''ปิงปอง'' สะแกวัลย์ ตัดขาดครอบครัว เหตุโดนว่า
|
 |
ผ่านมรสุมเรื่องร้ายๆ มาเยอะ สำหรับ สาว ''ปิงปอง'' สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ ดาราสาวที่เคยโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงพร้อมสารพัดข่าวฉาวรุมเร้า ทั้งเบี้ยวงาน ใช้ชีวิตเสเพล แถมหวิดพิการเหตุเพราะเกิดอาการเครียดจัด กินยานอนหลับ วันละ 10 เม็ด เป็นระยะเวลาหลายปีติดกัน
ได้เจอกับสาวปิงปอง ในงาน ''เฮลท์ พลัส แชนแนล ฉลองสู่ปีที่ 4'' เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเธอได้นั่งแท่นร่วมเป็นหนึ่งในพิธีกรของรายการ STAR STAR กับชีวิตฟ้าหลังฝน ที่เธอดูสดชื่น และสดใสขึ้นมาก แต่ล่าสุดเธอได้ประสบอุบัติเหตุหกล้ม ทำให้ต้องเข้าเฝือกที่ขาข้างซ้าย ทางเหยี่ยวข่าวสยามดาราไม่พลาดที่จะคว้าตัวสาวปิงปองมานั่งพูดคุยถามไถ่กับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับอัพเดตชีวิตใหม่ของเธอ ที่เธอบอกว่าตอนนี้ชีวิตแฮปปี้ดีมาก จะตั้งใจทำงาน ซึ่งกำลังจะได้โอกาสกลับมาเล่นละครหลังจากหายจากหน้าจอไปนานถึง 7 ปี แต่ตอนนี้ยังรู้สึกเสียใจที่ได้ตัดขาดจากครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปดูพร้อมกันดีกว่า !!! ''จริงแล้วคือเราไปซื้อข้าว แล้วข้างหลังก็เป็นบันได ปองก็ไม่เห็น แล้วเราก็ถอยหลัง ก็ล้มลงไป คือจริงๆ เราเข้าบ้านอยู่แล้วล่ะ แต่ก็มาเจออุบัติเหตุอย่างนี้ซะก่อน ไปหาคุณหมอ เค้าก็บอกว่า เส้นข้อเท้าเลื่อน 2 มิลลิเมตร จริงๆ ต้องพักฟื้นประมาณ 2 เดือน ที่จะให้มันหายเป็นปกติเลยนะคะ แต่ว่าเดี๋ยวก็ต้องเอาออกแล้ว เพราะว่าเราต้องทำงานค่ะ'' อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมีผลกระทบกับเรื่องงานไหม?
''ไม่มีนะคะ แต่อาทิตย์แรกต้องหยุดไปทั้งอาทิตย์เลยค่ะ เพราะวันแรกเราฝืนมาทำงานแล้วมันก็เป็นหนักกว่าเดิม มันก็บวม เราก็เลยต้องหยุดไปแป๊บนึงก่อนให้มันค่อยยังชั่วแล้วก็กลับมาทำงานค่ะ'' นอกจากเป็นพิธีกรทาง ''เฮลท์ พลัส แชนแนล'' แล้ว ยังมีงานอะไรอีกไหม?
''กลับมาเล่นละครแล้วนะ แต่ยังไม่บอกนะคะ เพราะว่ากลัว เดี๋ยวมันไม่ขลัง คือเวลาเราบอกไปก่อนแล้วเรายังไม่ได้เล่นอย่างนี้ เดี๋ยวมันจะโดนปลดไง แต่บอกได้ว่าเป็นละครทางช่อง 3 ค่ะ เรื่องนี้เป็นตัวดี สงสัยต้องเคาะสนิม เราตื่นเต้นนะที่ได้กลับมาเล่นละครอีกครั้ง เราก็ดีใจที่ผู้จัดเค้ายังคิดถึงเราอยู่ แต่เดี๋ยวก็คงทราบกันแหละค่ะว่าเรื่องอะไร เพราะว่าเร็วๆ นี้ก็มีฟิตติ้ง ไม่ก็บวงสรวงค่ะ แต่ที่ปองรู้สึกดีใจ เพราะว่าทางผู้จัด ผู้กำกับเค้ายังให้โอกาส เพราะเราก็กลัวว่าที่ปองเคยมีข่าวเสียๆ อย่างมาสายบ้าง เบี้ยวงานบ้าง อะไรอย่างนี้ แต่ตอนนี้เป็นคนใหม่แล้วเรียบร้อยแล้วค่ะ ก็ต้องขอขอบคุณที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสค่ะ'' ''โชคดีที่ทางผู้ใหญ่ให้โอกาส ที่เค้ายังนึกถึงเราขึ้นมา คือผู้จัดคนนี้เป็นดารา แล้วเราก็เคยเล่นละครด้วยกัน เค้าก็เลยนึกถึงเรา แต่ที่หนักใจเนี่ย คือตัวที่เราเล่นในเรื่องต้องพูดเหนือ คือตัวปองเอง ภาษาเหนือปองพูดไม่ได้เลยค่ะ เราก็พยายามพูดอยู่นะคะ เราก็ฟังจากเทปเอาบ้าง แล้วก็พยายามพูดกับเพื่อนที่เป็นภาษาเหนือค่ะ เพราะว่าถ้าเราไม่ฝึก ถ้าเราไม่พูดเลย มันก็จะไม่ออกมาเป็นธรรมชาติ คือเราไม่อยากทำงานแบบไม่เต็มที่ค่ะ เราก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วค่ะ'' ตอนนี้ชีวิตเป็นยังไงบ้าง?
''ตอนนี้ชีวิตดีทุกอย่างเลย แต่ก็เสียใจเรื่องครอบครัวนิดหน่อยค่ะ พอดีตอนนี้เรากับครอบครัวตัดขาดกันเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้ก็อยู่กับเพื่อน ส่วนนอกนั้น ทั้งเรื่องการงาน เพื่อนฝูงคนรอบข้างทุกอย่างดีหมด คือที่ผ่านมาเราเจอมรสุมมาเยอะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม่สบาย ครอบครัว เรื่องโดนเพื่อนโกง มีเพื่อนที่ไม่ดี แล้วเราก็ผ่านมาได้หมด ตอนนี้โอเคดีแล้วค่ะ'' เกิดอะไรขึ้นกับทางครอบครัว?
''คือเค้าไม่เข้าใจเรา ไม่เข้าใจในตัวปองหลายๆ อย่าง คือหลังจากที่ปองไม่สบายแล้ว พอกลับมาทำงานกลางคืน เป็นเกี่ยวกับมาร์เกตติ้งกลางคืน เลิกงานเสร็จกลับบ้านก็ตี 4 ตี 5 ทางครอบครัวเค้าก็จะมองว่า เราก็ยังเป็นเด็กเที่ยวอยู่ บางทีเราก็เหนื่อย เราก็ร้องไห้คนเดียว ที่บ้านเค้าก็ไม่เข้าใจ เค้าก็นึกว่าเราเป็นบ้า ทางครอบครัวก็พาเราไปโรงพยาบาลบ้า เราก็ไป ถ้าเค้าคิดว่าเราบ้า เราก็ไป เราก็เลยเสียใจ แล้วก็ออกจากบ้านดีกว่า แต่ว่าเราออกเลย เค้าไล่เราออกมากกว่าค่ะ'' ตอนนี้ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับทางครอบครัวเลยเหรอ?
''ไม่ได้ติดต่อเลยค่ะ แต่ทราบมาล่าสุดว่า คุณแม่ป่วย เราก็อยากไปเยี่ยมมาก แต่ที่บ้านไม่บอกว่า คุณแม่อยู่ที่โรงพยาบาลไหน แล้วตอนแรกเค้าก็ไม่ได้บอกเราว่าคุณแม่ป่วย แต่เรารู้จาก ญาติพี่น้องใกล้ๆ ตัวค่ะ'' แล้วนามสกุลก็ยังใช้เหมือนเดิมหรือเปล่า?
''ก็ยังใช้อยู่ค่ะ ยังใช้ ยงใจยุทธ เหมือนเดิมค่ะ คือไม่ได้เกี่ยวกัน เราตัดเฉพาะที่เป็นครอบครัวของเรา เป็นสายเลือด ไม่ได้ตัดญาติพี่น้องอะไรอย่างนั้นค่ะ มันไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตเกี่ยวกับตระกูลอะไรขนาดนั้นค่ะ แต่เราตัดกับครอบครัว ขาดกันเฉยๆ ค่ะ'' ถ้าเป็นไปได้ อยากกลับไปปรับความเข้าใจกับทางครอบครัวไหม?
''ไม่อยากค่ะ ไม่อยากเลย เพราะว่าเราพยายามเข้าหาเค้าที่สุดแล้ว พยายามจะให้เค้าเข้าใจ ว่าเราเป็นอย่างนี้ เป็นคนอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆ เราเป็นคนค่อนข้างห้าว ค่อนข้างเกเร แต่ว่าเราอยู่ในกรอบนะ ก็พยายามอธิบายแล้ว แต่บังเอิญว่าน้องชายมาเปรียบเทียบ คือ เค้าอยู่ในกรอบมากกว่าเรา เค้าก็เลยบอกว่าเราไม่น่าเกิดมาบนโลกใบนี้ ที่จริงเค้าพูดกับที่บ้านนะค่ะ ว่าเราไม่น่าเกิดมาเลย อันนี้ก็เป็นประโยคที่ปองรู้สึกว่า คือ จริงๆ แล้วปองก็ไม่ควรพูดนะ มันเหมือนสาวไส้ให้กากิน แต่ว่าที่เราพูด คืออยากฝากให้ถึงครอบครัวนะค่ะว่าปองเสียใจ และก็ยังรักเสมอ แต่ถ้าถามว่าให้กลับไปไหม ไม่กลับ เพราะว่าจิตตก คือเราอยากก้าวต่อไปอย่างนี้แหละ อยู่อย่างนี้สบายใจกว่า'' ทางคุณแม่ว่ายังไงบ้าง?
''คุณแม่ไม่รู้เรื่องเลย เพราะว่าคุณแม่อายุมากแล้ว 90 กว่าแล้ว คุณแม่ไม่รู้ คุณแม่นึกว่าเราออกไปอยู่ข้างนอก อันนี้คิดว่าเป็นอย่างนั้นนะ เพราะว่าเราก็ไม่ได้ติดต่อคุณแม่เลยเหมือนกันค่ะ เรายังไม่มีโอกาสได้เจอกับคุณแม่เลยค่ะ'' ต้องขอเป็นกำลังใจให้กับสาวคนนี้ แต่อย่างว่าโอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ แต่ถ้าได้รับโอกาสแล้ว เราก็ควรเก็บรักษามันไว้และทำให้ดีที่สุดสมกับที่เราได้รับมันมา!!! http://www.siamdara.com/Variety/101119_0297.html
จากคุณ |
:
Kdorn75
|
เขียนเมื่อ |
:
20 พ.ย. 53 01:34:47
|
|
|
|