365 วันแห่งรัก+Sasaki Fusai : อะไรยังไงกันหนอ ....... ชีวิตคู่
|
 |
ช่วงนี้มีโอกาสได้รับชมละครเรื่อง 365 วันแห่งรัก และ เข้าไปร่วมให้ความเห็นในหลายกระทู้ เขียนความเห็นไปเขียนความเห็นมาก็นึกถึงความคล้ายคลึงของ 365 วันแห่งรัก และ ละครญี่ปุ่นเรื่อง Sasaki fusai no jinki naki tatakai (ชื่อไทยว่า "สงครามหย่าไร้ปราณี") เข้าอย่างจัง อ่า .... ไม่เกี่ยวกับเรื่องก็อป ๆ ลอก ๆ อะไรอย่างนั้นหรอกนะคะ เพียงแต่รู้สึกว่าสองเรื่องนี้ต่างแนวต่างไสตล์ ละครของพี่ไทยนั้นเป็นดราม่า ละครของพี่ญี่ปุ่นนั้นเป็นคอเมดี้(แต่ก็มีฉากเรียกน้ำตา) อย่างไรก็ดีสองเรื่องนี้ตีแผ่สารพันปัญหาการแต่งงานได้ไม่ต่างกัน
วันนี้ก็เลยอยากจะมาวิเค(ร)าะ(ห์) วิแคะ ชีวิตคู่ผ่านละครสองเรื่องตามประสาสาวโสดซักนิดค่ะ นอกจากนั้นก็อยากจะแสดงความเห็น(ล่าช้า) ในประเด็นที่เพื่อนสมาชิกตั้งกระทู้ผ่านตา เช่น เห็นกระทู้นึงน่าจะนานพอควรแล้วบอกว่าดูละครเรื่องนี้แล้วไม่อยากแต่งงาน บางกระทู้ตั้งคำถามว่ามใครผิดมากกว่ากัน (อันนี้ได้มีส่วนร่วมในการตอบคำถามไปแล้วแต่นั่งคิดนอนคิดก็เกิดแง่มุม ใหม่ที่อยากแชร์) บ้างก็ถามว่าคนนิสัยอย่างลัลกับตุลย์อยู่ด้วยกันได้เร้อ หรือ จะทำอย่างไรจะแก้ปัญหาให้ลัลกับตุลย์ได้ เป็นต้นค่ะ
ละครสองเรื่องกับความเหมือนที่แตกต่าง
จุดเหมือนที่เห็นได้ชัดของละครสองเรื่องนี้ คือ ความต่าง ความแตกต่างชนิดขาวกับดำในนิสัยวิถีการดำเนินชีวิตระบบความคิดทุกสิ่งอย่างของคู่สมรส ลัลนารีร้อนเป็นไฟ คิดอะไรแสดงออกไม่มียั้ง ขณะที่ตุลาเย็นเยี่ยงน้ำแข็ง คดอะไรไม่มีพูด อีกฝ่ายเชิญเดาเอาเองนะ ส่วนฝ่ายญี่ปุ่น ซาซากิ โนริมิ เจ้าระเบียบ รักสะอาด ตรงเป็นไม้บรรทัด (เป็นทนายเหมือนคุณตุลาด้วยนะเออ) ส่วน ซาซากิ ริสึโกะ เฉี่ยวเปรี้ยว ไร้ระเบียบ ซกมกสุด ๆ และ ซิกแซกเก่งเป็นที่หนึ่ง
สิ่งที่ตามมาก็คือความต่างของทั้งสองนี้ทำให้ชีวิตคู่เกิดปัญหา อันนี้เดาได้ไม่ยากเป็นธรรมดาที่คนเราจะอึดอัดเมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ค้องรสนิยมของตนเอง เอ๊ะ ... แล้วทำไมมันมาแต่งงานกันได้ล่ะถ้างั้น ตรงนี้เรามีทฤษฎีค่ะ ที่เค้าเรียกว่า contrast harmony เขาว่าสิ่งที่แตกต่างกันมักจะถึงดูดเข้าหากัน ความต่างนั้นบางครั้งก็น่าสนใจกว่าความเหมือน ในเรื่อง sasaki fusai แสดงตรงนี้ไว้ชัดในฉากเริ่มที่สามีภรรยาซาซากิมาพบกัน
ซาซากิ โนริมิจิ เพิ่งถูกให้ออกจากสำนักงานทนายความ และ เซ็งชีวิตอย่างมาก เดินออกจากสำนักงานไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกหิวจึงเข้าไปในร้านอาหารของแม่ริสึโกะ โนริมิจิ สั่งซาลาเปามาทานกัดเข้าไปหนึ่งคำรู้สึกว่าไม่ถูกปากจึงบ่นออกมาเบา ๆ ริสึโกะได้ยินดังนั้นก็ยืนโชยุกับมายองเนสมาให้ พร้อมบอกว่าลองทานซาลาเปากับสองอย่างนี้สิ รสชาติจะดีขึ้น เป็นส่วนผสมที่แปลกประหลาดแต่ทานแล้วรู้สึกอร่อยขึ้นจริง ๆ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจึงผลิใบดอกผลนับแต่นั้น
หาก contrast harmony หรือจะอยู่ยืนยง ส่วนประกอบของชีวิตคู่นั้นต้องมีทั้งเหมือนและต่าง ซาลาเปากับมายองเนสและโชยุอาจอร่อยแปลกลิ้นในคราวแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปความอร่อยแปลกลิ้นนั้นอาจะกลายเป็นเพียงความผิดที่ผิดทาง เพราะ คนเราถูกเลี้ยงอบรมมาไม่เหมือนกัน คิดไม่เหมือนกัน และ มักจะยึติดความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ การนำคนสองคนที่แตกต่างทั้งความคิด และ นิสัย มาอยู่ด้วยกัน จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้าลำบาก ขนาดคนที่แนวความคิดคล้าย ๆ กันมาอยู่ด้วยกันยังต้องมีการปรับตัว นับประสาอะไรกับคนที่ต่าง
แรกเจอกันคบกันเป็นแฟนไม่เหมือนการแต่งงาน ตุลย์อาจจะเห็นส่วนหนึ่งของลัลและคิดว่าตัวเองยอมรับได้ เหมือนโนริมิจิเห็นความโก๊ะกังไร้ระเบียบของริสึโกะก็รู้สึกว่าน่ารักดี แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ นาน ๆ เข้ากลับทำให้เกิดปัญหา ในส่วนของลัลกับตุลย์ยิ่งแล้วใหญ่เพราะรายนั้นทั้งศึกนอกศึกในปั่นป่วนวุ่นวาย เมื่อบวกกับนิสัยที่แท้จริงปรากฎออกมา และ ต้องอยู่ด้วยกันลำพัง ไม่มีที่ให้หันหลังกลับ มีแต่ต้องดาหน้าเผชิญปัญหา เช่นนี้แล้วจะทำอย่างไร
ละครสองเรื่อง : ชีวิตคู่ และ การ approach ปัญหา
ละครทั้งสองเรื่องแสดงให้เห็นแนวทางการ approach ปัญหาที่เกิดในชีวิตคู่ของตัวละครที่ใช้วิธีการที่แตกต่างกันไป
ลัลนารี : ผู้หญิงอารมณ์แรง วูบวาบ ขึ้นลง วิธีการแก้ปัญหาของลัลนารีเหมือนคลื่นในทะเลเวลาเกิดพายุ ซัดทุกปัญหาด้วยความเร็ว แรงและกวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างจมหายไปพร้อมกันรวมทั้งตัวเอง วิธีการนี้จริง ๆ มีส่วนดี คือ แสดงออกทุกอย่างเคลียร์ ๆ ว่ารู้สึกอย่างไร แต่ส่วนที่เสียคือจะทำให้ตัวเองดูเหมือนคนบ้าไร้สติขาดวุฒิภาวะ ก่อเกิดความระอาให้กับคนรอบข้าง นอกจากนั้นยังมีผลเสียกับตัวเอง เมื่อกล่าวถึงคลื่นก็คงจะรู้ซัดสาดขึ้นลงจิตใจจะว้าวุ่นสับสน ทำให้เครียดได้ง่าย และ ไม่นิ่งพอที่จะแก้ปัญหาให้ตรงจุด
ตุลา : ผู้ชายอารมณ์นิ่ง วิธีการแก้ปัญหาของตุลาคือการทำตัวเป็นก้อนหิน นิ่งอย่างเดียว อาจจะถือคติรักยาวให้บั่นรักสั่นให้ต่อ ความหมายก็คือถ้ารักจริงเวลาทุ่มเถียงทะเลาะอย่าได้ต่อความยาวสาวความยืด แต่ส่วนตัวแล้วตุลาน่าจะตีความหมายผิด เพราะ การไม่พูดอะไรเลยนั้นยิ่งกว่าต่อความยาวสาวความยืด การพูดยังรู้ว่าคิดอะไร แต่ไม่พูดไม่รู้เลยว่ารู้สึกแบบไหน ตุลาคาดหวังให้ลัลเข้าใจโดยตัวเองไม่พูดแต่จะเป็นไปได้อย่างไรยกเว้นสือสารกันได้ด้วยโทรจิต
ซาซากิ โนริมิจิ : โนริมิจิไม่ได้ทำตัวเป็นต้นไม้ การแก้ปัญหาของโนริมิจิ คือ ลงมือจัดการโดยขาดศิลปะเรื่องขอความร่วมมือ เมื่อปัญหามาโนริมิจิไม่นิ่งเฉยแต่จะจัดการทำด้วยตัวเอง ไม่ขอความเห็นใคร เรื่องเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในบ้าน ใครจะล้างจาน ใครจะซักผ้า โนริมิจิเป็นคนเจ้าระเบียบ เห็นของวางทิ้งเกลี่อนกลาด ก็ลงมือทำเอง แต่หนัก ๆ เข้าไม่ขอความร่วมมือจากริสึโกะ อีกฝ่ายก็เห็นเป็นความเคยชิน ก็ไม่ได้บอกว่ามันผิด ดังนั้นอีกฝ่ายเคยชินอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ความห่างเหินแตกร้าวจึงเกิดขึ้นจนระเบิดเป็นสงครามหย่าร้างในทีสุดโดยไม่จำเป็นต้องมีมือที่สามเป็นตัวเร่งปฏิกริยาแต่อย่างใด
ซาซากิ ริสึโกะ : ผู้หญิงไร้ระเบียบที่ไม่ละเอียดอ่อนพอจะมองเห็นปัญหา เพราะ เธอมองไม่เห็นปัญหาจึงไม่คิดว่าจะต้องมีอะไรให้แก้ไข ทำตามใจตัวเอง นึกจะมาก็ไป นึกจะไปก็ไป จะเมาหัวราน้ำยังไงก็ได้ ไม่ละเอียดอ่อนพอจะรู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงในบ้านของตัวเอง สุดท้ายจึงไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่ผิดเมื่อต้องเข้าสู่กระบวนการหย่าร้าง
ละครสองเรื่อง และ ปัญหาใหญ่ : ไม่พูด ไม่ฟัง ไม่ปรับตัว ไม่เข้าใจ
คนสองคนมาอยู่ด้วยกันจากที่เคยเรียนรู้กันมาระยะหนึ่งมักเกิดความคาดหวังต่าง ๆ นานา บ้างคิดว่าก็คบมากันมาพอสมควรก็ต้องรับได้ทุกอย่างสิว่า "ฉันเป็นแบบนี้" ต้องเข้าใจสิว่า "ฉันเป็นแบบนี้" ต้องปรับตัวเข้าหาฉันสิก็ "ฉันเป็นแบบนี้" ทำไมต้องพูดด้วยล่ะ ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า "ฉันเป็นแบบนี้"
อย่างที่เคยเขียนชีวิตคู่ไม่ใช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่น้ำร้อนกินได้ในสามนาที ชีวิตคู่ต้องมีการปรับตัว มีความอดทน มีความเข้าใจ มีอะไรหลาย ๆ อย่างรวมกันแบบที่คนสองคนตกลงใจจะใช้ชีวิตร่วมกันพึงกระทำ
การไม่พูดนอกจากจะไม่แก้ปัญหาแล้ว ยังเป็นการหนีปัญหา แต่พูดมากเกินไปแรงเกินไปก็ทำให้ไฟยิ่งลุกลาม ไม่ปรับตัวเข้าหากันความสัมพันธ์ก็ยิ่งแตกร้าว และ นำไปสู่ความไม่เข้าใจกันซึ่งเป็นระยะสุดท้ายก่อนการแยกทาง
]ละครสองเรื่องกับการแก้ปัญหา : เปลี่ยนวิธีการ Approach ปัญหาซะใหม่
ลัลนารี : ธรรมชาติของลัลเป็นเหมือนน้ำ วูบวาบขึ้นลงเหมือนคลื่น แต่แทนที่จะม้วนทุกสิ่งลงทะเล ก็ตั้งสติให้ตัวเองเหมือนน้ำนิ่ง แต่คงลักษณะยืดยุ่น ผ่อนสั้นและยาว พูดน้อยลง ฟังมากขึ้น คิดมากขึ้น ถ้าลัลนิ่งตุลย์ก็จะไม่เหมือนถูกบีบแบบนี้ ไม่มีใครต้องเหนื่อย
ตุลา : ธรรมชาติของตุลย์คือความนิ่ง แต่อย่านิ่งเหมือนก้อนหิน ให้นิ่งเหมือนต้นไม้ แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา ร่มเย็น แต่อย่าเย็นชา เป็นที่พึ่งพา แต่อย่าให้คนอื่นพึงพิง และ ถ้าเลือกจะเป็นแบบนั้นต้องให้เท่าเทียมกันทั้งคนใน และ คนนอก ตุลย์ละเอียดอ่อนแต่ไม่รอบคอบ แก้ปัญหาให้คนอื่น เข้าใจคนอื่นได้ แต่ไม่ระวังว่าคนใกล้ตัวจะระแวง ดังนั้นต้องเปลี่ยนวิธีแก้ปัญหาเสียใหม่
ซาซากิ โนริมิจิ : คิดใหม่ทำใหม่ พยายามหา co-operation ถามความเห็นให้คนใกล้ตัวมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา อย่าคิดเองเออเองทำเองทุกอย่าง เพราะ อยู่กันเป็นครอบครัว มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน พอใจก็เอ่ยชม ไม่พอใจก็ต้องเอ่ยปาก อย่าเงียบแต่ก็อย่าประชดประชัน
ซาซากิ ริสึโกะ : คิดใหม่ทำใหม่ เอาใจเขามาใส่ใจเรา สังเกตบรรยากาศรอบตัว มีพื้นที่ให้ตัวเอง ก็อย่าลืมแบ่งพื่้นที่ให้คนใกล้ตัวบ้าง เพิ่มความละเอียดอ่อนรอบคอบ เรื่องบางเรื่องถึงไม่บอกก็ควรรู้ เพราะ อีกฝ่ายเป็นคนสำคัญที่เราตกลงปลงใจใช้ชีวิตด้วย
ประเด็นคำถามที่อยากแชร์ความเห็น
1. ใครกันหรือผิดมากกว่า
จริง ๆ ได้ตอบไปแล้วนะ ว่าผิดพอ ๆ กัน แต่ไปนั่งคิดนอนคิดอยู่ก็รู้สึกว่า คำถามนี้ดูเป็นคำถามธรรมดาที่คนมักจะถามกันเมื่อเกิดปัญหาในครอบครัว ซึ่งนั่งคิดนอนคิดไปอีกทีก็เกิดความรู้สึกว่า เพราะ ตั้งคำถามแบบนี้รึเปล่านะปัญหา(ในชีวิตจริง)จึงไม่ค่อยจะจบ มีประโยชน์อะไรที่จะถามหากตัวคนผิด และ ยิ่งแล้วใหญ่ที่จะถามว่าใครผิดมากกว่า เอากันตามจริงใครจะยอมรับล่ะว่าตัวเองผิด และ ใครจะโทษตัวเองว่าผิดมากกว่า ดังนั้นเราว่าหากตามชีวิตจริงแทนที่คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาจะเป็นการโทษว่าใครผิด น่าจะแทนที่ด้วยคำถามที่ว่า "เราจะแก้ปัญหาอย่างไร" จะดีกว่า
2. เห็นละครเรื่องนี้แล้วไม่อยากแต่งงาน
ส่วนตัวเราเชื่อว่า สติมาปัญญาเกิด (สติเตลิดปัญหาเกิดทันที) การที่ชีวิตแต่งงานจะประสบความสำเร็จหรือไม่ มีหลายปัจจัย คู่ที่นิสัยเหมือนกันก็ใช่ว่าจะอยู่กันยืด คู่ที่ต่างกันสุดขั้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะลงเอยด้วยการแยกทาง อยู่ที่การแก้ปัญหาของแต่ละคู่มากกว่า ถ้าตั้งสติก่อนสตาร์ทอุบัติเหตุก็ไม่เกิด หรือ ถ้าแม้ปัญหามันดันจะเกิดไม่ว่าจะจากปัจจัยภายใน(นิสัย การใช้ชีวิต ฯลฯ) หรือ ปัจจัยภายนอก (มือที่สาม กิ๊ก ฯลฯ) เช่นเดียวกันถ้ามีสติซะอย่างทุกปัญหาย่อมมีทางออกค่ะ
เวิ่นเว้อมาซะนาน ได้สาระอะไรกับเค้าบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้เนอะ แหะ ๆ สุดท้ายนี้เนื่องจากเห็นคนอินกับเยอะ ก็ขอเป็นกำลังใจให้คู่สมรสทุกคู่ในการแก้ปัญหา และ ถึงทุกท่านที่โสดก็มีความหวังกันต่อไปนะคะ
ด้วยปรารถนาดี
สาวโสดคนหนึ่ง
จากคุณ |
:
วรินทร์รตา
|
เขียนเมื่อ |
:
28 พ.ย. 53 18:30:50
|
|
|
|