ความคิดเห็นที่ 1 ประเดิมด้วยเรื่องนี้ครับ ลูกหมูสามตัว เรื่องเพศ 0 ความรุนแรง 6 เป็นเรื่องที่อุดมไปด้วยความรุนแรง เรื่องของหมาป่าที่กินลูกหมู ลูกหมูสามตัวเป็นเรื่องของลูกหมูที่สร้างบ้านด้วยฟาง, ไม้, แล้วก็อิฐ แล้วก็มีหมาป่าใจร้ายมาเป่าบ้านให้พัง แต่ก็เป่าบ้านหลังสุดท้ายไม่สำเร็จ จำได้ไหมครับ?? เรื่องต้นฉบับก็ดำเนินเรื่องมาตามนั้นแล ไม่ได้ต่างอะไร หลังจากที่กินลูกหมูสองตัวแรกเสร็จ ก็พยายามมากินลูกหมูตัวที่สามที่อยู่ในบ้านอิฐ สุดท้ายพอเป่าบ้านหลังที่สามไม่สำเร็จ เจ้าหมาป่าจึงพยายามล่อลวงหมูตัวที่สามด้วยอาหาร จึงสัญญาว่าถ้าให้เข้าบ้านนะ จะเอาลูก turnip, แอปเปิ้ลมาให้กิน แล้วก็พาไปเที่ยวงานวัดด้วย หมูตัวสุดท้ายไม่หลงกลตามคำยั่วยวน หมาป่าจึงโมโหตัดสินใจปีนลงปล่องไฟ หมูตัวนี้ฉลาดมากครับ ต้มหม้อน้ำใหญ่ๆไว้ในเตาผิง หมาป่าเมื่อปีนลงมาจึงตกลงไปในหม้อน้ำ แล้วก็ถูกต้มทั้งเป็น.. สุดท้ายแล้วทั้งหมาป่าและลูกหมูสองตัวแรกที่อยู่ในท้อง จึงเป็นอาหารให้กับหมูตัวที่สาม เมนูหมาป่ายัดไส้หมูนี่ไม่ได้สงวนนะครับ ร้านอาหารเอาไปทำได้ จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:29:17

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องที่สอง Hansel กับ Gretel เรื่องเพศ 0 ความรุนแรง 7 ฟังชื่ออาจจะไม่คุ้น เพราะว่าไม่ได้ถูกเล่ามากมาย แล้วก็ไม่ได้ถูก Disney นำไปทำการ์ตูนสำหรับเด็ก เรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กน้อยพี่น้องวัยซนที่เข้าไปในป่า โดยทิ้งเกล็ดขนมปังไว้ตามทาง ซึ่งถูกนกกินหมด จนไปเจอบ้านขนมผิงที่เป้นบ้านของแม่มดใจร้าย อ๋อ!! ต้นฉบับที่แท้จริงแล้วพี่น้องนั้นเกิดในครอบครัวที่จนมากๆครับ เหตุที่ทั้งสองต้องเข้าป่าก็เพราะแม่นั้นรับความจนไม่ได้ จึงไปเป่าหูพ่อให้ไล่สองพี่น้องออกไปหาอาหารเอง เมื่อเรื่องมาถึงตอนที่สองพี่น้องไปถึงบ้านแม่มดแล้ว แม่มดก็ขุนสองพี่น้องให้อ้วนพีเป้นเวลาเดือนนึงเต็มๆ เมื่อถึงเวลาเผด็จศึก แม่มดก็จัดแจงเตาอบไว้พร้อม แต่ Gretel รู้เรื่องทัน จึงผลักแม่มดเข้าไปในเตาอบทั้งเป็น หลังจากนั้นจึงรวบรวมของมีค่าแล้วก็จึงนำกลับบ้าน ด้วยความช่วยเหลือของเป็ดน้อยสีขาว (ผู้แปล:มาจากไหนเนี่ย?) เมื่อถึงบ้านก็พบว่าแม่ใจร้ายได้ตายไปแล้ว (ยังไงไม่ทราบ) จึงนำของมีค่าให้พ่อ แล้วสองพี่น้องก็อยู่กับพ่ออย่างมีความสุข เขาว่ากันว่าผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์นะครับ.. ไม่แน่ใจว่าแม่มดที่ว่านี่จริงๆอาจจะเป็นแค่คนแก่ใจดีก็ได้ อันนี้ก็ว่ากันไป เพิ่มเติม บางเวอร์ชั่นกล่าวว่าจริงๆเจ้าของบ้านเป็นผัวเมียปีศาจ โดยปีศาจล่อลวงให้เด็กขึ้น"เขียง" เพื่อที่จะเชือดให้เลือดไหลจนตาย แต่Gretelจึงแอ๊บแบ๊วทำไม่เป็น ขอให้เมียปีศาจโชว์ให้ดูหน่อยว่าจะต้องนอนยังไง พอเมียปีศาจขึ้นเขียง เด็กน้อยก็จัดการเชือดคอทิ้ง แล้ววิ่งหนีออกมา แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 20:02:06 จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:30:23

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องที่สามเป็นนิยายคลาสสิคครับ หนูน้อยหมวกแดง เรื่องเพศ 7 ความรุนแรง 8 บางแหล่งก็วิจารณ์ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไปทางเพศค่อนข้างสูง ด้วยสีแดงของหมวกรวมไปถึงหมาป่า ทั้งหมดเป็นสัญลักษณ์ทางเพศ นิยายเรื่องนี้บางฉบับก็มีเรื่องราวของหนูน้อยหมวกแดงที่หนีโดยการ "ถอดเสื้อผ้า" ขึ้นบนเตียงกับหมาป่า เมื่อกล่าวชม "แขนของคุณยายที่ดูแข็งแรงดีจัง" ก็วิ่งหนีก่อนที่หมาป่าจะได้ทันทำอะไรกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ส่วนฉบับอื่นๆที่พบก็จะเป็นเรื่องที่ทั้งหนูน้อยและคุณยายถูกกิน แต่แล้วก็มีนายพรานเข้ามา ซึ่งก็นำกรรไกรมาตัดท้องหมาป่า เอาคุณยายกับเด็กออกจากท้อง หนูน้อยหมวกแดงจึงเอาหินยัดท้องให้เต็ม เย็บกลับที่เดิม หมาป่าเมื่อตื่นขึ้นมาก็พยายามวิ่งไล่ตามด้วยความแค้น แต่แล้วก็ล้มตาย นายพรานจึงนำหนังหมาป่ามาทำเป็นเสื้อคลุม ถ้าจินตนาการตามเรื่องนี้จะสนุกเป็นพิเศษนะขอรับ จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:33:50

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องเจ้าหญิงนิทรา sleeping beauty เรื่องเพศ 10 ความรุนแรง 5 ในเรื่องต้นฉบับจริงๆแล้วเจ้าชายได้พบกับเจ้าหญิงนิทราจริงๆครับ เพียงแต่เจ้าหญิงไม่ได้ตื่นด้วย "จุมพิต" อย่างที่เวอร์ชั่นปัจจุบันว่ากัน เจ้าหญิงนั้นถูกสาปให้นอนกลับไปร้อยปีโดยนางมารใจร้าย โดยสาปผ่านจักรเย็บผ้าอาบยาพิษ เมื่อเจ้าชายมาพบเจ้าชายก็เกิดตัณหาขึ้นมา จึง "ข่มขืน" เจ้าหญิง จนกระทั่งเจ้าหญิงตั้งท้องและคลอดลูกฝาแฝดออกมา (ทั้งๆที่หลับอยู่นั่นแหละ) แล้ววันหนึ่งเมื่อลูกน้อยพยายามดูดนมแม่ ก็เผลอไปดูดผิดเป็นดูดนิ้วของเจ้าหญิง จึงเป็นการถอนคำสาป เมื่อเจ้าหญิงตื่นมาคงจะงงไม่ใช่น้อยทีเดียว ต้องตรวจดีเอ็นเอไหมเนี่ยชั้น? จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:35:11

ความคิดเห็นที่ 5 แจ็กผู้ฆ่ายักษ์ หรือ Jack and the Beanstalk (ที่เป็นที่นิยม) หรือว่า Jack and His Bargains เรื่องเพศ 3 (แล้วแต่จินตนาการ) ความรุนแรง 5 สำหรับเรื่อง Jack and His Bargains (พูดได้ว่าเป็นภาคสองของแจ็คผู้ฆ่ายักษ์มั้ง) แจ็คนั้นก็ไปขายวัวเหมือนกัน แต่เขาขายวัวเพื่อแลกกับคฆาวิเศษ อืมมมมม แจ็คจึงนำคฑาไปเล่นมนต์เพื่อทำให้เจ้าหญิงประทับใจ แล้วจึงแต่งงานกับเจ้าหญิงและมีลูกมากมาย ส่วนเรื่องแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ที่ปีนต้นถั่วนั่นล่ะ? แจ็คก็นำเอาวัวชื่อ Milky White ที่ไม่มีนมให้รีดแล้วไปขายและกับถั่ววิเศษ (คุ้มเนอะ) แจ็คก็ปีนขึ้นไปปราสาทของยักษ์ สามครั้ง ไปแต่ละครั้งก็ไปขโมยของโดยซ่อนในของในบ้านเช่นเตาอบหรือหม้อ ว่าแล้วก็ขโมยของมีค่า เช่น ถุงทอง ห่านที่ออกไข่ทองคำ และ พิณทองคำ ทีนี้เรื่องต้นฉบับมีจุดหักมุมคือว่ายักษ์ตนนี้แต่งงานแล้ว และแจ็คก็ตีสนิทกับเมียยักษ์(ขอเรียกอย่างนี้ละกัน) ได้เป็นอย่างดีเมื่อยามผัวไม่อยู่ (แปลแบบตรงตัวนะครับ ไม่ทราบว่าเข้ากันได้นี่หมายถึงอะไร)  จนเมียยักษ์ยอมช่วยแจ็คซ่อนตัวจากยักษ์ผู้เป็นสามี เมื่อครั้งที่สาม พิณทองคำกลับมีชีวิตและร้องขอความช่วยเหลือ ยักษ์จึงไล่ตามแจ็ค ปีนต้นถั่วลงมาตามกัน แจ็คจึงตะโกนเรียกแม่ให้ช่วยด้วย ตัดต้นถั่วซะ แต่แม่ตกใจทำอะไรไม่ถูก แจ็คจึงรีบปีนลงไป และเมื่อถึงก็ตัดต้นถั่วด้วยขวาน และยักษ์จึงตกลงมาตาย เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะเข้าได้กับทุกยุคทุกสมัยดีนะครับ จะว่าไปก็น่าสงสารยักษ์เหมือนกัน จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:37:52

ความคิดเห็นที่ 6 Beauty and the Beast เรื่องเพศ 8 ความรุนแรง 3 เป็นเรื่องของครอบครัวซึ่งมีพ่อกับลูกชายสามคนและลูกสาวสามคน ลูกสาวคนสุดท้อง ที่มีชื่อเล่นว่า Beauty เป็นผู้ที่หน้าตาสวยที่สุด จึงเป็นที่อิจฉาของพี่ๆ เมื่อวันนึงคุณพ่อซึ่งมีปัญหาเรื่องการเงินต้องออกเดินทาง จึงถามลูกๆว่าอยากได้อะไรเป็นของฝากบ้าง ลูกสาวสองคนแรกอยากได้เสื้อผ้ากุชชี่สวยๆแพงๆ ลูกสาวคนสุดท้องกลับอยากได้แค่กุหลาบปากคลอง เมื่อพ่อไปพบกุหลาบในสวนจึงไปเด็ดแต่ก็ถูกเจ้าของสวน ชื่อคุณชาย Beast จับได้ บทลงโทษคือถ้าไม่ไถ่ด้วยชีวิตพ่อ ก็จะขอลูกสาวหนึ่งคน พ่อจึงขอเวลาตัดสินใจก่อนหนึ่งคืน (พ่อประสาอะไรเนี่ย คิดจะเอาชีวิตลูกไปแทนตัวเอง) สุดท้ายBeauty อาสาไปแทนพ่อ ท่ามกลางความปิติของพี่สาวทั้งสอง เมื่อไปถึงปราสาทกลับผิดคาด  Mr. Beast ก็เลี้ยงดู Beauty อย่างดี หวังจะให้รักตน Mr. Beast ก็ขอ Beauty แต่งงานเถอะนะๆๆๆ นะๆๆตัวเองเท่าไหร่ Beauty ก็ไม่ยอมใจอ่อน เมื่อ Beauty ขอกลับบ้านนอกไปเยี่ยมบ้านหนึ่งอาทิตย์ Beast ก็ไม่มีปัญหา พอกลับไปถึงบ้านพี่สาวทั้งสองก็วางแผนให้อยู่เกินอาทิตย์นึง Beast จะได้มาไล่ฆ่า Beauty แต่แล้ว Beast ก็เชื่อใจ ไม่ตามหาแต่อย่างใด มีแต่มาเจอแค่ในฝัน Beauty จึงรู้ตัวว่ารักคุณเข้าแล้ว เป็นไร รักจนคลั่งใคล้จริงจัง จากนั้นเป็นอะไรก็คงรู้นะครับ เว้นแต่ว่าพี่สาวทั้งสองก็ถูกสาปให้เป็นหิน จนกว่าจะยอมสารภาพผิด เอิ่มม.... นะ เรื่องนี้จริงๆแล้วตัวเจ้าชายอสูรนั้นตันฉบับไม่ได้อธิบายไว้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรนะครับ แต่มีอยู่เวอร์ชั่นนึงที่อธิบายไว้ว่าอสูรนั้นมีรูปลักษณ์ "เหมือนงู" เพราะว่าอสูรนั้นไป"ล่อลวงเด็กกำพร้า" ซึ่งคาดว่า Beauty คงจะรับเรื่องอดีตได้อยู่มั้ง แล้วก็อยู่อย่างทีความสุขเช่นเดิม เนื้อหาทางเพศในเรื่องนี้จะออกมาเป็นรูปแบบของสัญลักษณ์มากกว่าตรงๆ ทั้งเจ้าชายเองที่กลัวในเรื่องเพศและสับสนจนกระทั่งเปิดเผยมากขึ้น(กล้าสารภาพรัก) หรือดอกกุหลาบที่เป็นสัญลักษณ์ของสาวพรหมจรรย์ ที่พ่อไปเก็บก็เหมือนเป็นการยอมรับการโตเป็นสาว และงู(ในบางฉบับ)ก็เป็นสัญลักษณ์ของตัณหา เรื่องนี้ก็สอนให้รู้ว่าการยอมรับเรื่องเพศนั้นอาจจะน่ากลัวและสับสนสำหรับเด็ก แต่เมื่อโตแล้วก็จะเป็นสิ่งสวยงามได้เช่นกัน ดั่งเช่นคู่ของBeauty and the Beast จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:42:01

ความคิดเห็นที่ 7 Snow White ** คำเตือน เรื่องนี้ทำลายความฝันอย่างแรง กรุณาทำใจก่อนอ่าน ** เรื่องเพศ 2 ความรุนแรง 9 (carnibalism) เรื่องของสโนไวท์ผู้เลอโฉมนั้นเป็นหนึ่งในนิยายคลาสสิคครับ เป็นเรื่องของสาวน้อยผมสีดำเหมือน ebony (ไม้ตะโก)ปากสีแดงเหมือนเลือด และผิวสีขาวดุจหิมะ ผู้ซึ่งถูกอิจฉาโดยราชินีใจร้ายซึ่งจะไม่ยอมถูกชิงตำแหน่งผู้งามเลิศในปฐพีโดยลูกสาวตัวเอง ราชินีผู้ไม่ยอมให้สังขารของตัวเองมาเป็นที่สองรองจากวัยสาวของลูกสาวของตนจึงต้องการฆ่าลูกของตน เวอร์ชั่นแรกๆของสโนไวท์นั้นกล่าวถึงเหตุการณ์ตอนที่สโนไวท์อายุ7ขวบ สโนไวท์ไปขี่ม้ากับราชินีและราชา ราชินีได้ทรงตรัสให้สโนไวท์ไปเก็บกุหลาบ จากนั้นรีบควบม้าทิ้งเด็กน้อยไว้ลำพังในป่า จากนั้นราชินีก็มาทราบว่าสโนไวท์ยังไม่ตาย จึงจ้างนายพรานให้ไปฆ่าเสีย โดยให้นายพรานนำเอา "หัวใจ, ปอด และตับ" ของลูกสาวมาให้แม่กิน แต่แล้วเมื่อนายพรานไปพบสโนไวท์ก็ไม่สามารถฆ่าสโนไวท์ได้ลงคอ แต่ก็ไม่กล้าให้ความช่วยเหลือ จึงทิ้งสโนไวท์ไว้ในป่าต่อไป แล้วจึงนำเอาเครื่องในสัตว์มาถวายให้ราชินีเหยาะเกลือ ปรุงรส และเสวยอย่างมีความสุข โดยทรงเชื่อว่าทำอย่างนี้จะช่วยให้ 1) กำจัดสโนไวท์ 2) ขโมยความเยาว์ของสโนไวท์ เรื่องสโนไวท์นั้นบางทีก็โฟกัสแต่ตัวคนแคระมากกว่าเรื่องราชินี แล้วราชินีบางทีก็กลายเป็นแม่เลี้ยงมากกว่าที่จะเป็นแม่บังเกิดเกล้าเพื่อลดดีกรีความรุนแรง ทีนี้สโนไวท์ก็ไปอยู่ืที่บ้านคนแคระ ซึ่งบางเวอร์ชั่นก็กล่าวว่าคนแคระให้ที่กำบังเพื่อแลกกับแรงงานของสโนไวท์ ย้ำอีกทีว่าตอนนั้นเพิ่ง 7 ขวบนะครับ ไม่ได้เป็นสาวเหมือนในการ์ตูน Disney แต่อย่างไรก็ดีราชินีจึงตัดสินใจลงมือเองดีกว่า จึงไปพยายามฆ่าที่บ้านคนแคระถึงสามครา ครั้งแรกด้วยเข็มขัดซึ่งรัดท้องสโนไวท์อย่างแน่นจนหายใจไม่ออก แต่คนแคระมาช่วย ครั้งที่สองด้วยหวีอาบยาพิษ ซึ่งทำได้แค่ทำให้สลบ และครั้งที่สาม ด้วยแอปเปิ้ลอาบยาพิษในตำนาน ทำให้สโนไวท์นั้นหลับเป็นเจ้าหญิงนิทราไป แต่แล้วสโนไวท์ก็ถูกถอนคำสาปโดยเจ้าชาย (หวังว่าจะไม่ใช่วิธีเดียวกันกับเจ้าหญิงนิทราในเรื่องก่อน) สโนไวท์จึงอภิเษกกับเจ้าชาย ส่วนราชินีจึงถูกลงโทษให้ตาย ด้วยการให้สวมรองเท้าเหล็กพิเศษ ที่นำไปอบในเตาไฟให้ร้อนเป็นสีแดง แล้วนำไปให้ราชินีสวมจนทรง"เต้น"ด้วยความร้อนจนตาย จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:44:34

ความคิดเห็นที่ 8 Cinderella เรื่องนี้ทำลายความฝันเช่นกัน โปรดทำใจก่อนอ่าน เรื่องเพศ 0 ความรุนแรง 10 เรื่องนี้มีเรื่องที่คล้ายๆกันจากเมืองจีนในปี คศ850 จากอิตาลีปี 1634 เยอรมันปี1697 โดยดิสนีนำเอาเวอร์ชั่นจากฝรั่งเศส(1697)ไปดัดแปลงเป็นการ์ตูนอมตะ พล็อตเรื่องโดยมากก็เหมือนๆกันกับฉบับดิสนีครับ เพียงแต่ขาดฉากโหดเหี้ยมบางฉาก ในการ์ตูนที่เรารู้จักกัน เมื่อบรรดาพี่สาวสวมรองเท้าแก้วไม่เข้า ต่างก็ผิดหวัง แต่ในต้นฉบับ เพื่อจะแต่งกับเจ้าชาย ผู้หญิงทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละครับ  เมื่อพี่สาวสวมรองเท้าไม่เข้า จึงพยายามฟิตให้เข้าให้ได้ โดยการตัดและเฉือนส่วนเกิน.... ส่วนไหนเหรอครับ?? นิ้วเท้าและส้นเท้าไงครับ เมื่อเฉือนไปแล้วก็ยังไม่เข้า ก็เฉือนอีกเรื่อยๆจนเข้าให้ได้ แข่งกันเฉือนเท้าตัวเอง จนรองเท้าแก้วก็กลายเป็นรองเท้าแก้วอาบเลือด ส่วนตอนจบบรรดาพี่สาวและแม่เลี้ยงใจร้ายก็จบง่ายๆครับ โดนฝูงนกสีขาวอันหิวโหยจิกลูกตากินทั้งหมด พล็อตเรื่องเอาไปทำหนังสยองได้เลยนะเนี่ย จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:46:14

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องสุดท้ายครับ Rapunzel เรื่องเพศ 8 ความรุนแรง 7 Rapunzel ถ้านึกไม่ออกก็คือเรื่องของผู้หญิงสาวผมทองยาวๆที่ถูกขังไว้ใน หอคอยครับ แล้วผู้หญิงคนนี้ก็จะปล่อยผมยาวให้เจ้าชายปีนขึ้นไปหา ที่มาก็คล้ายๆกับเรื่อง beauty and the beast ครับ ตอนที่แม่ของ Rapunzel แพ้ท้อง ก็ได้ขอให้สามีไปเก็บผัก Rampion (ที่มาของชื่อ Rapunzel)จากสวนต้องห้าม เมื่อถูกแม่มดผู้ปกป้องสวนจับได้ จึงกลัวโดนลงโทษ จึงขอให้เอาลูกสาวไปแทนที่ตัวเอง (เหมือนกันเลย) แม่มดในที่นี้คือ Sorceress นะครับเหมือนจอมเวทย์มากกว่า witch ใจร้าย ชีวิตกับแม่ใหม่ก็โอเคนะครับ เลี้ยงดูเรื่อยๆจนอายุ12 ทุกครั้งที่แม่มดจะนำอาหารไปให้ก็จะกล่าวว่า “Rapunzel, Rapunzel, let down your hair, so that I may climb the golden stair.” แล้ว Rapunzel ก็จะปล่อยผมลงมาให้แม่มดปีนขึ้นไปนำอาหารไปให้ วันนึงเจ้าชายก็เดินเล่นมาได้ยินเสียง Rapunzel ร้องเพลงอารมณ์ดี จึงไปแอบมองแล้วก็เห็นแม่มดเอ่ยคำนั้น แล้วปีนขึ้นไปหา เจ้าชายนึกสนุกจึงอยากลองมั่ง แล้วทั้งสองจึงลงเอยด้วยการไปมาหาสู่ แน่นอนรวมถึงเซ็กส์ด้วย จนกระทั่ง Rapunzel ตั้งท้องโดยที่ตัวเองยังไม่รู้ว่าการตั้งท้องเป็นยังไง เมื่อแม่มดพบว่าท้องของ Rapunzel โตขึ้นก็จับได้ และโมโหมากที่ลูกของตนทำอย่างนี้ จึงตัดผมยาวของ Rapunzel เนรเทศไปในทะเลทรายตามลำพัง แล้วจึงดักรอเจ้าชายในหอคอย เมื่อเจ้าชายมาถึงก็ทำเหมือนเดิม แตคราวนี้ขึ้นไปเจอจอมเวทย์ เจ้าชายตกใจรีบกระโดดออกมาจากหอคอย ลงไปสู่พุ่มหนาม ทำให้ตาบอด เจ้าชายจึงคลำทางมั่วๆเข้าไปในป่า หลังจากนั้นพักใหญ่เจ้าชายก็ได้ยินเสียง Rapunzel ร้องเพลงอีกครั้ง เมื่อทั้งสองได้พบกัน Rapunzel ก็ร้องไห้ ซึ่งน้ำตาทำให้ตาของเจ้าชายมองเห็นอีกครั้ง ก็จบประมาณนี้ครับ ทั้งสองก็ lived happily ever after ปิดกระทู้ด้วยเรื่องที่จบอย่างมีความสุขละกันนะครับ ขอบคุณที่ัรับชมครับผม ว่าแต่แล้วแม่มดกับลูกในท้องเป็นยังไงล่ะเนี่ย จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:49:10

ความคิดเห็นที่ 10 สนุกดีครับ บางเรื่องก็เคยได้ยินมาบ้าง (เช่น ซินเดอเรลล่าที่พี่น้องตัดเท้าเพื่อจะสวมรองเท้าแก้วได้) แต่ผมสงสัยอยู่เรื่องเดียว เหตุใดเรื่องพวกนี้ถึงต้องแต่งให้รุนแรงด้วย สอนใจ? สะท้อนสังคม? ประชดสังคม?  เตือนสติ? หรือว่าอย่างไรกันแน่ครับ จากคุณ : วิหคอัคคี เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:52:44

ความคิดเห็นที่ 11 Hansel กับ Gretel กับ แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ นี่มัน Dark พอสมควรเลยนะ พ่อจน ทิ้งลูก ลูกฆ่าแม่มด ลูกเอาสมบัติมาให้พ่อใช้ต่อ นี่มันสอนลูกให้เป็นโจรชัดๆ แจ็ค โง่ เอาวัวไปแลกถั่ว ปลูกต้นถั่วไปขโมยของๆเขา ไม่พอยังจะฆ่าเขาอีก จากคุณ : Bluesardeen เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:57:52

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านกระทู้นี้ทำให้ได้รู้ว่าเคยอ่านแบบดั้งเดิมก็ราพันเซล/ฮาเซลกับกราเทล ที่เหลือเคยได้ยินมาบ้าง จากคุณ : Yee-GiN เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:00:01 A:124.120.177.226 X: TicketID:209209

ความคิดเห็นที่ 13 สนุกดีครับ เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน ยังไงก็ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : woraphon เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:01:24

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณค่ะ แต่ละเรื่องนี้สุดๆจริงๆ จากคุณ : ตุ๊กตากล เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:11:07

ความคิดเห็นที่ 15 จริงๆวรรณคดีไทยหลายเรื่องก็โหดนะ นางสิบสอง / สังข์ทอง / ขุนช้าง ขุนแผน จากคุณ : Love Intruder เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:15:52

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านๆไป จำได้ว่าเคยอ่านแบบที่เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น รู้สึกจะมีแบบแนวคลีโอพัตรา และอีกมากมาย อ่านแล้วเสื่อม+จิตตกอย่างรุนแรง จากคุณ : ไอคิวแขม่ว เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:19:09

ความคิดเห็นที่ 17 เหมือนเป็นด้านมืดของ อมตะการ์ตูนคลาสสิคเลยนะคะ บางเรื่องไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยอ่ะ ถึงแก่อึ้ง จากคุณ : ล๊อกเก๊ตรูปหัวใจ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:24:33

ความคิดเห็นที่ 18 .....ช่างเหอะ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 20:32:45 จากคุณ : CiaCia เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:30:16

ความคิดเห็นที่ 19 จากที่ อ่านๆมานี้มัน นิทานพื้นบ้านเยอร์มันฉบับแรกๆ ผมเคยเจอในห้องสมุดละเก่ามากๆ   เป็นผลงานพี่น้องกริมม์เป็นเวอร์ชั่นที่พูดกันปากต่อปากและปรับเปลียนในสมัยนั้น เป็นเวอร์ชั่นโหดร้ายมากๆ จากคุณ : rame เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:59:10

ความคิดเห็นที่ 20 นิทานกริมม์ ! จากคุณ : nutnarukex เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 21:12:43

ความคิดเห็นที่ 21 เสริมที่มาของนิทานกริมม์ก็แล้วกัน เคยมีคนเอามาลงนานเหมือนกัน เหตุผลที่รุนแรง ส่วนหนึ่งก็มาจากยุคสมัยนั้นด้วย *********************** นิทานกริมม์ (Kinder und Hausmärchen "นิทานสำหรับเด็กและครอบครัว") หมาย ถึงนิทานและเรื่องเล่าในท้องถิ่นที่ ยาคอบ ลุดวิก คาร์ล กริมม์ กับวิลเฮมล์ คาร์ล กริมม์ (หรือรู้จักในนาม"พี่น้องตระกูลกริมม์) เป็นผู้รวบรวมขึ้นเป็นเล่ม นอกจากนิทานจำนวน 200 เรื่องแล้ว ยังประกอบด้วยเรื่องเล่านักบุญ 10 เรื่องอีกด้วย * ในบางเอกสารก็จะนับลุดวิก เอมิล กริมม์ น้องคนสุดท้องซึ่งเป็นผู้วาดภาพประกอบของฉบับพิมพ์ครั้งแรกเข้าเป็นหนึ่งใน ผู้แต่งด้วยเช่นกัน ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ซึ่งนิทานกริมม์ถูกพิมพ์ออกมาเป็นครั้งแรกนั้น เยอรมันอยู่ในยุคของ Sturm und Drang ซึ่งเป็นการปฏิวัติด้านวรรณกรรมครั้งใหญ่ ก่อให้เกิดการต่อต้านแนวคิดในแง่ปรัชญามาเป็นการแสดงออกทางอารมณ์ซึ่งอยู่ เหนือกว่าสติ และส่งผลให้มีการหยิบยกงานเขียนในอดีตขึ้นมากล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้สังคมหันมาจับตามองยังนิทานและตำนานอีกครั้ง มีหนังสือรวบรวมเกี่ยวกับนิทานเหล่านี้ถูกพิมพ์ออกมามากมาย หากส่วนมากก็ถูกบรรณาธิการดัดแปลงเรื่องเสียจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ด้วยเหตุนี้เอง พี่น้องกริมม์จึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนิทานเหล่านี้ จนกระทั่งพวกเขาได้พบกับเบลนตาโน่(เคลเมน เบลนตาโน่ นักเขียนแนวโรแมนซ์ชื่อดังของเยอรมัน) กับโยฮีม(โยฮีม วอน อาร์นิม นักเขียนแนวโรแมนซ์ชื่อดังของเยอรมัน เป็นรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเดียวกับเบลนตาโน่) ในปี 1803 ในช่วงปี 1810 พี่น้องกริมม์ส่งตัวอย่างต้นฉบับไปให้เบลนตาโน่ หากเขาก็ทำต้นฉบับดังกล่าวหายไปทำให้การพิมพ์หนังสือต้องยกเลิก (ภายหลังเมื่อเข้าศตวรรษที่ 20 จึงค้นพบต้นฉบับดังกล่าวที่สำนักชีเอลเนเบิร์ก ต้นฉบับนี้จึงถูกเรียกว่า"ฉบับเอเลนเบิร์ก"ในเวลาต่อมา) จนปี 1812 พี่น้องกริมม์จึงอาศัยต้นฉบับที่คัดลอกเก็บไว้พิมพ์นิทานกริมม์เล่มแรกออกมา (และออกเล่มสองในปี 1815) หากฉบับพิมพ์ครั้งแรกนี้ยังมีข้อด้อยทางภาษาและมีเนื้อหาไม่เหมาะสมอยู่มาก นิทานกริมม์จึงถูกปรับปรุงใหม่และพิมพ์ออกมาอีกครั้งในปี 1819 *********************** กระทู้เก่า เผื่อใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/01/A7400262/A7400262.html http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3080683/A3080683.html จากคุณ : Vortex เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 21:14:59

ความคิดเห็นที่ 22 vote & gift จากคุณ : ton_ck เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 21:18:43

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่เอาเรื่องมาลงนะคะ เราเคยได้ยินเกี่ยวกับเวอร์ชันมืดมนของนิทานเหล่านี้มาเหมือนกันและสงสัยอยู่เลยว่าเนื้อเรื่องมันจะโหดอย่างนั้นจริงๆหรอ จนกระทั่งเราซื้อเทพนิยายกริม และเทพนิยายแอนเดอร์เสน ของสำนักพิมพ์ Freeform มาจากงานสัปดาห์หนังสือ (ครั้งที่แล้ว) น่ะค่ะ เสียดายว่าในหนังสือของกริมจะมีแค่เรื่องบางเรื่อง อย่างเช่นซินเดอเรลลา (ที่ใช้ชื่อเรื่องว่า Aschenputtel ) หรือ แฮนเซล เกรเทล ซึ่งเรื่องซินเดอเรลลาเนี่ยเราเห็นด้วยเลยค่ะ ว่าอ่านแล้วรู้สึกมืดมนมากๆ ตอนตัดนิ้ว ฝูงนกร้องเพลง หรือตอนนกจิกตาตอนจบ ส่วนพี่น้องบ้านขนมเนี่ยก็เหมือนกับที่ จขกท เ่ล่าเลย ถึงแม้ว่าในเล่มนั้นจะมีเรื่องอื่นที่แปลกๆอีกเหมือนกัน เช่น เจ้าสาวของกระต่าย แต่ดั๊นนนน เราเองก็อยากอ่านไอ้เรื่องที่มันโหดผิดเพี้ยนแล้วกลายมาเป็นเทพนิยายดิสนีย์อีก แต่ในหนังสือก็ดันมีไม่ครบซะนี่ แก้ไขค่ะ อ่านพลาด เจ้าของกระทู้ลงที่ให้ตามอ่านเพิ่มไว้แล้ว ^^; แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 21:23:22 จากคุณ : Wish&Chips เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 21:21:45

ความคิดเห็นที่ 24 ทำไมหนูน้อยหมวกแดงโหดผมได้ยินหลายเวอร์ชั่นจังหว่า แต่ที่ผมจำได้แม่นสุดเป็นเวอร์ชั่นที่ "หนูน้อยหมวกแดงเดิมทีเป็นหมวกสีขาว แต่โดนหมาป่ากัดเลือดกระฉุดแล้วก็โดนนายพรานข่มขืนจนฉีกขาด เลยเอาหมวกมาซับเลือดจนกลายเป็ยสีแดง" จากคุณ : bloodsoap_cdaz เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 21:41:57

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับ ผมเคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไม นิทานพื้นบ้านของไทย ออกแนวโหด น้ำเน่า แล้วของนิทานทางฝรั่งถึงได้ออกแนวสุขสันต์ ที่ไหนได้เค้าโหดและหม่นกว่าของไทยอีก แต่มาดัดแปลงให้มันน่ารักๆ จากคุณ : หมีอดนอน เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 21:56:05

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณสำหรับทุกคำขอบคุณนะครับ คอมเมนท์มาได้เรื่อยๆ แค่นี้ก็มีแรงแปลงานต่อไป จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 22:06:38

ความคิดเห็นที่ 27 เคยอ่านเหมือนกันค่ะ สมัยประถม เป็นรวมเรื่องนิทานกริมม์ พ่อซื้อให้เพราะเห็นว่ามันเขียนว่านิทาน 555 ตอนนั้นยังงเลยว่าเอ๊ะ ทำไมเรื่องมันเป็นแบบนี้หว่า ไม่เหมือนในการ์ตูนดิสนีย์เลย เรื่องสโนวไวท์จำได้ว่ามีอีกแบบที่มีสองพี่น้อง คนนึงชื่อโรส(มั้ง) อีกคนชื่อสโนว์ดรอป จำได้แค่นี้ 555 เคยได้ยินว่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าในวงเหล้ามาก่อน หลังๆถึงมาดัดแปลงให้เป็นนิทาน และดิสนีย์ก็ดัดแปลงต่อให้เป็นการ์ตูนเด็ก อย่างเรื่องหนูน้อยหมวกแดง จริงๆแรกเริ่มคือต้องการเตือนเด็กสาวบริสุทธิ์ระวังจะถูกหมาป่า(ผู้ชาย)ล่อลวงไปปล้ำ แต่เล่าเป็นนิทานเปรียบเทียบ จากคุณ : นางาเสะจัง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 22:39:40

ความคิดเห็นที่ 28 เคยอ่านเจอเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะดาร์คได้ขนาดนี้   จากคุณ : แม่ตบสลบคาคอม เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 22:42:48

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าดูว่าแต่งขึ้นตามยุคสมัยนั้นคงไม่แปลก เพราะเรื่องพวกนี้แฟนตาซีโดยมียุคกลางตามความเป็นจริงเป็นพื้นฐาน ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ความเป็นอยู่โหดร้ายทารุณกว่าปัจจุบันมากมายแบบเทียบไม่ได้ อย่างการลงโทษผู้กระทำผิดแบบที่ตัวร้ายในนิทานโดนในตอนจบอาจเป็นเพียงเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นเท่านั้น เคยดูในช่อง history channel ว่าเมื่อมีสงครามเอาชนะกันได้ก็เกิดการปล้นเมืองและข่มขืนหญิงสาวกันเป็นเรื่องปกติของยุคนั้นเลย ซึ่งหากเอาเรื่องพวกนี้มาเปรียบเทียบแล้วคนแต่งคงคิดว่าในนิทานนี่มันแค่เรื่องสำหรับเด็กๆเท่านั้นและเอาไว้ใช้สอนเด็กให้รู้จักระมัดระวังและป้องกันตัวเองจากการโดนประทุษร้ายและถูกข่มขืนไงครับ จากคุณ : Pdash เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 22:43:44

ความคิดเห็นที่ 30 รุ่นลูกๆเราคงจะดูหนังดีสนี่ส์เรื่อง "การผจญภัยในห้องน้ำสาธารณะของอาเบะ" จากคุณ : น้ำหมึกกลับด้าน เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 23:27:18

ความคิดเห็นที่ 31 คงเพราะฉบับแรกๆ มัน น่ากลัว และก็มืดมน เค้าก็เลยต้องปรับให้เข้ากับเด็กๆ ได้ละมั้ง เราเองก็เคยอ่านเรื่องแบบนี้  จากหนังสือ เทพนิยายกริมม์ เหมือนกัน แต่ตอนอ่านยังเด็กก็เลยไม่รู้ว่า  มันเป็นของวอลท์ ดิสนีย์ จากคุณ : gunapide เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 23:42:35

ความคิดเห็นที่ 32 จขกท. ช่วยลบภาพใน คห.6 ด้วยครับ แต่เนื้อหาไม่ต้องลบนะครับ จากคุณ : Speak เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 07:22:53

ความคิดเห็นที่ 33 นึกถึงเกมนี้ขึ้นมาเลย จากคุณ : bellbell05 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 08:43:43

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณที่แปลมาให้อ่านนะคะ เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน อย่างเรื่องเงือกน้อย ซินเดอเรลล่า หนูน้อยหมวกแดง แต่ที่เหนือความคาดหมายสุดๆ คือเรื่อง...เจ้าหญิงนิทรา !!! อ่านแล้วแอบจิตตกเล็กน้อย - -! จากคุณ : Ma-Lang-Zaa เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 09:50:33

ความคิดเห็นที่ 35 มีอีกอันที่พูดถึงของ สโนไวท์ คือ  เรื่องนี้มีอีกรูปแบบหนึ่งที่เคยได้ยินมา โดยหลักก็จะเหมือนกับ เฮนเซลเกรเทล ของ จขกท.ผู้ชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่สโนไวท์(เป็นเด็ก น่าจะอายุ7ขวบเหมิอนที่ จขกท.เล่ามา) เป็นคนทำขึ้นมาเอง แล้วใส่ความแม่เลี้ยง ที่เป็นราชินีคนใหม่ เพราะราชีนีคนใหม่ ตั้งท้อง กลัวลูกของราชินีคนใหม่ ได้รับความรักจากพ่อ ทำให้ตนเอง ไม่ได้รับความรักเหมือนเดิม เลยก่อเรื่องขึ้นมา แล้วใส่ความราชินี แต่ตอนจบก็แบบเดียวกันคือ ราชินีคนใหม่ที่เป็นแม่เลี้ยงของสโนไวท์ โดนใส่รองเท้าเหล็กร้อน และเต้นจนตายแบบเดียวกัน แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 53 11:45:49 จากคุณ : juze เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 11:44:13

ความคิดเห็นที่ 36 เคยได้ยินเรื่องของสโนว์ไวท์และเจ้าหญิงนิทรามาบ้างเหมือนกัน ฟังดูหดหู่ดี ว่าไปก็อยากจะอ่านเวอร์ชั่นหดหู่แบบเต็มๆจัง จะหาซื้อหนังสือได้ที่ไหนบ้างเนี่ย (ฟังดูเหมือนเราโรคจิตเนาะ หุหุ) จากคุณ : มู้ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 13:10:32 A:115.188.245.43 X: TicketID:224764

ความคิดเห็นที่ 37 แถมรูปให้ครับ เจ้าหญิงขาวราวหิมะ จากคุณ : CARAGIO เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 13:21:33

ความคิดเห็นที่ 38 แม่นางบาปรองเท้าแก้ว จากคุณ : CARAGIO เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 13:22:18

ความคิดเห็นที่ 39 สาวน้อยหมาป่าห่มหนังแกะ จากคุณ : CARAGIO เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 13:23:06

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่อยากจะบอกเลยค่ะ ว่าเข้ามาเพราะอ่านชื่อกระทู้ผิด เป็น fairy tail =_='' จากคุณ : Philomath เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 14:07:55

ความคิดเห็นที่ 41 แต่งให้แรงเพราะจะสอนเด็กไงครับ เช่นหนูน้อยหมวกแดง อย่าออกจากบ้านไปตอนกลางคืนนะหนุ คนเลวๆจะหลอกไปลงแขกเอา พ่อแม่เด็กก็กลัวจะต้องนั่งอธิบายกับลูก ก็เลยเล่าเป็นนิทานดีกว่า จากคุณ : hexa เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 15:23:01 A:223.206.108.76 X: TicketID:256654

ความคิดเห็นที่ 42 อ้า ระพันเซิลเราเคยดูค่ะ เหมือนที่เจ้าของกระทู้เล่าแต่ว่า ไม่ได้ตั้งท้องอย่างเดียว อิอิ ก็หนุกดีนะคะขอบคุณค่ะ จากคุณ : aiseki เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 18:29:08

ความคิดเห็นที่ 43 สมัยก่อนมีความเชื่อว่า "เด็กๆก็คือผู้ใหญ่ที่ตัวเล็กๆนั่นแหละ" ด้วยเหตุนี้ จึงยังไม่มีการจัดเรตติ้งแบ่งอายุผู้ชมในยุคนั้นครับ จนกระทั่ง ดิสนีย์ได้ดัดแปลงนิทานเหล่านั้นให้เหมาะสมกับเด็กจริงๆ ตัดความรุนแรงและประเด็นทางเพศแบบโจ่งแจ้งออก นิทานเหล่านั้นจึงได้แพร่หลายในแบบที่เรารู้จักกันนั่นเองครับ ตรงนี้ต้องขอบคุณแนวคิดในการดัดแปลงเนื้อหาของทางดิสนีย์หละครับ ป.ล. ขนาดขบวนการเดกะเรนเจอร์ เจอดิสนีย์ดัดแปลงเนื้อหาเข้าไป เรนเจอร์ที่เป็นตำรวจยิงสัตว์ประหลาดยังไม่ตายเลยครับ จากคุณ : Stryder เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 22:26:18