Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[Spoiler แบบเฉพาะกิจ] "พันผูกชั่วนิรันดร์" ใน นูระหลานจอมภูต องก์ที่ 133 ติดต่อทีมงาน

เขียนสรุปเนื้อเรื่องแบบ Spoil ตอนนี้ด้วยอารมณ์เดียวกับตอนทำสรุปเนื้อเรื่องเฉพาะกิจของเรื่องนารุโตะมาก่อนหน้านั้นเลยครับ ทำเพราะอยากทำ เพราะรู้สึกอินกับเนื้อเรื่องจนอดไม่ไหวต้องเขียนออกมาให้ได้ตามนี้ ดังนั้น อย่าเพิ่งรีบหวังไปว่าผมจะมาทำเรื่องนี้ทุกอาทิตย์นะครับ

อนึ่ง บอกไว้ตรงนี้ล่วงหน้าไว้ก่อนนะครับ ว่าที่เขียนตอนนี้ไม่ใช่เพราะผมอวยจิ้งปูเป็นพิเศษแต่อย่างใด ที่ผ่านๆ มาเวลามีกระทู้เกี่ยวกับนูระ ผมก็แสดงออกมาตลอดว่าชอบซึราระ และคิดว่าซึราระคู่กับริคุโอะน่าจะเข้ากันที่สุดมาตลอด เหตุผลที่ลงทุนเขียนถึงขนาดนี้ ก็แค่เพราะชอบและรู้สึก "อิน" กับเรื่องราวความรักที่เป็นโศกนาฎกรรมระหว่างพ่อริคุโอะกับยามาบูกิโอโตเมะซึ่งเป็นธีมหลักของตอนนี้เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการอวยเพราะเป็นร่างสิงจิ้งปูเลยแม้แต่น้อย

ด้วยเหตุนี้ ผมจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะไม่ได้เห็นคำแขวะแรงๆ ทำนองสะใจว่า "ตายซะได้ก็ดี" ในกระทู้นี้อย่างที่มีบางท่านออกตัวเสียแรงในกระทู้ก่อนนะครับ

เพราะการใช้ถ้อยคำทำนองบริภาษไล่ให้ผู้หญิงที่มีชะตากรรมน่าสงสารคนหนึ่งให้ไปตายเช่นนั้นคือการ "ซ้ำเติมคนล้ม" ที่น่าเกลียดเป็นที่สุด เป็นการกระทำที่ผม "รังเกียจ" และ "รับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง"


ว่าแล้วก็ลงไปชม Spoil เฉพาะกิจข้างล่างนี่ได้เลยครับ :)









ฉากตัดย้อนกลับไปหลายปีก่อนเหตุการณ์ปัจจุบันในเรื่องหลัก ณ แดนนรกอันมืดมนไร้ซึ่งสัญญาณแห่งชีวิตใดๆ "ซันโมโตะโกโรซาเอมอน" อดีตจอมปีศาจแห่งเอโดะผู้พ่ายแพ้แก่นูระ ริฮังแห่งกลุ่มนูระจนต้องสูญเสียอำนาจและเขตอิทธิพลของตนให้แก่กลุ่มนูระไป ได้เดินทางลงมายังแดนนรกเพื่อพบกับบุคคลผู้หนึ่งซึ่งมีความแค้นดุจเดียวกัน

ไม่ใช่ใครที่ไหน "อาเบะโนะ เซย์เมย์" หรือ "นุเอะ" จอมราชันย์ผู้ครองอำนาจเหนือเงามืดและแสงสว่าง บุตรแห่งนางพญาจิ้งจอก "ฮาโกโรโมะกิตซึเนะ" นั่นเอง!!

"บาคุมัตสึ...เมย์จิ...ยุคสงครามโลก...ยุคหลังสงครามโลก...เวลาที่ความมืดมิดปกคลุมโลกทั้งโลก ควรเป็นเวลาที่ท่านแม่ฮาโกโรโมะกิตซึเนะได้คืนชีพมาแท้ๆ" คือคำพูดแรกที่เซย์เมย์เอ่ยปากกับซันโมโตะโกโรซาเอมอนทันทีที่ได้พบกัน "แต่เจ้านั่นเป็นต้องทำลายโอกาสเหล่านั้นเสียทุกครั้ง"

ภาพใบหน้าคมสันของบุรุษหนุ่มผมดำผู้มีประกายตาหยิ่งผยองและรอยยิ้มมุมปากราวกับกำลังสบประมาทคู่ต่อสู้พาดผ่านความทรงจำของเซย์เมย์ชั่วขณะหนึ่ง เร่งเร้าเพลิงโทสะให้พลุ่งพล่านดุจเพลิงนรกลุกโหม

"หากนูระ ริฮัง ยังมีชีวิตอยู่ ข้าคงมิอาจคืนชีพได้..."

"ข้าก็คิดเช่นนั้น..." ซันโมโตะโกโรซาเอมอนเสริม น้ำเสียงบิดเบี้ยวมิผิดกับใบหน้าที่พร่ามัวลางเลือนราวถูกปกคลุมด้วยหมอกนั้นแฝงแววเดือดแค้นอย่างไม่ปิดบัง "ข้าเองไม่ว่าอย่างไรก็ต้องล้างแค้นให้ได้ เอโดะเดิมทีเคยเป็นเขตปกครองของกลุ่มร้อยตำนานประหลาดของข้ามานับแต่อดีตกาลแท้ๆ..."

"แต่จะทำเช่นไรเล่า" ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแสงสว่างและเงามืดเอ่ยถาม

"ไม่ว่าจะเป็นผู้เก่งกล้าเพียงไรก็ต้องมีจุดอ่อนทั้งนั้น" ซันโมโตะฯ ว่าพลางแกล้งปั้นท่าครุ่นคิด "นั่นสินะ หากเป็นผู้ชาย...ก็คงใจอ่อนกับบุตรสาวของตนเองกระมัง"

"บุตรสาว?" เซย์เมย์ทวนคำอย่างประหลาดใจ "แต่เจ้านั่นไม่มีบุตรสาวนี่"

"ในอดีต ริฮังเคยผูกพันกับปีศาจหญิงนางหนึ่งถึงขั้นร่วมหอลงโรงกัน..."

"จะใช้นกต่อเช่นนั้นรึ" เซย์เมย์ว่า "แต่ถึงจะเป็นวิชาภาพมายาของเจ้าก็เถอะ คิดว่าแผนการจะสำเร็จได้อย่างนั้นรึ..."

"ตรงนั้นแหละขอรับ" ดวงตาของอดีตจอมปีศาจแห่งเอโดะเปล่งประกายวาววับอย่างชั่วร้าย ก่อนจะเอ่ยปากอธิบายต่อไป "ที่ต้องพึ่งวิชาคืนวิญญาณของท่านเป็นอย่างยิ่ง"


---------------------------------------------------


ตัดฉากกลับมายังเหตุการณ์ในยุคปัจจุบัน ณ ปราสาทนิโจอันเป็นสมรภูมิตัดสินครั้งสุดท้ายระหว่างขบวนร้อยอสูรของกลุ่มนูระและขบวนร้อยอสูรของฮาโกโรโมะกิตซึเนะ หลังจากเซย์เมย์และบริวารเกือบทั้งหมดกระโดดหนีหายไปในประตูนรกแล้ว พวกริคุโอะก็มานั่งพยาบาลร่างสิงของฮาโกโรโมะกิตซึเนะซึ่งบาดเจ็บสาหัสจากอำนาจของชิคิกามิฮะกุน ดาบเนเนะกิริมารุ และดาบค้อนจอมมารอย่างเต็มที่ โดยมีเซ็นทำหน้าที่เป็นแพทย์สนามทำการรักษาให้ ท่ามกลางเสียงโวยวายของแม่หนูเคียวคตสึ หนึ่งในปีศาจเกียวโตไม่กี่ตนที่ไม่ติดตามเซย์เมย์ลงประตูนรกไปด้วย เพราะกลัวว่าพวกริคุโอะจะทำร้าย "ท่านพี่ฮาโกโรโมะกิตซึเนะ" ของเธอ ผีหัวขาดค่อยๆ พูดค่อยๆ ปรามยังไงก็ไม่ยอมฟัง จนเซ็นอดไม่ได้ต้องหันมาตวาดว้ากเข้าให้ด้วยความโมโหที่ยัยหนูส่งเสียงเอะอะรบกวนการรักษา

ข้างฝ่ายริคุโอะกับปู่นูราริเฮียงเองก็เฝ้าดูการรักษาของเซ็นอยู่ห่างๆ ไปพลาง คุยกันเรื่อง "ยามาบูกิโอโตเมะ" อดีตภรรยาชาวภูตของริฮังพ่อริคุโอะไปพลาง โดยเจ้าคุณปู่เล่าให้ริคุโอะฟังว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อนสมัยที่โยฮิเมะท่านย่าของริคุโอะยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ อยู่ๆ ริฮังก็พายามาบูกิโอโตเมะมาหาเจ้าคุณปู่แล้วบอกดื้อๆ ว่า "จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้" เล่นเอาเจ้าคุณปู่ถึงกับอึ้งกิมกี่ว่าไปเก็บสาวน่ารักแถมยังเรียบร้อยขนาดนี้มาจากไหนฟะ

หลังจากแต่งงานกับยามาบูกิโอโตเมะแล้ว กลุ่มนูระภายใต้การนำของริฮังก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเรียกว่าเป็นขุมกำลังปีศาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคเอโดะเลยก็ว่าได้

ทว่า การที่กลุ่มนูระเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กลับกลายเป็นผลร้ายสะท้อนกลับมาถึงตัวยามาบูกิโอโตเมะอย่างคาดไม่ถึง เนื่องจากเมื่อกลุ่มเติบใหญ่ขึ้น การแต่งตั้งผู้สืบทอดรุ่นต่อไปจึงเป็นเรื่องสำคัญ แต่เพราะสายเลือดของนูราริเฮียงนั้นต้องคำสาปของฮาโกโรโมะกิตซึเนะ ทำให้ทำให้ริฮังไม่สามารถมีลูกกับปีศาจได้ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีผู้ใดในกลุ่มนูระที่ล่วงรู้ถึงเรื่องนี้เลย แม้แต่เจ้าคุณปู่เองก็ยังคิดว่าที่เป็นแบบนี้นั้นเป็นเพราะตนเองร่วมสายเลือดกับมนุษย์ด้วยซ้ำ ริฮังกับยามาบูกิโอโตเมะจึงไม่มีลูกด้วยกันเลย แม้จะแต่งงานกันมาแล้วถึง 20 ปี จนเกิดเสียงครหาในหมู่ผู้บริหารของกลุ่มนูระในยุคนั้นว่าตัวยามาบูกิโอโตเมะมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า

และด้วยเสียงครหา ประกอบกับตัวยามาบูกิโอโตเมะเองก็คิดเช่นนั้นจริงๆ วันหนึ่ง ยามาบูกิโอโตเมะก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้แต่เพียงกิ่งดอกยามาบูกิกลีบซ้อนกับจดหมายเขียนเพลงยาวโบราณว่า

"แม้นกลีบซ้อนของยามาบูกิจักผลิดอก แต่จะออกผลนั้นมิอาจเป็นไปได้ ช่างน่าเศร้าใจเหลือเกิน"

ซึ่งเรื่องราวระหว่างริฮังกับยามาบูกิโอโตเมะนั้นมีเพียงระดับผู้บริหารเท่านั้นที่รู้ ส่วนตัวของยามาบูกิโอโตเมะเองนั้นหลังจากหายตัวไปก็ไม่มีใครได้พบเห็นนางอีกเลย


------------------------------------------------


"ข้า...อำลาโลกนี้ไป ราวกับบุปผาโรยรา...เจ้าค่ะ..."

เสียงพูดทั้งกระอักแผ่วเบาของร่างสิงของฮาโกโรโมกิซึเนะดังขึ้น เรียกให้ทุกคนในที่นั้นหันขวับไปยังต้นเสียงอย่างรวดเร็ว

"ท่ามกลางโลกที่มืดมนนั้น...ข้า...ได้ยินเสียงเสียงหนึ่ง" เด็กสาวเอ่ยปากต่อไปเมื่อเห็นว่าทุกคนเข้ามารุมล้อมตนเองไว้ "...'หญิงผู้นี้รึ...วิชาคืนวิญญาณ...กับหญิงผู้นี้...' ..."

ดวงตาของเจ้าคุณปู่เบิกกว้างทันทีที่ได้ยินคำว่า "วิชาคืนวิญญาณ" จากปากของอีกฝ่าย สีหน้าเปลี่ยนเป็นตกตะลึงจนถึงขีดสุดเมื่อในสมองนึกเชื่อมโยงเรื่องราวและความเป็นไปได้ต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์

"หรือว่าเจ้า...ก็คือยามาบูกิโอโตเมะ...?"

ไม่ใช่แต่ริคุโอะเท่านั้น แม้แต่ทุกคนที่รายล้อมก็พลอยแสดงสีหน้าตื่นตะลึงต่อคำพูดของเจ้าคุณปู่ไปตามๆ กัน ต่างหันหน้ามองเจ้าคุณปู่นิ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองร่างของยามาบูกิโอโตเมะซึ่งนอนหายใจรวยรินอยู่กับพื้น แล้วนิ่งฟังอีกฝ่ายเล่าเรื่องต่อไป


--------------------------------------------------------


เนื้อความจากปากร่างสิงของฮาโกโรโมะกิตซึเนะซึ่งนูราริเฮียงบอกว่าเป็นยามาบูกิโอโตเมะตัวจริงมีดังนี้

หลังจากได้ยินเสียงประหลาดพูดถึงวิชาคืนวิญญาณแล้ว เมื่อรู้สึกตัวอีกที ยามาบูกิโอโตเมะก็พบว่าตนเองกลับมายังโลกมนุษย์ในร่างเด็ก กำลังยืนอยู่หน้าศาลเจ้าแห่งหนึ่งซึ่งตนไม่รู้จักว่าเป็นที่ไหน เวลาในตอนนั้นเป็นเวลากลางดึกสงัด อันเวลาของเหล่าภูตผีปีศาจหรือสิ่งซึ่งใกล้เคียงกับภูตผีปีศาจ

และที่เบื้องหน้าของนางนั้น คือริคุโอะในวัยเด็กซึ่งมายืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดวงตากลมโตเป็นประกายของเด็กชายจ้องมายังเธออย่างสงสัยระคนประหลาดใจ

ยามาบูกิโอโตเมะซึ่งตอนนั้นอยู่ในร่างเด็กหญิงจำได้ว่าตนเองส่งยิ้มให้เด็กชายอย่างอ่อนโยน แล้วจึงเอ่ยปากชักชวนให้อีกฝ่ายมาเล่นด้วยกัน ทั้งคู่ต่างเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานอยู่เป็นเวลานานจนจำแทบไม่ได้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านไปเท่าไหร่

ตอนนั้นเองที่เสียงฝีเท้าที่หนักกว่าเสียงฝีเท้าของเด็กทั้งสองหลายเท่าดังขึ้น ทั้งสองหันกลับไปมองตามเสียง และได้พบกับบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

...บุรุษผู้เดียวที่เธอมอบกายถวายจิตให้อย่างเต็มใจ...

...บุรุษผู้เป็นรักแรกและรักสุดท้ายในชีวิตอันแสนสั้นของนาง...

...บุรุษผู้ครองความมืดแห่งดินแดนแห่งนี้นับแต่ครั้งยังใช้นามว่าเอโดะ จวบจนเปลี่ยนนามมาเป็น "นครโตเกียว"...

...นูระ ริฮัง ทายาทแห่งจอมภูตนูราริเฮียง...


"ตัวข้าในตอนนั้นถูกฝังความทรงจำปลอมเอาไว้แล้ว..." ยามาบูกิโอโตเมะเล่าต่อไป "ครั้งแรกที่ได้เจอกัน ท่านริฮังลังเลไปชั่วขณะหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยอมจับมือกับข้า ทุกวันหลังจากนั้น ช่างเต็มไปด้วยความสุข จนข้าคิดว่าจากนี้คงไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว"

น้ำเสียงขณะพูดนั้นฟังระโหยโรยแรง แต่กลับแฝงอารมณ์ราวกับอยู่ในความฝัน ภาพความทรงจำมากมายที่นาง ริฮัง และริคุโอะได้สรรสร้างร่วมกันหลังจากนั้นผุดวาบขึ้นมาในจิตใจอย่างไม่ขาดสาย...ราวกับสายน้ำที่ไหลเรื่อยอย่างเชื่องช้าทว่าต่อเนื่องและมั่นคง

...ไปยังปลายทางแห่งเลือด รอยน้ำตา และการพลัดพรากที่มิอาจย้อนคืน...


จำได้ว่าวันนั้น ทั้งสามคนออกไปเดินเล่นกลางดึกด้วยกันเช่นทุกครั้ง ระหว่างที่เดินเล่นกันอยู่นั้น ริคุโอะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างตรงหน้า จึงวิ่งตื๋อออกไปดูอย่างตื่นเต้น ทิ้งให้ริฮังกับยามาบูกิโอโตเมะเดินตามไปข้างหลังอย่างช้าๆ

ครั้นทั้งสองเดินตามไปถึง ก็พบว่านั่นคือพุ่มดอกไม้กอใหญ่ที่มีกิ่งก้านจำนวนแผ่สาขาออกไปรอบทิศ แต่ละกิ่งก้านประดับด้วยดอกไม้สีเหลืองสดซ้อนกันเป็นชั้นๆ ดูงดงามเฉิดฉายราวกับดวงอาทิตย์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังส่องสว่างกลางราตรี

"ดอกยามาบูกิ..." ทั้งสองนึกในใจแทบพร้อมกัน ขณะจ้องมองภาพพุ่มดอกไม้งามประหลาดเบื้องหน้า ยามาบูกิโอโตเมะในร่างเด็กหญิงส่งเสียงดีใจ แล้ววิ่งไปเก็บดอกยามาบูกิจากกิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด แล้วเริ่มสานดอกไม้เหล่านั้นเข้าด้วยกันจนกลายเป็นมงกุฎดอกไม้งดงาม

นายเหนือรุ่นที่สองแห่งกลุ่มนูระเพียงยืนนิ่ง เฝ้ามองเด็กหญิงที่กำลังเริงร่าอยู่กับดอกไม้อันเป็นตัวแทนของหญิงอันเป็นที่รักอย่างเงียบๆ มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่บ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ความรู้สึกภายใน

สงสัย...ประหลาดใจ...และคาดหวังต่อตัวจริงของเด็กหญิงเบื้องหน้านี้ ว่าจะเกี่ยวข้องอันใดกับคนที่เขารักหรือไม่

"แม้นกลีบซ้อนของยามาบูกิจักผลิดอก แต่จะออกผลนั้นหาเป็นไปได้ไม่ ช่างน่าเศร้าใจเหลือเกิน" อยู่ๆ ริฮังก็ท่องเพลงยาวโบราณนั้นขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ส่งผลให้เด็กหญิงร่างเล็กชะงักมือที่กำลังร้อยมงกุฎนั้นทันที "หลังจากนั้น ข้าก็เที่ยวไปค้นหาภาษาดอกไม้ของดอกยามาบูกิ"

" 'เลอค่า' 'สูงส่ง' และ... 'การรอคอย' " จอมภูตหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะกล่าวต่อไป "แบบนั้น...ช่างฟังดูราวกับเป็นบุตรสาวของพวกเราจริงๆ..."

ตอนนั้นเองที่ริคุโอะซึ่งวิ่งอีกทางหนึ่งวิ่งกลับมาหาพร้อมส่งเสียงเรียก ริฮังจึงละสายตาจากเด็กหญิง หันกลับไปมองลูกที่กำลังวิ่งมาหา

พริบตานั้นเอง...มงกุฏดอกยามาบูกิในมือพลันแหลกสลาย กลายเป็นดาบเล่มใหญ่ที่คมดาบเก่าคร่ำคร่าเต็มไปด้วยแตกร้าวเล่มหนึ่งปรากฎขึ้นในมือของเด็กหญิง

และก่อนที่เจ้าแห่งเหล่าภูตพรายจะมีโอกาสได้รู้สึกตัวและขยับตัวปัดป้องใดๆ ปลายดาบอันคมกริบก็แทงพรวดเข้าใส่กลางหลังจนทะลุออกทางด้านหน้า เรียกเลือดแดงฉานให้สาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่ว

ทั้งพื้นหินเย็นเยียบเบื้องล่าง

ทั้งดอกยามาบูกิที่โรยรา

ทั้งใบหน้าของเด็กหญิง...ซึ่งบัดนี้เบิกกว้างอย่างตกตะลึงถึงขีดสุด


--------------------------------------------------------


"เพลงยาวบทนั้นคือ 'กุญแจ' เจ้าค่ะ" ยามาบูกิโอโตเมะเล่าต่อไป น้ำเสียงเปลี่ยนจากแววอบอุ่นเปี่ยมด้วยความรักเป็นเจ็บปวดแสนสาหัสเหลือประมาณ "ตอนนั้นเอง ที่ความทรงจำทั้งหมดค่อยๆ กลับคืนมาหาข้า..."


------------------------------------------------------------


เสียงกรีดร้องรันทดดังก้องไปทั่ว ขณะที่ร่างของริฮังค่อยๆ ล้มฮวบลงกับพื้นราวตุ๊กตาถูกตัดสายชัก เลือดแดงฉานย้อมพื้นหินสีขาวจนกลายเป็นสีเข้มราวกับราตรีกาลที่กลืนกินทุกอย่าง

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดนั้น กลับมีเสียงหัวเราะแหบพร่าอย่างลิงโลดดังแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหัน

"เฮี้ยฮ่าๆๆๆๆๆ นังผู้หญิงหน้าโง่!!!"

เสียงลอดมาจากไรฟันเหยเกของปีศาจรูปร่างชายชราร่างเล็กหัวโต มีดวงตาขนาดใหญ่บนศีรษะตนหนึ่งซึ่งแอบซ่อนอยุ่ท่ามกลางพุ่มต้นยามาบูกินั้น

"มินะโกโรชิจิโซ" หนึ่งในปีศาจข้ารับใช้ของซันโมโตะโกโรซาเอมอนนั่นเอง...

"เจ้าฆ่าผู้ชายที่ตัวเองรักไปแล้วเห็นมั้ย? ยังจะแกล้งทำเป็นลูกปลอมๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราวได้อีกเรอะ!? เฮี้ยฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ"

คำพูดชั่วร้ายราวสุนัขจิ้งจอกของปีศาจเฒ่าคล้ายน้ำมันถังใหญ่ ราดโครมลงไปบนกองไฟแห่งความโศกเศร้าและเจ็บปวดที่กระพือโหมอยู่ในใจของยามาบูกิโอโตเมะ เปลี่ยนเปลวเพลิงนั้นให้กลายเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวนราวนกกระสาที่สูญเสียคู่ในบัดดล

พริบตานั้นเองที่ความรู้สึกทั้งหมดในฐานะ "ยามาบูกิโอโตเมะ" ของร่างนั้นพลันหายวับไปพร้อมกับเปลวไฟนั้น แล้วแทนที่ด้วยดวงจิตอันเย็นเยียบอีกดวงหนึ่งซึ่งเฝ้ารอจะแทนที่ดวงจิตของเจ้าของร่างหลัง "แผนการทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์" มาตลอด

ดวงจิตของ "ฮาโกโรโมะกิตซึเนะ"...

บังเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในทีท่าของเด็กหญิงอย่างช้าๆ สีหน้าของที่บิดเบี้ยวด้วยความโศกเศร้าเจ็บปวดเหลือประมาณหายวับ กลายเป็นสีหน้ายินดีระคนบ้าคลั่ง ปากที่อ้ากว้างกรีดร้องรันทดกลับหุบลง แล้วกรีดออกเป็นรอยยิ้มอย่างสมใจราวกับรอยแผลเป็นกรีดผ่านใบหน้า ดวงตาทั้งสองลุกวาบด้วยแววแห่งความลิงโลดที่ไม่อาจปิดบัง

"ถูกต้องแท้" น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นอย่างเงียบงันจากปากของเด็กหญิงนั้น "เรา 'รอคอย' วันนี้มานานเหลือเกิน..."


----------------------------------------------------


"ข้าลงมือสังหารชายที่รักด้วยมือตัวเอง...แล้วจากนั้น ข้าก็กลายเป็นนางจิ้งจอกนั่น"

เรื่องเล่าทั้งหมดจากปากของยามาบูกิโอโตเมะทำเอาทุกคนได้แต่นิ่งอึ้ง ไม่มีปัญญาพูดอะไรออก รู้สึกราวกับบรรยากาศในที่นั้นกลับกลายเป็นหนักอึ้งราวกับก้นทะเลอันสุดหยั่งบีบอันเข้ามาทุกทางตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ตอนนั้นเอง อยู่ๆ ร่างบางในชุดนักเรียนสีดำก็ขยับตัวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ โงนเงนไปมาราวกับต้นไม้จวนเจียนจะถูกพายุพัดจนหักโค่น กระนั้นก็ยังฝืนยืนหยัดอยู่ได้ไม่ยอมล้มลงไปอีกครั้งง่ายๆ

หญิงสาวหันหน้าไปยังริคุโอะที่ยืนอยู่ทางหนึ่ง ยื่นมืออันสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดตรงไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับจวนจะจางหายไป

"ริคุโอะ...มานี่เถิด... มาให้ข้าได้เห็นหน้าเจ้าชัดๆ สักครั้ง..."

ว่าที่หัวหน้ากลุ่มนูระรุ่นต่อไปยืนนิ่งอยู่ชั่วอึดใจกับคำขอนั้น ก่อนจะขยับตัวอย่างช้าๆ ก้าวเข้าไปใกล้ร่างบางในระยะแทบเอื้อมมือถึงกัน ดวงตาสงบนิ่งคล้ายพยายามซ่อนแววหวั่นไหว จ้องมองใบหน้าซีดเซียวที่เต็มไปด้วยเลือดของอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน

หญิงสาวผู้เป็นดวงใจของจอมภูตรุ่นที่สองค่อยๆ ยกสองมือที่สั่นเทาของตนขึ้นแตะใบหน้าของริคุโอะ...ใบหน้าซึ่งราวกับถอดพิมพ์เดียวมาจากผู้เป็นบิดาไม่มีผิดเพี้ยน...ใบหน้าซึ่งนางคุ้นเคยเสียยิ่งกว่าใบหน้าของตนเอง

"เหมือนเหลือเกิน...เหมือนกับท่านผู้นั้น"

รอยยิ้มอันอิ่มเอิบปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดของภูตสาว ขณะที่ไล้มือไปตามใบหน้าของริคุโอะอย่างนุ่มนวล

"หากข้าได้มีลูก เด็กคนนั้นก็คงจะเป็นเด็กอย่างเจ้าสินะ"

ลูก...ของข้า...กับท่านผู้นั้น...

บัดนั้นเอง ภาพนิมิตภาพหนึ่งก็วาบขึ้นในหัวของยามาบูกิโอโตเมะ ภาพนิมิตแห่งความสุขที่แม้ไม่อาจเกิดขึ้นจริง แต่อย่างน้อยก็เป็นภาพที่ทำให้นางได้มีความสุขที่สุดในเวลานี้

...ภาพตัวนางกับริฮังยืนเคียงคู่กันเช่นสามีภรรยา ในอ้อมแขนมีทารกร่างเล็กรูปร่างหน้าตาเหมือนริคุโอะในวัยเด็กไม่ผิดเพี้ยนอยู่ในอ้อมแขน...

ดวงตาดำขลับของภูตสาวเป็นประกายด้วยความปีติต่อภาพนิมิตนั้น ก่อนที่ร่างในชุดสีดำจะล้มฮวบลงทันควัน ริคุโอะร้องอย่างตกใจออกมาคำหนึ่ง รีบถลันเข้าไปประคองอีกฝ่ายไว้ ร่างบางจึงล้มลงซบกับร่างของริคุโอะแน่นราวกับกำลังถูกตระกองเอาไว้ในอ้อมกอด

ไออุ่นจากเด็กหนุ่มผู้เป็นเงาสะท้อนของชายอันเป็นที่รัก เรียกภาพนิมิตอันแสนสุขอีกภาพหนึ่งให้ผุดขึ้นมาในความทรงจำ


ท่ามกลางแสงสว่างอันอบอุ่นของตะวัน เงาร่างสองเงายืนเคียงข้างกัน จับจ้องไปยังขอบฟ้าสีทองเรืองรองอย่างไม่วางตา

"ลูกของพวกเราจะได้เป็นเจ้าแห่งภูตพรายรุ่นต่อไป" คือคำพูดของริฮังที่เคยบอกนางในตอนนั้น "จนกว่าจะถึงวันนั้น ข้าจะสร้างกลุ่มเราให้ใหญ่ยิ่งขึ้น!"

พูดถึงตรงนี้ ริฮังก็หันมามองยามาบูกิโอโตเมะด้วยสายตานุ่มนวล แล้วเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า

"ดังนั้น อยู่กับข้า...ติดตามข้าตลอดไปนะ..."


นั่นคือภาพนิมิตสุดท้ายที่ยามาบูกิโอโตเมะ จอมใจคนแรกของจอมภูตรุ่นที่สองได้มีโอกาสเห็น...ก่อนที่ดวงวิญญาณจะโบยบินออกจากร่าง ไปยังยอดมงกุฎอันเป็นที่รักซึ่งรออยู่ ณ อีกฟากหนึ่งของฝั่งฟ้า


------------------------------------------------------------


หลังการจากไปของยามาบูกิโอโตเมะ ก็มีเพียงความเงียบที่ทอดตัวลงปกคลุมบริเวณนั้น ทุกผู้ในที่นั้นได้แต่ยืนนิ่ง ก้มศีรษะลงอย่างเศร้าสลดต่อชะตากรรมของทั้งริฮังและยามาบูกิโอโตเมะ ซึราระถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ต้องยกมือปิดปากสะกดเสียงสะอื้นไว้ไม่ให้หลุดออกมา

ฝ่ายริคุโอะนั้นยังคงนั่งนิ่ง ประคองร่างไร้วิญญาณของ "มารดาบุญธรรม" ของตนไว้ในอ้อมแขนอย่างเงียบๆ เขาก้มหน้าลงมองใบหน้าซีดเซียวที่ประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับกำลังหลับฝันอย่างเป็นสุขของอีกฝ่าย มือข้างหนึ่งลดลงกุมมือเรียวบางที่เย็นเฉียบลงอย่างช้าๆ ไว้แน่น ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดปากออกมาแม้แต่คำเดียว

นานเป็นครู่ กว่าที่เด็กหนุ่มจะเอ่ยปากออกมา

"ปู่ มอบตำแหน่งรุ่นที่สามให้ข้าเดี๋ยวนี้เลย"

น้ำเสียงของริคุโอะเรียบเฉยราวกับกำลังพูดคุยกันตามปกติ หากผู้เป็นปู่กลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันรุนแรงบางอย่างแผ่ออกมาจากแผ่นหลังของหลานชายได้อย่างชัดเจน

ความรู้สึกซึ่งใกล้เคียงกับโทสะอันเย็นยะเยือก แต่ขณะเดียวกันก็โหมกระหน่ำรุนแรงดุจเพลิงผลาญ!!

"ริคุโอะ..."

"ข้าจำเป็นต้องมีกำลัง ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม"

เด็กหนุ่มผู้ครองสายเลือดหนึ่งในสี่ของเจ้าแห่งภูตพรายเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงตาที่คุโชนราวกับมีเปลวไฟกองใหญ่ลุกโหมเต้นระริกอยู่ภายใน ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระด้างเหี้ยมเกรียม

"เจ้าศัตรูนั่น ข้าจะใช้ดาบของข้าบั่นคอมันมาให้จงได้..."









อ่านตอนนี้แล้วแทบจะสรุปได้คำเดียว ว่าต้นตอแห่งความชั่วร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับกลุ่มนูระนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น "ซันโมโตะโกโรซาเอมอน" นั่นเอง เพราะเป็นตัวหลักในการวางแผนกำจัดริฮัง ทอนอำนาจของกลุ่มนูระ เรียกได้ว่าเป็นคีย์แมนตัวสำคัญในการทำลายกลุ่มนูระนั่นเลย (คิดดูขนาดเซย์เมย์ใช้เวลาเป็น 300 - 400 ปียังโดนริฮังสกัดดาวรุ่งไว้ได้หมด ซันโมโตะฯ วางแผนแค่แป๊บเดียวก็กำจัดริฮังได้ เพราะงั้นในด้านวางแผน หมอนี่ต้องเหนือเมฆมากๆ แน่) ดังนั้น คาดว่าศึกหลังจากนี้ไประหว่างริคุโอะกับคู่หูคู่ฮั้วอย่างเซย์เมย์ + ซันโมโตะฯ ต้องร้ายแรงยิ่งกว่าศึกปะทะจิ้งปูหลายเท่าเป็นแน่ (คนหนึ่งพลังโคตรเทพ อีกคนไม่เทพเท่าแต่เหลี่ยมจัด ยิ่งไม่นับว่าอีกคนแทรกซึมอยู่ในกลุ่มนูระ สามารถปฏิบัติการบ่อนทำลายจากภายใน หรือกระทั่งทำสงครามจรยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น เรียกได้ว่าจับคู่กันครั้งนี้หืดขึ้นคอสุดๆ สำหรับฝ่ายริคุโอะจริงๆ)

ตอนนี้อ่านแล้วสงสารคุณแม่ใหญ่ของริคุโอะอย่างยามาบูกิโอโตเมะมากๆ เลยครับ ต้องจากคนที่รักไปใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังจนแก่ตายไปเอง แถมตายไปแล้วยังโดนขุดวิญญาณเอามาเป็นหมากเดินล่อสำหรับฆ่าคนที่รัก ซ้ำยังต้องกลายเป็นร่างสิงของคนที่ฆ่าคนรักตัวเองตั้งหลายปี ก่อนจะมาโดนลูกชายของคนที่รักช่วยปลดปล่อยในที่สุด เรียกได้ว่าชีวิตรันทดพอๆ หรืออาจจะยิ่งกว่ากิวคิเสียอีก ยิ่งตอนอ่านไปถึงตอนยามาบูกิฯ โดนล่อให้ไปฆ่าริฮังแล้ว โคตรเกลียดไอ้แก่หัวดิลโด้อย่างมินะโกโรชิจิโซเลยครับ อ่านคำพูดตอนมันทำท่าเยาะเย้ยยามาบูกิโอโตเมะในตอนนี้แล้วแทบอยากแล่นลงไปกระทืบมันตรงนั้นซะเองเลย เสียดายจริงๆ ที่ในเรื่องหลักริคุโอะฆ่ามันให้ตายสบายเกินไป + สะใจน้อยเกินไปนิด แอบอยากให้มันไม่ตายตอนโดนแทงตอนนั้นจริงแฮะ จะได้กลับมาให้ริคุโอะเชือดหนักๆ โหดๆ ทีหลังได้อีกครั้ง (แต่โหดไปในโชเน็นจัมป์ยุคนี้ก็คงไม่ได้อีกนั่นละนะ)

งานนี้รอดูตอนต่อๆ ไปกันละครับว่าริคุโอะจะแก้แค้นให้พ่อกับแม่เลี้ยงได้หรือไม่


ปล. - ว่าแต่แบบนี้ชักสงสัยขึ้นมาแล้วแฮะ ว่าลองมีคนรักที่ผูกพันกันอยู่ถึงขนาดนี้ (300 กว่าปีไม่ยอมแต่งงานใหม่จนมาแต่งกับแม่ริคุโอะ...ไม่รักกันจริงนี่ทนเป็นโสดไม่ได้ถึงขนาดนี้แน่) แล้วที่ริฮังแต่งงานกับวาคานะแม่ริคุโอะนั้นเพราะรักกันจริงหรือว่าเป็นการแต่งงานการเมืองเพราะโดนผู้บริหารคนอื่นกดดันมากันแน่



แถมท้ายด้วยภาพดอกยามาบูกิที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักระหว่างคุณพ่อริฮังกับคุณแม่ (เลี้ยง) ยามาบูกิโอโตเมะครับ :)

แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 53 07:56:31

แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 53 04:13:55

 
 

จากคุณ : Drake
เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 04:13:13




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com