ไม่ได้เข้ามาร่วมแจมความคิดเห็นตั้งเป็นอาทิตย์ ดูไปดูมา เจ้าหนูยิ่วไม่เห็นจะโตเลยเนอะ หลายปีผ่านไป ตัวแค่ไหนก็แค่นั้น สงสัยหาตัวเด็กเปลี่ยนยาก
ละครช่วงนี้ กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลง ราชวงศ์ญี่ปุนเริ่มผลัดแผ่นดิน จัดเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจเช่นกัน ภาพใหญ่ก็คือ แรงงานชาวนาเริ่มมีอำนาจต่อรองมากขึ้น เพราะแรงงานหลายส่วนได้เปลี่ยนมาเป็นหนุ่ม สาวโรงงานไปหมด เลยหาคนทำนายาก นายทุนจึงต้องง้อชาวนาอย่างเช่นที่โคตะพูดไว้ อีกไม่กี่ชั่วกาลก็จะเกิดการปฏิรูปแผ่นดินครั้งใหญ่ ถึงตอนนั้นชาวนาจะเริ่มอ้าปาก ยืดตัวได้สง่างามมากขึ้น ภาระกิจของโคตะก็จะสิ้นสุดลง
จะว่าไป คนญี่ปุ่นมีพื้นเพของความขยันขันแข็งอยู่แล้ว ฉะนั้นการจะเปลี่ยนไปเป็นคอมมิวนิสต์จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก แม้จะมีพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายอยู่ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่
กลับมาที่ชีวิตของโอชินดีกว่า การเร่ขายปลาถึงที่แบบ Delivery เช่นนี้ไม่ผิดกับรถกับข้าวตามหมู่บ้าน ที่แล่นไปถึงหน้าบ้านลูกค้า สามารถทักทายรู้จักเจรจาหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม แถมบางทีเจ้าตัวยังอาสาไปช่วยงานครัวให้อีก เป็นธุรกิจที่ค่าใช้จ่ายต่ำ อาศัยแรงกายและปากเจรจาเป็นหลัก ฉะนั้นโอชินน่าจะมีเงินเก็บหลายอยู่
แต่พอมาตั้งร้านเอง ภาระค่าใช้จ่ายจะมากขึ้น ความสนิทสนมถึงขนาดเข้าช่วยก้นครัวจะลดน้อยลง นี่คือข้อแตกต่างระหว่างการค้าปลีกแบบถึงลูกถึงคน กับค้าปลีกแบบมีหน้าร้าน ไหนต้องห่วงพะวงหน้าร้านตลอดเวลา ไม่สามารถเข็นรถกลับแต่วันแล้วก้อพักผ่อนได้
เอาล่ะถ้าคิดสั้นๆ โอชินคงเลือกเข็นรถดีกว่า อิสระกว่า งานจบเร็วกว่า ภาระผูกพันก็ไม่มากเท่า แต่เลือกระยะยาวคงไม่พ้นต้องเปิดร้าน(ตามแบบแผนเถ้าแก่ทั่วไป) จะให้เข็นรถโขยกเขยกจนแก่เฒ่าคงไม่ไหว
ข้อท้าทายก็คือ โอชินจะสามารถรักษาสัมพันธภาพแบบดั้งเดิม(เข้าไปถึงก้นครัว) ของลูกค้าเก่าแก่ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าพอเปิดร้านเป็นเถ้าแก่แล้วก็เริ่มหยิ่ง ไม่ง้อลูกค้า
คอยดูกันต่อว่าโอชินจะลดข้อกังขานี้ได้อย่างไร
จากคุณ |
:
กูรูขอบสนาม
|
เขียนเมื่อ |
:
6 พ.ย. 53 18:40:48
|
|
|
|