 |
ยามเสด็จหัวเมืองเหนือ ข้าพเจ้าได้ชมภาพยนตร์ส่วนพระองค์ ตอน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จหัวเมืองเหนือ ซึ่งมีระยะทางการเสด็จรวมแล้วกว่า 1000 กิโลเมตร
ในสมัยพ.ศ. 2501 นั้น หัวเมืองเหนือยังไม่มีถนนหนทางแบบสมัยนี้ การเสด็จของในหลวงและพระราชินี ก็ทรงต้องใช้ความวิริยะเป็นอย่างสูง ในภาพยนตร์ จะปรากฎเหตุการณ์อยู่เนืองๆ เช่น ทั้งสองพระองค์ ต้องเสด็จลงจากรถพระที่นั่ง เพื่อปัดฝุ่นที่ติดตามพระวรกาย และฉลองพระองค์ออกอยู่เสมอ
หรือบางครั้ง ทั้งสองพระองค์ต้องทรงอดกลั้นเพื่อให้รถถึงหัวเมืองรายทางต่างๆ
บางครั้งรถข้าราชบริพารพลิกคว่ำ หรือเกิดอุบัติเหตุก็ตาม
พระองค์ต้องทรงฟันฝ่าปัญหา เพื่อเข้าถึงประชาชน เพื่อได้รับทราบปัญหาที่แท้จริงของประชาชนให้ได้มากที่สุด
สำหรับข้อมูลดังต่อไปนี้ คือที่ข้าพเจ้าหามาประกอบให้ทุกท่านได้อ่าน เพื่อระลึกถึงพระราชกรณียกิจอันเอนกอนันต์
ทรงพระเจริญ
ย้อนเหตุการณ์ที่เชียงใหม่(๒๙)
เหตุการณ์ครั้งสำคัญเมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๐๑ คือ เหตุการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอื่นในภาคเหนือเป็นครั้งแรก
ตามประวัติศาสตร์ การเสด็จของพระมหากษัตริย์จากกรุงเทพฯมายังหัวเมืองฝ่ายเหนือนั้นเริ่มเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เสด็จเยือนมณฑลพายัพเมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๔๘
ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๖๙ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลพายัพ สถานที่ประทับแรม คือ ศาลากลางจังหวัด สมัยนั้นเรียกว่า "ศาลารัฐบาล" ปรากฏข้อความในการเตรียมการรับเสด็จนว่า
"กำแพงด้านหน้าศาลารัฐบาลเป็นที่กีดกั้นทำให้สนามหน้าพลับพลาแคบไป จึงให้รื้อและปราบพื้นที่แปลงหน้าศาลารัฐบาลคนละฝั่งถนนราบเรียบ ปลูกโรงช้างช่อฟ้าเป็นโรงสมโภชช้างพลายสำคัญ เจ้าราชบุตรเป็นนายงาน ย้ายศาลารัฐบาลไปปลูกใหม่ที่หน้าเรือนจำเป็นที่ทำการชั่วคราว ส่วนศาลารัฐบาลเก่าซ่อมแซมทาสีใหม่ทั้งหมด ใช้จัดเป็นที่ประทับ พระประสารพันธุกิจ เกษตรมณฑลเป็นหัวหน้า พระระวังเวียงพิงค์ หลวงเกษตรประชากร หลวงสุรัตราชกิจ ขุนศรีวรานุรักษ์ เป็นผู้ช่วย ส่วนที่พักเจ้านายข้าราชการกระบวนเสด็จฯ นอกจากบริเวณศาลารัฐบาล ได้ใช้บ้านอัยการจังหวัด หลังศาลารัฐบาลเป็นห้องเครื่อง ห้องเครื่องฝรั่งปลูกเติมขึ้นอีกหลัง ๑ เจาะกำแพงศาลารัฐบาลด้านหลังเป็นกำแพงเข้าออก เช่าบ้านน้อยตุ้ยที่อยู่หน้าบ้านอัยการจังหวัด จัดให้กองภูษามาลาและกองช้างต้นอยู่ กับยืมบ้านพระยาบริหารราชอาณาเขตเป็นที่พักของกองราชพิธี เรือน ๗ ห้องริมวัดดวงดีจัดเป็นที่พักตำรวจหลวง นายทหารมหาดเล็ก..."(เสด็จลานนา ๒,บุญเสริม สาตราภัย,๒๕๓๒)
หลังจากนั้นเว้นมานาน ๓๑ ปี จนถึงปี พ.ศ.๒๕๐๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรที่เชียงใหม่เป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ ๕ - ๙ มีนาคม ๒๕๐๑ กล่าวคือ เมื่อ ๔๙ ปีล่วงที่แล้ว
ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่เอง ทรงเสด็จไปเยี่ยมเยียนราษฎรหลายอำเภอ คือ อำเภอหางดง , อำเภอสันป่าตอง , อำเภอจอมทอง , อำเภอแม่ริม , อำเภอแม่แตง , อำเภอเชียงดาวและอำเภอฝาง
ค้นคว้าพบว่าสื่อมวลชนท้องถิ่นมีการรายงานข่าวเป็นสกู๊ป ทำให้ทราบรายละเอียดการเสด็จฯและการรับเสด็จฯของข้าราชการ พ่อค้าประชาชนในสมัยนั้น ขณะนั้นผู้ว่าราชการจังหวัด คือ คุณประเสริฐ กาญจนดุล ส่วนนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ คือ นายสุชาติ สุจริตกุล
สื่อมวลชนเชียงใหม่ในขณะนั้น คือ หนังสือพิมพ์คนเมือง ฉบับวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๐๑ บันทึกโดย คุณวิรัช สุวรรณบาตร
สอบถามคุณบุญเสริม สาตราภัย บอกว่า คุณวิรัช สุวรรณบาตร ผู้บันทึกเรื่องนี้ เดิมเป็นคนอุตรดิตถ์ มาเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คนเมืองซึ่งสมัยนั้นมีคุณวิจิตร ไชยวัณณ์เป็นบรรณาธิการ ผู้สื่อข่าวคนอื่นๆ ก็มีคุณปราโมทย์ ศิริธร คุณสายัณห์ รุจิพันธ์ เป็นต้น หลังจากนั้นประมาณ ๖-๗ ปีต่อมาคุณวิรัช ออกไปทำหนังสือพิมพ์เองชื่อ หนังสือพิมพ์โยนก สำนักงานอยู่ที่ตลาดสันป่าข่อย เจ้าของทุนคือ เจ้าของโรงเลื่อยช้างเผือก ประมาณ ๓ ปีก็เลิกกิจการ ภายหลังป่วยเป็นความดันโลหิตและเสียชีวิตลง
สถานที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถนั้น คือ ที่สำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ โดยทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๙๘
คุณวิรัช สุวรรณบาตร บันทึกการเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้นว่า
"...ที่มีผู้อยากทราบกันมากก็คือ สำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่สถานที่ประทับแรมที่ทางจังหวัดจัดถวายในหลวงและพระราชินีนั้นจัดกันอย่างไร ที่อยากรู้ที่สุดก็คือ ในหลวงและพระราชินีประทับที่ห้องใดของสำนักงานเทศบาล คราวหน้าถ้าได้ไปเทศบาลจะได้ไปขอชมให้เต็มตาเสียทีเดียว เขาจัดกันอย่างนี้ครับ
"ชั้นบนของเทศบาลทางทิศเหนือ ห้องนายกเทศมนตรี คือ ทางมุขด้านหน้าจัดเปนห้องทรงพระสำราญ ถัดไปทางด้านหลังซึ่งเปนห้องประชุม จัดเปนห้องพระบรรทม มีห้องสรงอยู่ด้านหลังสุด ถัดมาทางทิศใต้ ห้องปลัดเทศบาลจัดเปนห้องข้าหลวง ๕ คน พนักงานภูษาฝ่ายใน ๓ คน รวม ๖ คน , ห้องถัดมาซึ่งเปนห้องประชุมสภาจังหวัดเปนห้องเสวย , ถัดมาเปนห้องพักอาหาร ทางปีกซ้ายห้องในสุด จัดเปนห้องสมุหราชองครักษ์และคุณหญิงห้อง มล. สนิทวงศ์ นางสนองพระโอษฐ และนางพระกำนัล ห้องถัดมาทางหน้ามุขจัดเปนห้องคุณกรันต์ คุณวิยะฎาและคุณมณีรัตน์ ทางชานหน้ามุข จัดเปนที่ตั้งโต๊ะรับประทานอาหาร
"ส่วนชั้นล่างทางหน้ามุขทางปีกซ้าย ห้องแพทย์ ๖ คน ห้องของราชเลขาธิการ ๖ คน , ห้องราชองครักษ์ ๑๘ คน , ห้องสำนักงานท้องถิ่นจัดเปนห้อง(...ข้อความไม่ชัดเจน...) ๑๗ คนเสมียนราชองครักษ์ ๔ คน รวม ๒๑ คน , ห้องแผนกไฟฟ้าจัดเปนห้องมหาดเล็กรับใช้ มหาดเล็กห้องบรรทมรวม ๓๒ คน , ถัดไปเปนห้องผู้อำนวยการกองมหาดเล็ก ๑ คนพนักงานมหาดเล็ก ๕ คน แล้วก็ถึงห้องคลังซึ่งอยู่ตรงกับห้องพระบรรทม ห้องนี้ปิดตายไม่ใช้การใดๆ ทั้งสิ้น ทางหน้ามุขปีกขวาจัดเปนห้องโถง สำหรับเสด็จพระราชดำเนินขึ้นลงมีพรมและลาดพระบาทปูลงมาจนถึงบันไดหน้ามุข มีทหารยืนรักษาการณ์ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
"ทางด้านหลังสำนักงานเทศบาล ซึ่งมีบ้าน ๒ ชั้นอยู่ ๓ หลัง จัดให้เจ้าหน้าที่สำนักงานดังต่อไปนี้ บ้านหลังแรก จัดให้ห้องเครื่องหญิง-ห้องเครื่องชาย รวม ๒๘ คน บ้านหลังที่ ๒ จัดให้เลขาธิการพระราชวัง คุณหญิงและคณะรวม ๘ คน บ้านหลังที่ ๓ จัดให้พระยาอนุรักษ์และครอบครัวรวม ๖ คน
"เนื่องจากสำนักงานเทศบาลไม่เพียงพอสำหรับเปนที่พำนักของเจ้าหน้าที่ตามเสด็จ ส่วนหนึ่งจึงจัดให้ไปพักที่สถานกงสุลอเมริกัน มีเจ้าหน้าที่แผนกราชพาหนะและพนักงานขับรถ กรมราชองครักษ์รวม ๑๗ คน พนักงานสถานีวิทยุ อส.และภาพยนตร์ ๓๐ คน หน่วยสื่อสาร ๘ คน รวม ๑๘ คน ส่วนตึกพักของ มร.วิลเลียม บีฮัสซ์ กงสุลอเมริกันอันเปนที่พักขององครักคมนตรี ๕ ท่านนับว่านอกจากชาวไทยจะพร้อมใจกันถวายความจงรักภักดีรับเสด็จฯ อย่างเข้มแข็งแล้ว ชาวต่างประเทศก็มีส่วนถวายความจงรักภักดีให้ความร่วมมืออย่างน่าตื้นตันใจด้วย"
นอกจากนี้การจัดแสดงถวายในเวลากลางคืนระหว่างวันที่ ๕-๘ มีนาคม ๒๕๐๑ คุณวิรัช บันทึกไว้ว่า
"การแสดงคืนแรกที่เสด็จมาถึง วันที่ ๕ มีนาคม อันดับแรก รำถวายพระพร แสดงโดยนักเรียนโรงเรียนสตรีวัฒโนทัยพายัพ จำนวน ๖๐ คน อันดับที่ ๒ ตำนานพระธาตุดอย สุเทพ แสดงโดยคณะข้าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๑๐๐ คน
"คืนวันที่ ๖ มีนาคม อันดับแรก การแสดงเผ่าชาวเขา เย้า , แม้ว , ยาง , ลีซอและมูเซอ อันดับ ๒ ฟ้อนเมืองสอง แสดงโดยนักเรียนโรงเรียนบูรณศิลป์ ๕๐ คน อันดับ ๓ รำยะวา แสดงโดยนักเรียนโรงเรียน การช่างสตรีเชียงใหม่ ๑๖ คน อันดับ ๔ รำพัด แสดงโดยนักเรียนโรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย ๕๐ คน อันดับ ๕ สแควดานซ์ แสดงโดยชาวอเมริกันในเชียงใหม่ ๑๖ คน
"คืนวันที่ ๗ มีนาคม อันดับแรก การแสดงพระลอออกเมือง แสดงโดยนักเรียนโรงเรียนคำเที่ยงอนุสรณ์ ๓๗ คน อันดับ ๒ รำกระเหรี่ยง แสดงโดยนักเรียนโรงเรียนดาราวิทยาลัย ๘๐ คน อันดับ ๓ รำคบเพลิง แสดงโดยนักเรียนบูรณศิลป์ ๖๐ คน อันดับ ๔ ระบำแม้ว แสดงโดยนักเรียนโรงเรียนการช่างสตรีเชียงใหม่ ๒๘ คน อันดับ ๕ ฟ้อนมุ่ยเชียงตา แสดงโดยนักเรียนโรงเรียนสตรีวัฒโนทัยพายัพ ๔๐ คน
"คืนวันที่ ๘ มีนาคม อันเปนราตรีสุดท้ายที่ทั้งสองพระองค์จะประทับที่สำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ คณะหนังสือพิมพ์ 'คนเมือง' ได้จัดดนตรีพื้นเมือง ฟ้อนดาบ ไปแสดงถวาย มีนายวิจิตร ไชยวัณณ์ กับนายบุญเลิศ พิงพราวลี เปนหัวหน้า มีปี่ สะล้อ ไปบรรเลงเพลงซอเฉลิมพระเกียรติ มีนางสาวลัดดา มหาวงศ์นันท์ นักร้องหญิงร่วมไปถวายความจงรักภักดี
"นอกจากนี้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช บรรณาธิการ นสพ.สยามรัฐรายวัน ได้เปนหัวหน้านำช่างฟ้อนรุ่น 'คุณย่า' ๘ คน ล้วนเปนบุคคลเก่าแก่มีชื่อเสียงในเมืองเชียงใหม่ รวมกันได้ ๕๓๘ ปีไปฟ้อนถวาย ประกอบด้วย นางเฮียงแก้ว ศรีประกาศ อายุ ๗๖ ปี , นางบัวผัน พิบูลบริหาร อายุ ๗๒ ปี , นางเขียน เมฆขยาย อายุ ๗๐ ปี , นางคำแปง พิทักษ์เทวี อายุ ๖๖ ปี , นางจันทร์ทิพย์ ชุ่มจิตต์ อายุ ๖๓ ปี และนางคำน้อย สุยะโกมล อายุ ๖๒ ปี ปรากฎ ว่าการแสดงทั้ง ๒ รายการ เปนที่พอพระราชหฤทัยมาก".
พ.ต.ท.อนุ เนินหาด รอง ผกก.สส.สภ.อ.แม่ริม
จากคุณ |
:
boy_mc_carey
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ต.ค. 53 22:33:50
|
|
|
|
 |