาย
อีกทั้งการละเมิดลิขสิทธิ์ ก็ต่างกับการลักทรัพย์คือ ไม่จำเป็นต้องมีการเอาทรัพย์ไป เพราะทรัพย์สินทางปัญญานั้น ไม่มีตัววัตถุแห่งทรัพย์ทำให้ไม่ต้องมีการส่งมอบหรือการเอาทรัพย์ไป

มีแต่การหาผลประโยชน์จากลิขสิทธิ์นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

ถ้าจะเปรียบเทียบหลักกฎหมาย ช่วยนำหลักกฎหมายที่ใกล้เคียงกันกว่านี้มาเปรียบเทียบจะดีกว่านะครับ มิเช่นกันจะเป็นการเผยแพร่ความเข้าใจที่ผิด ๆ ได้

ด้วยความเคารพ

จากคุณ : Windforce

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 17:11:54

ความคิดเห็นที่ 133

แสดงว่าคุณไม่ได้อ่านสิ่งที่ผมเขียนและบอกให้กลับไปศึกษามาเลย งั้นผมเอามาให้คุณอ่านนะครับ

อ่านซะนะครับ จะได้เข้าใจหลักกฎหมายและแก่นของกฎหมายลิขสิทธิ์ ...

ถ้าคุณยังแย้งผมว่า ผู้ได้รับอนุญาตรับดับที่สอง เป็นผู้เสียหายได้ ผมก็จนปัญญาแล้วครับ จนใจจริง ยิ่งเห็นว่า คุณไมได้อ่านสิ่งที่ผมพยายามบอกให้คุณกลับอ่านถึงแก่นของกฎหมาย ...

ถ้าคุณจะแย้งว่า ยอดขายตกเสียหายไหม ... ผมยิ่งเพลียใจ ... เสียหายศีลธรรม กับ เสียหาย ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ มันต่างกันนะ กลับไปดูตั้งแต่ มาตรา 27-31 (มีแต่คำว่า เจ้าของลิขสิทธิ์...และคำว่า ทำซ้ำหรือดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณะชน หมายถึง กระทำต่อตัวงานของเจ้าของลิขสิทธิ์)
---------------------------------------------------
1.3 สิทธิตามมาตรา 11 เป็นการได้สิทธิโดยผลของกฎหมาย แม้ในสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ระหว่างผู้เป็นเจ้าของและผู้ดัดแปลง จะไม่ได้กำหนดให้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 15 ไว้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้สิทธิแต่ผู้เดียวของผู้ดัดแปลง ในการใช้สิทธิตามมาตรา 15 ในงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและได้มาโดยผล ของกฎหมายนั้นเสียไป เพราะเจ้าของลิขสิทธิ์เดิมมีสิทธิที่จะกำหนดเงื่อนไขในสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ของตนได้ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับงานดั้งเดิมอันมีลิขสิทธิ์ของตนเท่านั้น

ต้องการใช้ตรงนี้ครับ คือ ถึงแม้ว่าในสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์จะมิได้กำหนดไว้ว่าให้สิทธิในการ ทำซ้ำ , ดัดแปลง , เผยแพร่ , ให้ประโยชน์ ก็ตาม

แต่ตราบใดที่ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์เดิม ตามมาตรา 11

เจ้าของงานที่ดัดแปลงก็มีสิทธิในงานที่ดัดแปลงของตนที่จะใช้สิทธิของตนตามมาตรา 15 ได้
--------------------------------------------------------

2. สนพ.ไทย ไม่ได้รับ Exclusive Right ถามว่า Exclusive คืออะไร มันมาจากรากคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เป็น Verb คือ Exclude ที่แปลว่าแยก , ไม่รวม มันคือสิทธิที่เจ้าของสิทธิแยกตัวเองออกมาจากสิทธินั้น คือจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับสิทธิที่มอบให้แล้วเลย ตามเงื่อนไขที่กำหนด , ปล่อยให้ผู้รับโอนสิทธิจัดการได้ทั้งหมด (ผมอ่านเรื่องสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์แล้วครับ แต่ขออธิบายให้กับผู้อื่นที่ไม่ได้ศึกษากฎหมาย) แต่ได้รับความเสียหายจากการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานที่ดัดแปลงตามมาตรา 11 จากคน Scan จึงเป็นผู้เสียหายโดยตรงตามกฎหมายลิขสิทธิ์ครับ
---------------------------------------------------------

หลักกฎหมายคุณไม่มีเลย "มีแต่หลักคุณ" แค่หลักเรื่องสัญญาอนุญาตนะครับ คุณยังไม่เข้าใจแก่นของมันเลย .....

---------------------------------------------------------

อ่านซะนะครับ แล้วตอบคุณถามผมให้ครบ

ตอบคำถามผมข้อเดียว คือ ข้อ 2 ผมถามว่า ละเมิดใคร คุณตอบ ละเมิดทั้งสองคน

โดยเฉพาะ ข้อ 3 และ ข้อ 4 ถ้าจะให้ดี ข้อ 1 ฏีกาที่เอามาอ้างจะใช้หลักกฎหมายอะไร

-------------------------------------------------------

อ่านให้จบแล้วอย่าเพิ่งตกโต๊ะว่า "ว่าผมไว้เยอะ อ้าว... ที่เนติฯ สอนอย่างนี้หรอ อ้าว ข้อสอบผู้ช่วยฯ มันแปลความแบบนี้ "

ถ้าจะเถียงอีก คุณก็ต้องไปเถียงกับ กต. (คณะกรรมการผู้ออกข้อสอบนะครับ) เถียงกับ อ.ปริญญาฯ

-----------------------------------------------------

เพลียใจจริงๆ ส่วนคำถามที่คุณถามผม ให้คุณดาวน์โหลดเอกสารที่ผมวางไว้ให้นะครับ แล้วทำความเข้าใจเยอะๆ แล้วค่อยกลับมาตอบ แล้วปรับความเข้าใจใหม่

ที่คุณแปลความมาตรา 11 อย่างนั้น หมายถึง "การแปลความแบบศรีธนญชัย"

แต่ก่อนผมก็เป็นอย่างคุณ คิดว่า ได้ลิขสิทธิ์เต็มตามาตรา 15

----------------------------------------------------
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 21:33:57
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 21:18:31

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 20:57:38

ความคิดเห็นที่ 134

ผมวางภาพไม่เป็น เอาเป็นว่า คุณเอาไปอ่านนะครับ

แล้วทำสมองให้โล่งๆ "เรื่อง การอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์"

http://image.ohozaa.com/show.php?id=9f5aaba84abe0c872f356f5c93dd1e97

http://image.ohozaa.com/show.php?id=79d6da85b98d47f450b9b0b1ba38ccb2

http://image.ohozaa.com/show.php?id=381cb8db9e00c4158756294ae8118df1

แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 21:04:41
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 21:03:29
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 21:01:28
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 21:00:44

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 21:00:06

ความคิดเห็นที่ 135

ข้อสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา .... ที่บอกเท่าไร คุณก็ไม่เคยกลับไปอ่านสักรอบ

ดาวน์โหลดแล้วพริ้นมาอ่านนะครับ

http://image.ohozaa.com/show.php?id=209a1bed79ebdef6846ba142ec2202f9

http://image.ohozaa.com/show.php?id=fdbdad2ee11f7ac56fa144255bc1cf37

http://image.ohozaa.com/show.php?id=420e237b5dfe87e20f25c64dc6095867
ผมเพลียใจแล้ว ....

----------------------------

อ่านให้จบนะครับ แล้วค่อยกลับมาทำ ข้อ 3 แล ข้อ 4

ที่สำคัญ "อย่านำความรู้ที่ตอบผมข้างบนไปใช้อย่างผิดๆ อีก"

สวัสดี

---------------------------
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 21:44:15
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 21:14:05

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 21:11:06

ความคิดเห็นที่ 136

แล้วผมถามคำถามสุดท้ายว่า ถ้าศาลตีความตามความเห็นของคุณ pinkman นี้

ต่อไป Scan ก็ทำกันได้หน้าตาเฉย ผิดกฎหมายจริง แต่ไม่มีคนเอาผิดได้ เพราะผู้เสียหายอยู่ญี่ปุ่น คงไม่บินหรือมอบอำนาจมาดำเนินคดีที่ไทย แล้ว สนพ. ไทย เสียหายขาดรายได้ที่ควรจะได้

มันยุติธรรมแล้วเหรอครับ ?

ถึงจะตีความตามที่คุณว่ามา แต่ในความจริงฉบับภาษาญี่ปุ่นกับฉบับภาษาไทยจะห่างกันพอประมาณ ดังนั้นถ้าอยากจะดำเนินการทางกฎหมายกับ Scan ตอนล่าสุด ยังไงก็ต้องขอจดหมายจากทางญี่ปุ่นอยู่ดี สมมติญี่ปุ่นออกตอนที่ 100 ของไทยก็ยังอยู่แถวๆ 90 กว่าๆ ต้องรออีกเป็นเดือนกว่าจะตามญี่ปุ่นทัน

*ไม่ว่าจะตีความยังไงถ้าสำนักพิมพ์ต้องการดำเนินการทางกฎหมายกับ Scan ตอนใหม่ล่าสุด ก็ต้องขอจดหมายจากญี่ปุ่นอย่างไม่มีทางเลือก*

จากคุณ : Nexus

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 21:24:28

ความคิดเห็นที่ 137

ความคิดเห็นที่ 136

แล้วผมถามคำถามสุดท้ายว่า ถ้าศาลตีความตามความเห็นของคุณ pinkman นี้

ต่อไป Scan ก็ทำกันได้หน้าตาเฉย ผิดกฎหมายจริง แต่ไม่มีคนเอาผิดได้ เพราะผู้เสียหายอยู่ญี่ปุ่น คงไม่บินหรือมอบอำนาจมาดำเนินคดีที่ไทย แล้ว สนพ. ไทย เสียหายขาดรายได้ที่ควรจะได้

มันยุติธรรมแล้วเหรอครับ ?

ถึงจะตีความตามที่คุณว่ามา แต่ในความจริงฉบับภาษาญี่ปุ่นกับฉบับภาษาไทยจะห่างกันพอประมาณ ดังนั้นถ้าอยากจะดำเนินการทางกฎหมายกับ Scan ตอนล่าสุด ยังไงก็ต้องขอจดหมายจากทางญี่ปุ่นอยู่ดี สมมติญี่ปุ่นออกตอนที่ 100 ของไทยก็ยังอยู่แถวๆ 90 กว่าๆ ต้องรออีกเป็นเดือนกว่าจะตามญี่ปุ่นทัน

*ไม่ว่าจะตีความยังไงถ้าสำนักพิมพ์ต้องการดำเนินการทางกฎหมายกับ Scan ตอนใหม่ล่าสุด ก็ต้องขอจดหมายจากญี่ปุ่นอย่างไม่มีทางเลือก*

จากคุณ : Nexus
เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 21:24:28
----------------------------------------------------------------

ตอบแบบกำปั้นทุบดินนะครับ เรื่องนี้ก็เหมือนเรื่องที่ ผมไปขายของละเมิดลิขสิทธิ์ บน สน. ครับ ขายมันต่อหน้าตำรวจเลย ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะ เป็นความผิดต่อส่วนตัว ต้องผู้เสียหายที่แท้จริงเท่านั้น และผู้เสียหายก็ต้องเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายลิขสิทธิ์ด้วย ......

แต่ถ้าว่า จับได้ไหม ตอบ ได้สิครับ ไม่มีตรงไหนที่ผมบอกว่า จับไม่ได้ แต่จับมาก็ต้องปล่อย เพราะสอบสวนไม่ได้ (มันเลยเกิดเป็นวงจรว่า ความผิดต่อส่วนตัว ถ้าผู้เสียหายไม่ร้องทุกข์โดยชอบตามกฎหมายแล้ว ตำรวจจะไม่ดำเนินการให้) เพราะไม่มีการร้องทุกข์โดยผู้เสียหาย

อ่านเอกสารที่วางไว้ให้โหลดนะครับ

"กระแสแห่งความยุติธรรมจะหาความเกษมสำราญนั้นคงเป็นเรื่องยาก"
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 22:20:13
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 21:43:32

จากคุณ : fujiwara taiki

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 21:35:14

ความคิดเห็นที่ 138

ด้วยความเคารพ

"หลักกฎหมาย" นั้นไม่ได้มาจากคำบรรยาเนฯ ของ อ.ปริญญา เพียงเล่มเดียว และคำบรรยายของ อ. นั้น ก็ไม่ใช่ทั้งหมดทุกอย่างของกฎหมายลิขสิทธิ์ เป็นเพียงคำอธิบายของ อ. ท่านหนึ่ง เป็นผู้พิพากษาท่านหนึ่งในหลาย ๆ ท่านซึ่งแต่งตำราเท่านั้น

หากท่านจะยึดติดเพียงแต่คำบรรยายอย่างเดียว ไม่เพียรพยายามที่จะมองโลกให้กว้างกว่านี้ ท่านอาจจะลำบากในการว่าความจริงได้

เพราะตำรากฎหมายไม่ได้มีเพียงเล่มเดียว
กฎหมายลิขสิทธิ์ไม่ได้มีเพียงแต่ในประเทศไทยประเทศเดียว
อาจารย์วิชากฎหมายไม่ได้มีท่านเดียว
ผู้พิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่ได้มีท่านเดียว
ผู้พิพากษาศาลฎีกาไม่ได้มีท่านเดียว

ผมศึกษาทั้งตำราจากในและต่างประเทศอีกหลายเล่ม ก็ยังเห็นว่ากฎหมายนั้นเป็น Dynamic คือเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่ Static หรืออยู่กับที่ การศึกษากฎหมายก็จำเป็นที่จะต้องอ่านไปเรื่อย ๆ เปลี่ยนตำราไปเรื่อย ๆ ค้นคว้าหาข้อโต้แย้งใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ หาหลักใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ซึ่งหลักของคนอื่น ๆ อาจจะไม่ตรงกับ "หลักของคุณ" ก็ได้

นี่เป็น Link ของ หนังสือ WIPO guide on the licensing of copyright and related rights เป็นหนังสือความรู้เบื้องต้น เป็นพื้นฐานของกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่งโดย World Intellectual Property Organization

http://www.google.com/books?id=LvRRvXBIi8MC&printsec=frontcover&source=gbs_ge_summary_r&cad=0#v=onepage&q&f=false

ช่วยทดลองอ่านที่หัวข้อ Exclusivity ดูนะครับว่าเขาอธิบายไว้ว่าอย่างไร ในหน้า 9 และ 10

ซึ่งถ้าผมศึกษาประวัติศาสตร์กฎหมายมาไม่ผิดเนี่ย หลักกฎหมายลิขสิทธิ์บ้านเรามาจากข้อตกลง TRIPS ของ WTO เหมือน ๆ กัน ก็น่าจะไม่แตกต่างกันในหลักกฎหมายใช่ไหมครับ

และต่างประเทศเขาคิดถึงกรณีนี้ไว้แล้วครับ ลองอ่านหัวข้อ Future Rights ในหน้า 7 ดู ซึ่งตรงนี้ถ้าสัญญาทำกันไว้ดี ศาลก็ยังสามารถนำมาปรับบังคับใช้ได้อีกด้วย

ส่วนข้อ 3 และ ข้อ 4 ผมตอบแล้วใน คห. 132 ครับ

แล้วผมก็ยังยืนยันความคิดของผมเหมือนเดิมครับว่า

ในกรณี Scan นี้

สนพ. ไทยเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของงานดัดแปลงโดยผลของกฎหมายตามมาตรา 11

ย่อมมีสิทธิที่จะเรียกค่าเสียหายจากผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องได้รับมอบอำนาจจาก สนพ.ญี่ปุ่น

ส่วนจะผิดหรือจะถูกอย่างไร ศาลท่านเป็นผู้ตัดสินครับ

ถ้าผิดก็เพียงไม่มีสิทธิฟ้อง ก็ต้องบินไปเอาหนังสือมอบอำนาจจากญี่ปุ่นมาฟ้องใหม่

ถ้าถูกก็เสียค่าปรับ - จำคุกกันไป

แต่ผมขอเตือนคุณ pinkman อีกอย่างนะครับ จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเอง

นักกฎหมายไม่ควรจะแนะนำให้ผู้อื่นทำผิดกฎหมาย

อาจารย์ที่สอนวิชาว่าความผมท่านหนึ่งซึ่งผมให้ความเคารพ กล่าวกับผมคำแรกในวันที่ผมศึกษาเป็นการส่วนตัวกับท่านว่า

"เรื่องคดีความน่ะ ไม่มีคำว่า แน่นอน
ถึงแม้บ้างทีเราจะเชื่อมั่นว่าถูกต้องตามกฎหมายแล้ว พยานหลักฐานฝ่ายเราพร้อมแค่ไหนก็ตาม

สุดท้ายคนตัดสินไม่ใช่เรา

มันไม่มีทางที่จะแน่นอนได้

เพราะฉะนั้นทนายความคนไหนที่บอกว่า เป็นอย่างนี้แน่นอน เป็นอย่างนั้นแน่นอน ชนะแหง ๆ

พวกนี้โกหกทั้งนั้น"

เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากเสียคนในภายหลังอย่าไปรับประกันชัยชนะในคดีความให้ใคร เพราะว่ามันไม่แน่นอน

ซึ่งผมก็พบมามากแล้วครับ คดีที่ผมคิดว่าน่าจะชนะแน่ ๆ มีทั้งหลักกฎหมาย พยานหลักฐาน ฎีกาสนับสนุน แต่ศาลตัดสินให้แพ้ ต้องอุทธรณ์-ฎีกากันต่อ

อีกอย่างหนึ่งคือ

"อย่าเอาชีวิตของลูกความเป็นเครื่องทดสอบภูมิปัญญาของเรา
เพราะถ้าเราผิด เราพลาด เราไม่ใช่คนติดคุกติดตะราง
ลูกความเราเป็นคนติดคุกติดตะราง
เพราะฉะนั้นเราต้องเลือกวิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับลูกความเสมอ"

ในกระทู้นี้เถียงกันได้ครับ เห็นต่างกันได้ จากประสบการณ์ที่ต่างกัน จากตำราที่ต่างกัน จากอาจารย์ที่ต่างกัน

แต่เวลาว่าความจริง ๆ คุณจะเอาอิสรภาพลูกความคุณมาเสี่ยงกับทฤษฎีของคุณหรือ ?

เพราะศาลหรือผู้ที่ตัดสินอาจจะไม่ได้เห็นอย่างคุณเสมอไป

อีกทั้งการยุยงให้ผู้อื่นกระทำความผิดจากช่องว่างของกฎหมายนั้นเป็นการเสียมารยาทต่อวิชากฎหมายที่ร่ำเรียนกันมาอย่างยิ่ง

ถ้าคนคิดว่าทำอะไรแล้วไม่ผิดกฎหมายต่อมาถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจะเกิดอะไรขึ้นครับ
เขาต้องเสียเวลาขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นปี ๆ เสียค่าใช้จ่ายในการจ้างทนายความมาต่อสู้คดี
ถ้าพลาดพลั้งต้องเสียเงิน หรือหนักกว่านั้นต้องโทษจำคุกนี่เสียอนาคตทั้งชีวิตนะครับ

รับราชการไม่ได้ สังคมรังเกียจอีก

รบกวนช่วยนำคำของผมไปตรึกตรองซักนิดนะครับ

เพื่อสังคมจะได้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

เพื่อที่บุคคลภายนอกจะได้มีมุมมองต่อวิชาชีพกฎหมายที่ดีขึ้น

ไม่ใช่มองแต่ว่าพวกเราเป็นพวก "หัวหมอ" เพียงอย่างเดียว

ด้วยความเคารพ

จากคุณ : Windforce

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 22:41:28

ความคิดเห็นที่ 139

ส่วนข้อสอบน่ะครับ ผมอ่านมาก่อนแล้ว
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะในข้อสัญญากำหนดไว้ชัดว่า "เพื่อจัดฉายตามโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ภายใน 7 ปี"

เป็นการระบุสัญญาแบบ Non-Exclusive Right คือเจ้าของลิขสิทธิ์เดิม include สิทธิของตน หรือตั้งเงื่อนไขในการใช้ลิขสิทธิ์ไว้ด้วย ตรงนี้ก็ต้องถือตัวสัญญาเป็นสำคัญตามหลักความศักดิ์สิทธิ์ของการทำสัญญา

ซึ่งผมก็ได้ยกเอาฎีกา 2572/2548 มาให้คุณดูเปรียบเทียบว่า ถ้าไม่ได้ระบุข้อตกลงพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้าไป ระบุเพียงให้ "นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ภายใน 5 ปี" เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ include สิทธิของตนเข้าไปในสัญญาดังกล่าว งานดัดแปลงที่ทำเป็นภาพยนตร์ภายหลังนั้น จะเป็นสิทธิของผู้ดัดแปลงตามมาตรา 11 ซึ่งผู้ดัดแปลงสามารถทำซ้ำ ดัดแปลงแบบใดก็ได้ เพราะถือเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นั้น (กรุณาอ่าน)

ข้อเท็จจริงสองคดีนี้คล้ายกันมากครับ ต่างแค่ว่าคดี 8452/2547 ตกลงกันว่า "เพื่อจัดฉายตามโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ภายใน 7 ปี"
แต่คดี 2574/2548 นั้น ตกลงกันว่า "ให้นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ภายใน 5 ปี"
ที่เหลือเหตุการณ์เหมือนกันแทบจะทั้งหมดคือนำไปให้ผู้อื่นใช้สิทธิตามมาตรา 15

คดี 8452/2547 จำเลยผิด แต่คดี 2574/2548 จำเลยไม่ผิด

สรุปจาก 2 ฎีกานี้ได้คือ "ต้องดูข้อความในสัญญาเป็นสำคัญ"

แต่ว่า ในเมื่อคุณ pinkman ยังไม่เห็นข้อความในสัญญาอนุญาตใช้สิทธิเลย

ทั้งผมและคุณต่างก็สันนิษฐาน (เดา) เอาเองทั้งนั้นว่า สนพ.ไทย ได้รับสิทธิแบบ Non-Exclusive จากการตีความคำพูดของ บก. ซึ่งไม่ได้ศึกษาวิชากฎหมาย แล้วใช้ข้อสันนิษฐานดังกล่าวมา ปรับตีความเข้ากับข้อกฎหมาย

คุณ pinkman กล้าพูดได้อย่างไรครับ ว่าทาง สนพ.ไทย ไม่มีสิทธิแน่นอน

ถ้าสมมติว่า ในตัวสัญญานั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คุณ pinkman คิดว่าจะต้องเป็นไปตามฎีกา 8452/2547 แต่เป็นสัญญาตาม 2574/2548 ล่ะ

หรือไม่ได้เป็นสัญญาอนุญาตประเภทที่ 2 แต่เป็น Exclusive license หรือประเภทที่ 3 ตามที่คุณเรียกนั้นล่ะ

หรือถ้าไม่อย่างนั้นในสัญญาระบุมอบอำนาจให้ดำเนินการฟ้องคดีแทนเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ด้วยล่ะ

คุณกล้าพูดไหมว่าสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธินั้นจะไม่มีข้อความอย่างใดอย่างหนึ่งที่อาจจะเป็นไปได้ และผู้ที่ Scan จะไม่ถูกฟ้องร้องแน่นอน

หรือถ้า สนพ.ไทยขอร้องให้ทาง สนพ.ญี่ปุ่นทำหนังสือมอบอำนาจดำเนินคดีรับรองโนตารีพัพบลิกส่ง EMS มาล่ะ

คุณจะรับรองความปลอดภัยให้กับคน Scan ทั้งหลายได้หรือ ?

ถ้าเขาต้องถูกดำเนินคดีคุณจะว่าความให้พวกเขาไหม ?

เขาต้องประกันตัวคุณจะช่วยหาเงินหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันให้เขาไหม ?

หลักกฎหมายแบบ "คุณไม่มีสิทธิเป็นผู้เสียหาย" แบบนี้มันช่วยให้คน Scan รอดจากกฎหมายได้ตลอดจริง ๆ หรือ ?

แค่หนังสือมอบอำนาจแผ่นเดียว กับ สนพ.ที่ติดต่อค้าขายกันมาเป็นสิบ ๆ ปี แค่นี้เขาจะขอให้กันไม่ได้หรือ ?

แล้วทีมกฎหมาย สนพ.ไทยเขาจะไม่รู้เรื่องแค่นี้เชียวหรือ ?

เอาเถอะครับถ้าคุณคิดว่า สนพ.ไทย ไม่มีปัญญาจะเอาผิด ก็เชิญคิดไปได้

แต่อย่าชักชวนให้ผู้อื่นละเมิดลิขสิทธิ์ไปมากกว่านี้

เพราะการป้องกันไม่ให้ผู้มีสิทธิบังคับใช้ลิขสิทธิ์ก็เหมือนกับการส่งเสริมการละเมิดลิขสิทธิ์นั่นแหละครับ

ขอย้อนคำพูดซักนิดนะครับ ว่าใครใช้สิทธิเกินส่วน

ระหว่างคน Scan กับ สนพ.ไทยที่ออกมาเตือนคน Scan

ผมว่าคำตอบนี้เพื่อน ๆ ที่ไม่ได้ศึกษากฎหมายก็น่าจะพิจารณากันได้นะครับ

ด้วยความเคารพ

จากคุณ : Windforce

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 23:18:56

ความคิดเห็นที่ 140

จะหาข้อยุติได้ก็ต้องให้ศาลตัดสินเท่านั้นแหละนะ อืม

จากคุณ : สมอง

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 23:50:47 A:124.120.236.116 X: TicketID:287560

ความคิดเห็นที่ 141

ส่วนตัวอย่างเรื่องการขายของละเมิดลิขสิทธิ์หน้า สน. นั้น เคยทดลองไปขายจริง ๆ หรือยังครับ

ตามระเบียบ สตช. ระบุไว้ว่าความผิดที่ยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายไม่มาแจ้งความดำเนินคดี ตำรวจจะดำเนินคดีเองไม่ได้ ตรงนี้ถูกต้องครับ เพราะถ้าตำรวจไปดำเนินคดีทำสำนวนสอบสวน เตรียมส่งอัยการสั่งฟ้องโดยผู้เสียหายไม่แจ้งความ แล้วต่อมาผู้เสียหายไม่เอาเรื่องยอมความกัน ตำรวจก็ทำงานฟรีสิครับ

แต่ในทางปฏิบัติในเรื่องลิขสิทธิ์จริง ๆ แล้ว ตำรวจไม่ได้เพิกเฉยนะครับ
ถ้ามีการพบจริง ๆ เขาจะควบคุมไว้แล้วแจ้งให้ผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์ทราบครับ
เขาจะมีสมุดจดไว้เลยครับ เอ้า SONY, CISCO โทรหา Baker TOYOTA โทรหาเจ้านี้ หลุยส์ โทรหาเจ้านี้ Mercedez โทรหาเจ้านี้ ฯลฯ
แล้วผู้รับมอบอำนาจจะเดินทางมาเพื่อตรวจสอบภายใน 24 ชั่วโมงครับ ถ้าเป็นของละเมิดลิขสิทธิ์จริง ก็จะคุยกันว่าเคลียร์กันดี ๆ ไหม ถ้าไม่คุยกันดี ๆ ก็แจ้งความดำเนินคดีครับ แค่นี้ตำรวจก็ดำเนินการต่อได้แล้วครับ

ถ้าไม่เชื่อว่าที่ผมพูดจริงหรือไม่ ก็ลองไปหาซื้อของปลอมของแบรนด์ดัง ๆ มาแล้วไปเปิดร้านขายได้เลยครับ แจ้งสถานที่ วันเวลาด้วยนะครับ ผมจะได้ไปคอยเป็นพยานให้ ว่าตำรวจทำอะไรไม่ได้อย่างที่คุณว่าจริงหรือเปล่า

และขออีกครั้งนะครับ

อย่านำความไม่รู้อย่างที่ตอบข้างบนไปใช้ผิด ๆ อีก

ด้วยความเคารพ

จากคุณ : Windforce

เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 23:52:33

ความคิดเห็นที่ 142

เกินเยียวยาครับ ...

ขนาดเอาหนังสือเนติฯ ให้อ่านก็แล้ว ...

เอาข้อสอบเก่าให้อ่านก็แล้ว ...

ขนาดยกตัวอย่าง ขายซีดี คุณยังเอามาท้าทาย T_T

รอบนี้มาหลัก WIPO ซะงั้น ... "ศาลไทยนะครับ ใช้หลักกฎหมายไทย"

แม้แต่หนังสือเนติฯ (สถาบันที่ทุกคนต้องผ่านเพื่อมีสิทธิสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา และจะเป็น ผู้พิพากษาในอนาคต) คุณยังเถียง ...
-------------------------------------

จบนะครับ คุณต่อไม่มีประโยชน์แล้ว "หลักฎีกู" ไม่ีมี "หลักฎีกา"

-------------------------------------

ขอบคุณนะครับที่ห่วงใยหน้าที่การงานของผม ... ^_^

-------------------------------------

จากคุณ : pinkman

เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 09:36:48 A:10.9.11.255 X:110.164.177.219 TicketID:287873

ความคิดเห็นที่ 143

ผมเถียงหมดแหละครับ ผู้พิพากษาศาลฎีกาผมก็เถียงกับท่านมาแล้ว อย่าว่าแค่คำบรรยายเลยครับ

หลักฎีกาผมก็อ้างแล้วคุณไม่เอามารับฟังเอง ผมก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน

ส่วนเรื่องขายของละเมิดลิขสิทธิ์ผมพูดความจริงในทางปฏิบัติครับ

ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองดูเองสิครับว่า ในตำรากับในความจริงทางปฏิบัติมันต่างกันไหม ?

ถ้าคุณเชื่อว่าสิ่งที่คุณยกตัวอย่างมานั้นทำได้จริง ก็รับคำท้าผมสิครับ ผมจะได้จัดให้

คุณเก่งจริง เก่งในตำรา เก่งแบบนี้ทำข้อสอบได้ สอบเนติฯ ได้ สอบผู้ช่วยฯ ได้ แต่ทำงานไม่ได้หรอกครับถ้าเก่งเพียงแค่นี้

แล้วไอ้คำพูดที่ว่า "ศาลไทย ใช้หลักกฎหมายไทย" นั้นถูกครับ แต่หลักกฎหมายไทยเอาพื้นฐานมาจากไหนครับ ? คนไทยคิดเองหรือ ? การศึกษากฎหมายเริ่มจากไหนครับ ? ถ้าเราไม่รู้ว่ากฎหมายเกิดขึ้นอย่างไร คุณจะเข้าใจหลักกฎหมายนั้นลึกซึ้งได้หรือครับ ?

แล้วหลักกฎหมายลิขสิทธิ์โดยพื้นฐานทั่วโลกเหมือนกันครับ ต่างกันแค่ในรายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น

คุณจะตีกรอบตัวเอง อ่านแต่คำบรรยายไทย อ่านแค่ฎีกาลิขสิทธิ์ ปีละไม่กี่สิบฎีกาเท่านั้นหรือครับ ? มีคดีลิขสิทธิ์มากมายที่จบก่อนถึงกระบวนการยุติธรรม จบชั้นพนักงานสอบสวน จบชั้นอัยการ จบในศาลชั้นต้น ไม่ได้มีมาถึงชั้นฎีกาเป็นคำพิพากษามากมาย ยิ่งกว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาในแต่ละปีมากนัก

คดีลิขสิทธิ์ดัง ๆ ในต่างประเทศมากมาย
Irving Berlin et al. v. E.C. Publications, Inc. และ Suntrust v. Houghton Mifflin ซึ่งเกี่ยวกับ Parody รู้จักไหม ?
UMG v. MP3.com เกี่ยวกับการแจก mp3 ในเน็ต รู้จักไหม ?
CoStar v. LoopNet ซึ่งเกี่ยวกับ ISP กับการละเมิดลิขสิทธิ์ รู้จักไหม ?
MGM Studios, Inc. v. Grokster, Ltd. ซึ่งเกี่ยวกับ P2P รู้จักไหม ?
Perfect 10, Inc. v. Google Inc. ซึ่งเกี่ยวกับ Fair Use ใน Internet รู้จักไหม ?

คุณจะยึดติดกับคำบรรยายเล่มเดียวกับคำพิพากษาฎีกา ฎีกาเดียวแล้วใช้หากินตลอดชีวิต หรืออย่างไรครับ ?

แล้วคำพิพากษาฎีกาที่ผมยกมาไม่ใช่คำพิพากษาศาลฎีกาหรือครับ ?

เอาอย่างนี้ไหมล่ะครับ ผมขอท้าคุณในฐานะนักกฎหมาย

จำลองสถานการณ์นี้ขึ้นมา

ผมมีเพื่อนที่รู้จักกันวาดโดจินอยู่

ผมจะขอต้นฉบับเขาส่งให้คุณ

แล้วทำสัญญาอนุญาตลิขสิทธิ์ให้ผม

แล้วคุณก็ละเมิดลิขสิทธิ์ซะ

แล้วผมจะฟ้องคุณในชื่อผม

มาต่อสู้กันด้วยคดีความ

สนใจไหมล่ะครับ

คุณว่าเองว่าตามหลักกฎหมาย ผู้รับอนุญาตไม่ใช่ผู้เสียหาย อยากจะลองไหมล่ะครับ

คุณนักกฎหมายคนเก่งหลักฎีกา เก่งตำรา เก่งหนังสือ หาทางหลีกเลี่ยงกฎหมายให้พวกพ้องได้

ข่มขู่ผู้เสียประโยชน์ได้ว่าไม่มีสิทธิฟ้อง ไม่ใช่ผู้เสียหาย

อย่างนี้ยังกล้าเรียกตัวเองว่านักกฎหมายหรือครับ ?

และผมขอเตือนอีกทีนะครับ คุณลองไปอ่านสิ่งที่คุณเขียนดูทั้งหมดอีกรอบ

ผมยังเห็นว่าคุณยังเข้าใจในเรื่อง Exclusive License ของ อ.ปริญญาผิดอยู่

รีบแก้ไขมันก่อนที่จะไปแสดงความผิดพลาดมากกว่านี้

เพราะถ้าคุณเอาความเข้าใจคำว่า Exclusive License ของคุณแบบนี้ไปพูดกับฝรั่งแล้วล่ะก็ เขาขำกลิ้งแน่ครับ ว่านักกฎหมายไทยเข้าใจ Exclusive License แค่นี้เองเหรอ

สุดท้ายของฝากหลักกฎหมายนะครับ ถ้าแปลไม่ออกบอกได้เดี๋ยวผมกลับมาแปลให้
"True law is right reason in agreement with nature; it summons to duty by its commands, and averts from wrongdoing by its prohibitions. And it does not lay its commands or prohibitions upon good men in vain, though neither have any effect on the wicked. It is a sin to try to alter this law, nor is it allowable to attempt to repeal any part of it, and it is impossible to abolish it entirely. We cannot be freed from its obligations by senate or people, and we need not look outside ourselves for an expounder or interpreter of it. And there will not be different laws at Rome and at Athens, or different laws now and in the future, but one eternal and unchangeable law will be valid for all nations and all times, and there will one master and ruler, that is, God, over us all, for he is the author of this law, its promulgator, and its enforcing judge. Whoever is disobedient is fleeing from himself and denying his human nature, and by reason of this very fact he will suffer the worst penalties, even if he escapes what is commonly called punishment . . ."
MARCUS TULLIUS CICERO

สุดท้ายขอให้เพื่อน ๆ ทั้งหลายได้โปรด

อย่าเชื่อในสิ่งที่ผมพิมพ์ครับ เพราะผมไม่มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับเรื่องนี้ ใครจะละเมิดลิขสิทธิ์กันอย่างไร โดนฟ้องกันอย่างไรผมก็คงไม่ได้เข้าไปเป็นฝ่ายโจทก์หรือจำเลยในคดีแต่อย่างใด

ผมอาจจะให้ข้อมูลผิด ๆ อย่างที่คุณ pinkman กล่าวไว้ก็ได้ครับ

ซึ่งผมได้กล่าวไว้แล้วว่าถึงแม้จะมั่นใจในหลักกฎหมาย พยานหลักฐานของตนแค่ไหน แต่คนตัดสินไม่ใช่ผมครับ ผมไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าภายในความคิดของท่านผู้พิพากษาแต่ละท่านคิดอย่างไร ศึกษากฎหมายมาจากตำราไหน อาจารย์ของแต่ละท่านสั่งสอนมาอย่างไร และท่านจะเห็นด้วยกับหลักกฎหมายของผมหรือไม่

แต่ขอให้เพื่อน ๆ ที่กำลังละเมิดลิขสิทธิ์ หรือกำลังจะละเมิดลิขสิทธิ์ พิจารณาถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหากมีการดำเนินคดี ว่าท่านรับความเสี่ยงตรงนั้นได้หรือไม่

และโปรดลองคิดและพิจารณาดู ว่าสิ่งที่ผมและคุณ pinkman กล่าวอ้างและยกนำตำราและเอกสารต่าง ๆ มาอ้าง มันเป็นจริงหรือไม่ เป็นไปได้ไหม และสมควรหรือไม่ แล้วจงเชื่อสิ่งที่คุณคิดด้วยตัวคุณเอง ตัดสินใจในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้องด้วยตัวคุณเองครับ แล้วคุณจะไม่เสียใจในภายหลัง

ด้วยความเคารพ

ปล. ถึงคุณ pinkman ข้อสอบผู้ช่วยฯ ออกข้อสอบภาษาอังกฤษด้วยนะครับ ขอให้โชคดี

จากคุณ : Windforce

เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 11:01:44

ความคิดเห็นที่ 144

ต่างคนต่างความคิด ผลสรุปจะไปทางใดก็ต้องให้เรื่องขึ้นศาลเท่านั้นจะได้รู้ว่าความเห็นใครถูกหรือผิด 555
อย่าดราม่ากันเลยครับ

จากคุณ : สมอง

เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 17:07:44 A:124.120.210.92 X: TicketID:287560

ความคิดเห็นที่ 145

เท่าที่ผมเข้าใจนะ ในฐานะที่เพิ่งเริ่มเรียนกฎหมายปีนี้

สรุป คือ ประเด็นของเรื่องมันอยู่ที่ NED ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีสิทธิฟ้องสินะ ตามกฎหมายไทย แต่ผู้ที่จะวินิจฉัยในประเด็นนี้ได้คือ ศาล ท่านสินะครับ

เท่าที่ผมอ่านดู ก็พอจะเข้าใจนะครับว่าทั้งสองคนพยายามจะสื่อถึงอะไร

คนนึงอ้าง คำพิพากษา การเรียนการสอนที่เนฯ ถ้าผมสอบกม. สอบเน สอบผู้ช่วย ข้อสอบออกประเด็นแบบนี้มา(ระบุว่าไม่มีการมอบอำนาจ) ผมก็คงต้องตอบตามฎีกา และตามความเห็นของอาจารย์ผู้สอนที่เป็นผู้ออกข้อสอบเพื่อคะแนน(ถือหลักห้ามเถียงโจทย์)

ส่วนอีกคนอ้างหลักปฏิบัติในความเป็นจริง ก็คงเป็นอย่างที่คุณพูดมาหนะครับ
วิธีปฏิบัติจริงกับการเขียนตอบฟันธงลงบนกระดาษคำตอบมันเอามาเทียบกันไม่ได้ เพราะของจริงมันมีตัวแปรและเหตุการณ์ต่างๆที่ไม่คาดคิดเข้ามาแทรกแซงด้วย

สรุป จริงๆแล้ว ที่ NED ออกมาประกาศ ก็เพื่อขอความร่วมมือและทำการปรามๆการสปอยที่โจ่งแจ้งไว้เท่านั้นหละครับ (จริงๆแล้วมันเป็นกลยุทธ์หนะครับ)
ดังนั้น ผมคงไม่พูดหรอกว่า การสปอยมันผิดหรือป่าว
(พูดไปเดี๋ยวก็เถียงกันไม่จบไม่สิ้น)

ปล. กม. ไทยเป็นแบบ Civil Law แต่การเรียนการสอนกฎหมายของไทยนั้นเวลาทำข้อสอบแบบฟันธง(อุทาหรณ์)กลับยึดคำพิพากษาของศาลฎีกาเป็นสำคัญ
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 53 04:56:40
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 53 04:54:04
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 53 02:48:58

จากคุณ : kentaroman

เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 53 02:44:51

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป