ความคิดเห็นที่ 1 ลอออรเกิดปีไหน ? ลอออรเป็นคนห้าแผนดินจริงๆคะ เกิด พ.ศ. 2446 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 แต่เมื่อตอนลอออรเข้าวังนั้นมีอายุสิบขวบก็ในช่วง รัชกาลที่หก ดังนั้นเรื่องจะเริ่มในสมัยรัชกาลที่ หก ค่ะ ตอนลอออรอายุสิบขวบ จากคุณ : ลูกสาวนางฟ้า ลอออร เกิดในปี พ.ศ. 2446 ครับ ละครเปิดฉากด้วยงานศพคุณหญิงจำเรียง แม่ของลอออร อยู่ในสมัยรัชกาลที่ 6 แล้วครับ จากคุณ : อนาฆิส จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:10:50

ความคิดเห็นที่ 2 ยศรักลอออรบ้างไหม  หรือ รู้สึกอย่างไรกับลอออร ตอนที่ ทองไพรำเข้ามาแล้ว ? ใช่แล้ว จริงๆ ยศก็รักลอออร แต่ตอนนี้หลงแม่ไพ  ยศเป็นคนเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางตามประสาลูกชายท่านผู้หญิง  ภายหน้าจะอ้างว่ารักลอออร ก่อเรื่องอีก แต่ก็จะมีบางเหตุการณ์ที่แสดงว่ายศมีเยื่อใยกับลอออร จากคุณ : Bt vista  จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:12:31

ความคิดเห็นที่ 3 ทำไม ลอออร บางครั้งก็ใส่โจงกระเบน  แต่มาอยู่ในบ้านพลาธร แล้วไม่ใส่โจงกระเบนเหมือนเดิม ? เดิมลอออร นิยมนุ่งผ้าโจงกระเบนเช่นเดียวกับนางข้าหลวงในวังคนอื่นๆ แต่ท่านเจ้าพระยา บิดาของคุณยศเป็นคนนำสมัย ติดตามเจ้านายไปเมืองนอกบ่อย  มีแขกบ้านแขกเมืองมาเยือนเรือนบ่อย จึงนิยมชมชอบให้ลูกสะใภ้นุ่งผ้าซิ่นแทนผ้าโจงกระเบน ลอออรจึงปฎิบัติตาม จากคุณ : NuHring จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:13:47

ความคิดเห็นที่ 4 ทำไมเครื่องแต่งกายชาววังของ "มาลัยสามชาย" ถึงไม่เหมือนขาววังของ "สี่แผ่นดิน" ? วันจันทร์ นุ่งเหลืองอ่อน ห่มน้ำเงินอ่อนหรือบานเย็น นุ่งน้ำเงินนกพิราบ ห่มจำปาแดง วันอังคาร นุ่งสีปูนหรือม่วงเม็ดมะปราง ห่มโศก นุ่งโศกหรือเขียวอ่อน ห่มม่วงอ่อน วันพุธ นุ่งสีตะกั่วหรือสีเหล็ก ห่มจำปา วันพฤหัสบดี นุ่งเขียวใบไม้ ห่มแดงเลือดนก นุ่งแสด ห่มเขียวอ่อน วันศุกร์ นุ่งน้ำเงินแก่ ห่มเหลือง วันเสาร์ นุ่งม่วงเม็ดมะปราง ห่มโศก นุ่งผ้าลายพื้นม่วง ห่มโศก วันอาทิตย์ แต่งเหมือนวันพฤหัสบดี หรือนุ่งเขียว ห่มแดง นุ่งผ้าลายสีลิ้นจี่ หรือผ้าลายสีเลือดหมู ห่มโศก จำได้ว่าดูสี่แผ่นดินแล้วเพลินกับเครื่องแต่งกายของสาวๆชาววังมากค่ะ   แต่ทำไมในมาลัยสามชาย ถึงไม่แต่งแบบดังกล่าวข้างบนคะ ทั้งๆที่ก็อยู่ในช่วงของรัชการที่ 5 เหมือนกัน หรือไม่ได้อยู่ในรัชการที่ 5 แล้วคะ แต่ช่วงต้นเรื่อง เค้าก็บรรยายว่าลอออรเป็นหญิง 5 แผ่นดิน ซึ่งก็น่าจะอยู่ในยุคสมัยเดียวกับแม่พลอย  เห็นเขียนไว้ในหนังสือนิยาย(เล่มใหญ่)บรรยายไว้ว่า เสด็จพระองค์หญิงเป็นคนนำสมัย และโปรดให้นางข้าหลวงในวังของพระองค์นุ่งห่มสีตามวันแบบใหม่ ไม่ต้องตัดกัน เช่นเสื้อสีขาวนวล แต่ผ้านุ่งเป็นสีตามวัน อย่างวันอังคารก็นุ่งผ้าสีชมพู จากคุณ : NuHring แม่พลอยตั้งแต่รัชกาลที่ 5 - 8  ค่ะ ส่วน ลลออร ตอนนี้น่าจะอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 6 แล้วค่ะ เพราะการแต่งกาย ไทย เริ่มรับวัฒนธรรมจากยุโรป ในช่วงปลายรัชกาลที่ 5 ค่ะ จากคุณ : panmile_pink ตามเนื้อเรื่อง วังที่ลอออรอยู่ เสด็จฯชอบอะไรฝรั่งๆ สมัยใหม่ค่ะ พวกอาหารฝรั่ง งานฝีมือแบบฝรั่ง แน่นอนว่าชุดจะต้องเป็นแบบฝรั่งๆประยุกต์ ออกแนวลูกไม้ๆ ไม่ใช่แบบไทยแท้ๆค่ะ ลอออรมีความชอบแบบฝรั่งๆนี้มาจนแก่เลยค่ะ เช่น ถักแทตลูกไม้ แต่งตัวแบบฝรั่ง ใช้น้ำหอมฝรั่ง ใส่รองเท้าแบบเดินในบ้าน หรือทานสตูแบบฝรั่ง เป็นต้น จากคุณ : amitambien (amitambien) รื่องสี่แผ่นดินเป็นเรื่องทีเริ่มในช่วงกลางรัชสมัย ร.5 ชาววังนิยมแต่งกายด้วยสีตัดกันจริง แต่เรื่องมาลัยสามชาย ขณะที่ลอออรเป็นสาวแล้วน่าจะอยู่ในยุค ร.6 มีข้อสังเกตหลายประการ อย่างแรกคือ ตำหนักเสด็จของลอออรอยู่ข้างนอก ไม่ได้อยู่ในวังหลวง เพราะเมื่อสิ้นล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 แล้ว ฝ่ายในก็เริ่มทยอยออกจากวังหลวงมาอยู่ข้างนอก แม้แต่สมเด็จพระพันปีก็ตาม ต่อมา ในเรื่องการแต่งกาย ต้นสมัยรัชกาลที่ 6 สตรีเริ่มเปลี่ยนจากนุ่งโจงมาเป็นนุ่งซิ่น โดยเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ทรงเป็นสตรีที่นำสมัยมากในขณะนั้น เป็นผู้ริเริ่มใช้ผ้าซิ่นสำเร็จ และเมื่อร.6 มีฝ่ายใน คือพระวรกัญญาปทาน ใครๆ ก็นิยมแต่งกายตามพระองค์ แฟชั่นที่นิยมมากคือเชือกคาดหน้าผากถือว่า เก๋ ล้ำ ใครไม่ทำเป็นเชย เสด็จของลอออรจึงเป็นผู้ที่แต่งกายล้ำสมัยมาก สังเกตได้ว่า สตรีสาวๆในเรื่องมาลัยสามชายไว้ผมยาว หรือผมดัด ซึ่งก็เป็นหนึ่งในพระราชนิยมของ ร.6 เนื่องจากพระองค์เป็นนักเรียนนอก จึงโปรดให้สตรีไว้ผมยาว และเลิกกินหมากฟันดำ เรื่องการใช้สีก็เป็นสีเดียวกันทั้งชุด ในสี่แผ่นดิน มีตอนหนึ่ง ที่คุณเปรมแต่งกายตามพระราชนิยม ใส่สีชมพูทั้งชุด จนแม่ช้อยถึงกับอุทานว่า ราวกับพระอังคาร เรื่องการแต่งกาย เนื่องจากเป็นคนละรัชกาล จึงแตกต่างกันตามที่ว่ามาค่ะ จากคุณ : JinJu จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:17:38

ความคิดเห็นที่ 5 ทำไมคุณประยงค์ถึงไม่ได้แต่งงานกับคุณเทพ ? ตอนนั้นคุณประยงค์มีคนที่ชอบอยู่แล้วไม่แน่ใจชื่ออะไร เลยทำเป็นหยิ่งกับพี่เทพ พอพี่เทพแต่งงานกับคุณสราญ ก้อรู้สึกนิดๆ แต่ไม่มาก เพราะใจชอบผู้ชายคนนั้น แต่เรื่องดันพลิกเพราะผู้ชายคนนั้นดันไปแต่งงานกับคนอื่น คุณประยงค์ร้องไห้ซะมากมาย คนบรรยายบอกว่า ไม่รู้ว่าเสียใจที่ผู้ชายคนนั้นแต่งงานไปหรือเสียดายพี่เทพที่ไม่อาจย้อนเวลาอ่ะคะ จากคุณ : i can't do it !! ปล ผมอยากรู้ความรู้สึกของประยงค์น่ะครับ ที่ทำทีเศร้าเวลาเจอคุณเทพในช่วงหลัง  เป็นเพราะอะไรหรอครับ ?? จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:19:46

ความคิดเห็นที่ 6 คุณพี่ประยงค์ไม่รักเด็กหรือ ? (คำถามนี้ จขกท ก็สงสัยเหมือนกันครับ  หลังจากเห็นอาการณ์ของหนูยิ้ม ตอนเจอคุณประยงค์  ทำท่าทางกลัวๆ) มีคำอธิบายในหนังสือประมาณว่า ด้วยวัยที่มากขึ้น และต้องอยู่คนเดียวมานาน ทำให้คุณประยงค์กลายเป็นคนเย็นชา แห้งแล้งกับชีวิต ทำให้หนูยิ้มไม่กล้าเข้าใกล้ค่ะ เลยทำให้พี่เทพพูดประโยคที่เจ้าของกระทู้ยกตัวอย่างขึ้นมา จากคุณ : ผู้สาวเมืองยศ ถ้าถามถึงคุณประยงค์ ผมก็คงต้องเล่าสรุปๆจากที่เขียนในนิยายว่า การอยู่ตัวคนเดียวมานาน(จนเริ่มมีอายุมากขึ้น) ทำให้เกิดลักษณะของคนเย็นชา และผมขออธิบายเพิ่มเติมจากประสบการณ์จริงที่เคยเห็นสาวโสดในวัยสาวใหญ่มานั้น มักเป็นคนลักษณะที่ชินกับการปกครองตัวเอง ไม่คุ้นเคยกับการดูแลใครอื่นหรืออยู่ด้วยเป็นเวลานานๆ สังเกตได้เลยว่าคนโสดในวัยที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ต่อให้รัก เมตตา มิได้รังเกียจเด็กๆเลย แต่ก็เป็นคนที่เด็กไม่ค่อยชอบอยู่ใกล้ เนื่องจากคนๆนั้นจะมีระบบระเบียบในตัวเองค่อนข้างเคร่งครัด แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 53 16:23:46 จากคุณ : +ฟ้างามยามค่ำ+ "เราแคล้วคล้าวกันไปหนหนึ่ง...ถือว่าไม่ใช่เนื้อคู่ ท่าทีอัธยาศัยเธอก็ดูถือตัวและไม่ใคร่จะรักเด็ก...หนูยิ้มคงจะไม่มีความสุขนัก" พี่เทพ จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:22:48

ความคิดเห็นที่ 7 ทำไมสราญถึงรักและเอ็นดูลอออรจังเลย ?? ส่วนเรื่องที่ทำไมสราญถึงรักและเอ็นดูลอออร อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวจากที่อ่านนวนิยายเรื่องนี้นะคะ น่าจะเป็นเพราะสราญเป็นญาติผู้พี่ของยศด้วยค่ะ จึงรักและเห็นใจลอออรมาก จากการกระทำของยศ และเมื่อลอออรเข้ามาเป็นสะใภ้พลาธรก็ประพฤติปฎิบัติตัวดีกับญาติของยศทุกคน ทุกคนเลยรักและเอ็นดูลอออรมาก ถึงแม้จะเลิกลากับยศไปแล้วก็ตาม จากคุณ : โซดาขม แม่ของคุณสราญ กับแม่ของลอออร เป็นเพื่อนกันค่ะ ก่อนที่แม่ของลอออรจะเสียนั้น ได้ป่วยอยู่นาน คุณสราญก็ตามแม่ไปเยี่ยมด้วย ทำให้รู้จักกับลอออรตั้งแต่เด็ก จากคุณ : เลนส์สีฟ้า จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:23:55

ความคิดเห็นที่ 8 คำว่า "เสด็จ" ในมาลัยสามชาย หมายถึงตำแหน่งอะไรในวัง ? เสด็จเป็นคำเรียกพระราชธิดาของพระเจ้าแผ่นดินของฝ่ายใน หมายถึงพระราชธิดาที่มีมารดาเป็นสามัญชน ในเรื่องมาลัยสามชาย ถ้าหากเดาไม่ผิดว่าเป็นเหตุการณ์ในรัชกาลที่ 6 เสด็จในเรื่องนี้น่าจะเป็นพระราชธิดาพระองค์หนึ่งในรัชกาลที่ 5 ที่ประสูติจากพระมารดาที่เป็นหม่อมราชวงศ์หรือสามัญชนค่ะ เนื่องจากขณะนั้นรัชกาลที่ 6 ยังไม่มีฝ่ายในและในรัชกาลที่ 6 มีเจ้าฟ้าเพียงพระองค์เดียว จากคุณ : JinJu ขอเสริมคุณ JinJu ครับว่า คำว่าเสด็จนั้นหมายถึงพระองค์เจ้า ชั้นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าครับ คุณเดาไม่ผิดหรอกครับ เสด็จในเรื่องมาลัยสามชาย น่าจะเป็นพระราชธิดาในร.5 เพราะเรียกข้าหลวงว่าแกบ้าง เธอบ้าง แล้วแทนองค์เองว่าฉัน ว่าเรา แต่เสด็จในเรื่องสี่แผ่นดิน และร่มฉัตร น่าจะเป็นพระราชธิดาในรัชกาลที่สี่ เพราะแทนองค์เองว่าข้า เรียกข้าหลวงว่าเจ้าครับผม แต่ผมขอชมฝ่ายเสื้อผ้าเรื่องนี้ครับ เสด็จในเรื่องนี้แต่งองค์คล้ายเจ้านายฝ่ายในในสมัยนั้นมากครับ จากคุณ : เดือนแรม ที่แจ่มจาง สด็จเป็นคำลำลองที่ใช้ในการออกพระนามพระบรมวงศ์ ชั้น พระองค์เจ้าค่ะ   1. พระองค์เจ้าลูกหลวง คือ พระราชโอรส พระราชธิดา ในพระมหากษัตริย์ ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดา 2. กรณีพระองค์เจ้าวังหน้า 3. พระองค์เจ้า ที่พระบิดาพระมารดา เป็นพระองค์เจ้าด้วยกัน หรือ พระบิดาเป็นเจ้าฟ้า และหม่อมมารดา เป็นสามัญชน ซึ่งพระองค์เจ้าประเภทนี้ เป็นพระองค์เจ้าตั้ง ทั้งสิ้น กล่าวคือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาจาก "หม่อมเจ้า" ให้เป็น "พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า" หรือ "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า" จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:25:55

ความคิดเห็นที่ 9 จขกท.ขยันจังค่ะ จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:26:12

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามาติดตาม จากคุณ : น้องไก่Good เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:26:30

ความคิดเห็นที่ 11 มาลัยสามชาย กับ วนิดา  อยู่ในยุคเดียวกันหรือไม่  อย่างไร ? มาลัยสามชาย เริ่มตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 5 - ต้นรัชกาลที่ 9 ค่ะ ส่วน วนิดา เริ่มตั้งแต่ช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครองค่ะ ในสมัย ร7 ค่ะ จากคุณ : panmile_pink " เป็นคนห้าแผ่นดินอย่างเต็มภาคภูมิ..." จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:27:25

ความคิดเห็นที่ 12 ทองไพรำ  แปลว่าอะไร  ทำไมไม่ชื่อว่า ทองรำไพ หรือ รำไพทอง แบบทั่วไป ? ไพรำ เป็นคำวิเศษณ์ แปลว่า ที่แหลกเป็นเม็ดเล็กๆ ทองไพรำ จึงแปลว่า เม็ดทอง, ทองเม็ดเล็กๆ, เศษทอง ค่ะ ไพรำ อีกความหมายหนึ่งเป็นคำนาม แปลว่า มณีอันมีค่า จากคุณ : Guga  "เศษทองย่ะหล่อน  ถึงจะเป็นเศษแต่ก็เศษทองนะยะ" ในหนังสือเขาว่างี้อ่ะฮับ >_< จากคุณ : M.F.Luder แปลว่า เศษทอง คนอย่างเธอสวยแต่ไม่อาจเป็นทองสมบูรณ์ได้ จากคุณ : คิงเพนกวิน จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:29:01

ความคิดเห็นที่ 13 ฝากเรื่องย่อ สำหรับคนที่เพิ่งติดตาม หรือ งง ในความสัมพันธ์ของตัวละคร ค่ะ มีคนใจดีโพสไว้ ซึ่ง พอได้อ่านแล้ว ชอบมากเลยค่ะ เนื้อเรื่อง น่าติดตาม มากค่ะ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9717907/A9717907.html จากคุณ : paiHutor เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:30:46

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาเก็บความรู้ ตอนดูละครได้ลึกซึ้งขึ้น ขอบคุณครับ จากคุณ : จะบอกว่าตัวเอง...ป็อบ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:31:57

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณ จขกท. ค่ะที่รวบรวมข้อมูลดีๆ ไว้ให้อ่านกัน เพิ่งมาดูได้ไม่นานค่ะ เนื่องจากเพิ่งออกจากบ้านมหศักดิ์มา ... อิอิ ... ต่อจากนี้ คงได้ติดตามต่อเนื่อง จากคุณ : คนของหัวใจ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:32:08

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านนิยายมานานแล้ว จำตัวละครและความสัมพันธ์ได้ไม่หมด ยิ่งเดี๋ยวรุ่นลูกโต+น้องสาวต่างแม่ลอออรโผล่มาล่ะก็สัมพันธ์โยงใยกันไปหมดเลย ตอนนี้กำลังรอคนใจดีเขียนแผนผังตัวละครอยู่ครับ ^^ จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:33:16

ความคิดเห็นที่ 17 เฝ้าติดตามคะ  ขอบคุณคะที่ทำให้ดูละครสนุกขึ้น จากคุณ : kory@kona เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:34:03

ความคิดเห็นที่ 18 คนสมัยก่อนที่มีอาชีพแบบทองไพรำ เค้ามีวิธีป้องกันไม่ให้ท้องยังไง ? เหมือนเคยได้ยินว่าใช้ฝิ่นนะคะ  ทำแท้งด้วยฝิ่น แต่ไม่รู้ว่าใช้แบบไหน แหะๆ จากคุณ : บ๊ายบายคานทอง เคยได้ยินว่าก็ปล่อยให้คลอดออกมานะคะ ถ้าเป็นผู้หญิงบางทีก็ดำเนินรอยตามแม่ค่ะ ถ้าเป็นผู้ชายก็ดูแลในนั้นไป หรือแล้วแต่ว่าจะไปทำอะไร ลองดูคห.ถัดไปนะคะ จากคุณ : ไฟกลางธาตุ จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:35:50

ความคิดเห็นที่ 19 ทำไมเครื่องแต่งกายชาววังของ "มาลัยสามชาย" ถึงไม่เหมือนขาววังของ "สี่แผ่นดิน" ? เพิ่มเติมให้ค่ะ พอดีในกระทู้ที่ตกไปแล้ว มีคนพูดถึงเรื่องการนุ่งผ้าสีแดง ซึ่งในสี่แผ่นดินมีคำอธิบายว่า สีแดงเป็นสีของกษัตริย์ แต่พอมาถึงสมัย ร. 6 ได้เปลี่ยนความนิยมที่จะนุ่งห่มสีตัดกันเป็นการนุ่งห่มสีตามวัน ทำให้ใส่สีแดงได้ เพียงแต่เจ้านายรุ่นเก่าบางท่านอาจจะยังไม่โปรดตามนี้    เพราะยังทรงถือเรื่องพระภูษาแดงอยู่ ซึ่งวังของเสด็จพระองค์หญิงที่ลอออรเป็นข้าหลวงอยู่ค่อนข้างทันสมัย จึงไม่น่าจะถือเรื่องพระภูษาแดงแล้วค่ะ และวันนี้เรื่องดำเนินมาถึงตอนลอออรแต่งงานกับพี่เทพ แสดงเข้ามาถึงสมัย ร. 7 แล้ว ดังนั้นชุดของลอออรจึงเปลี่ยนไป จะเข้าสู่แฟชั่นของปี 1920s จะเป็นเสื้อตัวหลวมยาว แขนสั้นหรือแค่ไหล่  ไม่มีปก ฝรั่งนุ่งกระโปรง แต่ไทยเอามานุ่งกับผ้าซิ่นยาวค่ะ ทรงผมคือสั้นแค่ต้นคอ แบบบ๊อบ สังเกตุจากชุดแต่งงานของลอออรที่แต่งนะคะ (ใครมีรูปช่วยแปะด้วยค่ะ) จากคุณ : ผู้สาวเมืองยศ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:41:29

ความคิดเห็นที่ 20 อยากทราบความหมายที่เปรียบชายสามคนว่าเป็น ดอกรัก ดอกโศก ดอกบานไม่รู้โรย  ในตอนเริ่มเรื่อง (สปอยเนื้อเรื่องขั้นรุ่นแรงครับ) "ยศ พลาธร" ...ชายมาลัยดอกรัก...รักแรกของลอออร ตั้งแต่ยังเด็กเมื่อครั้งคุณป้าพาเข้ามาฝากตัวกับเสด็จในวัง ยศเป็นน้องชายของข้าหลวงรุ่นพี่ของลอออร เลยเกิดความผูกพัน และแต่งงานเมื่ออายุ 17 ปี จนเกิดจุดแตกหักเมื่อยศ พา ทองไพรำ เข้ามาในชีวิตของทั้งคู่ "เทพ ราชศักดิ์" ชายมาลัยดอกโศก หรือพระยาโยธาบดี เป็นพ่อม่ายลูกติด ผู้มั่นคง แข็งแกร่ง และมีชีวิตอยู่ในกรอบเกณฑ์ ชีวิตคู่ดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองทำให้ต้องติดตามเจ้านายออกนอกประเทศและถึงแก่กรรม ทำให้ลอออรตกพุ่มม่ายอีกครั้ง "เจ้าดิเรกรุจ" ชายมาลัยดอกบานไม่รู้โรย ส่วนตัวมองว่าเป็นรักครั้งสุดท้ายของลลออรเลยเปรียบเทียบเข้ากับดอกบานไม่รู้โรย อีกทั้งกว่าทั้งคู่จะได้ลงเอยกัน มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งเงื่อนไขทางสังคมที่ลอออรมีอยู่คือ การเป็นคุณหญิงโยธาบดี ... แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 53 13:11:58 จากคุณ : what's michael ?  "คุณย่าชื่อ"ลอออร" ท่านเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นคนห้าแผ่นดินอย่างเต็มภาคภูมิ ถ้าหากคุณย่ามีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ ท่านก็คงมีอายุกว่าร้อยปี ถ้าใครได้รู้จักคุณย่าก็จะพบว่า นอกจากชื่อ"ลอออร"ของคุณย่าที่ไม่เหมือนใครแล้ว ก็ยังมีอีกหลายๆอย่าง ผิดแผกจากคนรุ่นเดียวกันหรือแม้แต่รุ่นหลังๆท่าน อดีตของคุณย่า และ"สามชาย"ผู้พัวพัน ประด...ุจมาลัยขนาดยาว เรียงร้อยด้วยดอกไม้หลากชนิด ทั้ง"ดอกรัก" "ดอกโศก" และ"บานไม่รู้โรย" จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:42:20

ความคิดเห็นที่ 21 อออรไว้ผมทรงไหนกันแน่ อยู่ในวังทรงดอกกระทุ่ม อยู่นอกวังผมบ๊อบ พอกลับเข้าวังก็ทรงดอกกรทุ่มอีก เลยงงว่า ในละครทำเหมือนกะว่า นางเอกผมบ๊อบแต่พอเข้าวังก็เก็บผมแนบท้ายทอยไว้ ?? ตอนอยู่ในวัง ลอออร ตัดผมสั้น หวีเสยสูง แต่พอแต่งงานกับยศตอนแรกก็ยังแบบเดิม แต่พอเจ้าคุณพลาธรสั่งให้นุ่งซิ่น แทน โจงกระเบน ก็ไปตัดเป็นผมบ็อบ สั้นแค่คอ  จากคุณ : ลูกสาวนางฟ้า จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:47:24

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณที่รวบรวมมาให้อ่านค่ะ จากคุณ : XODA เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:50:05

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านเพลินมากเลยค่ะ ขอบคุณมากๆ ละครเขาดีจริงๆ ทั้งสนุก ทั้งลุ้น ทั้งสวยงามปราณีต จากคุณ : รุ่งแจ้ง เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:50:18

ความคิดเห็นที่ 24 ลักษณะของลอออร ทองไพรำ ยศ  ในหนังสือกล่าวว่าอย่างไร ลอออร ผิวสีน้ำผึ้ง ลักษณะก็บรรยายรวมๆมาแต่ต้นแล้ว   ทองไพรำจะทัดดอกจำปาสีแสด ร่างอ้อนแอ้น นุ่งผ้าแถบสีแสดสด  ผ้าซิ่นสีเขียวแต้มดอกแสด  ยศ จะสวมเครื่องแต่งกายแบบฝรั่ง  จากคุณ : ลูกสาวนางฟ้า จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:50:49

ความคิดเห็นที่ 25 ทองหยด (นี่ อิม อชิตะ เล่น ) มีลักษณะอย่างไร ทองหยดถึงจะไม่สวยหวานเท่าลอออร แต่ก็ต้องสวยทีเดียว สวยแบบหญิงชาวบ้าน ไม่ใช่หญิงชาววังเท่านั้น แล้วก็แต่งตัว ไม่ค่อยเป็น เลยจะดูด้อยกว่าลอออร จากคุณ : กุ๊กกลาง จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:52:16

ความคิดเห็นที่ 26 คะนอง ไม่ชอบ ยศ หรือเปล่า ไม่ค่ะ คะนองเป็นลูกแม่นมของยศ จงรักภักดีกับยศ แต่ก็เห็นแก่ความสบาย เห็นแก่เงิน ในฐานะที่เป็นคนสนิทของยศ คะนองต่อไปก็จะเป็นเหมือนพ่อบ้าน ได้ถือเงินใช้จ่ายในบ้าน คะนองชอบสบายแค่มีเงินจับจ่าย แต่ไม่ขโมยข้าวของ ตอนหลังก็กรรมสนองจากการชักนำแม่ไพเข้ามา จากคุณ : Bt vista  สงสัยความสัมพันธ์ ระหว่างฟู ทองไพรำ คะนอง  เป็นยังไงกันแน่ นางฟูสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างคะนองกับทองไพรำมานานแล้ว และเปิดเผยความสงสัยดังกล่าวของตนให้คะนองฟัง (เชิงแบล็คเมล์) ช่วงที่ยศและทองไพรำไปพักผ่อนที่บ้านริมทะเลของวิศาล เพื่อนของยศครับ คะนองและนางฟูได้เสียเป็นผัวเมียกันด้วยเหตุนั้น (ทำนองว่า นางฟูก็ชอบไอ้คะนองอยู่แล้ว และยอมปิดปากเรื่องนี้ หากคะนองจะมีสัมพันธ์กับตน) หลังจากนั้น ทองไพรำเริ่มกังวลที่เธอมีลูกให้ยศไม่ได้เสียที จึงเรียกให้คะนองมาหลับนอนด้วยบ่อยขึ้น สิ่งๆใดที่ทองไพรำและคะนองกระทำตำบอนร่วมกันก็อยู่ในสายตาของนางฟูโดยตลอดครับ ดังนั้น นางฟูจึงรู้ว่าแดงเป็นลูกคะนอง จากคุณ : Cryptomnesia จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:55:25

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณ จขกท ค่ะ   ขอบคุณทุก ๆ ท่านเจ้าของคำตอบที่ จขกท รวบรวมมาด้วย ได้ความรู้เพิ่มเยอะเลย เราโหวตให้ตอบแทนละกัน ^^ กระทู้ดี ๆ มีสาระ น่าได้ขึ้นแนะนำให้คนได้อ่านกันเยอะ ๆ จากคุณ : popka' เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:56:21

ความคิดเห็นที่ 28 กระทู้นี้มีประโยชน์ ดูแล้วได้ความรู้ดีด้วย ขอบคุณค่ะที่รวบรวมมาให้ จากคุณ : Blue Sky in My Heart เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:57:32

ความคิดเห็นที่ 29 หมดแล้วครับ  ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ    ถือโอกาส ขอบคุณทุกความเห็นที่เป็นคำตอบในกระทู้ต่างๆ และขออนุญาต นำมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ณ โอกาสนี้ด้วยครับ  ยังไง  ใครมีข้อมูลอะไรน่าสนใจ  หรือข้อสงสัย ก็โพสต์ได้นะครับ  เชื่อว่า มีคนอ่านนิยายเรื่องนี้ มาตอบแน่ๆ ครับ  ^^ จากคุณ : กางเขนที่หล่นหาย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:58:57

ความคิดเห็นที่ 30 เข้ามาติดตามครับ ..... ชอบจริงๆเชียว  รู้เรื่องประวัติศาสตร์บ้านเราได้อย่างดีเลย  ปล. การเป็นคุณหญิงโยธาบดี ?  คืออะไรคับ  ช่วย สปอย์ให้ฟังหน่อยได้ไหม  อิๆๆ ? จากคุณ : คนหน้าตาดี ไม่อยากมีแฟน เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 22:04:01

ความคิดเห็นที่ 31 ขอตอบที่ จขกท สงสัยอันนี้ค่ะ "ผมอยากรู้ความรู้สึกของประยงค์น่ะครับ ที่ทำทีเศร้าเวลาเจอคุณเทพในช่วงหลัง  เป็นเพราะอะไรหรอครับ " ในหนังสือไม่ได้กล่าวถึง ว่าประยงค์เสียใจอะไรเลยค่ะ จำได้ว่า พอ ลอออรบอกว่า จะแต่งงาน ประยงค์ก็เฉยแล้วก็คุยเรื่องอื่นต่อไป เหมือนไม่มีอะไรสำคัญ ตอนอ่านหนังสือ เราคิดเองว่า ประยงค์ไม่ได้รัก ไม่ได้สนใจเทพเลย แล้วก็พอใจชีวิตโสด  เพราะ หนังสือบรรยายว่า เธอมีความเป็นอยู่ระดับเศรษฐ๊นีเลยค่ะ พอในละคร มีร้องไห้ ตาละห้อย เลยงง เหมือนกัน คงเป็นเรื่องของการตีความของคนเขียนบทนะคะ จากคุณ : หมาน้อยซินดี้ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 22:05:38

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบ คุณ คนหน้าตาดี ไม่อยากมีแฟน ต่อมาเทพได้เลื่อนยศจาก พันโท เป็นพันเอกพระยาโยธาบดีค่ะ สมัยนั้น ถ้าสามีเป็นพระยา ภรรยาก็จะได้เป็นคุณหญิง แล้วเรียกชื่อตามบรรดาศักดิ์ของสามีค่ะ จากคุณ : หมาน้อยซินดี้ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 22:08:42

ความคิดเห็นที่ 33 การเป็นคุณหญิงโยธาบดี ?  คืออะไรคับ  ช่วย สปอย์ให้ฟังหน่อยได้ไหม   ตำแหน่งคุณหญิงที่มาพร้อมกับยศศักดิ์ของสามี คือ พี่เทพ  ที่ได้เลื่อนเป็นนายพันเอกพระยาโยธาบดี ดังนั้นลอออรจึงต้องดำรงคุณความดีให้สมกับตำแหน่งนี้ ในหนังสือบรรยายไว้ว่า "หญิงม่ายผู้น่านับถืออย่างคุณหญิงโยธาบดีไม่สมควรมีจิตปฏิพัทธ์กับชายหนุ่มคนใด ฐานะของเธอถูกญาติ ๆ ทั้งฝ่ายตัวเองและสามียกสูงวางอยู่บนหิ้ง เธอมีหน้าที่ทำตัวสงบเสงี่ยม ปกครองบ้านช่องและดูแลลูก ๆ อย่างดีที่สุด ว่างก็เข้าวัดทำบุญรักษาศีบ เธอไม่มีหน้าที่จะเอากามกิเลสมาแผ้วพานจิตใจอย่างมนุษย์ปุถุชนทั่วไป เพราะมีแต่จะนำไปสู่การติฉินนินทา" จากคุณ : ผู้สาวเมืองยศ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 22:12:03

ความคิดเห็นที่ 34 ชอบคุณค่ะคุณกางเขนที่หล่นหาย ที่รวบรวมมาให้ โหวตให้ค่ะ จากคุณ : หลานยายสาคร เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 22:15:41

ความคิดเห็นที่ 35 คห. 31 คุณหมาน้อยซินดี้ คนเขียนบทคงจะตีความเพิ่มบทในส่วนของประยงค์และให้สัมพันธ์กับตอนต้นของเรื่องที่พี่เทพแต่งงานกับสราญ ส่วนคนรักของประยงค์หนีไปแต่งงานกับคนอื่น ตอนนั้นลอออรคิดด้วยความสงสัยว่า ประยงค์นั้นร้องไห้เพราะคนรักใจโลเลหรือเสียใจที่ทอดทิ้งโอกาสที่จะได้แต่งกับพี่เทพกันแน่ คนเขียนบทน่าจะเอาตรงนี้มาเติมมังคะ จากคุณ : ผู้สาวเมืองยศ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 22:18:57

ความคิดเห็นที่ 36 กระทู้คุณภาพ จริงๆค่ะ  ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ที่ทำให้รู้อะไรหลายๆอย่าง ค่ะ   ขอยกย่องชื่นชม ทีมงาน ผู้เขียนบท รวมถึงตัวละครทุกตัว ที่ถ่ายทอดออกมาได้ ประณีตมากๆๆค่ะ โหวต  ๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : paiHutor เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 22:19:38

ความคิดเห็นที่ 37 ชอบคอสตูมละครพีเรียดของเอ็กแซคมากกกก สวยทุกเรื่อง ดูละอองดาวก็เพราะคอสตูมไม่รู้เนื้อเรื่องเลย เสียดายช่วงนี้ที่บ้านดูช่องห้าไม่ได้T^T จากคุณ : poodinn เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 22:48:58

ความคิดเห็นที่ 38 ชอบคอสตูมละครพีเรียดของเอ็กแซคมากกกก สวยทุกเรื่อง ดูละอองดาวก็เพราะคอสตูมไม่รู้เนื้อเรื่องเลย เสียดายช่วงนี้ที่บ้านดูช่องห้าไม่ได้T^T จากคุณ : poodinn เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 22:50:28

ความคิดเห็นที่ 39 สุดยอดจริงๆคุณ จขกท. ชื่นชมเลยค่ะ ^^ จากคุณ : Heavenrim เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 23:10:26

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณที่รวบรวมมาให้ได้อ่านนะคะ เป็นกระทู้ที่ดีมากๆเลย ได้ความรู้ขึ้นอีกเยอะ ^^ จากคุณ : ใหญ่โฟต้มยำอร่อยเหาะ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 23:15:21

ความคิดเห็นที่ 41 ที่ คห.19 พูดถึง รูปนี้รึเปล่าคะ? จากคุณ : traurig เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 23:20:19

ความคิดเห็นที่ 42 แวะเข้ามา Save ค่า ^^ ได้ความรู้เยอะแยะเลย จากคุณ : ตำน้ำพริกกะปิ จิ้มกับผักลวก เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 23:28:27

ความคิดเห็นที่ 43 แก้ข้อคลางแคลงใจได้ดีมากเลยค่ะ จากคุณ : ลำเนา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 23:30:27

ความคิดเห็นที่ 44 สาระดีๆทั้งนั้นเลย จากคุณ : vidar_boyzai เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 23:41:04

ความคิดเห็นที่ 45 อยากให้เป็นกระทู้แนะนำจริง กระทู้ดี ๆ มีประโยชน์ ชอบภาษาในเรื่องนี้มากรู้สึกว่าภาษาของไทยเรานี่งดงามจริง ๆ ได้ยินแล้วไพเราะรื่นหูจริง ๆ เครื่องแต่งกายในเรื่องก็งดงามปราณีตมาก ทุกตัวละครเลย และชื่นชอบการแสดงของคุณจารุณีมาก ขั้นเทพจริง ๆ ขอบคุณแต่ละท่านที่มาแบ่งปันความรู้กัน ประวัติศาสตร์ชาติไทยทั้งนั้น จากคุณ : Lullaby_Neutral เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 23:55:44

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณมากค่ะ  ชอบเรื่องนี้มากจริง ๆ  ไม่ได้ดูละครหลังข่าวมานานแล้ว   มาติด ก็เรื่องนี้เลย  เพราะ พี่เทพ แท้ ๆ  555 จากคุณ : tawkanchana เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 00:11:10

ความคิดเห็นที่ 47 กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ปลาบปลื้มมากค่ะ อยากรู้เรื่องราวต่อจัง จากคุณ : jungki เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 02:36:16

ความคิดเห็นที่ 48 เข้ามาขอบคุณจขกท. และดีใจ๊ดีใจที่คำถามและความเห็นผมถูกรวบรวมมาไว้ที่นี่ด้วย จากคุณ : +ฟ้างามยามค่ำ+ เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 02:55:02

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณสำหรับกระทู้นี้ค่ะ จากคุณ : Miss Nicegirl เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 04:36:53

ความคิดเห็นที่ 50 ถ้าอ่านจากในนิยายเนี่ยสนุกมากมั้ยคะ อ่านๆจากหลายกระทู้แล้ว เลยลองเปิดดูเรื่องนี้ แล้วสนุกๆดี แต่ดูไม่ตลอด สลับไปสลับมา เลยจะลองซื้อหนังสือมาอ่านดู จะคุ้มมั้ย?? ราคาแพงหรือเปล่าคะ จากคุณ : สาวกรุงโรม เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 04:39:48

ความคิดเห็นที่ 51 หนังสือสนุกมากค่ะ วางไม่ลงเลยทีเดียว จากคุณ : gold digger เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 06:46:13

ความคิดเห็นที่ 52 กระทู้สร้างสรรค์ ละครน้ำดี.......... จากคุณ : j-said เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 08:42:47

ความคิดเห็นที่ 53 โหวตให้เหมือนกันค่ะ ได้ความรู้เยอะดี  ชอบเสื้อผ้า  และบทพูดเหมือนกันค่ะ ภาษาสมัยก่อนนี้ฟังดูดีจังเลยค่ะ สงสัยอยู่เรื่องนึง  ตอนลอออรเจอคุณเทพครั้งแรก  ตอนลอออรยังเด็ก ไม่ทราบว่าตอนนั้นคุณเทพอายุเท่าไหร่  ห่างกันกี่ปี เพราะเห็นลอออรโตขึ้นจนแต่งงาน  คุณเทพยังดูหล่อเหมือนเดิมเหมือนไม่แก่เลย จากคุณ : แฟนสาวป๊อปอาย เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 09:39:45

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณที่รวบรวมมาให้อ่าน ทำให้ดูละครสนุกขึ้น เราเพิ่งได้อ่านทวิภพ จบไป มีการพูดถึงเรื่องการแต่งตัวเหมือนกัน เรื่องนี้เป็นสมัยรัชกาลที่ 5 มีการบรรยายเรื่องการแต่งตัวไว้ เหมือน #4 บอกเลย ถ้าเรียงลำดับละครพีเรียดคงจะสนุก นางทาส>ทวิภพ>สี่แผ่นดิน>มาลัยสามชาย>วนิดา (ถ้าผิดขออภัย) ..แล้วมีเรื่องอะไรอีกอ่ะ... จากคุณ : :+:JuneJung:+: เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 09:49:20

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากเลย ตัวเองเพิ่งมาดูตอนหลัง เป็นละคร Exact ไม่กี่เรื่องที่ไม่มีโฆษณาแฝง มีหลายคนเปรียบเทียบละคร มาลัยสามชาย กับสี่แผ่นดิน ขอแชร์มุมมองต่อนิยาย 2 เรื่องนี้เล็กน้อย สี่แผ่นดินเป็นชีวประวัติหรือกึ่งบันทึก ของผู้หญิงลูกพระยาท่านหนึ่งที่ไปใช้ชีวิตอบรมบ่มเพาะความเป็นชาววัง จนกระทั่งได้ออกเรือนและรักษาลักษณะของกุลสตรีที่ดี ในฐานะเมีย แม่และย่า ด้วยแนวทางการเดินที่ราบเรียบ ไม่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิตมากมายนัก เราจึงรู้จัก แม่พลอย ในฐานะตัวละครที่บอกเล่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ของการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย พูดง่าย เอาประวัติศาสตร์เป็นโครงเสื้อ เอาแม่พลอยมาเย็บเส้นด้าย ให้ประวัติศาสตร์ดูมีชีวิตชีวา เต็มไปการตีเกล็ดเล็กเกล็ดน้อย ส่วนลอออร ผู้ประพันธ์ให้สีสันของชีวิตในแง่ของผู้หญิงที่ถูกทดสอบความเป็นกุลสตรี แม้จะอดทนแค่ไหน ด้วยกรอบประเพณี การเลี้ยงดู อบรม และสายเลือดชาววัง ก็ไม่อาจปกป้องตัวเองได้ การออกมาอยู่คนเดียวโดยไม่มีเงินมาก และไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง จึงออกจะเป็นความลำบากใจ หากต้องรักษาสถานะของตัวเองไม่ให้ใครหมิ่นแคลน ลอออร เป็นผู้หญิงมีเลือดเนื้อ มีความเจ็บแค้น ปวดร้าว สามารถเรียกเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตของผู้หญิงในยุคนั้นได้อย่างน่าเห็นใจ มาลัยสามชาย จึงเป็นเรื่องของตัวละครที่ดำเนินบทบาทโดยอาศัยเกร็ดประวัติมาแทรก และขับให้ผู้อ่านเข้าใจบริบทของสังคมขณะนั้น เออ...ดูละครไปมา ทำไมคิดถึง ลอออร ไปถึง คุณหญิง มณี สิริวรสาร ก็ไม่รู้ เพราะคุณหญิงมณี ก็เป็น มาลัยสามชายเหมือนกัน ได้แต่งงานครั้งที่ 3 กับคุณหมอเช่นกัน จากคุณ : กูรูขอบสนาม เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 11:22:29

ความคิดเห็นที่ 56 ละเอียดและงดงาม ขอบคุณจขกท มากๆ เลยค่ะ ขยันจริงๆ จากคุณ : นะโอ เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 11:36:44

ความคิดเห็นที่ 57 สงสัยว่า ตอนที่คนรักของประยงค์ไปแต่งงานใหม่ ประยงค์ไม่ระแคะระคายมาก่อนเลยหรือ แล้วตัวฝ่ายชายถ้ามีคนรักอยู่แล้วมาจีบแม่ประยงค์ทำไม จากคุณ : Spring Rolls เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 11:36:50

ความคิดเห็นที่ 58 ตอนแรกเรื่องนี้ไม่อยู่ในสายตาเลยที่ดูเพราะพี่ก้องแต่ตอนนี้.. ดูเพราะทุกคนเลยค่ะเล่นได้ดีหมดฝีมือกันจริงๆ. จากคุณ : บูบู้แจม เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 12:58:31

ความคิดเห็นที่ 59 ตอบ คห. 57 ประยงค์รักกับมหาดเล็กคนหนึ่งที่ฐานะทางบ้านต้อยต่ำกว่าเธอค่ะ และคงที่ประยงค์อยู่ในฐานะที่สูงกว่า ทำให้นายเสน่ห์คนนี้ไม่มีความพยายามมากพอที่จะทำให้ตัวเองขึ้นมาทัดเทียมได้ เลยถอดใจและหันไปแต่งกับคนอื่นโดยที่ประยงค์ไม่รู้ตัวเลย จากคุณ : ผู้สาวเมืองยศ เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 13:17:20

ความคิดเห็นที่ 60 เห็นคุณ คห. 55 พูดถึงคุณหญิงมณี แล้วนึกถึงตอนอ่านชีวประวัติของท่านในนิตยสารแพรวเลย ชีวิตมีสีสันมาก ครบรสจริงๆ ........... ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆ นะคะ ที่รวบรวมมาให้อ่านกัน คลายความสงสัยไปได้เยอะ เพราะเป็นคนที่ไม่ได้อ่านนวนิยาย ดูแต่ละครเหมือนกันค่ะ จากคุณ : น้องดาด้า เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 13:35:34

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณจขทก.ที่สละเวลารวบรวมข้อมูล รอบรู้ไปกับ มาลัยสามชาย ฝากสมาชิกช่วยกดเก็บเข้าคลังกระทู้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ayaja เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 16:18:52

ความคิดเห็นที่ 62 เพิ่มเติมเรื่องการใส่ซิ่นค่ะ ในฐานะที่เป็นคนเชียงใหม่ จริงๆ แล้ว การใส่ซิ่นไม่ได้มามีตอนสมัยรัชกาลที่ 6 แต่มีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่มาจากเครื่องแต่งกายของพระชายาเจ้าดารารัศมี ซึ่งเป็นเจ้าหญิงจากเชียงใหม่ค่ะ ตอนที่ท่านเข้าถวายตัว กฎราชสำนักพยายามที่จะหลอมให้ท่านเป็นคนกรุงเทพฯ ด้วยการนุ่งโจงกระเบน แต่เพราะพระราชชายาท่านมีศักดิ์ศรีของเจ้าหญิง ประกอบกับประสูติวันอังคาร ซึ่งผู้ที่เกิดวันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนดุ ท่านไม่ยอมเด็ดขาดที่จะเปลี่ยนตัวเอง ยังไงท่านก็จะนุ่งซิ่นตามแบบสตรีชาวเหนือต่อไป รวมถึงข้าหลวงของพระนางด้วย ถ้าเอาพูดจริงๆ แบบไม่เกรงใจ ในสมัยก่อน คนกรุงเทพฯดูถูกคนเชียงใหม่มากว่าเป็นพวกล้าสมัย แม้แต่ผ้าซิ่นก็ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของคนด้อยความเจริญด้วย ถึงขนาดว่า นางข้าหลวงของเจ้าดาราบางคน แต่งงานออกไปเป็นหม่อมของขุนนางกรุงเทพ (คนกรุงเทพไม่ยกย่องสาวเหนือเป็นภรรยาเอกค่ะ ได้เป็นก็แค่หม่อมเท่านั้น) ถูกสามีบังคับให้ตัดมวยผม เลิกใส่ซิ่น...ผลออกมาก็คือ หย่ากัน และกลับไปเข้าวังรับใช้เจ้าดาราเหมือนเดิม ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้เสด็จขึ้นไปประพาส ณ เมืองเชียงใหม่ ท่านเห็นสตรีล้านนานุ่งซิ่น ก็เกิดความรู้สึกว่าสตรีที่นุ่งเช่นนี้ดูสวยงามสมแม่หญิง พอเสด็จกลับมาก็ทรงส่งเสริมให้สตรีชั้นสูงนุ่งซิ่นกัน แม้แต่ใน สี่แผ่นดิน ตอนคุณเปรมกลับมาบอกแม่พลอยว่า ให้เลิกนุ่งโจงกระเบนเสีย แล้วมานุ่งซิ่นตาม เพราะพระเจ้าอยู่หัว (ร.6)ทรงโปรด แม่พลอยถึงกับตกใจว่า จะให้ฉันมานุ่งซิ่นได้อย่างไร ฉันมิใช่ลาวนะ (คนกรุงเทพเรียกคนเชียงใหม่ว่า ลาว ส่วนคนเชียงใหม่ก็เรียกคนกรุงเทพว่า คนใต้(ไม่ใช่ปักษ์ใต้) ข้าน้อยคิดว่า การที่บางครั้งเราจะเห็นนางข้าหลวงและคนโบราณๆ คนหัวเก่าที่เป็นย่ายายที่จะนุ่งโจงกระเบน เพราะติดกับการนุ่งมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนที่นุ่งซิ่นก็จะเป็นสาวๆ ส่วนใหญ่ที่นุ่ง เพราะตามแฟชั่นที่รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดค่ะ ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมลอออรถึงนุ่งโจงกระเบนตอนเป็นนางข้าหลวง เพราะชุดนางข้าหลวงกรุงเทพก็จะเป็นอย่างนั้น (ยกเว้นนางข้าหลวงในเจ้าดารา) ส่วนพอออกไปข้างนอกแล้ว ลอออรก็ต้องนุ่งตามสมัยนิยม ไม่ให้โดนมองว่าเป็นคนเชยๆ ถ้าคุณสังเกตในละครดีๆ ตัวละครฝ่ายหญิงจะนุ่งซิ่น ไม่นุ่งโจงกระเบนเลย ในขณะตัวละครหญิงแก่ๆ จะนุ่งโจงกระเบนอยู่ ภาพเจ้าดารารัศมีและนางข้าหลวงค่ะ จากหนังสือ เพ็ชรล้านนา แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 53 17:04:49 แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 53 17:01:10 จากคุณ : Anemone2526 เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 17:00:06

ความคิดเห็นที่ 63 ชอบมากค่ะ สนุกมากจริงๆ จากคุณ : enterstep เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 19:15:00

ความคิดเห็นที่ 64 จากละครเรื่องนี้ก็ทำให้ได้ความรู้ใหม่ ๆ จากประวัติศาสตร์มากมาย จากคุณ : primekun เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 20:54:30

ความคิดเห็นที่ 65 ดูเหมือนกันค่ะ ละครทำได้ดีมาก จนอยากหาหนังสือมาอ่านเลยค่ะ ^^ จากคุณ : babybloom strawberry เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 13:26:53

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณ จขกท มาก ๆ ครับ ขยันจัง ได้ความรู้ด้วย   จากคุณ : คุณชายนะคร้าบ เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 22:16:20

ความคิดเห็นที่ 67 #คห.53 ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องอายุที่ห่างกันระหว่างลอออรกับคุณเทพเท่าไหร่นะค่ะ ตอนที่แรกเจอลอออรเพิ่งเข้าวังได้ไม่นาน อายุน่าจะประมาณ 10-12 ปี ส่วนคุณเทพตอนนั้นเพิ่งเรียนจบกลับมาจากเยอรมัน อายุน่าจะประมาณต้น 20 ในขณะที่คู่หมายของคุณเทพ อายุประมาณ 17 ปีค่ะ จากคุณ : NuHring เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 00:22:13

ความคิดเห็นที่ 68 เห็นว่ากระทู้นี้รวบรวมรายละเอียดของมาลัยสามชายไว้ เลยขอเอาข้อมูล มาลงเพิ่มให้นะคะ..เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สงสัยเรื่องเวลา มาจากกระทู้นี้ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9813040/A9813040.html เราทำ Timeline ตัวละครเรื่องนี้ไว้ตอนอ่านนิยาย แล้วมานั่งไล่เพิ่มให้ค่ะ.. ลำดับเหตุการณ์ในมาลัยสามชาย พ.ศ.2446 - ลอออรเกิด (ปลายรัชกาลที่ 5) พ.ศ.2456 - ลอออรอายุ 10 ปี คุณแม่เสียชีวิต ป้าจรวยพาเข้าวัง             - ลอออรได้พบกับประยงค์ ผู้ซึ่งอายุ 17 ปี             - ประยงค์ดูตัวกับเทพ ราชศักดิ์ ซึ่งน่าจะอายุ 23 ปี               (เพิ่งจบจากเยอรมัน) ประยงค์ปฏิเสธการแต่งงาน เทพจึงไปแต่งงานกับสราญแทน             - ลอออรได้พบกับยศ ผู้ซึ่งอายุ 12-13 ปี (แก่กว่าลอออร 2-3 ปี) พ.ศ.2463 - ลอออรอายุ 17 ปี ได้พบยศซึ่งกลับจากต่างประเทศและขอลอออรแต่งงาน             - ลอออรได้พบเทพ(30 ปี)+สราญ และหนูยิ้ม ซึ่งมีอายุ 6 ปี พ.ศ.2464 - ลอออรอายุ 18 ปี สมรสกับยศ (อายุ 20 ปี)  เข้ามาเป็นสะใภ้พลาธร พ.ศ.2468 - ลอออรอายุ 22 ปี เจ้าคุณพลาธรเสียชีวิต             - คะนองพายศ(25 ปี) ไปเที่ยวผู้หญิง พบทองไพรำ ซึ่งมีอายุ 18 ปี             - ท่านผู้หญิงพลาธรเสียชีวิต            - ลอออรหย่าขาดจากยศ             - สราญเสียชีวิตพร้อมลูกในครรภ์คนที่สอง หนูยิ้มอายุ 11 ปี             - ทองไพรำคลอดลูกชายคนแรกที่เกิดกับคะนอง (หนูแดง)             - สิ้นเสด็จฯ ลอออรย้ายไปอยู่บ้านที่ขอเงินยศมาซื้อเอาไว้ (ปีนี้เหมือนทุกอย่างจะเกิดขึ้นต่อๆกันเร็วมาก มิฉะนั้นช่วงเวลาจะไม่สอดรับกันค่ะ) พ.ศ.2469 - ลอออรอายุ 23 ปี แต่งงานครั้งที่สองกับเจ้าคุณเทพฯ (อายุ 36 ปี) หนูยิ้มอายุ 12 ปี พ.ศ.2470 - ลอออรอายุ 24 ปี มีลูกชายคนแรกกับเจ้าคุณเทพฯ(37 ปี) คือ สุรเดช             - วิศาล+ทองหยด มีลูกสาวคนแรก(หนูป้อม)               - ทองไพรำตั้งครรภ์ลูกคนที่สองกับนายใบ (หนูต้อย) พ.ศ.2474 - ลอออรอายุ 28 ปี ตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ตามด้วยทองหยดก็ตั้งครรภ์ลูกคนที่สองเช่นกัน             - สมิตาอายุ 17 ปี พบนรินทร์(อายุ 23 ปี) พี่ชายของเพื่อนสนิท คือ เจิดจันทร์ ลูกชายพระยานราภิบาล พ.ศ.2475 - มิถุนายน เปลี่ยนแปลงการปกครอง เจ้าคุณเทพฯ(อายุ 42 ปี) ถูกควบคุมตัวไปจากบ้าน             -  ลอออรอายุ 29 ปี คลอดบุตรสาวคนที่สอง โดยเจ้าดิเรกรุจ (น่าจะอายุ 24-25 ปี) มาช่วยทำคลอดให้               - ลูกคนแรก สุรเดช อายุ 5 ปี ไล่เลี่ยกับหนูป้อม  สมิตาอายุ 18 ปี 4 กรกฎาคม 2475 - เจ้าคุณเทพฯกลับบ้านมาร่ำลาลอออร และถูกเนรเทศไปอินโดนีเซีย (ต่อจากนี้เดาเอาเองค่ะ) พ.ศ.2476 - พระยาสุรสิทธิ์แจ้งข่าวเจ้าคุณเทพฯถึงแก่กรรมที่เกาะบาหลีด้วยโรคปอดบวม             - ลูกชายสองคนของทองไพรำเสียชีวิต             - ยศล้มละลาย (ยศอายุ 32 ปี) พ.ศ.2479  -  สมิตา อายุ 22 ปี สมรสกับศักดิ์                   - ลอออรอายุ 33 ปี สมรสครั้งที่ 3 กับเจ้าดิเรกรุจ อายุ 28-29 ปี แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 53 21:43:01 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 10:56:31 จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:48:57

ความคิดเห็นที่ 69 แล้วก็ รุ่นลูกมาลัยสามชายมีใครบ้าง (ทั้งสองเรื่องนี้ เคยลงไว้ในกระทู้อื่นแล้วนะคะ แต่ขอมารวมไว้ที่นี่ จะได้เป็นศูนย์ข้อมูลเดียวไปเลย ขอบคุณ จขกท.ที่รักมาลัยสามชายเหมือนเรา และมาช่วยกันเพิ่มเติมรายละเอียดให้ด้วยค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย) รุ่นลูกในมาลัยสามชาย http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9808939/A9808939.html เจ้าคุณเทพ+สราญ -> สมิตา หนูยิ้ม เป็นคู่รักกับ นรินทร์ แต่ภายหลังไปรักและแต่งงานกับศักดิ์ น้องต่างมารดาของยศ เจ้าคุณนราภิบาล+คุณหญิงประไพ -> นรินทร์ (รักกับหนูยิ้ม แต่ถูกบิดาบังคับให้แต่งงานกับรุ้งระวี ผู้เป็นอดีตคนรักของเจ้าดิเรกรุจ)                                                                                     -> เจิดจันทร์ (เป็นเพื่อนเรียนกับหนูยิ้มตั้งแต่เด็กๆ และเป็นแม่สื่อให้นรินทร์กับหนูยิ้ม) เจ้าคุณเทพ+ลอออร -> สุรเดช (ภายหลังแต่งงานกับหนูป้อม)                          -> หนูเล็ก (แต่งงานกับเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน) วิศาล+ทองหยด -> หนูป้อม (แต่งงานกับเดช มีลูกสาวเป็นคนเล่าเรื่องราวทั้งหมด เป็นหลานสาวคนโปรดของสมิตา และน้องๆอีก 4 คน)                     -> ลูกสาวคนเล็ก ในหนังสือใช้คำเรียกว่า คุณน้าน้องของแม่ คะนอง+ทองไพรำ -> หนูแดง (เล่นน้ำจนเป็นไข้และปอดบวมเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก) นายใบ+ทองไพรำ -> หนูต้อย (เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ถูกคะนองมาลักพาตัวไปแล้วเผลออุดปากอุดจมูกจนหนูต้อยขาดใจตาย) สมิตา + ศักดิ์ -> ลูกชาย 3 คน (ศักดิ์เป็นลูกชายคนเล็กของเจ้าพระยาพลาธร+แม่กิมลั้ง ภรรยารอง มีลูกชายคนโตคือ สุทธิ์ แต่งงานกับทองดี พี่สาวของทองหยด) เดช + ป้อม -> ลูกสาวคนโต 1 คน ลูกชาย 3 คน ลูกสาวคนเล็ก 1 คน นิยายเรื่องนี้ เดินเรื่องเสมือนว่า ลูกสาวคนโตของเดช+ป้อมเป็นคนเล่าโดยอาศัยการปะเหลาะให้คุณยายทองหยดเล่าให้ฟัง... ตอนจบ จึงมีการทิ้งท้ายว่า ลูกสาวของเดชกำลังจะไปทานน้ำชากับป้ายิ้มที่เอราวัณ แต่เผอิญไปเจอชายชราหน้าตาทรุดโทรม เข้ามาขอให้พาไปทานข้าว สมิตาหรือป้ายิ้มให้เงินไปร้อยบาทแล้วรีบหนีขึ้นรถชายชราผู้นั้นทำท่าไม่พอใจมาก และก็คือยศนั่นเอง... จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:52:13

ความคิดเห็นที่ 70 ส่วนอันนี้ ขอลอกมาจากกระทู้คุณ AunAun_LoneLy ที่อุตส่าห์ทำแผนภาพแสดงความสัมพันธ์ของตัวละครเอาไว้อย่างละเอียดเชียวค่ะ เครดิต คุณ AunAun_LoneLy กระทู้นี้ค่ะ ตามไปขอบคุณได้เลยค่ะ (ขอบคุณ คุณ AunAun_LoneLy ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ) http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9808073/A9808073.html จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 10:55:02

ความคิดเห็นที่ 71 กระทู้ดี มีสาระ ละครก็สนุก ครบทุกรส ชอบจริง ๆ เลย ขอบคุณ จขกท มาก ๆค่ะ จากคุณ : beautybabygirl เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 14:29:16

ความคิดเห็นที่ 72 ชอบกระทู้นี้จัง ^^ จากคุณ : มทิรา เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 23:10:24

ความคิดเห็นที่ 73 ยอดเยี่ยมจริงๆกระทู้คุณภาพมากๆ จากคุณ : lalinphat เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 16:15:34

ความคิดเห็นที่ 74 งงนิดนึง ทำไมบอกลอออรเป็นคน 5 แผ่นดิน เกิด ร.5 แสดงว่ามีชีวิตอยู่จนถึง ร.9 ใช่มั้ยเอ่ย (แล้วเสียชีวิตในช่วง ร.9 ช่วงไหนคะ) จากคุณ : i can't do it !! เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 14:31:58

ความคิดเห็นที่ 75 ในหนังสือไม่ได้กล่าวไว้ชัดเจนเหมือนของแม่พลอยในสี่แผ่นดิน แต่น่าจะเสียชีวิตในช่วงต้นรัชกาลที่ 9 จากข้อมูล รัชกาลที่ 6 ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลาประมาณ 15 ปี รัชกาลที่ 7 ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลาประมาณ 9 ปี และ รัชกาลที่ 8 ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลาประมาณ 12 ปี จาก timeline ที่คุณกุ๊กกลางกล่าวไว้ข้างบน ตอนที่เปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 ลอออรมีอายุประมาณ 30 ปีเท่านั้นค่ะ จากคุณ : NuHring เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 53 09:29:54