Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"น้านิด"สโมสรผึ้งน้อยร่ำไห้ ท้อใจต่อสัญญาคลื่นวิทยุเด็กFM105ปีต่อปี

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีความสับสนในเรื่องของการต่ออายุสัญญาสัมปทานสถานีวิทยุสาธารณะเพื่อเด็กเยาวชนและครอบ คลื่นความถี่ FM 105 MHz.  ซึ่งกำลังจะหมดลง นั้น เป็นเหตุให้ผู้ชมทางบ้านที่ติดตามฟัง สถานีวิทยุดังกล่าว ซึ่งเป็นคลื่นเกี่ยวกับเด็กและครอบครัวมาโดยตลอดเกิดความกังวลใจ และไม่สบายใจกับความไม่แน่นอนในการจะอยู่หรือไปของคลื่นดังกล่าวนั้น


มติชนออนไลน์ ได้สัมภาษณ์นางภัทรจารีย์ อัยศิริ   หรือ น้านิด หรือ ย่านิด ของเด็กๆ ผู้สร้างตำนานสโมสรผึ้งน้อย ซึ่งโด่งดังมากเมื่อช่วงประมาณ 30 ปี ก่อน ในฐานะ ผู้ดำเนินรายการช่วงพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง ระหว่างเวลา 07.00 - 08.00 น. ทางคลื่น เอฟเอ็ม 105  ที่เพิ่งเริ่มจัดขึ้นเมื่อเดือน สิงหาคม 2553   ถึงกรณีดังกล่าวว่า ตอนแรกที่ทราบข่าวก็รู้สึกตกใจ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคลื่นนี้  ทั้งนี้ ตนเพิ่งเข้ามาร่วมจัดรายการตามแผนงานสนับสนุนการพัฒนาเด็กประถมวัยของสสส. จึงอยากถามว่า   คลื่น 105 มันใช่คลื่นถาวรของเด็กและครอบครัวหรือเปล่า พอทราบว่าต้องมีการต่อสัญญากันทุกปี  ก็รู้สึกรันทดใจ  


นางภัทรจารีย์ กล่าวต่อว่า  เรื่องของเด็กเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ของทุกคนที่ต้องรับผิดชอบ มันไม่ใช่นโยบาย แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ การใช้สื่อเพื่อพัฒนาเด็ก  ไม่ต้องพูดเรื่องกฎหมาย หลักการของความเป็นมนุษย์ ผู้ใหญ่ต้องดูแลเด็ก ถ้ารัฐบาลต้องการสร้างชาติ รัฐบาลก็ต้องดูแลเด็ก สร้างองค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก สื่อสำหรับเด็กมันเป็นหน้าที่ที่ต้องเอาสื่อของชาติมาพัฒนา ไม่ใช่ใช้สื่อเพื่อธุรกิจ  



" เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องจัด ต้องจัดเดี๋ยวนี้ วินาทีนี้  คุณอภิสิทธิ์( นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี )  แสดงภาวะผู้นำของประเทศออกมาเลย เพื่อประเทศชาติเพื่อเด็กๆ ของประเทศชาติ ไม่ต้องรอใคร เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลนี้พึงทำ   น้านิดอยากให้ทุกคนเลิกงงกันเสียทีว่า จะแบ่งคลื่นนี้ให้ใครทำยังไง ต้องรอกัน ขัดผลประโยชน์กัน ตกลงกันไม่ได้ เพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัวเด็กก็ทำอะไรไม่ได้ สื่อที่จะมาพัฒนาคนก็นิ่งเดี้ยง เป็นง่อย ไม่ถูกต้อง " ผู้สร้างตำนานสโมสรผึ้งน้อย กล่าว



นางภัทรจารีย์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้าที่จะมี คลื่น เอฟเอ็ม  105  ซึ่งเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อประมาณเดือน พ.ค.  2552  ที่ผ่านมา ก็ทราบว่า มีหลายฝ่ายพยายามไปขอกรมประชาสัมพันธ์ว่า ให้มีสักคลื่นสำหรับเด็ก   และเพิ่งมีขึ้นตอนปี 51 ก่อนหน้าที่ตนจะเข้ามาดำเนินราการ นี้เค้าจัดรายการกันดี พยายามต่อสู้ ก็ทำกันมาสุดฤทธิ์ ด้วยงบประมาณ อันน้อยนิด สู้และดิ้นร้นมา เป็นพลังเล็กๆ มันน่าสงสาร ตรงที่ว่า อะไรกัน สื่อต้องสร้างคน ทั่วโลกเขาเอามาสร้างชาติ แต่บ้านเรากลายเป็นส่วนเกิน หรือกาฝาก เป็นอะไรที่มันน่ารำคาญสำหรับผู้ใหญ่  


"น้านิดท้อใจค่ะ ท้อมากกับตรงนี้  เพราะทำรายการเกี่ยวกับเด็กมา 30 ปี  แล้วมันไม่มีอะไรดี คือ น้าไม่เคยใช้สื่อที่จะเรียกร้องอะไรเลยนะคะ  มีความรู้สึกว่า ถ้าพูดไปสังคมก็จะมองว่าพูดให้ตัวเองอยู่ มันไม่ใช่หรอก น้าไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง น้าเหนื่อยจะตายนะ ทำมาตั้งแต่เดือนสิงหาฯ  ยังไม่ค่อยได้นอนเลย   แค่อยากให้มันแน่นอน อยากให้คนทำงานไม่ต้องมานั่งรอว่า เขาจะต่อสัญญาไหม วิทยุของชาติ ไม่ใช่ของชาติสิ ของเด็ก เพราะถ้าเป็นของชาติ ผู้ใหญ่ก็แย่งเด็กอีก" นางภัทรจารีย์ กล่าวพร้อมน้ำตา ด้วยความอัดอั้น


นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง ทาง เอฟเอ็ม 105 ยังกล่าวอีกว่า   ไม่อยากให้สื่อเด็กอยู่ได้ด้วยสินค้า ในต่างประเทศ ทีวีหรือวิทยุสำหรับเด็กไม่มีโฆษณา ทำไมเราต้องเอาน้ำอัดลม เอาขนมกรุบกรอบมาเลี้ยงเด็ก ทำไมเราไม่ทำให้สื่อเรามันเข้มแข็งให้น่าศึกษา ให้คนฝันว่า ฉันจบมาแล้วอยากจะมาทำสื่อเพื่อเด็ก ไม่ใช่ว่า พ่อแม่บอกว่า อย่าไปทำเลย มันไม่มีอนาคต  มันไม่มั่นคงนะ มันอะไรกันนี่ประเทศนี้



เมื่อถามว่า  คิดว่าควรจะนำเรื่องดังกล่าวนำมาเป็นวาระแห่งชาติ  นางภัทรจารีย์กล่าวว่า   เรื่องเด็กนี้ ประกาศเป็นวาระแห่งชาติมาไม่รู้กี่รัฐบาลแล้ว แต่มันก็เป็นแค่การสร้างภาพ คนทำก็ไม่เคยเข้าใจ เพราะเขาไม่โฟกัสมาที่เด็ก ใจเขาไม่ได้อยู่ที่เด็ก เขามุ่งแต่หาเสียง มุ่งแต่อย่างอื่น  



ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลเปลี่ยนความคิด หันมาสรรหาพื้นที่ให้กับรายการเพื่อเด็กอย่างแท้จริงเสียที   ให้เหมือนกับการที่รัฐต้องมีประกันสังคม มีการรักษาพยาบาลฟรี การให้เรียนฟรี ทำไมไม่คิดว่า การมีทีวีสัก 1 ช่อง และวิทยุ 1 คลื่น มันทุ่นขนาดไหนให้สังคมเกิดการเรียนรู้  มันสร้างคน สร้างการเรียนรู้พัฒนาให้เกิดขึ้น  สร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ  สร้างการรวมตัวกัน ระดมสมองเพื่อเด็กของชาติ  





และที่สำคัญ ต้องทำให้ สื่อของเด็กเป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริงทำเพื่อเด็ก เพื่อชาติ   ไม่ต้องขึ้นอยู่กับการจัดการโดยรัฐบาล   ไม่เช่นนั้นจะเป็นแบบช่อง 11 ที่ล้มเหลว ไม่โตสักทีเพราะไม่มีบริหารการจัดการที่ดี  มีเส้นสาย มีการเมืองเข้ามา มีคนนู้นคนนี้เข้ามาวุ่นวายไปหมด ถ้าเราได้พูดคุยกันมีนักพัฒนา นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ฯลฯ  ที่อยู่ข้างเด็ก ไม่ใช่อยู่ข้างผู้ใหญ่ นักพัฒนาที่เขาเข้าใจภาษาเด็ก  เข้าใจวิธีการสื่อสารกับเด็กมาคุยกับเด็ก คนเก่งๆ ที่เขามีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ในประเทศไทยมีมาก แต่เขาไม่มีโอกาสที่จะเข้ามาช่วยงานตรงนี้


"เริ่มลงมือทำหน้าที่ของคุณสักที ใช้สื่อให้เปิดพิ้นที่ในสื่ออย่างจริงๆจังๆ   มันเป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องทำ ต้องจัดการ  อย่ามัวเกี่ยงอนกันอยู่ ผู้ใหญ่ตกลงผลประโยชน์กันไม่ได้ เด็กไม่เกี่ยว  เด็กเสียไปแล้วไม่รู้กี่รุ่น  คนไหนโชคดีพ่อแม่ก็ดึงขึ้นมาจากเหวได้ แต่คนที่โชคร้ายล่ะเป็นยังไง เพื่ออะไร ไม่มีเด็กคนไหนหรอกที่เขาอยากล้มเหลว  แต่สิ่งแวดล้อมมันกระชากเขาลงไป รัฐก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง" น้านิด หรือย่านิดของเด็กๆ กล่าว


เมื่อถามว่า  กับสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ท้อแท้หรือไม่  นางภัทรจารีย์กล่าวว่า ไม่มีสิทธิจะท้อ คนทำ ผู้ใหญ่ พ่อแม่ คนทำสื่อเด็ก มันเป็นหน้าที่ เป็นวิชาชีพ มันเป็นส่วนหนึ่งในวิชาชีพเราไปแล้ว เรามีแต่ว่าเราจะต้องสู้หนักไปอีก เราต้องรวมพลังเข้มแข็งมากกว่า นี้ พ่อแม่ต้องกล้าออกมาพูด ถามไปเลยว่า ประเทศไทยเป็นของใคร แล้วเราทำอะไรให้ลูกหลานไว้บ้าง มันเป็นของเราแล้วลูกหลานเราต้องมาอยู่ต่อ  แล้วเกิดอะไรขึ้น  ขณะที่สื่อของรัฐ เป็นของใคร ทำมาเพื่ออะไร กรมประชาสัมพันธ์มีกี่คลื่น อสมท มีกี่คลื่น  วิทยุกองทัพมีกี่คลื่น แบ่งให้เด็กสักคลื่นมันจะทำให้คุณเดือดร้อนมากนักหรือ  ที่เสียใจมากคือ  ทำไมการแบ่งพื้นที่ให้เด็กมันลำบากมากขนาดนั้น   และทำไมต้องมานั่งต่อสัญญาคลื่นเด็กปีต่อปี ถ้าไม่ต่อสัญญา มันจะทำให้คลื่นวิทยุของเด็กตายตามไปด้วยหรือ


"มันไม่รู้จักใช้สื่อ สื่อมีอิทธิพล จะสร้างคนหรือทำลายคน มันทำได้ชั่วช้ามคืน คุณดูเรื่องฟิล์ม เรื่อง ธัญญาสิ อะไรกันนั่น ทำไมมันกลายเป็นลมหายใจของคนไทยไปแล้ว มันอะไรกัน ทำไมคุณไม่ใช่สื่อสร้างสรรค์มาช่วยกัน รัฐต้องทำแล้ว  น้านิดไม่เคยลุกขึ้นมาต่อสู้ให้กับเด็กๆ เลย  เงียบ อดทนมาตลอด  คิดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวก็มีใครสักคนเห็นคุณค่าตรงนี้ เพราะเรื่องเด็กสำคัญจะตาย พอมาถึงตรงนี้ไม่พูดไม่ได้แล้วล่ะ เอาเข้าจริงไม่มีใครพูดถึงเลย  คราวนี้น้านิดไม่ยอม เอาหัวชนฝา คุณพ่อคุณแม่บอกว่า ไปทำเนียบฯ เมื่อไหร่จะไปด้วย แต่เรายังให้โอกาสเขาอยู่  ถ้าคุณไม่จัดการเราต้องไปพบแล้ว เราเป็นคนไทย พ่อแม่ไทย ต้องการสื่อดีๆ ต้องการทีวี ต้องการวิทยุเด็กมันถึงเวลาแล้ว น้านิดเชื่อว่า ถ้าวันหนึ่งเดินไป ก็จะต้องมีพ่อแม่คนอื่นๆ เดินตาม เราขอเถอะ ทำเพื่อเด็กมันไม่ทำให้รัฐบาลจนลง ไม่ทำให้ใครเสียผลประโยชน์หรอกมีแต่จะได้ประโยชน์กันทั้งนั้น" นางภัทรจารีย์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเน้นย้ำและหนักแน่น

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287140185&grpid=00&catid=

จากคุณ : หมาป่าดำ
เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 21:09:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com