ตามด้วยคลิป การมองเห็นด้วยสมองส่วนกลาง โดยการทายสี ด้วยการคลำลูกปัดในถุง ในส่วนที่ไม่ได้ออกอากาศ ออกไป เพื่อให้เพื่อนๆ ได้รับทราบบรรยากาศในการทดสอบ ว่าทางเรามีการกดดันเด็ก เหมือนที่ฝ่ายที่ทำการทดสอบแล้วทำไม่ได้ กล่าวอ้างหรือไม่
ตลอดจนการอ้างขอเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ หลังทดสอบไม่ผ่าน ซึ่งต่อมา มีการต่อรองไป จนถึงการขอลดไฟในห้องบันทึก ไปจนถึงการย้ายห้องบันทึก แม้แต่กระทั่งให้ผมออกจากห้องบันทึก แต่ทำแล้วก็ยังไม่ผ่าน
รวมทั้งหลังจากทายผิด ก็มีการอ้างว่าลูกปัด มันสะท้อนแสงอยู่รวมกัน แล้ว ทายไม่ได้ (ทั้งที่ลูกปัดตัวอย่างที่เค้าบอกว่าเด็กซ้อมกันอยู่ นั้น ก็สะท้อนแสง มากกว่าเรา และเม็ดเล็กดูยากกว่าของเรา ซึ่งตอนแรกที่ขอดูอุปกรณ์ เค้าบอกว่าจิ๊บจ๊อยเด็กเค้าทำได้แน่นอน เหมือนในคลิป นี้ )
http://www.youtube.com/watch?v=6-HqSPwMQLY&feature=player_embedded
แต่เมื่อมีการอ้างขึ้นมา
เพื่อปิดข้ออ้าง เราก็ยอมผ่อนผันแก้ไข โดยแยกให้ทายทีล่ะลูก แต่ก็ยังทายไม่ได้อยู่ดี
และจุดสังเกตุอย่างที่บอก ถ้าดูในรายการ ก็คือ ตอนลูกปัดอยู่ในถุง เด็กบางคน คลำนาน หลายๆนาที ทายไม่ได้ แต่พอพ้นปากถุงออกมา รู้ทันทีว่าผิดหรือ แม้แต่บางคน บอกสีได้เลย
รวมไปถึงการ ชี้นิ้วบอกลูกปัดที่วางเรียงนอกถุง นั้น ชี้ บอกสีได้ทันทีโดยไม่ต้องคลำไม่ต้องสัมผัส
สำหรับคนที่คลำนานสุด อย่างน้องผู้ชายคนแรกในคลิบนี้ คลำอยู่นานถึงแปดนาที แต่ในคลิปตัดภาพ ตอนน้องคลำอยู่นิ่งๆไม่มีอะไรออกไป เพื่อให้คลิปลดอยู่ในความยาวสูงสุด 15 นาทีของ You Tube)
จนกระทั่งช่วงท้ายน้อง ดึงมือออกมาเรื่อยๆ จนมือที่ถือลูกปัดนั้นเกิอบ พ้นกระเป๋ามาออกมาแล้ว และทางฝ่ายอาจารย์ใหญ่ของเค้าก็ใจดีช่วยขยับ เปิดฝากระเป๋าทีคลุมมือ ขึ้นมาให้แว๊บนึงเหมือนจัดฝากระเป๋าให้เข้าที่ ซึ่งการทำอย่างนั้น จากคลิปจะความเห็นว่ามันเท่ากับเปิดให้เด็กเห็นได้ ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม
(นาทีที่ 5:30 ของคลิปนี้ แต่เป็นราวๆ นาทีที่แปด ที่น้องเค้าคลำอยู่ในกระเป๋า แล้ว ผม นั่งสังเกต อยู่เงียบๆ ลองคิดดูว่า ถ้าไม่มีการเฝ้าสังเกตุอย่างใกล้ชิด มันจะทำให้เกิดการผิดพลาดของผลที่จะออกมาได้หรือไม่ )
ส่วนประเด็นเรื่องการปิดตา อย่างที่บอกเกมส์นี้เราคิดว่าลูกปัดอยู่ในถุง ดังนั้น แม่จะมีช่องมองลอดได้ อย่างไร ก็ตาม เราไม๋ซีเรียส แต่ น้องบางคน ร้องขอ ทดลองใช้แว่น ด้วยตัวเอง ก็เปิดให้ใช้ แต่ พอออกไปนอกห้อง กลับมีการ เรียกร้องขอน้ำแข็งประคบตา ว่าตาเจ็บ อะไรทำนองนี้ ให้เราดูเหมือนผู้ร้าย ทั้งที่บรรยากาศ จริงๆมันเป็นอย่างที่เห็น
ปล.ถ้าจะอ้าง ว่าตาเจ็บเพราะว่าการส่องไฟ ตรวจแว่น บอกไว้เลยครับ ว่า ผมตรวจสอบแว่นคนเดียว คือ น้องที่บิดรูบิก ลูกชายเจ้าของ ซึ่ง ตอนส่อง เค้าบอกไม่เห็นแสงแต่ อย่างใด แต่ พอหยุดส่อง จะเริ่มน้องเค้าทำการขยับหน้า ย่นคิ้ว ย่นตา และจมูกจนแว่นเกิดช่องโหว่ โดย ทางฝ่าย ครูที่สอนเค้าบอกว่า นั่นคือการหาคลื่น ทำให้ผมคิดว่าถ้าต้องทำจนเกิดช่องอย่างนั้น ตรงนี้ข้ามไปเลย ยกให้ไม่ต้องทดสอบแล้ว เพราะว่า มันมีช่องโหว่ และ คนนี้ ก็ไม่ใช่คนที่บ่นเจ็บตาด้วย
อยากบอกว่า เราแค่ต้องการพิสูจน์ความจริง ให้ เด็กๆ และ คนทั่วไปได้เห็น อย่าบิดเบือนให้ดูเหมือนเรา เป็นผู้ร้ายรังแกเด็ก 