 |
น้ำท่วมหาดใหญ่คนติดนับหมื่นเร่งช่วยชีวิต .โดย Springnews SpringNews ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2010 เวลา 10:11 น..นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ เผย ระดับน้ำท่วมวิกฤติ ระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อย ๆ ยอมรับหนักกว่าปี 43 คาดมีประชาชนติดนับหมื่นคน ต้องเร่งช่วยชีวิตก่อน ขอเรือที่ใช้สู้น้ำเชี่ยวได้ เร็วที่สุด ด้านผู้ว่าฯยะลา ประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน พร้อมจัดชุดเฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมอพยพ ยันเขื่อนบางลางยังรองรับปริมาณน้ำได้อีก
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ยังวิกฤติ ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. วันนี้(2พ.ย.53) นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวว่า น้ำเริ่มท่วมเข้าบ้านเรือนพี่น้องประชาชน ตั้งแต่เวลา 23.00 น. เป็นต้นไป และน้ำขึ้นเร็วมาก น้ำสูงกว่าตลิ่ง 1.50 เมตร เพราะฉะนั้นพอข้ามตลิ่งจะสูงกว่าพื้นดินทันที และลงที่ต่ำ ตอนนี้น้ำท่วมมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ความจริงกรมชลประทานส่งสัญญาณให้เราตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ และตัวเองได้หารือกับผู้ว่าฯสงขลาขอประกาศเตือนภัย ขณะที่นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ก็อยู่กับตัวเอง จึงตัดสินใจประกาศกัน
นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวอีกว่า ขณะนี้น้ำท่วมถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ คาดว่าบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 30,000 หลังคาเรือน เฉพาะในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ส่วนคนที่ได้รับผลกระทบมีประมาณ 100,000 กว่าคน และมีประมาณ อย่างต่ำ 4,000-5,000 หลังคาเรือน ที่อยู่ในภาวะวิกฤติ ที่ต้องกู้ชีพ อย่างเช่นบ้านชั้นเดียวอยู่ไม่ได้ แถบกลางเมืองน้ำเชี่ยวมาก เรือยังเข้ายาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำให้เร็วที่สุดไม่ใช่กันน้ำท่วม แต่ต้องอพยพพี่น้องประชาชนให้พ้นขีดอันตราย สิ่งที่ต้องการช่วยเหลือมากที่สุดคือ ช่วยชีวิตคน และต้องการเรือที่สู้กับน้ำเชี่ยวได้ เพื่ออพยพคน ขณะที่สถานที่ของเทศบาลที่จัดให้มีคนอยู่เยอะแล้ว
นายไพร กล่าวต่อว่า โดยปกติแล้ว ถ้าฝนหยุด ก็ใช้เวลา 15-20 นาที ก็แห้งได้ แต่กรณีนี้ สถานีสูบน้ำเหลืออยู่จุดเดียว ซึ่งเป็นจุดย่อย ส่วนจุดใหญ่เป็นอัมพาตทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มียอดการสูญเสียชีวิตของพี่น้องประชาชน ซึ่งคาดว่าพอสมควร ส่วนผู้ที่ติดอยู่ในตัวเมือง คาดว่ามีกว่าหมื่นคน และช่วยตัวเองไม่ได้ในขณะนี้
"เมื่อ ตี 4 น้ำท่วมสำนักงานเทศบาล ซึ่งน้ำท่วมครึ่งล้อรถ และขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ต้องเอาข้อมูลจากกรมปชลประทานว่าระดับสูงสุดอยู่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้ น้ำยังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่าห่วง น้ำท่วมหนักกว่า ปี 43 แน่นอน เพียงแค่ 2 วันตกเป็น 2 เท่าของปี 43 ซึ่งปีนั้น 420 มิลลิเมตร และเป็นการตกสะสม แต่คราวนี้ตก 2 วัน คิดว่าทะลุ 500 กว่ามิลลิเมตร แล้ว ซึ่งไม่เคยมากอย่างนี้ ที่สำคัญตกเต็มพื้นที่ น้ำทั้งหมดจะมารวมที่หาดใหญ่ ฉะนั้นตอนนี้ต้องช่วยชีวิตคน" นายไพรกล่าว
ต่อมา มีรายงานว่าได้เกิดไฟไหม้ 2 จุด ที่ จ.สงขลา แต่ไม่สามารถส่งรถดับเพลิงไปช่วยดับได้
ส่วนบรรยากาศทั่วไปในพื้นที่ จ.ยะลาในเช้าวันนี้(2พ.ย.53) ยังคงมีท้องฟ้ามืดครึม ฝนตกลงมาเล็กน้อยแต่ไม่หนัก เหมือนอย่างเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม จากสภาวะที่ฝนได้ตกหนักมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ทำให้ขณะนี้มีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ และน้ำเริ่มมีระดับสูงขึ้น อาทิ ที่ ต.ท่าสาป ต.ยุโป และ ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหลายร้อยครัวเรือน ส่วนในพื้นที่รอบนอก โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.รามัน อ.กรงปินัง และ อ.ยะหายังคงมีน้ำท่วมในหลายพื้นที่เช่นกัน ซึ่งขณะนี้จังหวัดและอำเภอได้เร่งระดมความช่วยเหลือไปยังพี่น้องประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว โดยเฉพาะทหารที่อยู่ในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมได้เข้าช่วยเหลือประชาชนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา สำหรับโรงเรียนในพื้นที่ จ.ยะลา หลังจากเปิดเรียนได้ 1 วัน เมื่อวานนี้ ก็ต้องประกาศปิดโรงเรียนไปอีก 2 วัน เนื่องจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นขณะนี้
ด้านนายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าฯยะลา กล่าวว่า หลังจากที่เกิดภาวะฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันในพื้นที่ จ.ยะลา จึงได้สั่งการให้สำนักงานอุตุนิยมวิทยาจังหวัดยะลา ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา ติดตามสภาพน้ำฝนอย่างใกล้ชิด ซึ่งตลอด 3 วันที่ผ่านมาพื้นที่จังหวัดยะลา มีฝนตกเฉลี่ย วันละ 55 มิลลิเมตร สำหรับสภาพน้ำท่าในเขื่อน บางลาง และ แม่น้ำปัตตานีที่ไหลผ่าน จ.ยะลา ตลอดจนแม่น้ำสายบุรีที่ไหลผ่านท้องที่ อ.รามันนั้น สภาพน้ำโดยทั่วไป รวมทั้งในเขื่อนบางลาง ยังอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 60 แต่เพื่อเป็นการไม่ประมาท ทางจังหวัดยะลาได้ตั้งชุดเฝ้าระวังโดยได้สั่งการให้นายอำเภอทั้ง 8 อำเภอ สำรวจจุดที่เกิดอุทกภัยอยู่เป็นประจำ หรือ ที่ราบลุ่มที่เคยเกิดน้ำท่วม มีจำนวนประชากรอยู่กี่ครอบครัวจะอพยพคนไปอยู่จุดที่ปลอดภัยในจุดใด นอกจากนี้ยังให้เตรียมแบ่งภารกิจในการแจกจ่ายอาหารแห้ง หรือ เครื่องอุปโภคปริโภค เพื่อมิให้เกิดช่องว่าง สามารถประสานงานกันได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ ยังเตรียมเรือท้องแบน รถสูง กำลังทหาร และอาสาสมัครรักษาดินแดนไว้คอยเข้าไปช่วยเหลือประชาชนหากเกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ ส่วนเครื่องมือติดต่อสื่อสารได้ให้ทางอำเภอต่าง ๆ ใช้เสียงตามสายของ อบต. และ เทศบาล คอยประกาศเตือนชาวบ้านในพื้นที่ว่าถ้ามีกรณีฝนตกหนัก หรือดินถล่ม ซึ่งขณะนี้การเตรียมการของจังหวัดยะลา มีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ช่วงที่มีน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้ หลายพื้นที่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงไปดูแลให้ความช่วยเหลือ แล้ว
ผู้ว่าฯยะลา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากเกิดภาวะฝนตกหนังในพื้นที่ และมีปริมาณน้ำหนุนสูงในบางพื้นที่นั้น ประชาชนในพื้นที่ จ.ยะลาเกิดการวิตก กังวล และได้เกิดข่าวลือเรื่องเขื่อนบางลางปล่อยน้ำลงพื้นที่นั้น จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าเขื่อนบางลางสามารถบรรจุน้ำได้ทั้งหมด 1,400 ล้านลูกบาตรเมตร ขณะนี้น้ำในเขื่อนบางลางมีปริมาณ 900 ล้านลูกบาตรเมตร ซึ่งสามารถบรรจุน้ำได้อีก 500 ล้านลูกบาตรเมตร ส่วนปริมาณน้ำที่หนุนสูงในขณะนี้เป็นผลมาจากการที่ได้เกิดภาวะฝนตกหนักใน พื้นที่ต่าง ๆ ของจังหวัดยะลา และขอประกาศเตือนไปยังประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ ปัตตานีและ แม่น้ำสายบุรี ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอรามัน และ อำเภอเมืองยะลา ซึ่งหากประชาชนต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้งได้ที่หมายเลข 1881ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากที่มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทำให้ในเช้าวันนี้มีน้ำท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี หลายจุดระดับน้ำสูงกว่า 40 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ โดยเฉพาะถนนเลี่ยงเมืองฝั่งขาเข้า และยังมีอีกหลายจุดที่ระดับน้ำสูงกว่า 30 เซนติเมตร อาทิ ถนนสายสุราษฎร์ฯ-พุนพิน บริเวณหน้าบริษัททักษิณฟาร์ม สถานีขนส่งผู้โดยสาร ถนนสายสุราษฎร์ฯ-บ้านนาสาร บริเวณหน้าศาลแขวง ถนนกาญจนวิถี ถนนตลาดใหม่ บริเวณสี่แยกแสงเพชร รวมไปถึงศาลากลางจังหวัดด้วย
ส่วนอำเภอรอบนอกเริ่มมีน้ำท่วมแล้วเช่นกัน เช่นที่ อ.ท่าฉาง และ อ.พระแสง
ขณะที่เรือเฟอร์รี่จากดอนสัก ไปเกาะสมุย ยังสามารถให้บริการผู้โดยสารได้ตามปกติ ส่วนเรือนอนได้หยุดให้บริการแล้ว
ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัยให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก จากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นในอ่าวไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ จ.ตรัง คาดว่าจะเข้าสู่แนว จ.กระบี่ จ.ภูเก็ต และลงทะเลอันดามันในเช้าวันนี้ ส่งผลให้ภาคใต้ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ คลื่นลมแรงความสูง 3-5 เมตร ชาวประมงควรจะงดออกจากฝั่งในระยะนี้ ส่วนทางภาคเหนือมีอากาศหนาวเย็นและลมแรง
จากคุณ |
:
grinny2545
|
เขียนเมื่อ |
:
2 พ.ย. 53 10:51:08
|
|
|
|
 |