ในหลวง ทอดพระเนตรศิริราชคอนเสิร์ต
|
|
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 29 กันยายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ลงจากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงศิริราชคอนเสิร์ต เทิดไท้องค์อัครศิลปิน ณ หอประชุมราชแพทยาลัย โรงพยาบาลศิริรราช
บรรยากาศบริเวณโถงชั้นล่างอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม มีประชาชนจำนวนมากมารอเฝ้ารับเสด็จ ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปราย
นายสุนันท์ สุรีวรพิทักษ์ อายุ 59 ปี ซึ่งเดินทางมาลงนามถวายพระพรมงคลเป็นประจำทุกวัน กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวว่าในหลวงจะเสด็จฯ ลงมาทอดพระเนตรคอนเสิร์ต รู้สึกดีใจมาก อยากรอรับเสด็จพระองค์ ก็เลยมานั่งรอถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระพลานามัยที่แข็งแรง
เช่นเดียวกับ นางพรปวีณ์ กฤษฎ์โสภิณ อายุ 49 ชาวภาษีเจริญ กล่าวว่า มาลงนามถวายพระพรกับเพื่อน ได้ทราบข่าวเลยนั่งรอ อยากเข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดสักครั้งในชีวิต พร้อมกับขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความสุขที่สุด
ขณะที่นางสุนทรีย์ เฮงเจริญทรัพย์ อายุ 41 ปี ชาวสมุทรปราการ ซึ่งเดินทางมาเฝ้าไข้ญาติ กล่าวว่า ได้ทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ว่าในหลวงจะเสด็จฯ ทอดพระเนตรคอนเสิร์ต จึงถือโอกาสนี้เฝ้ารอรับเสด็จ พร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงตื้นเต้นว่า ปกติก็จะกลับบ้านเวลา 19.00 น.ทุกวัน วันนี้ถือว่าโชคดีมากที่จะได้เฝ้ารอเสด็จอย่างใกล้ชิด ขอถวายพระพรให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ววัน และเป็นที่รักของพสกนิกรตลอดไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณหอประชุมราชแพทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ตกแต่งดัดแปลงให้เป็นห้องจัดแสดงออเคสตราอย่างสมบูรณ์แบบ มีการยกเวทีสูงขึ้นจากพื้นหอประชุมประมาณ 2 เมตรบริเวณหน้าเวทีประดับด้วยดอกไม้ ส่วนภายในโถงตั้งเก้าอี้สีขาวขลิบทองจำนวนกว่า 400 ที่นั่ง ส่วนชั้น 2 ของหอประชุม ถูกจัดวางและตกแต่งให้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยบริเวณด้านหลังของหอประชุม สำนักพระราชวังได้ติดตั้งลิฟต์ไว้สำหรับเสด็จฯ ขึ้นสู่ที่ประทับชมดนตรีบนชั้น 2 ของหอประชุมด้วย ขณะที่บริเวณสนามหญ้าหน้าหอประชุม มีก็มีการปรับพื้นที่ ตั้งเต็นท์และยกพื้นไว้เพื่อใช้สำหรับเป็นสถานที่เลี้ยงรับรองแขกผู้มี เกียรติที่จะเดินทางมางานเลี้ยงรับรองก่อนเข้าร่วมชมการแสดงคอนเสิร์ตด้วย
ทั้งนี้ในช่วงเช้า ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แถลงถึงการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้ว่า เป็นการจัดขึ้นเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงพระเกษมสำราญ และเพื่อรำลึกถึงวันที่ 29 กันยายน 2516 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ มาทรงดนตรีที่หอประชุมราชแพทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ทำให้นักศึกษาและบุคลากรทุกหมู่เหล่าได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ และซาบซึ้งในพระปรีชาสามารถของพระองค์
"หลังจากที่ทรงดนตรีครั้งนั้นแล้ว ก็ไม่ได้เสด็จฯ ไปทรงดนตรีที่สถาบันศึกษาไหนอีก เพื่อเป็นการรำลึกถึงวันทรงดนตรีที่ยังอยู่ในความทรงจำชาวศิริราช ทางคณะแพทยศาสตร์ฯ จึงตั้งใจจัดงานนี้ขึ้น โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เข้ากราบบังคมทูลและทูลเกล้าฯ ถวายรายงานให้ทอดพระเนตร จากนั้นมีพระราชกระแสรับสั่งผ่าน ศ.เกียรติยศ นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์ประจำพระองค์ว่า จะเสด็จฯมาทอดพระเนตร นอกจากนี้ยังได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และมีพระราชกระแสรับสั่งว่าจะเสด็จฯ ทอดพระเนตรด้วยเช่นกัน" ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กล่าว
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ที่ได้รับเชิญให้เป็นเกียรติเข้าชมการแสดงคือบุคคลที่มีอุปการคุณต่อ ทางรพ.ศิริราช เช่น ประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี รมว.ศึกษาธิการ รมว.คมนาคม รมว.สาธารณสุข ผบ.ทุกเหล่าทัพ เป็นต้น
ก่อนการแสดงจะเริ่ม เมื่อเวลา 15.00 น. สมาชิกวงไทยแลนด์ฟิลฮาร์โมนิกออร์เคสตรา ร่วมร้อยชีวิตทยอยเดินทางมาซ้อมที่หอประชุมราชแพทยาลัย ซึ่งทุกคนต่างทำหน้าที่ของตนเองด้วยความทุ่มเท เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้แสดงถวายเฉพาะพระพักตร์
พ.อ.ประทีป สุพรรณโรจน์ หนึ่งในวาทยกรที่ร่วมแสดงในวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทุกคนในวงต่างทุ่มเทและตั้งใจกันอย่างยิ่ง เพราะเป็นช่วงเวลาเกียรติยศแห่งชีวิต ซึ่งไม่ได้เกิดง่ายๆ ปกติคนที่มีโอกาสเล่นดนตรีถวายเฉพาะพระพักตร์พระองค์ได้ต้องเป็นทหาร แต่ครั้งนี้เป็นโอกาสดีของวงที่ได้รับโอกาสดีเช่นนี้ ทุกคนต้องทำสิ่งให้ดีที่สุด
“หลังจากเรียนจบมาจากอังกฤษ ผมคิดเสมอว่าทำอย่างไรถึงจะเอาความรู้มารับใช้คนไทย การที่มีโอกาสนำเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นสไตล์แจ๊ส มาเรียบเรียงเป็นสไตล์ออเคสตราซึ่งมีความยากทั้งในด้านเมโลดี้ ฮาร์โมนี จึงนับเป็นความภูมิใจสูงสุดที่ได้ใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาสนองพระยุคลบาทพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งนี้” วาทยกรชาวไทย กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
สำหรับคอนเสิร์ตในค่ำคืนนี้ พ.อ.ประทีบ กล่าวว่าใช้เวลาแสดงประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที มีเพลงพิเศษที่ถือเป็นไฮไลท์ 2-3 เพลง เพลงแรกเป็นเพลงความฝันอันสูงสุด เพลงนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ แก่ข้าราขการ ให้มีแรงทำงานและไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค ส่วนเนื้อหาในบทเพลงไม่เคยล้าสมัยถึงจะทรงพระราชนิพนธ์มานานกว่า 20 ปีมาแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังนำกลับมาใช้ได้อยู่เสมอ ส่วนอีกเพลงเป็นเพลงเราสู้ มีเนื้อหาให้รักชาติบ้านเมือง ซึ่งเนื้อหาก็ยังคงทันสมัยอยู่เสมอ
ขณะที่ นายกุดนี เอ็ม.อีมิลล์สัน วาทยกร ชาวไอซ์แลนด์ กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้มีโอกาสร่วมทำหน้าที่ควบคุมการแสดงในครั้งนี้ว่า นับเป็นวันพิเศษเนื่องจากเป็นครั้งแรกในชีวิต มีความสุขมาก และภาคภูมิใจมาก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้จัดแสดงถวายเฉพาะ พระพักตร์ อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงเป็นทั้งนักดนตรีและนักประพันธ์ ดนตรีที่ไพเราะมากๆ จึงรู้สึกภาคภูมิใจและมีความสุข
เมื่อถามถึงบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายกุดนี กล่าวว่า ชอบทั้งหมด เพราะแต่ละเพลงล้วนมีบุคลิกต่างกันออกไปไม่ซ้ำกันเลย เป็นสิ่งที่นำมาผสมผสานกันจนได้บทประพันธ์ที่ซาบซึ้ง นับว่าทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก
“จะเห็นได้ว่าเวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดนตรี พระพักตร์ของพระองค์มีความสุขมากเพียงไร ดนตรีทำให้พระองค์ทรงสดชื่น ดูไม่เหมือนว่าพระองค์ทรงมีพระชนมพรรษามากขึ้นเลย” วาทยกรชาวไอซ์แลนด์กล่าวด้วยความชื่นชม
นางคอลลีน เจนนิงส์ นักร้องชาวอเมริกัน ผู้ขับร้องเพลง “เกาะในฝัน“ เผยถึงความรู้สึกที่มีโอกาสร้องเพลงถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใน ครั้งนี้ว่า ก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสแสดงเฉพาะพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ รู้สึกเป็นเกียรติแห่งชีวิตที่มีโอกาสได้ถวายการรับใช้แด่พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนอเมริกันจะได้รับโอกาสเช่นนี้
ที่มา : คม ชัด ลึก
จากคุณ |
:
jin leng
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ก.ย. 53 20:41:48
|
|
|
|