Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกจากสายตา :: The Next Three Days :: สนุึกได้ ไม่ต้องตูมตาม ติดต่อทีมงาน

"หนึ่งปีที่แล้ว"
ผมไม่รู้จะตอบอย่างไร เวลามีคนมาถามว่า "หนังเรื่องนี้สนุกไหม"
เพราะผมไม่รู้ว่า "สนุก" ของเขาหมายถึงอะไร
มันจะเป็น "สนุก" ตัวเดียวกับ "สนุก" ของผมหรือเปล่า
ผมเคยแนะนำให้คนไปดู The Dark Knight เพราะผมคิดว่ามันสนุก
หลังจากดูจบ ผมถามเขาว่าสนุกไหม เขาตอบว่า "ไม่สนุก"
ผมถามต่อว่า ทำไมเขาถึงบอกว่าไม่สนุก
คำตอบของเขาคือ "มันยิงกันน้อยไป ไม่ค่อยมีอะไรระเบิดตูมตาม"
ก็ถึงได้รู้ว่านิยามความสนุกของแต่ละคน มันยากจะอธิบายจริงๆ

"หนึ่งเดือนที่แล้ว"
ผมได้ดู UNSTOPPABLE ที่ดูท่าทางน่าจะ "สนุก"
หนังที่ว่าด้วยรถไฟที่บรรทุกสารไวไฟเต็มขบวนเกิดวิ่งไปเต็มขีดความเร็ว
ไม่มีเบรกลม ไม่มีคนขับ ไม่มีวิธีหยุด
หนังมีกรอบเนื้อเรื่องที่ใหญ่โตมาก เมื่อดูจากเงื่อนไขและวิธีที่จะใช้หยุดรถไฟ
คือการนำรถไฟอีกขบวนไปดึงให้ช้าลงก่อนที่ขบวนอันตรายจะเข้าเขตชุมชุน
ถ้าหยุดไม่ทัน เมืองทั้งเมืองจะถูกเผาเป็นจุล
ระหว่างที่ดูไปเรื่อยๆ เราก็จะได้เห็นรถไฟวิ่งชนรถยนต์กระจายบ้าง,
รถไฟอีกขบวนที่คิดจะมาเบรก แต่สุดท้ายก็โดนบี้เละไปบ้าง,
รถไฟที่วิ่งสวนกัน หลบได้ทันแบบเส้นยาแดงผ่าแปดบ้าง
กล่าวคือ มีหลายฉากที่ทำให้หนังดูเหมือนจะ "สนุก"
แต่พอดูจนจบ ผมก็รู้สึกว่า มัน "ไม่สนุก"
เหตุผลของผมคือ จริงอยู่ที่หนังยกตัวอย่างให้เห็นว่าถ้าหยุดไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แต่แผนการช่วยเหลือของทีมพระเอก มีอยู่แผนเดียวอยู่แล้วตั้งแต่ต้น
ที่ต้องทำก็แค่ขับรถไฟวิ่งไล่ให้ทัน
พร้อมกับพร่ำเพ้อถึงปัญหาครอบครัวให้กันและกันฟังระหว่างขับรถไฟ
หนังเสียเวลาตรงจุดนี้ไปเป็นชั่วโมง เพื่อแสดงให้เห็น 20 นาทีสุดท้าย
เพราะพอพอไล่ทัน พระเอกคนหนุ่้มก็หาทางไปหยุดรถไฟไว้ได้ทันเวลา
แค่นั้น จบ

"หนึ่งอาทิตย์ที่แล้ว"
ผมพยายามคิดหาเหตุผลที่หนังเรื่องนี้จะสนุก
เพราะถ้าเทียบในนิยามเดียวกับ UNSTOPPABLE ดูท่าทางจะลำบาก
ขนาด UNSTOPPABLE มีเงื่อนไขทั้งความเร็วของรถไฟ,
อุบัติเหตุ, การระเบิด, ข้อจำกัดด้านเวลา, ฯลฯ
ผมก็ยังไม่รู้สึกว่ามัน "สนุก"
แล้วหนังที่มีแค่ผู้ชายหนึ่งคนพยายามคิดแผนแหกคุกให้เมียตัวเอง
ไม่มีระเบิดตูมตาม ไม่มีการยิงกัน ไม่มีเอฟเฟคอลังการ
มันจะสนุกที่ตรงไหนกัน?

"หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว"
ผมเดินออกจากโรงหนัง พร้อมกับคำถามเดิมๆ ที่วนเวียนอยู่ในหัว
พยายามนึกถึงคำตอบ หากมีใครถามว่าหนังเรื่องนี้สนุกไหม
หนังดราม่า ตำรวจไล่จับผู้ร้ายแหกคุก ที่มีฉากยิงกันแทบนับเม็ดกระสุนได้
ทั้งเรื่องมีคนตายสามคน แถมไม่ได้เป็นสาระสำคัญของเรื่อง
ไม่มีการซิ่งรถเฟี้ยวฟ้าวไล่ล่ากันแบบลืมหายใจบนท้องถนนให้เห็น
ผมใช้เวลานึกอยู่ไม่นาน ก็พบคำตอบให้ตัวเองในที่สุด
ถ้ามีใครถามว่าหนังเรื่องนี้สนุกไหม
ผมจะตอบไปว่า "สนุก"
หนังเรื่องนี้มีชื่อที่แปลตรงๆ เป็นภาษาไทยว่า

"สามวันต่อมา"


The Next Three Days ในแง่มุมของภาพยนตร์ ::

แค่นึกถึงเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับการพยายามวา่งแผนแหกคุก
เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงฉากไล่ล่าอันน่าตื่นเต้น
หรืออาจจะเป็นสารพัดอาวุธที่แต่ละฝ่ายเตรียมไว้เผื่อต้องปะทะกัน
หรืออาจจะเป็นการระเบิดคุกเพื่อช่วยเพื่อนพ้องออกมา
ซึ่ง The Next Three Days ไม่ได้มีฉากเหล่านั้นประกอบอยู่เลย

แต่สาเหตุที่ทำให้ The Next Three Days ดูสนุกและน่าติดตาม
เพราะเงื่อนไขที่หนังทิ้งไว้ระหว่างทางตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงตอนจบ
เมื่อครอบครัวเล็กๆ ที่มีแค่ พ่อ แม่ และลูกชาย ครอบครัวหนึ่ง
จู่ๆ แม่ก็ถูกตั้งข้อหาว่าเป็นฆาตกร ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
หลักฐานมัดตัวแน่นหนา ทั้งคราบเลือดบนเสื้อและรอยนิ้วมือที่อาวุธ
ตัวสามีพยายามใช้กระบวนการทางกฏหมายเข้าต่อสู้
แต่ทนายก็ยืนยันว่าหลักฐานแน่นมาก พร้อมทั้งภรรยาเองก็ไม่มีทีท่าปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ
เ็ป็นคำถามแรกที่หนังโยนให้คนดูต้องคิดตามไป ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นฆาตกรจริงหรือเปล่า

แต่เมื่อหลักฐานเท่าที่มีได้มัดตัวภรรยาของเขาแน่น จนแม้แต่ทนายก็ถอดใจ
สามีก็พร้อมจะเล่นนอกกฏหมายด้วยการหาทางช่วยภรรยาแหกคุกให้ได้
หนังเข้าสู่ช่วงของการเตรียมแผนแหกคุก ซึ่งก็ยังดูธรรมดาเอามากๆ
ทั้งการขอคำปรึกษาจากคนที่เคยแหกคุกได้หลายครั้ง,
การไปหาอาวุธ, เอกสารปลอมเพื่อหลบหนีออกนอกประเทศ
ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ต้องเห็นในการวางแผนแหกคุกอยู่แล้ว
ซึ่งหนังใช้เวลากับจุดนี้ไปเกินครึ่งหนึ่งของเวลาทั้งหมด
ยอมรับว่าตอนที่ดูอยู่ ผมก็ยังคิดว่ามันค่อนข้างน่าเบื่อ
เพราะคำถามที่สองที่เกิดขึ้นคือ แล้วมันจะสำเร็จได้อย่างไร
ในเมื่อผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นอดีตนาวิกโยธิน หรือผู้เชี่ยวชาญการสู้รบแต่อย่างใด
แถมเป็นเพียงแค่ครูมัธยมลูกติด ที่แม้แต่เอากระสุนใส่ปืนยังทำไม่เป็น
ผมมองภาพไม่ออกจริงๆ ว่าครอบครัวนี้จะแหกคุกออกมาอยู่พร้อมหน้ากันได้อย่างไร

แต่ท้า่ยที่สุด เมื่อแผนการทั้งหมดเริ่มเดินไปตามที่ถูกวางไว้
ความตื่นเต้นและลุ้นระทึกก็ถูกโยนใส่คนดูทัีนที
โดยที่คำถามว่าภรรยาเป็นคนฆ่าจริงหรือไม่ ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
รู้แค่ว่าสามีไม่สนใจแล้ว แต่จะพาภรรยาของตนหนีไปให้ได้
แผนแต่ละขั้นตอนที่วางไว้เป็นอย่างดี ค่อยๆ ทำหน้าที่ของมันไปเรื่อยๆ
จากที่ไม่เชื่อว่าการแหกคุกจะเกิดขึ้นได้จริง แต่เมื่อเห็นแผนที่วางไว้ ก็ต้องเปลี่ยนความคิด
เพราะแผนการนี้ถูกคิดมาอย่างรอบคอบด้วยเหตุผล ไม่ได้คิดขึ้นมาจากอารมณ์
จนบางช่วงเอง เชื่อว่าคนดูยังต้องแอบแช่งให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นบ้าง
เพื่อที่จะดูวิธีแก้ปัญหาของทั้งคู่


สิ่งที่ชอบ ::

-แผนการของตัวสามี ที่วางไว้อย่างรอบคอบจริงๆ
แม้จะมีผิดแผนออกนอกกรอบไปบ้าง แต่ก็ยังประคองกลับมาอยู่ในเส้นทางได้อย่างน่าทึ่ง

-วิธีการดำเนินเรื่องของหนัง ที่ถึงแม้ช่วงแรกจะอืดอาดไปบ้าง
แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงสำคัญของเรื่อง หนังกลับดำเนินเรื่องได้ลื่นไหล น่าติดตามมาก
อีกทั้งยังเป็นการพิสูจน์ว่า หนังที่สนุก ไม่จำเป็นต้องอาศัยเอฟเฟคใหญ่โต,
ฉากไล่ล่า, ยิงกันกระจายเป็นพายุ แต่อย่างใด
ขอแค่เนื้อเรื่องที่ดี บวกกับการเล่าเรื่องที่เหมาะสม
ก็ทำให้หนังดูสนุก และน่าติดตามได้ตลอดทั้งเรื่องแล้ว

-ใช่ว่าจะมีแต่ฉากลุ้นระทึก แต่ฉากซึ้งประทับใจก็มีอยู่
ถึงจะเป็นแค่ฉากเล็กๆ สั้นๆ แต่ก็เป็นฉากที่มีคุณค่าที่สุดฉากหนึ่งของเรื่อง
เมื่อการแหกคุกครั้งนี้หมายถึงการต้องทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง
ทุกอย่าง แม้แต่ครอบครัวของตัวเอง
เป็นแผนการที่บอกใครไม่ได้ หากไม่อยากให้เจ้าตัวเดือดร้อน
แต่เพียงพ่อของสามีเปิดกระเป๋าแล้วเจอตั๋วเครื่องบินสามใบ
ก็เดาได้ไม่ยากว่าลูกชายตัวเองคงเตรียมทำอะไรสักอย่างแล้ว
ฉากร่ำลากัน ไม่้ต้องมีถ้อยคำซึ้งๆ ไม่มีการอาลัยอาวรณ์
เพียงแค่ชายชรายื่นมือให้จับอย่างมั่นคง ตามด้วยการตบไหล่อย่างเข้าอกเข้าใจ
ทำให้ฉากอำลาครอบครัวดูแข็งแรงและหนักแน่นด้วยอารมณ์อย่างแท้จริง


สิ่งที่ไม่ชอบ ::

-ช่วงแรกหนังเดินเรื่องค่อนข้างอืด และน่าเบื่อ
เมื่อคำถามหลักว่าภรรยาเป็นฆาตกรจริงหรือไม่ ไม่มีวี่แววว่าจะได้คำตอบ
เพราะถึงหลักฐานจะมัดแน่น แถมทนายยังถอดใจ
แต่คนดูก็ยังไม่้ได้คำตอบที่แท้จริงว่าตกลงเป็นอย่างไร
โชคดีที่หนังเบี่ยงจุดสนใจเรื่องนี้ไปสู่แผนการแหกคุกได้เร็ว
และถึงจะให้อภัยได้เพราะครึ่งหลังที่เดินเรื่องได้ดี
แต่ถ้าปรับปรุงช่วงแรกๆ ได้ หนังจะน่าสนใจกว่านี้มาก

ควรไปดูไหม ::

คงลำบากถ้าจะบอกว่า อยากให้ได้ไปดูกันจริงๆ
เพราะหนังฉายแบบจำกัดโรง ทั้งประเทศฉายที่ลิโด้ที่เดียว
และคงไม่ใช่ทุกคนที่จะเดินทางไปที่สยามได้อย่างสะดวกนัก
เอาเป็นว่า มันเป็นหนังที่คนไร้อารมณ์อย่างผมคิดว่าสนุก
มันก็น่าจะสนุกมากพอสำหรับคนอื่นๆ
ไว้รอตอนแผ่นออกก็อยากให้ลองหามาชมกันดู
อยากให้เห็นว่าแผนการของพระเอกนั้น ดำเนินไปอย่างน่าทึ่งจริงๆ
และมันทำให้ The Next Three Days "สนุก" จริงๆ.

 
 

จากคุณ : parawarm
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 17:23:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com