อีก1บทความดีๆเกี่ยวกับฟิล์มและแอนนี่

พากันออกมาแสดงความคิดเห็นกันหลายต่อหลายคนทีเดียวครับสำหรับกรณีของนักร้องชื่อดังจากค่ายอาร์เอสฯ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" คน(อำเภอ)เสาไห้ สระบุรี บ้านเดียวกับผม ที่กำลังตกเป็นข่าวไปมีเพศสัมพันธ์กับนักแสดงหญิง "แอนนี่ รุ่งนภา บรู๊ค" จนตั้งครรภ์ ก่อนจะให้กำเนิดบุตรชายออกมา
       
        งานนี้ก็มีทั้งคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับพวกที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยแต่อยากมีเอี่ยว ไม่อยากตกกระแส ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาปกติของมนุษย์ปถุชนอย่างเราๆ ทั่วไปที่ส่วนใหญ่มักจะเพลิดเพลินไปกับเรื่องของคนอื่นที่ไม่ใช่ปัญหาของตนเอง
       
        แต่ทั้งนี้ที่อยากจะขอวอนกันจริงๆ ก็คือ ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร ใครจะให้กำลังใจใคร ใครจะเห็นใจใคร หรือใครจะคิดจะมองอย่างไรก็ตาม ก่อนพูดหรือเขียนออกมาก็ขอให้นึกถึงแก่เด็กบริสุทธิ์ตัวเล็กๆ ตาดำๆ ที่เพิ่งจะลืมตามาดูโลก ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยเลยกับเรื่องกิน นอน ขี้ ปี้ เยี่ยว ของบรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ทำๆ กันอยู่
       
        ไม่ใช่เฉพาะเด็กเท่านั้นหรอกครับ ทั้งตัวคุณฟิล์ม และคุณแอนนี่เองก็น่าเห็นใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของผู้หญิงในฐานะของเพศแม่ที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็มักจะถูกมองว่าเป็นฝ่ายของผู้ถูกกระทำ
       
        ตั้งแต่ได้รับฟังข่าวมาตอนนี้มีคนอยู่ 2 คนครับที่ผมติดใจในการให้สัมภาษณ์แสดงความคิด
       
        หนึ่งก็คือคุณมดดำ คชาภา กับประโยคที่ว่า...“ส่วนที่มีกระแสข่าวโยงมาเอี่ยวกับพี่หนุ่ม กรรชัย เมื่อวานก็คุยกันเล่นๆ ว่า ไม่ใช่ตรวจมาเป็นลูกของหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอยนะ น่าจะเอาเส้นผมดาราชายมาตรวจให้หมดเลยว่าสรุปเป็นใคร (หัวเราะ) คือ แค่พูดเล่นๆ กัน พี่หนุ่มบอกว่ารับรองอันนี้ไม่ได้แอ้ม"
อีกหนึ่งก็คือคุณเมย์ เฟื่องอารมย์ แฟนสาวคุณหนุ่ม กรรชัย ที่ถูกจับโยงเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ในประเด็นที่ว่าลูกชายของคุณแอนนี่มีใบหน้าละม้ายคล้ายเจ้าตัว ประกอบกับคุณหนุ่มเองก็เคยแสดงละคร "ปีศาจแสนกล" ที่ทั้งคุณแอนนี่และคุณฟิล์มแสดงด้วย กับประโยคที่ว่า..."ช่วงเวลาที่เรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นยังไงไม่ทราบ แต่ผู้ชายที่เล่นในเรื่องนี้ตัวเด่นๆ ก็มีพี่หนุ่มกับฟิล์ม แต่ถ้าบอกว่าต้องมาจากเรื่องนี้ ก็มีช่างไฟ ตากล้อง ผู้กำกับอย่างนั้นเลยไหม แต่ถ้าพูดอย่างนี้มันจะกลายเป็นว่ามันจะเสียหายไปถึงผู้หญิง แล้วตอนนี้มีน้องด้วยมีเด็กด้วย มันก็เพิ่งเป็นข่าวออกมาถ้าพูดไปมันก็ไม่ดี"
       
        ในกรณีของคุณเมย์นี้เข้าใจว่าเธอคงจะพูดประชดประชันต่อว่าไปยังผู้ที่จับเอาประเด็นแฟนหนุ่มของเธอมาเขียนข่าว แต่ที่ถูกที่ควรผมว่าเธอควรจะยกเอาเรื่องของ "มุมมอง" ของนักข่าวที่มีต่อคนที่ชื่อ กรรชัย กำเนิดพลอย แฟนหนุ่มของตัวเองมาอธิบายเพียงประเด็นเดียวก็พอ
       
        ไม่จำเป็นเลยครับที่จะมาพูดให้เกิดความเสี่ยงต่อการที่จะทำให้คนอ่านข่าวเข้าใจไปว่า ลึกๆ แล้วในใจเธอเองก็มีความรู้สึกนึกคิดต่อคุณแอนนี่ไม่ได้ต่างไปจากคุณมดดำมากนัก
       
        จริงอยู่ที่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาตัวของคุณแอนนี่เองมักจะตกเป็นข่าวบันเทิงในเชิงลบมาโดยตลอด ซึ่งหากใครจะฟันธงว่าเธอเป็นเช่นนั้นจริง แล้วเอาไปพูดคุยกับเพื่อนๆ ในวงสนทนา หรือพูดเล่นพูดหัวกันในวงเหล้าเป็นมุกตลก ในวงซุบซิบนินทาสภากาแฟ ก็ว่ากันไปเถอะครับ แต่การมาบอกกล่าวผ่านสื่อแบบนี้ผมว่าไม่เหมาะ
       
        เข้าใจครับว่าอาจจะเป็นการพูดที่เป็นการพูดเล่นพูดหัว ไม่ได้ตั้งใจจะว่ากล่าวอะไรให้เสียหาย แต่ผมว่าคนพูดเองก็คงจะไม่ชอบใจนักหากมีคนมาพูดเล่นพูดหัวพูดเป็นมุกตลกในทำนองที่ว่า แม่หรือว่าลูกสาว หรือแม้กระทั่งพี่สาว น้องสาวของคุณมั่ว พร้อมจะเป็นของเล่นให้ผู้ชายหน้าไหนก็ได้ที่อยากจะเล่นไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือไม่จริงก็ตาม
       
        ส่วนการออกมาแสดงความคิดเห็นของคนอื่นๆ ทั้ง คุณพจน์ อานนท์ ในฐานะที่เป็นคนดึงนักร้องดังเข้าสู่วงการในทำนองที่ว่ามีตนข้อมูลที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ฝ่ายหญิงแถลง แถมด้วยละเอียดที่บอกว่าฟิล์มเคยยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับแอนนี่แบบผิดธรรมชาติ รวมไปถึงความคิดเห็นของคุณระเบียบรัตน์ที่ต่อว่าไปยังนักร้องหนุ่มในเชิงที่ว่าไม่มีความรับบผิดชอบ เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องสนองวัตถุทางเพศ ชุ่ย และสำส่อน พร้อมเรียกร้องให้ “ฟิล์ม” ออกมาขอโทษ “แอนนี่” กับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ตรงนี้ใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็แล้วแต่ครับ
       
        แต่สำหรับตัวผมมองว่า การพูดในทำนองเช่นนี้ นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาแล้ว ยังจะเป็นการทำให้ทั้งสองคนดูแย่ยิ่งขึ้นไปอีก
       
        ส่วนถ้าจะมองว่าใครทำอะไรผิด คนๆ นั้นก็ย่อมสมควรที่จะต้องถูกประจาน ถูกสังคมลงโทษ ผมว่าถึงวันนี้ทั้งสองคนเองก็คงจะได้รับผลกรรมที่ได้ทำไปเรียบร้อยแล้ว และมันก็คงจะเป็น "บทเรียน" ทั้งของคุณฟิล์มและคุณแอนนี่เองคงจะจดจำไปชั่วชีวิต รวมถึงเป็น "ตัวอย่าง" ที่คนในแวดวงการบันเทิงซึ่งคนในสังคมส่วนใหญ่มักจะรู้สึกว่าไม่ค่อยจะมีความบริสุทธิ์สักเท่าไหร่น่าจะเรียนรู้เอาไว้
       
        ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว...ใครก็ไม่รู้เหมือนกันครับบอกไว้
       
        ในสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ คนหนึ่งที่ผมว่าวางตัวและพูดได้ค่อนข้างจะดีทีเดียวก็คือ เฮียฮ้อ คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หัวเรือใหญ่ของค่ายอาร์เอสฯ ที่บอกในทำนองว่าถึงตอนนี้มันไปไกลแล้วที่จะต่างฝ่ายจะงัดเอาข้อมูลมาถกเถียงเพื่อเอาชนะหรือว่าตัดสินว่าใครถูกใครผิด
       
        เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องขึ้นมาจากคน 2 คน ซึ่งหากทั้งสองนั้นมีความจริงใจมีความปรารถนาดีต่อกันและอยากจะแก้ความผิดพลาดให้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ให้สังคมยอมรับจริงๆ ก็ต้องหันหน้าเข้าคุยกันเพื่อหาทางออก
       
        แน่นอนครับว่าการที่เฮียฮ้อแกออกมาพูดเช่นนี้ก็เพราะอยากให้เรื่องต่างๆ นั้นยุติลงโดยเร็วเนื่องจากมันมีผลเกี่ยวเนื่องไปถึงผลประโยชน์ที่เฮียแกจะได้มาก็จริง แต่ผมเห็นด้วยกับแกที่ว่าการที่ปัญหายุติลงเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งจะเป็นผลดีเท่านั้น
       
        ไม่ใช่ดีเฉพาะกับทั้งสองหรือว่าค่ายอาร์เอสฯ แต่ยังรวมไปถึงชีวิตน้อยๆ ที่ไม่รู้อะไรด้วยเลย
       
        ส่วนบทสรุปสุดท้ายที่หลายคนบอกว่าอยู่ที่การตรวจดีเอ็นเอนั้นผมเองก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยครับ แต่ทั้งนี้เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทางคุณแอนนี่ด้วยเช่นกัน
       
        หากเจ้าตัวตัดสินใจที่จะไม่ตรวจจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ผมว่ามันต้องเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมากๆ เพราะนั่นหมายความว่ามิใช่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะต้องอยู่กับคำติฉินนินทาในหลายๆ ประเด็น หากแต่ยังรวมไปถึงลูกชายของเธอด้วย
       
        ซึ่งหากเธอรับได้หรือไม่สนใจคำกระแนะกระแหนจากคนรอบข้างตามที่เธอบอกได้จริงๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ
       
        เอาเข้าจริงๆ เรื่องของการตรวจดีเอ็นหรือไม่ตรวจผมว่าคนที่ได้ประโยชน์ก็คือในส่วนของคุณฟิล์ม เพราะถ้าเป็นลูกเขาจริงๆ ก็เป็นโอกาสที่เจ้าตัวจะได้แสดงความเป็นลูกผู้ชายในการรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป ขณะเดียวกันหากไม่ใช่หรือไม่ตรวจ จริงอยู่แหละครับที่ว่ามันไม่สามารถที่จะลบข้อครหาในหลายๆ เรื่องของเขาไปได้ แต่อย่างน้อยๆ ผมว่าคุณฟิล์มก็ต้องย่อมที่จะต้องมีความโล่งใจขึ้นมาบ้าง อันจะตรงกันข้ามกันอย่างแน่นอนกับความรู้สึกทางฝั่งของคุณแอนนี่
       
        แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่าทางออกมามันมีได้ทั้งตรวจและก็ไม่ตรวจครับ ขอเพียงอย่างที่เฮียฮ้อบอกคือให้ทั้งสองยอมหันหน้าคุยกันก่อน
       
        แต่ก็อีกนั่นแหละครับถ้าทั้งสองไม่คุยกันแล้วใครก็คงจะไปบังคับไม่ได้
       
        พูดถึงเฮียฮ้อแล้วก็ให้นึกถึงคำพูดที่เฮียแกบอกว่าคุณฟิล์มหรือศิลปินในสังกัดก็เหมือนลูกเหมือนหลานของตนคนหนึ่งขึ้นมาไม่ได้
       
        เอ่อ...เฮียครับ ถ้าเฮียคิดว่าเฮียห่วงใย เฮียดูแลศิลปินในสังกัดเหมือนกับลูก-หลาน มากกว่าการเป็นนักร้องที่สร้างผลประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเองจริงๆ แล้วละก็
       
        เฮียช่วยหาเวลา ใกล้ชิด อบรม ดูแล สั่งสอน ลูกๆ หลานๆ เฮียให้มากกว่านี้สักหน่อยได้มั้ยครับ
       
        เพราะรู้สึกว่าที่ผ่านมาลูกหลานของเฮียจะตกเป็นข่าวในด้านลบบ่อยเหลือเกิน
       
        ด้วยความรักและปรารถนาดีจริงๆ ครับ

ไก่ อำนาจ

จากคุณ	: รองเท้าข้างซ้ายที่หายไป
เขียนเมื่อ	: 23 ก.ย. 53 10:15:11