 |
แอ๊ด คาราบาว อุดมการณ์จอมปลอม
"มุนาฟิก" เป็นภาษาอาหรับ ความหมายเดียวกันกับสำนวนไทยว่า "หน้าไหว้หลังหลอก"
ซึ่งผมเชื่อว่าคงไม่น่าจะมีใครอยากคบคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้อย่างแน่นอน เพราะเราจะรู้ได้อย่างไงว่าคนประเภทนี้ เมื่อไหร่พูดจริง และเมื่อไหร่พูดไม่จริง วันนี้ว่าอย่าง และวันต่อไปจะว่ายังไง?.......................
ใช่ครับ แอ๊ด คาราบาว กำลังคืนคนที่ผมกำลังจะกล่าวถึง ผมไม่รู้ว่าสมควรหรือไม่ถ้าจะเรียก แอ๊ด คาราบาว ศิลปินอันดับต้นๆ ของเมืองไทยว่า "มุนาฟิก" (หน้าไหว้หลังหลอก) ต้องขออภัยแฟนเพลงของ นายแอ๊ด คาราบาว คนนี้ไว้ด้วยที่ผมสงสัยศิลปินในดวงใจท่านว่าเป็น "มุนาฟิก" (หน้าไหว้หลังหลอก)
อันที่จริงใครจะมีกมลสันดานอย่างไร ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับคนใครนักโดยเฉพาะผมเอง เพราะเป็นเรื่องสิทธิส่วนตัวของเค้า แต่ที่ต้องขอกล่าวถึง ก็เพราะเป็นบุคคลของสังคม และเกี่ยวข้องกับศาสนาที่ผมไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้
ในอดีตที่เคยโด่งดังในยุคที่ออกอัลบั้ม "เมดอินไทยแลนด์" ผมจำได้ว่าเยาวชนในยุคนั้นคลั่งไคล้มาก เนื้อหาเพลงดีครับ รณรงค์ให้คนกลับมาใช้ของไทย หันกลับมาสร้างค่านิยมไทยและภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย แต่.........ในขณะที่ยืนตะโกนร้องคอเป็นเอ็นอยู่บนเวที เกือบทุกเวที แฟนเพลงขาโจ๋หน้าเวทีต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พี่แอ๊ดแกร้องเพลงเมดอินไทยแลนด์ แต่พี่แอ๊ดกลับไม่ทำในสิ่งที่ร้องเลย เช่น รองเท้า...(ของต่างประเทศ) , กางเกง (ก็ของเมืองนอก) , บุหรี่ ที่วางบนไหล่ (ก็ของเมืองนอก) แล้วจะมาร้องให้คนหันมานิยมของไทยทำไมว่ะ แต่ก็ช่างมันเถอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา ว่าแล้วก็ดิ้นสนุกสนานกันต่อไป นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่น่าคิดว่า "มุนาฟิก" (หน้าไหว้หลังหลอก) หรือไม่?
ครั้งหนึ่ง แอ๊ด คาราบาว เคยให้สัมภาษณ์ ในหนังสือ Live & Family
คำถาม ... "คาราบาว ผูกพันกับจิตวิญญาณของชนชั้นล่าง ทุกวันนี้คุณแอ๊ดเห็นตัวตนของชนชั้นล่างไหมค่ะ ว่าเป็นอย่างไร ?"
แอ๊ดตอบ ... "ก็ยังลำบาก โดนเอาเปรียบทุกทาง มันเป็นธรรมดาที่บ้านเมืองปกครองด้วยระบอบนี้ ระบอบที่คนชั้นล่างเป็นเหยื่อ ตัวอย่างง่ายๆ คนที่เป็นกรรมกร วันหนึ่งต้องดูดบุหรี่ ต้องกินกระทิงแดง ทั้งๆ ที่ไม่มีประโยชน์เลย ถูกหลอกจนต้องติด ไม่มีใครให้การศึกษาเขาเลยว่า สิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ แล้วทำไมยังปล่อยให้ขายได้ขนาดนี้"
แต่วันนี้
ไฮไลท์ของเรื่องนี้ คือ วันหนึ่ง แอ๊ด คาราบาว เคยให้สัมภาษณ์ในหนังสือ Hamburger เหยียดหยามศักดิ์ศรีมุสลิมทั่วโลก
บทสัมภาษณ์ว่า " เพราะคนเราสมัยนี้ ไม่ค่อยเชื่อ ไม่เคารพความจริง แต่มักจะไปชอบไปเชื่อในความเชื่อมากกว่า เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง แต่ความจริง เรามีใครเคยเห็นพระเจ้าบ้าง ผมไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง หรือพระมูฮำหมัดมีจริง ผมว่าเป็นการอุปโลกขึ้นมาของมนุษย์เท่านั้น แต่ที่มีจริงก็คือ พวกศาสนิกทั้งหลาย :-)จ้องจะรบกันท่าเดียว รบเพื่อพระเจ้าของตัวเอง เขียนกันขึ้นมาเองแล้วก็ล่อกันเอง สร้างเรื่องกันเองแล้วก็เดินไปสู่มิตินั้น หยิบอาวุธขึ้นมาแล้วจะห้ำหั่นกัน ผมถึงคิดว่าพระเจ้าไม่มีหรอก แต่ศาสนาพุทธเนี่ย มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในพุทธกาล มีตัวจริง และแปลกไหมว่าถึงแม้ว่าความจริงจะเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนทั้งหลายก็มักจะชอบเชื่อเรื่องความเชื่อมากกว่า คิดแต่เรื่องความเชื่อ จนในที่สุดความจริงก็ไม่มีความหมาย เช่นเชื่อว่าห้อยพระองค์นี้แล้วเหนียวแคล้วคลาด แต่ไม่เคยดูความจริงเลยว่าพระมันจะมาช่วยได้ยังไงล่ะขนาดพระด้วยกันยังช่วยไม่ได้เลย หลวงพ่อคูณบอกว่า "กูก็โดดหนีตั้งแต่เห็น ขับ 140 แล้ว" เนี่ยเรื่องแบบนี้แหละที่ผมสนใจ"
หลังจากที่เริ่มมีข่าวแพร่กระจายอย่างกว้างขวาง จนในที่สุด สำนักจุฬาราชมณตรี ทนต่อพฤติกรรมที่เหยียดหยามชาวมุสลิมไม่ไหว จึงได้มีการออกแถลงการณ์ ประณามพฤติกรรมของ นายแอ๊ด คาราบาว และเมื่อ แอ๊ด คาราบาว ถูกต่อต้านมากขึ้น จึงออกแถลงการณ์ประกาศขอขมา แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ เพราะการกระทำเช่นนี้ ตามกฏหมายอิสลามโดยเฉพาะในประเทศที่ปกครองด้วยกฏหมายอิสลาม ต้องประหารชีวิตเท่านั้น แต่เนื่องจากอยู่ภายใต้กฏหมายรัฐธรรมนูญไทย ไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น เมื่อแอ๊ด คาราบาว ดูเหมือนจะไม่ได้รับการตอบรับจากคนมุสลิม สุดท้ายจึงได้ทำจดหมายประกาศเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม
จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ มุสลิมทั่วโลก ยึดหลักคำสอนของศาสนาเป็นสำคัญ โดยยึดตัวบทของศาสนาในการดำเนินชีวิต ซึ่งมีคำสอนไว้ว่า "มุสลิมเป็นพี่น้องกัน เปรียบประดุจเรือนร่างเดียวกัน ส่วนหนึ่งส่วนใดเจ็บปวด ส่วนอื่นๆ ต้องเจ็บปวดด้วย" การประกาศเข้ารับอิสลามของ นายแอ๊ด คาราบาว จึงเป็นสาเหตุให้ความร้อนในกลุ่มมุสลิมเริ่มทุเลาลงอย่างรวดเร็ว
ยังครับ ยังไม่จบเพียงแค่นี้ หลังจากที่ประกาศรับอิสลามแล้ว แอ๊ด คาราบาว ก็ได้ร่วมทำพิธีต่างๆ ในการสร้างวัตถุบูชา และยังเป็นคนสร้างสิ่งเหล่านั้นต่อไป อย่างมากมายและต่อเนื่อง และล่าสุดก็กำลังปล้ำกันอย่างเพลิดเพลินกับเจ้าสัวใหญ่คนดังแห่งค่ายยักษ์ ซึ่งการกระทำเช่นนั้น ตามหลักศาสนาอิสลามนั้น แอ๊ด คาราบาว ได้สิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิมแล้ว นอกเสียจาก แอ๊ด คาราบาว จะเขลาไป , รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่พอฟังได้บ้าง แต่ไม่มีใครรู้ถึงข้างในหัวใจ นายแอ๊ด ได้อย่างแน่นอนว่าทำเพราะอะไร? นอกจากพระเจ้าที่แท้จริงเท่านั้น และนายแอ๊ด เองคงต้องไปตอบคำถามนี้อย่างแน่นอน
ข้อสังเกตุ อุดมการณ์ของนายแอ๊ด คาราบาว ที่สามารถสังเกตุได้ด้วยตาเปล่า คือ
แต่งเพลง เมดอินไทยแลนด์ แต่มักนิยมใช้แต่ของนอก
อดีต เคยด่ากระทิงแดง ปัจจุบัน ขายคาราบาวแดง
(ผลประโยชน์มหาศาลเพราะหลังจาก คุณทักษิณ อดีตนายก ถูกยืดทรัพย์ ปัจจุบันมหาเศรษฐี หมายเลข 1 ของไทยคือเจ้าของกระทิงแดง)
อดีต เคยด่าอิสลาม ต่อมา เข้ารับอิสลาม
อดีต เคยด่าเรื่องห้อยพระ สุดท้ายก็ทำจตุคามขาย
(รายได้จากการทำจตุคามมหาศาลและเป็นกอบเป็นกำ)
นี่แหละครับ อุดมการณ์ของ แอ๊ด คาราบาว แปลกไม๊ครับถ้าจะมีใครบางคนสงสัยพฤติกรรมของศิลปินเพื่อชีวิตตัวเองคนนี้ว่า เป็น
"มุนาฟิก (หน้าไหว้หลังหลอก)
วัลลอฮุอะอฺลัม
จากคุณ |
:
แอ๊ด คาราบาว อุดมการณ์จอมปลอม (khajohnsak S1071)
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ธ.ค. 53 08:03:04
|
|
|
|
 |