มีข่าวกระแสวิดามาให้อ่านอีกค่ะ จาก นสพ. มติชน
V
V
V
เงาของชนชั้นใน..วนิดาในน้ำเน่ามีเงาจันทร์ ใต้เงาจันทร์มีอะไร?
จาก หนังสือพิมมติชน วันที่ 20 ก.ย. 53 (กรอบบ่าย)
ตอนนี้ไม่ว่าจะไปไหน มีแต่คนพูดถึงวนิดา วนิดาและวนิดา เป็นแน่แท้ หลายคนอาจจะมองว่า "วนิดา"เป็นแค่ละครน้ำเน่าธรรมดา ไม่ได้มีอะไรๆ แค่นางเอกสวย จิตใจงามพระเอกหล่อเป็นผู้ดี มีนางอิจฉา ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้และพระเอกกับนางเอกก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตอนจบ
ขอโทษเถอะ...มันจะมีอะไรแปลกกว่านี้ไหม?หลายคนคงคิด
แต่มานึกดูดีๆ ในเรื่องที่พระเอกมาจากตระกูลผู้ดี แต่เป็นหนี้สิน ไม่สามารถดำรงสถานะอยู่ได้ด้วยตัวเอง ส่วนนางเอกเป็นสามัญชนลูกเศรษฐีซึ่งเข้ามาช่วยค้ำจุนครอบครัวพระเอกไว้ด้วยการแต่งงานกัน ในขณะที่แฟนเก่าซึ่งเป็นชนชั้นสูงกับแม่สามีก็คอยกีดกันและขัดขวาง
เอาเข้าจริงๆ นี่มันเข้ากับยุคสมัยที่เรื่อง "ไพร่"และ "อำมาตย์" กำลังเป็นเรื่องโจษขานกันอยู่ในขณะนี้นี่นา ในน้ำเน่าเรายังเห็นเงาจันทร์ได้ฉันใด ละครที่เราไม่เคยนึกว่ามีอะไร มันอาจจะไม่ใช่แค่นั้นก็ได้
ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์ ในฐานะผู้กำกับ บอกว่า"วนิดา" เวอร์ชั่นปัจจุบันที่เราเห็นนั้นเป็นการปรับปรุงบทจากเวอร์ชั่นฉบับ หมิว-ลลิตา ปัญโญภาสกับ ตั้วศรัณยู วงษ์กระจ่าง ที่ออกอากาศราวปี 2528 เพื่อให้สนุกสนานขึ้น แต่ยังอยู่ในแนวทางเดิม ขณะเดียวกันก็ปรับในส่วนของตัวนางเอกให้สู้คน สู้เพื่อความถูกต้องไม่งอมืองอเท้า
"ให้มันเข้ายุคสมัยของคนดู" เขาว่าเรื่องนัยยะต่างๆ นั้น ยุทธนาว่า ในต้นฉบับที่เป็นนิยายไม่ได้มีอะไรชัดเจนนัก แต่เขาได้เติมให้ชัดเจนขึ้นอีก
"ในนิยายความเป็นเสรีนิยมไม่ชัดเจน แต่เราเติมให้นางเอกเป็นคนที่หัวสมัยใหม่หน่อย เห็นอะไรไม่ถูกต้องก็พูดเลย ไม่นิ่งเฉยต่อเรื่องที่ตัวเองเห็นว่าไม่ถูกต้อง
"ส่วนเรื่องชนชั้นที่อยู่ในเรื่อง มันก็มีอยู่ในยุคสมัยนั้น
"ถ้าถามว่ามันจะบอกอะไร สิ่งหนึ่งที่มันสอนคือการเป็นคนดีไม่ต้องแสดงออก คนจะเห็นจากการกระทำเองนางเอกไม่ได้ทำอะไรอื่นเลย แค่ทำในเรื่องของตัวเอง ก็เอาชนะใจคนอื่นๆ ในเรื่องได้ ส่วนเรื่องของความจริงอย่างที่นางเอกต้องหาความจริงเกี่ยวกับคุณย่า ก็แสดงให้เห็นว่าอะไรที่เป็นเรื่องจริงวันหนึ่งก็ต้องเผยออกมาแม้จะมีคนบอกเป็นอย่างอื่น ความจริงก็เป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ
"แค่นี้คนดูก็รู้สึกว่ามันมีแสงไฟอะไรส่องอยู่ในละครที่อาจจะดูไม่ได้มีสาระอะไรนัก แต่ถ้าจับได้ รับได้ ก็โอเคแต่ถ้าไม่ ก็ยังบันเทิงสนุกสนาน" ยุทธนากล่าวถ้ามองให้ลึกกว่านั้น บรรดานิยายในยุคใกล้กัน ที่เป็นเรื่องของคุณหญิง คุณนาย ท่านชาย หรือสาวน้อยสามัญชนที่เข้าไปมีบทบาทในตระกูลใหญ่ อย่างที่เราเคยมองกันว่า พล็อตออกจะน้ำเน่านั้น จริงๆ แล้วหลายๆ เรื่องในบริบทปัจจุบันอาจจะไม่ได้น้ำเน่าอย่างที่เคยรู้สึกก็ได้
ในมุมที่ลึกกว่านั้น ชมัยภร แสงกระจ่าง นักเขียนนักอ่านและนักวิจารณ์วรรณกรรมไทย บอกว่า "วนิดา"เป็นนิยายพาฝันในยุครุ่งอรุณของวรรณกรรมไทย ที่เพิ่งรับวัฒนธรรมการเขียนนิยายแบบร้อยแก้วมาจากฝรั่ง
"ที่คนดูรู้สึกถึงประเด็นเรื่องชนชั้น อาจเป็นเพราะสังคมรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ว่าจริงๆ วนิดาไม่มีเรื่องชนชั้นอยู่เลยนะ อ่านแล้วไม่รู้สึก เพราะในวนิดาจะไม่มีคนเลื่อนสถานะขึ้นมา ไม่เหมือนบ้านทรายทอง ที่นางเอกมาแบบคนธรรมดา มาเพื่อทวงสถานะ ทวงบ้าน แล้วก็เลื่อนสถานะขึ้นมาเท่ากับตัวละครอื่นๆ ในเรื่อง แต่ในวนิดามันคือการต่อสู้กันระหว่างความดีกับความเลว ซึ่งความเป็นคนดีของวนิดาทำให้ชนะใจทุกๆคน"
ต้องมาในนิยายยุคหลังๆ ต่างหากที่ชนชั้นจะเป็นประเด็น
"เรื่องยุคหลังๆ มันมีลักษณะชนชั้นกลางขยับขึ้นไปแทนที่คนที่เป็นเจ้าในสังคมเดิม คือ เป็นช่วงหลัง 2475 ที่สังคมกำลังตื่นเต้นกับการที่รู้ว่าเราเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกับคนอื่นในสังคม และเรื่องแบบนี้มันมีอยู่จริงๆ"
สิ่งเหล่านี้พบเห็นได้ในนิยายอย่างปราสาทมืด, บ้านทรายทอง ฯลฯ แต่จะมาพูดว่านิยายเหล่านี้ "น้ำเน่า"ชมัยภรว่าก็ไม่ใช่ เพราะยุคน้ำเน่าคือหลังจากนั้นต่างหาก ในช่วงของจอมพลสฤษดิ์ธนะรัชต์ ที่ขณะนั้นมีการจับกุมนักคิดนักเขียน ทำให้งานอีกกลุ่มเกิดขึ้นไม่ได้ เนื้อหาก็เลยมีแต่เรื่องบู๊ เรื่องรัก เรื่องตลก วนไปอยู่แบบนี้ นี่ต่างหากถึงเรียกว่าน้ำเน่าถ้านึกภาพไม่ออก ชมัยภรว่าให้นึกถึงวงการหนังไทยเข้าไว้ (ฮา)
อย่างไรก็ตาม ชมัยภรว่าถ้าเห็นอะไร-อะไรที่อยู่ในนิยายเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่เคยเห็น อาจจะเป็นเพราะคนเริ่มเห็น "สารทางสังคม" ที่สอดแทรกอยู่ในเรื่อง
"มันก็เหมือนเป็นเงาอยู่ข้างหลัง เงาจันทร์ในน้ำเน่า"ในเรื่องน้ำเน่าก็มีสิ่งสวยงามคือเงาจันทร์ แต่ใต้เงาจันทร์ เราก็เห็นอะไรที่ลึกลงไปจากนั้น เห็นเงาของสังคมทาบทับอยู่
"และสิ่งที่เห็นอยู่นั้นก็คือความจริง"--จบ--