:::::SPOILER::::: Claymore 108 - Crisis of the Holy City:::::
|
|
สวัสดีเดือน 10 ขอรับ :) ในที่สุดก็มาถึงวันนี้จนได้... วันที่จะทำแต่ Text spoil ล้วนๆ เรื่องภาพประกอบ ขอตามกระแสด้วยการไม่ลงละกัน เอาเนื้อหาล้วนๆไปเลยครับ ส่วนไหนที่เป็นซีนอารมณ์ ผมจะเสริมบทพูดและบทบรรยายให้ ลองดูซิว่าอ่านกันรู้เรื่องมั้ย อยากให้ทำอย่างไรต่อไป ติชมได้เลยครับ เชิญชม spoil เลยขอรับ :) ---------------------------------------------------------------------------------------------------------- ความเดิมตอนที่แล้ว... มิเรียบุกเข้าถล่มองค์กรโดยลำพัง องค์กรจำต้องงัดเอานักรบฝึกหัดอันเป็น"ทายาท"ของอลิเซียและเบธเข้ามาสู้แต่ก็ดูท่าจะเอามิเรียไม่อยู่ เหล่าชายชุดดำจึงนำเอาไพ่ตายขององค์กร เคลย์มอร์หมายเลข 10 "ราฟเทล่า" เข้าร่วมรบ โดยการควบคุมจิตและประสาทสัมผัสของมิเรีย จนเธอเห็นภาพหลอนของฮิลด้า เพื่อนรักของเธอขึ้นมา และนั่น คือจุดจบของมิเรีย...
CLAYMORE SCENE 108 :: Crisis of the Holy City -วิกฤติแห่งนครศักดิ์สิทธิ์-
-เปิดเรื่องมาที่สามสหาย เฮเลน เดเนฟและดีทริช ทั้งสามคนกำลังเดินทางอย่างรีบเร่ง เป้าหมายของทั้งสามคือ จุดนัดพบของเหล่านักรบแดนเหนือทั้งเจ็ด นครศักดิ์สิทธิ์ลาโบน่า แต่ทั้งสามคนก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบว่านครศักดิ์สิทธิ์ลาโบน่าที่ไม่เคยมีปีศาจใดๆมากล้ำกราย บัดนี้ กลับยั้วเยี้ยไปด้วยเหล่าปีศาจที่กำลังอาละวาดไปทั่ว รวมไปถึงมารอวตารอีกจำนวนหนึ่งอีกด้วย
-สมรภูมิย่อยๆเปิดฉากกระจัดกระจายไปทั่วทั้งเมือง ทหารรักษาการณ์ประจำเมืองระดมทัพเข้าประจัญบานกับพวกปีศาจอย่างไม่มีหวั่นเกรง กลยุทธ์แบ่งออกเป็น 2 ทีมคือ ทีมแรกทำการโจมตีวิถีไกลด้วยหอกหรือแหลน เพื่อให้กลุ่มก้อนของปีศาจบาดเจ็บเบื้องต้นและกระจายตัวออก จากนั้น อีกทีมจะทำการบุกทะลวงเข้าสังหารพวกปีศาจไปเป็นรายตัว -กองกำลังหลักเข้าทะลวงฟันเพื่อบดขยี้พวกปีศาจนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก "เมียต้า" และ "คลาริซ" นักรบเคลย์มอร์รุ่นปัจจุบันอันดับ 4 และอันดับสุดท้ายที่อาศัยเมืองนี้ช่วยคุ้มหัวตนเองจากการขัดคำสั่งองค์กรและเข้าเป็นพวกเดียวกับกาลาเทียนั่นเอง ส่วนฝ่ายกองกำลังทหารก็นำโดย ซิด และการ์ค สองทหารหน้าเก่าที่เคยช่วยแคลร์จัดการปีศาจที่ซ่อนตัวในโบสถ์สมัยภารกิจต้นๆ -คลาริซและเมียต้าประกาศเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยให้พวกทหารเข้าจัดการกับปีศาจที่บาดเจ็บเท่านั้น ส่วนตัวไหนที่ยังหลบกระสุนวิถีไกลไปได้และยังสมบูรณ์ดี เธอกับเมียต้าจะเข้ารับมือให้เอง
-นอกจากเมืองฝั่งที่ถูกโจมตีด้วยทัพปีศาจธรรมดาแล้ว อีกด้านของเมืองนั้นก็ถูกกลุ่มก้อนของมารอวตารบุกเข้ามาด้วยเช่นกัน ณ ด้านนี้นี่เอง หญิงสาวสองนาง ยืนจังก้ารอรับการบุกรอบต่อไปอย่างห้าวหาญ ท่ามกลางเศษซากของมารอวตารที่บุกเข้ามาก่อนหน้าและถูกจัดการไปเรียบร้อย ... หญิงสาวนักรบในชุดดำ และหญิงสาวในชุดซิสเตอร์ ทั้งสองคนกระชับดาบยักษ์ในมืออย่างมาดมั่น... ทาบาธ่าและกาลาเทีย นั่นเอง -เป็นความตั้งใจของทั้งสองคนนี้ที่ล่อกลุ่มก้อนของมารอวตารมาทางทิศที่ทั้งคู่อยู่ เพราะรู้ดีว่า ทั้งคลาริซและเมียต้านั้นก็ยังรับมือพวกนี้ได้ลำบาก ทาบาธ่านั้นมีทีท่ากังวลใจอยู่ตลอดเวลา กาลาเทียเข้าใจดีว่ายังคงกังวลเรื่องมิเรียจนต้องคอยเตือนสติ "อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องอื่นไร้สาระ ตั้งใจจัดการศัตรูตรงหน้าไปให้หมดก่อนก็พอแล้ว" -ด้วยความแตกต่างทางด้านจำนวน ทั้งทาบาธ่าและกาลาเทียก็ยังคงพบความยากลำบากในการต่อสู้กับมารอวตารพวกนี้อยู่ดี ทั้งยังมีชาวเมืองบางส่วนที่ต้องปกป้องอีก ทำเอาทั้งคู่หนักใจไม่น้อย -ณ จุดหนึ่งที่กาลาเทียกำลังจะเสียท่าในการต่อสู้ ดาบยักษ์เล่มหนึ่งก็ถูกขว้างเข้าทะลวงที่มารอวตารคู่ต่อสู้ของกาลาเทียจนมันเสียจังหวะ ช่วยให้กาลาเทียรอดไปได้อย่างหวุดหวิด... - "ในบรรดานักรบทั้งเจ็ดคน ชั้นนี่แหละคือคนที่มั่นใจในการขว้างดาบเพื่อโจมตีวิถีไกลมากที่สุด" คำกล่าวอันเต็มไปด้วยความมั่นใจนั้นออกมาจากปากของยูม่านั่นเอง ในที่สุดพวกเธอก็กลับมาถึงลาโบน่าจนได้ "ขว้างดาบเล่มเดียวที่มีออกไปเนี่ย ไม่น่าจะถือเป็นเทคนิคการต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพได้นะคะ" ยูม่าได้ฟังคำเย้าของซินเธียเข้าเล่นเอาหน้าเหวอ ทำเอาสาวเจ้าผู้เป็นเจ้าของประโยคนั้นต้องรีบบอกว่าล้อเล่น
-ด้านทาบาธ่าที่กำลังรับมือลำบากเพราะต้องปกป้องแม่ลูกคู่หนึ่งนั่นเอง ก็เป็นเฮเลนที่เข้ามาอุ้มตัวแม่ลูกคู่นั้นหลบหลีกจากวิถีโจมตีไปได้ รวมไปถึงเดเนฟที่มาโชว์เทพด้วยการหยุดการโจมตีของเจ้ามารอวตารด้วยมือเปล่าล้วนๆ ขณะเดียวกัน เธอก็ต้องเตือนสติทาบาธ่าอีกครั้งให้สนใจกับการต่อสู้ตรงหน้ามากกว่านี้หน่อย "เทียบกับสงครามแดนเหนือเมื่อครั้งนั้นแล้ว มารอวตารพวกนี้มันก็แค่ระดับกระจอกทั้งนั้น รีบๆจัดการให้หมดไปเลยดีกว่าน่า"
-อีกด้าน ดีทริช นักรบรุ่นปัจจุบันหมายเลข 8 ยืนตะลึงเมื่อเห็นสภาพเมืองที่ถูกถล่มตรงหน้าราวกับไม่เชื่อสายตา "นี่มัน...นี่มันราวกับว่า..."
-เมื่อได้กำลังเสริม สถานการณ์การรบทั้งหมดก็ดีขึ้นบ้าง และในที่สุด ท่ามกลางซากเมืองอันเคยเรียกได้ว่า นครศักดิ์สิทธิ์ลาโบน่า สงครามกลางเมืองครั้งนี้ก็ได้ยุติลง ท่ามกลางเศษซากมารอวตารและกลิ่นคาวเลือดที่ล่องลอยอบอวลไปทั่ว เหล่านักรบทั้งกาลาเทีย เฮเลน เดเนฟและพรรคพวก รวมทั้งเมียต้า คลาริซและดีทริชต่างก็หยุดพักอย่างเหนื่อยอ่อน
-กาลาเทียเข้าสอบถามการ์คและซิดถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งก็ได้คำตอบว่าผู้บาดเจ็บมีจำนวนมาก แต่ไม่มีคนตายเลย ต้องขอบคุณพวกกาลาเทียจริงๆที่ช่วยไว้ -ฝ่ายเฮเลนเข้าถามทาบาธ่าอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมลาโบน่าถึงเป็นแบบนี้ได้ ด้านเดเนฟก็ทักขึ้นมาบ้างโดยการถามถึงมิเรียซึ่งเธอยังไม่เห็นหน้าเลยตั้งแต่กลับมา ทาบาธ่าโดนจี้ใจดำเข้าถึงกับตัวสั่นเทิ้มตอบคำถามไม่ถูกจนกาลาเทียต้องเป็นคนบอกเอง -"อาศัยช่วงชุลมุนในแดนตะวันตกบุกองค์กรไปแล้ว โดยการหยุดทาบาธ่าไว้ที่นี่เพื่อบุกเดี่ยวและขยี้องค์กรด้วยตนเอง" คือคำอธิบายที่กาลาเทียมีให้ และในขณะเดียวกัน การที่ลาโบน่าเป็นแบบนี้ก็เชือมโยงถึงเหตุการณ์ที่มิเรียบุกองค์กรเช่นกัน "ดูเหมือนว่าภารกิจถล่มองค์กรของมิเรียจะล้มเหลวซะแล้ว และนั่นเอง องค์กรถึงได้ตัดสินใจโต้กลับโดยการถล่มลาโบน่าที่อยู่ในสภาพเป็นที่ซ่อนตัวและคอยสังเกตการณ์ซะ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เคลย์มอร์ แต่ส่งปีศาจและมารอวตารในกองกำลังที่เหมาะสมมาแทนซึ่งก็คงจะถล่มเมืองให้ราบเป็นหน้ากลองได้ ถ้าหากพวกนักรบชุดดำทั้งหลายกลับมาช่วยไม่ทัน" -และเพื่อไม่ให้พวกเฮเลนเพ้อลมๆแล้งๆอีก กาลาเทียจึงพูดตรงๆ "มิเรียน่าจะตายไปแล้ว"... -ทุกคนอยู่ในสภาพนิ่งอึ้งไร้คำพูด และขณะนั้นเองที่กาลาเทียชะงัก "จะว่าไปแล้ว พวกเธอก็หายไปคนหนึ่งนี่?" -ประโยคนี้ เรียกความสนใจจากทาบาธ่าได้เช่นกัน และเมื่อเห็นเฮเลนทำสีหน้าปั้นยากพูดไม่ออก เธอก็เริ่มจะเดาได้ น้ำตาทาบาธ่าไหลพราก "ไม่นะ...แคลร์ด้วยเหรอ?"
"อย่าพูดอย่างงั้นสิ ไม่ตลกน่า" เฮเลนกัดฟันกรอด คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความลำบากใจยิ่ง บัดนี้ เหล่านักรบที่กลับมาจากแดนตะวันตกล้วนมีสีหน้าไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นยูม่า ซินเธีย หรือเดเนฟ สภาพบรรยากาศอันกดดันและสิ้นหวังครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ "แคลร์น่ะ... ยังไม่ตายหรอกนะ..."
-จบตอนที่ 108-
จากคุณ |
:
Finrod Tasardur
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ต.ค. 53 13:26:05
|
|
|
|