Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
'ลูกน้อย'เป็นครู บทชีวิต'แอนนี่ บรู๊ค' ==//==//จากข่าวสด  

แม้ออกมาไม่กี่ฉาก แต่ภาพยนตร์ "เชอรี่ แอน"
เมื่อ 9 ปีก่อน ก็ทำให้คนรู้จักดาราสาวลูกครึ่งไทย-สวิส
'แอนนี่ บรู๊ค' ผู้ถ่ายทอดบทบาทตัวละครเอกของเรื่อง


แต่ที่ทำให้คนรู้จักเธอทั่ว บ้านทั่วเมือง ณ วันนี้
คงไม่พ้นข่าวครึกโครมที่เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมา หลังนักร้องดัง 'ฟิล์ม'รัฐภูมิ โตคงทรัพย์
ยอมรับมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง
จนเธอตั้งครรภ์และคลอดลูกชายวัย 3 เดือน



ทว่าฟิล์มยังแคลงใจและขอพิสูจน์สายเลือดด้วยการตรวจ ดีเอ็นเอ แต่ดาราสาวไม่ตรวจ และขอเลี้ยงลูกน้อยเพียงลำพัง



โดยวันนี้เธอเตรียมใจและพร้อมแล้วกับการเป็นซิงเกิ้ลมัม

- ย้อนไปชีวิตวัยเด็กเป็นอย่างไรบ้าง?

แอ นนี่ - ลำบากค่ะ พ่อทิ้งไปตั้งแต่แอนนี่ยังอยู่ในท้องแม่ ซึ่งตอนนั้นเขาคงยังไม่พร้อม เพราะว่าเขาอายุน้อยกว่าแม่ (หัวเราะ) ดูคลับคล้ายคลับคลาชีวิตตัวเองเนอะ



ตอนนั้นแม่ขายอาหารอยู่แถวสีลม พ่อเป็นนักธุรกิจ แม่บอกเขาเจ้าชู้ มีแฟนหลายคน กลัวว่าถ้ามารับภาระทางนี้แล้วแฟนคนอื่นๆ ล่ะ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ พอพ่อทิ้งไป แม่เลี้ยงแอนนี่คนเดียว อยู่กรุงเทพฯ จน 7 ขวบยังไม่ได้เรียนหนังสือ แล้วค่าครองชีพสูงก็ไม่ไหว แม่เลยกลับลำปาง



- พอกลับไปแล้ว ชีวิตที่โน่นเป็นอย่างไร?

แอ นนี่ - บ้านนี่หลังคามุงจาก ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาก็ไม่มี ต้องใช้ตะเกียงน้ำมัน น้ำก็ต้องหาบจากน้ำบ่อเข้าบ้านทุกวัน แม่เป็นคนสู้ชีวิตที่สุดถึงที่สุดแล้ว ทำทุกอย่างเพื่อดูแลเรา แม่อ่านหนังสือไม่ออกแต่มีวิธีให้เราเรียนหนังสือเก่ง เวลาเขาทำกับข้าวอยู่หลังบ้าน ถ้าเราอยู่หน้าบ้านเขาจะบอกให้เราอ่านหนังสือดังๆ ให้เขาได้ยิน เชื่อมั้ยตั้งแต่ ป.1-ป.6 สอบได้ที่ 1 มาตลอด ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเรียนดีหรือเป็นเพราะวิธีของแม่

หลังจบป.6 แม่อยากให้ทำงาน เพราะไม่มีเงินส่งเรียน แม่จะให้มาทำงานบ้านที่กรุงเทพฯ แต่ครูเห็นว่าเราเรียนดี เลยให้สอบชิงทุนเรียนต่อที่เชียงใหม่ ปรากฏว่าได้ ก็เรียนจนจบม.6



- ปกติเป็นคนสนใจวงการบันเทิงไหม?

แอ นนี่ - ชอบตั้งแต่เด็กแล้ว เวลาแม่ซักผ้าชอบเปิดวิทยุให้ฟัง พอตอนกลางคืนจะมีละคร ลูกนกฮูก คณะเกศทิพย์ และสมัยเด็กๆ นี่ทำกิจกรรมตลอด เล่นดนตรีไทย ระนาดทุ้ม จะเข้ ซอด้วง ซออู้ ขึ้นมัธยมเล่นวงดุริยางค์โดยตีกลองใหญ่ ตอนนั้นจริงๆ อยากเป็นดรัมเมเยอร์ แต่เขาไม่ให้เป็นเพราะเขาบอกว่าเราสวยไม่พอ (หัวเราะ) คือลูกครึ่งเนี่ย คนต่างจังหวัดเขาจะมีความรู้สึกว่าไม่สวย ขนาดขอถือป้ายครูยังไม่ยอมเลย


- แล้วได้มาเข้าวงการตอนไหน?

แอ นนี่ - จบม.6 ได้ทุนเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ที่ร.พ.เซนต์หลุยส์ ซึ่งมีวิทยาลัยพยาบาลอยู่ เรียนที่นี่จนจบพยาบาล ช่วงใกล้จบไปเดินเล่นแถวสยาม แล้วมีพี่เขาชวนให้ไปเดินแบบแทนเขา เดินแบบแล้วก็ได้มาเป็นพริตตี้ จากนั้นก็ได้ถ่ายโฆษณา พิซซ่าฮัท เบียร์ช้าง สบู่ลักส์ ฯลฯ

หลังถ่ายโฆษณาก็ได้ถ่ายแบบ จนได้ถ่ายลงสกุลไทย ซึ่งตอนนั้นเขากำลังจะทำหนัง เชอรี่ แอน แล้วเขาเห็นเราจากหนังสือเลยเรียกเข้ามาดูหน้าดูตา แล้วบอกว่าเหมือนก็เลยให้เล่น จากหนังเรื่องนั้นก็ทำให้อยู่วงการนี้จนถึงทุกวันนี้



- แต่มีช่วงหนึ่งที่งานหาย?

แอนนี่ - ค่ะ เราตั้งใจเอง ตั้งแต่ช่วงพ็อกเกตบุ๊ก (ผู้ชายเซ็กส์ห่วย) เรารู้สึกไม่ค่อยดีเพราะไม่ได้เขียนเอง เหมือนซื้อชื่อไป เราเป็นคนซื่อๆ ใครทำดีเราก็คิดว่าเขาดีจริง พอกลับมาอีกทีเราเปลี่ยนไปเลย เป็นแนวตลก เล่นในรายการชิงช้าสวรรค์


- ที่ผ่านมาชีวิตเจออะไรมาเยอะ อะไรทำให้ผ่านพ้นไปได้?


แอ นนี่ - กำลังใจจากตัวเอง มีอยู่วันฝันว่ามีเทวดาหรือนาง ฟ้าไม่แน่ใจ ขาวผ่องส่องสว่างมาเลย แล้วบอกว่าคนเราน่ะกำลังใจจากคนอื่นก็เหมือนเครื่องดื่มชูกำลัง กินแป๊บๆ มีกำลังแป๊บๆ เดี๋ยวก็หาย แต่กำลังใจที่มาจากข้างในตัวเองจะอยู่ในนี้ตลอดไป ไม่มีหาย ก็เลยเอามาดำเนินชีวิต

ชีวิตสู้พอสมควร?

แอ นนี่ - ถ้าเป็นชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งถือว่าพอสมควร เพราะเข้าวงการนี้มาไม่มีแบ๊ก ไม่มีผู้ใหญ่ส่งเสริม ไม่มีใครคอยดูงานให้ ไม่มีใครทำประชาสัมพันธ์ ส่วนตัว ไม่มีใครวางแผนทำอะไรให้เลยโดนโน่นโดนนี่บ่อย


- เจ็บปวดที่สุดคือเรื่องไหน?

แอนนี่ - ที่ผ่านมาไม่มีเรื่องไหนเจ็บปวดเท่าเรื่องนี้


- จากนี้ไปชีวิตจะเป็นอย่างไร?

แอ นนี่ - คือตอนนี้ไม่ได้มีแค่เราแล้ว เมื่อก่อนนี้คิดว่าเวลาเราเจ็บปวดหรือมีปัญหาอะไรต้องอุ้มชูตัวเอง ต้องให้กำลังใจตัวเอง เศร้าทุกข์เราอยากร้องไห้ก็ร้องไป มันคือตัวเรา แต่ตอนนี้มีอีกคนที่เขาสำคัญมาก แล้วอนาคตเขาอีกไกล เราต้องต่อสู้เพื่อเขา จากที่อยู่คนเดียวต้องต่อสู้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีเขา เราต้องต่อสู้เพิ่มเป็นสองเท่า ทั้งกำลังใจ ความเข้มแข็ง ความอดทนต่อทุกอย่างที่ประดังเข้ามา ต้องผ่านมันไปให้ได้ จะด้วยวิธีไหนก็ตาม

- ตั้งใจจะเลี้ยงลูกแบบไหน?

แอนนี่ - อย่างแม่เลี้ยงแอนนี่มาไม่ได้ตั้งใจให้ติดดินแต่ติดดินของมันเอง แล้วเราโตมาเราเห็นคุณค่าของชีวิต ของเงิน ของสิ่งของ จิตใจ เราก็อยากให้เขาเป็นแบบนี้ เห็นค่าของทุกอย่าง ไม่มองข้ามจิตใจคนอื่น อยากให้เขามีจิตใจที่อ่อนโยน ซึ่งเราสามารถใส่ความใสซื่อของความเป็นชนบทให้เขาได้ คือให้เขาสัมผัสความทุกข์ยากบ้าง ให้รู้ว่าเงินของแม่ที่หามาไม่ได้ได้มาง่ายๆ


คือทุกวันนี้เวลาได้ ยินใครมาพูดหรือมีข่าวว่า เราไปทำอย่างนั้นเพราะได้เงินน่ะสิ บางครั้งรู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจเหมือนกันว่าคนเรานี่มันตีค่าคนแบบนี้ก็เพราะมันเป็นกันแบบนี้ไง มันถึงได้คิดว่าคนอื่นเป็นเหมือนกันหมด เพราะสังคมมองคนที่วัตถุมากกว่าจิตใจ ซึ่งถ้าแอนนี่มองเรื่องเงินเรื่องวัตถุเป็นหลัก ป่านนี้รวยไปแล้ว (เสียงสูง) มันมีเข้ามาตลอดแต่ไม่เคยรับ เมื่อก่อนตอนเข้าวงการใหม่ๆ อยากจะมีคนเลี้ยงดู ให้บ้านให้รถ ให้เงินให้ทอง ถ้าตอบรับป่านนี้คงได้บ้านหลายหลัง รถหลายคันไปแล้ว (หัวเราะ)



- คิดว่าเป็นเพราะอะไรที่คนมองว่าเราจะมีเรื่องพวกนี้เข้ามา?

แอ นนี่ - อาจด้วยภาพลักษณ์ที่เคยเป็นสาวเซ็กซี่ และมีข่าวเรื่องความรักเยอะ เหมือนเจ้าชู้ แต่ถามว่าทำไมต้องเซ็กซี่ คือไม่มีใครหรอกที่อยากโชว์นมโชว์ก้นให้ใครดู แต่ถามว่าถ้าหยุดอยู่แค่นั้น หน้าเราฝรั่ง จะมีบทอะไรให้เล่นได้บ้าง



- รู้สึกเจ็บปวดไหมที่คนมองแบบนี้?



แอ นนี่ - มันคืองานน่ะค่ะ งานเราออกมาในรูปแบบนั้นมันต้องเจ็บปวดอยู่แล้ว แต่ถ้าเราไม่เอาตัวรอดเราก็จะหายไปจากวงการ ซึ่งจริงๆ เขาไม่รู้หรอกว่าเราเป็นยังไง เราจะไปคาดหวังให้ใครมาเข้าใจเราเป็นไปไม่ได้ ทุกคนเสพข่าวแล้วก็คิดว่าเราเป็นแบบนั้น โทษเขาไม่ได้ เพราะเราเลือกงานที่จะออกไปเป็นรูปแบบนั้นเอง และถ้าเราไม่ทำเราก็อยู่ไม่ได้ ก็ต้องเลือก


ซึ่ง 4-5 ปีที่ผ่านมา พอซาจากงานเซ็กซี่ เรา รู้สึกเป็นอิสระมาก ทุกวันนี้เหมือนได้เป็นตัวของตัวเองจริงๆ ที่เป็นคนสนุกสนาน ตลก โก๊ะๆ ต้องขอบคุณทางเวิร์คพอยท์ฯ ที่เห็นแวว คือเอาภาพลักษณ์เซ็กซี่ออกไป เอาตัวเราเข้ามา

- ตอนนี้งานที่ทำมีอะไรบ้าง?

แอนนี่ - 'ชิงช้าสวรรค์' ก็ยังเล่น และเดี๋ยวมี 'มนต์รักมหานคร' เป็นซิทคอมของเวิร์คพอยท์ฯ ส่วนงานอื่นๆ คือเราเพิ่งกลับมาก็ยังรอสำหรับละครยาว ซึ่งถ้าต้องทำงาน เรื่องลูกตอนนี้ก็ดูคนที่บ้านอยู่ว่าให้เขามาช่วยดูแล อาจเป็นญาติๆ กัน หรือญาติเรารู้จัก ที่อยากได้คนที่บ้านเพราะเราไว้ใจ อีกอย่างลูกจะได้ซึมซับความเป็นคนใจดี ความอ่อนโยนของคนต่างจังหวัด

- ที่ผ่านมาเรียกว่าเป็นเรื่องที่หนักที่สุดในชีวิต ทำอย่างไรถึงผ่านมาได้?


แอ นนี่ - แม่อีกนั่นแหละที่ปลูกฝังให้เราเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งตั้งแต่เด็ก อย่างโดนเพื่อนล้อ ฝรั่งขี้นก ไอ้หัวเหม่ง ไอ้ลูกไม่มีพ่อ โดนเด็กผู้ชายแกล้งมาตีมาเตะ เราร้องไห้กลับบ้านทุกวัน แม่ก็บอกตีเขากลับไปสิ กลัวอะไร ทำไมปล่อยให้เขาตี มือมีหรือเปล่า มีแล้วทำไมไม่ตีกลับไป สู้สิ ร้องไห้ทำไม คือแม่ไม่ได้สอนให้ทะเลาะหรือไปตีเขา แต่แม่สอนให้สู้คน ถ้ามีใครมารังแกต้องสู้



อันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นให้เข้มแข็ง ไม่ใช่แค่เรื่องนี้นะ อย่างเรื่องความน้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่มีพ่อ แม่ก็จะบอกว่าทำไมต้องมี ในเมื่อเขาไม่ต้องการเรา แสดงว่าเขาไม่ได้สำคัญกับชีวิตเราเลย



คือแม่พูดแบบติดตลก ถามว่าแกกินนมพ่อหรือกินนมแม่ เราก็บอกกินนมแม่ แม่ก็บอกเห็นมั้ย มีแม่ เราอยู่รอด คือก็ไม่เข้าใจความหมายแกในตอนนั้น แต่ตอนนี้เข้าใจอย่างถ่องแท้ มีแม่คนเดียวยังไงเราก็รอด คือไม่ได้พูดว่าพ่อไม่สำคัญ แต่หมายถึงว่าถ้าสถานการณ์อย่างนี้มันต้องปรับ

จากคุณ : กิฟฟี่จิฟฟี่
เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 53 01:15:41 A:180.183.47.45 X: TicketID:287987




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com